การขยายพันธุ์พืช นั้น คือ กระบวนการที่จะเพาะพันธุ์เพื่อเพิ่มพันธุ์พืชแต่ละชนิดให้มีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น หรือเพิ่มผลผลิต การขยายพันธุ์พืชนั้นก็เพื่อให้มีพืชพันธุ์ที่เพียงพอและเพิ่มความสมบูรณ์ให้แก่ธรรมชาติ ไม่ให้สูญพันธุ์ไปตามกาลเวลา อีกทั้งยังเป็นการกระจายพันธุ์พืชให้กับชุมชน สถาบันการเพาะพันธุ์ธรรมชาติ หรืออุทยานต่างๆ เพื่อเพิ่มความสมบูรณ์คืนสู่ธรรมชาติ
การขยายพันธุ์พืช
การขยายพันธุ์พืช นั้น คือ การทำให้พืชแต่ละชนิดนั้นเพิ่มปริมาณขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันการสูญเสียไปตามกาลเวลาของพืช อีกทั้งยังเป็นการป้องกันการสูญพันธุ์ของพืชแต่ละชนิด เพื่อให้ดำรงอยู่ซึ่งตามธรรมชาติเป็นระยะเวลายาวนาน และมีต่อไปเรื่อยๆ
ในอดีตนั้นส่วนใหญ่แล้วการเพาะพันธุ์พืชนั้นจะเน้นเป็นการเพาะพันธุ์โดยการใช้เมล็ดเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบันการเพาะพันธุ์พืชนั้นมีวิธีการทำได้หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการตอนกิ่ง การติดตา การต่อกิ่ง การทาบกิ่ง และการชำ ซึ่งการเพาะแต่ละวิธีนั้นก็มีขั้นตอนที่แตกต่างออกไป และระยะเวลาการเติบโตก็จะรวดเร็วกว่าการเพาะแบบใช้เมล็ด แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับการปลูกพืชแต่ละชนิดว่ามีการเหมาะสมในการเพาะพันธุ์ในรูปแบบใด
การเพาะพันธุ์พืชนั้นก็เหมือนกับการปลูกพืช แต่เป็นการเพาะเพื่อรักษาความสมดุลของธรรมชาติในพืชแต่ละชนิดให้คงอยู่สืบต่อไป ทั้งนี้การเพาะพันธุ์พืชนั้นก็มีขั้นตอนและวิธีการเพาะที่แตกต่างกัน และระยะเวลาในการเพาะก็อาจจะไม่เท่ากัน คงบอกได้ว่าการเพาะพันธุ์พืชนั้นนอกจากจะช่วยในการเจริญเติบโตของพืชได้เร็วขึ้นแล้ว การรักษาพันธุ์พืชแต่ละชนิดให้คงอยู่นั้นก็เป็นปัจจัยที่สำคัญในการเพาะพันธุ์ รวมไปถึงการคืนพืชพันธุ์ให้กับธรรมชาติ อีกทั้งยังเป็นวิธีการปรับปรุงพืชอาจจะได้พืชที่มีสายพันธุ์แข็งแรงขึ้น แปลกใหม่ขึ้น และทนทานมากขึ้นก็ได้
ซึ่งความหมายของการขยายหรือเพาะพันธุ์พืชนั้นอาจจะมีหลากหลายความหมาย ซึ่งอาจจะหมายถึงกระบวนการเพิ่มหรือทำให้ปริมาณของพืชชนิดนั้นๆ เพิ่มขึ้น เพื่อให้สายพันธุ์ของพืชชนิดนั้นดำรงอยู่เพื่อไม่ให้เกิดการสูญพันธุ์ไปได้ ซึ่งก็จะรวมไปถึงการผลิตต้นพันธุ์เพื่อเชิงการค้าด้วย
นอกจากนี้การเพาะขยายพันธุ์พืชนั้นก็มีทั้งการตอนกิ่ง การทาบกิ่ง การชำ อื่นๆ เป็นต้น รวมไปถึงการเพาะขยายพันธุ์แบบใช้เพศก็สามารถทำได้เช่นกัน แต่พืชบางชนิดก็ไม่สามารถที่จะใช้วิธีการเพาะขยายพันธุ์แบบใช้เพศได้ โดยรวมแล้วการเพาะขยายพันธุ์พืชนั้นก็เพื่อเป็นการรักษาพืชพันธุ์ชนิดนั้นๆ ให้มีความคงอยู่ตราบนานเท่านาน ไม่ให้พืชชนิดนั้นสูญพันธุ์ไปตามกาลเวลา อีกทั้งยังช่วยให้การดำรงชีวิตของพืชตามธรรมชาติมีจำนวนที่เพิ่มมากขึ้น หรือก็คือการรักษาธรรมชาติให้มีความอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
ประเภทของการเพาะขยายพันธุ์พืช
หลักๆ แล้วนั้น การขยายพันธุ์พืช นั้นสามารถแบ่งย่อยออกเป็นหลายวิธีได้ แต่การเพาะขยายพันธุ์หลักๆ เลยจะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ
- การเพาะขยายพันธุ์พืชแบบอาศัยเพศ
- การเพาะขยายพันธุ์พืชแบบไม่อาศัยเพศ หรือการใช้ส่วนต่างๆ ของต้น
ขั้นตอนการเพาะขยายพันธุ์พืชแบบอาศัยเพศ
โดยการเพาะขยายพันธุ์พืชแบบอาศัยเพศนั้นส่วนใหญ่จะเป็นการเพาะขยายพันธุ์แบบการใช้เมล็ด โดยการใช้เมล็ดเป็นส่วนขยายที่เกิดจากการผสมระหว่างเพศผู้ คือ ละอองเกสร และเพศเมีย คือ เกสรตัวเมีย โดยการก่อให้เกิดการปฏิสนธิ แต่เมื่อนำเมล็ดแก่ไปเพาะจะได้เมล็ดที่มีการติดต้นพ่อและแม่มาด้วย
ซึ่งต้นที่เกิดใหม่นี้จะเหมือนต้นพ่อ ต้นแม่ ขนาดนั้นจะขึ้นอยู่กับยีน ซึ่งยีนจะเป็นเซลล์ที่เป็นตัวกำหนดพันธุ์จากพ่อและแม่พันธุ์ได้เป็นอย่างดี ซึ่งการเพาะขยายพันธุ์แบบอาศัยเพศนั้นเป็นการเพาะแบบธรรมชาติโดยใช้เมล็ดพันธุ์มาเป็นตัวช่วยในการเพาะ อาจจะเกิดต้นเดียวกัน หรือเกิดคนละต้นก็ได้
ข้อดีและข้อเสีย
ซึ่งการเพาะขยายพันธุ์นั้นก็จะมีข้อดีและข้อเสียที่ต่างกันออกไป คือ
–ข้อดี อาจจะแพร่พันธุ์ได้เร็ว มีระบบรากที่มีความแข็งแรง ได้พืชพันธุ์ที่มีความแข็งแรงและสมบูรณ์ สะดวกในการขนส่งไประยะทางที่ไกลๆ ได้ เมล็ดพันธุ์ใหม่จะมีการปรับสภาพแวดล้อมได้ดีกว่า อีกทั้งผลผลิตที่ได้อาจจะดีกว่าด้วย
–ข้อเสีย ทำให้ผลผลิตและการเจริญเติบโตที่ค่อนข้างช้า อีกทั้งอาจจะมีการกลายพันธุ์เกิดขึ้นได้ การเก็บรักษาที่ยากเพราะมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคได้ตลอดเวลา รวมไปถึงอาจจะส่งผลให้เมล็ดที่ยังไม่ได้มีการเพาะพันธุ์นั้นเกิดการเน่าเสียได้
ลักษณะของเมล็ดพันธุ์พืช
พืชแต่ละชนิดก็จะมีลักษณะเมล็ดที่แตกต่างกันออกไป โดยหลักๆ แล้วเมล็ดพันธุ์พืชจะมี 3 ลักษณะ ที่จำแนกได้ ดังนี้
1.แบบเปลือกหุ้มเมล็ด ซึ่งจะมีเปลือกหุ้มเพื่อคอยป้องกันโครงสร้างภายในไม่ให้โดนแมลงเจาะ หรือมีความเสียหายเกิดขึ้น เพราะถ้าส่วนภายในได้รับความเสียหายเนื้อเยื่อก็จะได้รับความเสียหายไปด้วย จะทำให้เพาะไม่ได้ หรือถ้าเพาะได้ก็จะได้ต้นที่ไม่แข็งแรง
2.แบบที่มีอาหารสะสมอยู่ในเมล็ดแล้ว ซึ่งแบบนี้จะมีการเก็บสะสมอาหารไว้ที่เนื้อเยื่อที่มีความแตกต่างกัน โดยอาหารจะมีการสะสมในรูปแบบแป้ง โปรตีน ฯลฯ เพื่อไว้ใช้ในการงอก และเลี้ยงต้นกล้าที่งอกใหม่ๆ ซึ่งเมล็ดพันธุ์แบบนี้จะให้ต้นกล้าที่มีความแข็งแรงและสมบูรณ์เมื่องอกออกมา
3.แบบคัพภะ ซึ่งเป็นส่วนที่มีความสำคัญมาก โดยจะมีราก ลำต้น และยอด เพื่อการงอกออกมาเป็นต้นพืชใหม่ แต่ถ้าคัพภะเมล็ดนั้นตายก็จะสามารถงอกต้นพันธุ์ขึ้นมาได้ ส่วนนี้จึงมีความสำคัญค่อนข้างมาก
เป็นการใช้ส่วนต่างๆ ของพืชพันธุ์ที่จะนำมาเพาะ แทนการเพาะพันธุ์แบบการใช้เมล็ดพันธุ์ โดยจะใช้วิธีการแบบปักชำ การทาบกิ่ง การติดตากิ่ง การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ฯลฯ ในการเพาะขยายพันธุ์พืชให้เจริญเติบโตซึ่งวิธีการแบบนี้จะทำให้พืชมีการเจริญเติบโตได้เร็วกว่าการเพาะขยายพันธุ์แบบใช้เมล็ด
ขั้นตอนการเพาะขยายพันธุ์พืชแบบไม่อาศัยเพศ
การปักชำกิ่ง
–การปักชำกิ่ง โดยการปักชำกิ่งนั้นเราควรจะเลือกกิ่งที่มีความกึ่งแก่ กึ่งอ่อน จะมีลักษณะที่เป็นสีเขียวปนน้ำตาล โดยความยาวนั้นจะอยู่ที่ 25-30 เซนติเมตร ซึ่งเป็นส่วนที่เหมาะสมสำหรับการนำมาปักชำ โดยการตัดส่วนโคนกิ่งใต้ข้อห่างประมาณ 1 เซนติเมตร การตัดนั้นควรตัดเป็นรูปปากฉลามเฉียงออกประมาณ 45 องศา โดยประมาณ หลังจากนั้นให้นำกิ่งที่ตัดมานำไปจุ่มสารละลายที่เร่งให้เกิดราก ผึ่งให้แห้งเล็กน้อย หลังจากนั้นให้นำกิ่งไปปักลงในถุงขี้เถ้าแกลบหรือถุงที่มีการเตรียมไว้ โดยทำมุมเอียงประมาณ 30 องศาแนวตั้งฉาก
พอผ่านไประยะเวลาประมาณ 1 เดือน กิ่งที่นำไปปักนั้นก็จะเริ่มแตกรากออกมา เมื่อกิ่งที่ปักแตกรากออกมาแล้วนั้นให้ทำการย้ายไปบรรจุลงในถุงดำ หรืออุปกรณ์ที่เตรียมปลูก หลังจากนั้นอีก 1-2 เดือน เมื่อได้ใบจากกิ่งที่ปักชำแล้วก็สามารถย้ายไปลงแปลงปลูกได้
การตอนกิ่ง
–การตอนกิ่ง คือ การทำให้พืชนั้นเกิดรากใหม่ขึ้นมาในสวนใดสวนหนึ่งที่ติดอยู่กับต้นแม่ หรือต้นหลัก คือ การทำให้เกิดรากพิเศษขึ้นมา เมื่อกิ่งที่นำมาติดกับต้นแม่นั้นออกรากดีแล้วก็ให้ทำการตัดกิ่งออกไปเพื่อเตรียมปลูก ซึ่งถ้าต้นพืชที่ปลูกและตั้งตัวได้ดีแล้วนั้นจะเติบโตเป็นต้นพืชต้นใหม่ได้ต่อไป ซึ่งวิธีการตอนกิ่งนี้ส่วนใหญ่แล้วจะนิยมทำกันเป็นอย่างมากในไม้ผล เพราะเป็นวิธีการที่สามารถทำได้ง่าย ไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังใช้อุปกรณ์ค่อนข้างน้อย จึงสะดวกแก่การทำเป็นอย่างมาก
การทาบกิ่ง
–การทาบกิ่ง โดยการทาบกิ่งนั้นจะนำพืชที่อยู่ในตระกูลเดียวกัน หรือเป็นชนิดเดียวกัน มาผูกติดกันไว้ ซึ่งพืชทั้งสองชนิดที่นำมาทาบนั้นจะต้องมีรากที่ติดอยู่ด้วย หลังจากเชื่อมต่อกันสนิทแล้ว และต้นตอนั้นมีรากที่พอดีแล้ว จึงจะทำการลงมาปักชำกิ่งต่อไปได้
การเสียบกิ่งหรือตัดต่อกิ่ง
–การเสียบกิ่งหรือตัดต่อกิ่ง จะเป็นการนำกิ่งพืชชนิดหนึ่งมาเสียบเข้ากับพืชอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งส่วนของพืชทั้งสองนั้นจะเริ่มเชื่อมประสานติดต่อกัน และจะเริ่มเจริญเติบโตเป็นพืชต้นใหม่ โดยส่วนที่อยู่ใต้รอยต่อนั้นจะทำหน้าที่ในการดูดน้ำขึ้นมาและดูดธาตุอาหาร ซึ่งจะเรียกว่า ต้นตอ ซึ่งอีกส่วนนั้นจะทำหน้าที่เป็นกิ่งสาขาที่ให้การเจริญเติบโตในส่วนของดอกและผลได้เร็วกว่ากิ่งพันธุ์ดี
การติดตา
–การติดตา เป็นวิธี การขยายพันธุ์พืช ที่นำเอาส่วนตาหรือกิ่งของพืชต้นหนึ่งซึ่งเป็นพืชพันธุ์ดีไปติดเข้ากับพืชอีกต้นหนึ่งเพื่อให้ตาของพืชเจริญเติบโตเป็นพืชต้นใหม่ต่อไป ส่วนต้นตอซึ่งทำหน้าที่เป็นระบบรากนั้น เป็นต้นพืชที่มีความแข็งแรง หาอาหารเก่ง เจริญเติบโตเร็ว ทนต่อสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมได้ดี พืชที่นิยมขยายพันธุ์ด้วยการติดตามีทั้งไม้ดอกไม้ประดับ และไม้ผล
ปัจจัยที่มี คือ การติดตาเป็นอีกวิธีหนึ่งที่มีความสำคัญทางด้านการช่วยเปลี่ยนยอดต้นพืชที่มีลักษณะไม่ดีให้เป็นพันธุ์ดีได้ ทำให้พันธุ์พืชมีความแข็งแรง ต้านทานศัตรู และความแห้งแล้งได้ดี เพราะมีต้นตอที่แข็งแรง สามารถขยายพันธุ์ได้จำนวนมาก เพราะกิ่งพันธุ์แต่ละกิ่งจะมีหลายตา
นอกจากนี้ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับพันธุ์ไม้ โดยเฉพาะการผลิตพืชแฟนซี ซึ่งเป็นพืชที่ให้ผลผลิตหลายอย่างในต้นเดียวกัน เช่น มะม่วงอกร่อง มะม่วงเขียวเสวย มะม่วงน้ำดอกไม้ ในต้นเดียวกัน หรือไม้ดอก เช่น กุหลาบ จะมีดอกหลายสีในต้นเดียวกัน ฯลฯ ทั้งนี้การติดตาสามารถทำได้สะดวก รวดเร็วโดยสามารถนำตาจากกิ่งพันธุ์ดีจากแหล่งหนึ่งไปทำการติดตาอีกแหล่งหนึ่งได้ แต่อาจต้องใช้เวลาในการบังคับและเลี้ยงตาใหม่ให้เป็นต้นพืชยาวนานกว่าการต่อกิ่ง
การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
–การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ คือ การนำพืชไม่ว่าจะเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของพืชมาทำการเพาะเลี้ยงภายใต้สภาวะปลอดเชื้อ โดยจะทำการเพาะขยายพันธุ์พืชในที่ปลอดเชื้อที่มีการกรองผ่านแผ่นกรองเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการปนเปื้อนจากเชื้อต่างๆ ที่อยู่ในอากาศ โดยการเพาะในลักษณะนี้จะเป็นการให้อาหารแบบสังเคราะห์ในภาชนะปิด ซึ่งมีการควบคุมอุณหภูมิและแสงให้อยู่สภาวะที่เหมาะสม ซึ่งอาจจะมีการเติมสารอาหารเพื่อควบคุมการเจริญเติบโตและวิตามินเข้าไปบ้างบางชนิด เพื่อให้การเพาะขยายพันธุ์สมบูรณ์มากที่สุด
ข้อดีของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ
1.สามารถผลิตต้นพืชได้ในปริมาณที่มากในระยะเวลาอันสั้น
2.ต้นพืชที่ผลิตได้จะปลอดโรค โดยเฉพาะโรคที่มีสาเหตุจากเชื้อไวรัส มายโคพลาสมา ด้วยการตัดเนื้อเยื่อเจริญที่อยู่บริเวณปลายยอดของลำต้น ซึ่งยังไม่มีท่อน้ำ ท่ออาหาร อันเป็นทางเคลื่อนย้ายของเชื้อโรค
3.ต้นพืชที่ผลิตได้ จะมีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนต้นแม่ คือ มีลักษณะตรงตามพันธุ์
4.ต้นพืชที่ผลิตได้จะมีขนาดสม่ำเสมอ ผลผลิตที่ได้มีมาตรฐาน และเก็บเกี่ยวได้ในเวลาเดียวกัน
5.เพื่อการเก็บรักษาหรือแลกเปลี่ยนพันธุ์พืชระหว่างประเทศ เช่น การมอบเชื้อพันธุ์กล้วยในสภาพปลอดเชื้อ ขององค์กรกล้วยนานาชาติ (INIBAP) ให้กรมส่งเสริมการเกษตร เมื่อปี พ.ศ. 2542
6.เพื่อประโยชน์ด้านการสกัดสารจากต้นพืชนำมาใช้ประโยชน์ด้านต่างๆ เช่น ยาฆ่าแมลง ยารักษาโรค
วิธีการเพาะขยายพันธุ์พืช
การขยายพันธุ์พืช นั้นโดยหลักการทั่วไปแล้วจะต้องเป็นคนที่มีความชำนาญหรือมีความรู้ในเรื่องของการเพาะขยายพันธุ์มาก่อนแล้วจึงจะเห็นผลสำเร็จได้ โดยผู้ที่จะเพาะขยายพันธุ์พืชนั้นจะต้องเป็นผู้ที่ชำนาญในเรื่องของการตัดกิ่ง ต่อกิ่ง ติดตา และทาบกิ่ง มาพอสมควรบ้างแล้ว เพราะถ้าไม่ชำนาญอาจจะส่งผลเสียต่อการเพาะขยายพันธุ์ได้
นอกจากนี้จะต้องรู้จักโครงสร้างของพืชที่จะเพาะขยายพันธุ์ได้เป็นอย่างดี และควรมีความรู้พื้นฐานมาบ้างแล้ว โดยอาจจะต้องมีความรู้ด้านพฤกษศาสตร์ พืชสวน สรีรวิทยา มาบ้าง อาจจะเป็นความรู้เบื้องต้น หรืออาจจะมีประสบการณ์ด้านนี้มาบ้างแล้ว ซึ่งความรู้พื้นฐานนั้นจะช่วยให้ประสบผลสำเร็จในการเพาะขยายพันธุ์ได้ อาจจะต้องรู้จักพืชชนิดนั้นๆ ด้วยในการเพาะ เนื่องจากว่าพืชแต่ละชนิดนั้นถ้าจะเริ่มทำการเพาะขยายควรมีความรู้และเข้าใจในพืชชนิดนั้นๆ เสียก่อน เพราะพืชแต่ละชนิดอาจจะใช้วิธีการเพาะขยายพันธุ์ที่ไม่เหมือนกัน จึงจำเป็นที่จะต้องศึกษาหรือหาข้อมูลมาก่อน หรือถ้ายังไม่แน่ใจให้ลองปรึกษากับผู้ที่มีความรู้ในด้านนั้นๆ ดู จะทำให้ได้ผลสำเร็จมากยิ่งขึ้น
ความสำคัญในการเพาะขยายพันธุ์พืชนั้น ก่อนอื่นเราจะต้องเริ่มศึกษาและทำความเข้าใจในการขยายพันธุ์พืชเสียก่อน จากนั้นก็เริ่มศึกษาวิธีการเพาะ ซึ่งพืชแต่ละชนิดนั้นอาจจะมีการเพาะที่ไม่เหมือนกัน ขั้นตอนการเพาะอาจจะทำได้หลากหลายแบบ แต่ไม่ได้เหมาะกับพืชทุกชนิด การเพาะขยายพันธุ์พืชแบบอาศัยเพศเข้าช่วยอาจจะเป็นการเพาะขยายพันธุ์ที่ง่ายก็จริง แต่ก็มีความเสี่ยงที่อาจจะทำให้เกิดการกลายพันธุ์ได้ ฉะนั้นเราจะต้องหาวิธีการเพาะที่แตกแขนงออกมา นอกจากจะเพาะแบบอาศัยเพศแล้ว การเพาะแบบไม่อาศัยเพศก็เป็นอีกทางเลือกที่เหมาะสมกับการเพาะ ไม่ว่าจะเป็นการตัดกิ่ง การทาบกิ่ง หรือการปักชำ ก็เป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยให้พืชนั้นไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือกลายพันธุ์ได้
ที่สำคัญเลย คือ ตัวเกษตรกรเองจะต้องหมั่นศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับพืชอยู่ตลอดเวลา ซึ่งเกษตรกรที่คลุกคลีกับวงการพืชเป็นหลักนั้นไม่ควรที่จะหยุดแค่ปลูกพืชชนิดเดียว ควรจะหาแหล่งพืชเพาะพันธุ์ที่มีความแปลกใหม่ หรืออาจจะเพาะแบบเมล็ดให้ได้สายพันธุ์ใหม่ขึ้นมา เพื่อเป็นการต่อยอดให้ได้พืชที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใคร และไม่หยุดที่จะเรียนรู้ที่จะหาวิธีการเพาะที่หลากหลายมาพัฒนาศักยภาพของตน ซึ่งตรงนี้จะช่วยอัพสกิลของเกษตรกรให้มีประสิทธิภาพ และประสบความสำเร็จในหน้าที่ของตนเองได้
การบำรุงดูแลพันธุ์พืช
ซึ่งการเพาะขยายพันธุ์พืชนั้นส่วนหนึ่งจะช่วยในเรื่องการรักษาสภาพของพืชให้มีความสมบูรณ์ และรักษาระยะเวลาของพืชที่ใกล้สูญพันธุ์กลับเป็นพืชที่มีความเพิ่มมากขึ้นของพืชพันธุ์ นอกจากนี้ยังช่วยรักษาสภาพของสายพันธุ์เฉพาะของพืชพันธุ์แต่ละชนิดให้คงอยู่และเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่หายไปตามกาลเวลา
เป็นการคิดค้นเพื่อให้เกิดสายพันธุ์ใหม่ที่มีการปรับปรุงพันธุ์อยู่ตลอดเวลา ให้มีสายพันธุ์ที่พิเศษกว่าสายพันธุ์ที่มีอยู่ ต่อยอดการเพาะขยายพันธุ์ ให้เกษตรกรมีความรู้และเข้าใจพืชแต่ละชนิดมากขึ้น และเกิดเป็นสายพันธุ์ที่มีความทนทานต่อโรคและแมลงมากขึ้น เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของสภาพแวดล้อม และรักษาระบบนิเวศน์ให้มีความสมบูรณ์ของผืนป่ามากขึ้น ได้พืชพันธุ์ที่สามารถทนต่อสภาพอากาศได้เป็นอย่างดี
การเพิ่มปริมาณของพืชพันธุ์แต่ละชนิด
การเพาะขยายพันธุ์พืชนั้นนอกจากจะเป็นการทำเพื่อลดระยะเวลาในการเติบโตของพืชแล้ว ยังเป็นการเพิ่มปริมาณของพืชพันธุ์แต่ละชนิดให้เพิ่มขึ้น เนื่องจากในปัจจุบันพืชพันธุ์บางชนิดนั้นเริ่มมีปริมาณที่ลดลงอย่างน่าตกใจทำให้หน่วยงานหลายๆ ฝ่าย เริ่มหันมาเพาะขยายพันธุ์พืชกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเพาะแบบตัดกิ่ง ทาบกิ่ง หรือเพาะเมล็ด
และอีกวิธี คือ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ซึ่งแต่ละวิธีก็มีการเพาะที่แตกต่างกันออกไปตามความเหมาะสมของพืชแต่ละชนิด แต่ทั้งนี้การเพาะขยายพันธุ์พืชก็เหมือนเป็นการเพิ่มลมหายใจให้กับสิ่งแวดล้อม ระบบนิเวศน์ รวมไปถึงเพิ่มคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับเกษตรกรที่มีความรู้ในการเพาะสายพันธุ์ได้พัฒนาสายพันธุ์ใหม่ๆ ให้กับพืชของตนเอง จะเห็นได้ว่าการเพาะพันธุ์พืชนั้นช่วยส่งเสริมศักยภาพให้ทั้งตัวเกษตรกร และเพิ่มสภาพแวดล้อมให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม นี่เป็นข้อดีและประโยชน์ของการเพาะขยายพันธุ์พืช
ความรู้ใน การขยายพันธุ์พืช นั้นเป็นความรู้ในการให้ความรู้เบื้องต้น ซึ่งข้อมูลต่างๆ เป็นการอ้างอิงความรู้จากหลายฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลจากเว็บไซต์ ข้อมูลจากหนังสือการเพาะขยายพันธุ์ รวมไปถึงวิทยากรที่มีความรู้ ซึ่งเป็นการบอกเล่าให้ความรู้เกี่ยวกับการขยายพันธุ์ วิธีการขยายพันธุ์ รวมไปถึงหลักและความสำคัญของ การขยายพันธุ์พืช ซึ่งตัวบทความไม่ได้มีเจตนาที่จะบิดเบือนความรู้อื่นๆ แต่อย่างใด เป็นเพียงการให้ความรู้ในเบื้องต้นกับเกษตรและผู้สนใจที่จะริเริ่มการหาเส้นทางในการเพาะขยายพันธุ์แบบง่ายๆ ก่อนเท่านั้น
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
https://rungnapa5655.wordpress.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98/,https://www.nstda.or.th/th/nstda-knowledge/2386-20110509-plant-tissue-culture,https://www.tistr.or.th/tistrblog/?tag=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B8%E0%B9%8C%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B8%8A%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A8,https://home.kapook.com/view160227.html,http://natres.psu.ac.th/Department/PlantScience/510-111web/book/book%20content.htm/chapter07/Agri_07.htm