ประโยชน์ขมิ้นชัน พืชสมุนไพร ที่มีสรรพคุณทางยามหาศาล

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ขมิ้นชัน เป็นพืชล้มลุกในวงศ์ขิง มีถิ่นกำเนิดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีเหง้าอยู่ใต้ดิน เนื้อในของเหง้าเป็นสีเหลือง มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว มีสีเหลืองเข้ม จนสีแสดจัด มีชื่อสามัญอื่นอีก คือ ขมิ้นแกง (เชียงใหม่) ขมิ้นชัน (กลาง, ใต้) ขมิ้นหยอก (เชียงใหม่) ขมิ้นหัว (เชียงใหม่) ขมิ้น (ตรัง, ใต้) ตายอ (กะเหรี่ยง กำแพงเพชร) สะยอ (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน) และหมิ้น (ตรัง, ใต้) ประโยชน์ขมิ้นชัน

1.ขมิ้นชัน
1.ขมิ้นชัน

ลักษณะทั่วไปของขมิ้นชัน

ขมิ้นชันเป็นไม้ล้มลุก อายุหลายปี สูง 30-95 ซม. เหง้าใต้ดินรูปไข่ อ้วนสั้น มีแขนงรูปทรงกระบอกแตกออกด้านข้าง 2 ด้าน ตรงกันข้าม เนื้อในเหง้าสีเหลืองส้ม หรือสีเหลืองจำปาปนสีแสด มีกลิ่นฉุน ใบเดี่ยว กลางใบสีแดงคล้ำแทงออกมา เหง้าเรียงเป็นวงซ้อนทับกันรูปใบหอก กว้าง 12-15 ซม. ยาว 30-40 ซม. ดอกช่อแทงออกจากเหง้า แทรกขึ้นมาระหว่างก้านใบ รูปทรงกระบอก กลีบดอกสีเหลืองอ่อน ใบประดับสีเขียวอ่อนหรือสีนวล บานครั้งละ 3-4 ดอก ผล รูปกลมมี 3 พู

ส่วนต่างๆ ของขมิ้นชัน การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์

อาณาจักร : Plantae

หมวด : Magnoliophyta

ชั้น : Liliopsida

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ชั้นย่อย : Zingiberidae

อันดับ : Zingiberales

วงศ์ : Zingiberaceae

สกุล : Curcuma

สปีชีส์ : C. longa

ชื่อทวินาม : Curcuma longa

โฆษณา
AP Chemical Thailand
2.ชอบแสงแดดจัด และดินร่วนซุย
2.ชอบแสงแดดจัด และดินร่วนซุย

การปลูกและบำรุงดูแลขมิ้นชัน

ขมิ้นชันชอบแสงแดดจัดและมีความชื้นสูง ชอบดินร่วนซุย มีการระบายน้ำดี ไม่ชอบน้ำขัง วิธีปลูกใช้เหง้าหรือหัว อายุ 10-12 เดือน ทำพันธุ์ ถ้าเป็นเหง้าควรยาวประมาณ 8-12 ซม. หรือมีตา 6-7 ตา ปลูกลงแปลง กลบดินหนาประมาณ 5-10 ซม. ขมิ้นจะใช้เวลาในการงอกประมาณ 30-70 วัน หลังปลูก ควรรดน้ำทุกวัน

หลังจากนั้นเมื่อขมิ้นมีอายุได้ 9-10 เดือน จึงจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ สำหรับฤดูการปลูกควรเริ่มปลูกในช่วงต้นฤดูฝนประมาณปลายเดือนเมษายน ถึงต้นเดือนพฤษภาคม และทำการเก็บเกี่ยวหัวขมิ้นในช่วงฤดูหนาว หรือประมาณปลายเดือนธันวาคมถึงมกราคม ซึ่งช่วงนี้หัวขมิ้นชันจะแห้งสนิท

3.ประโยชน์ขมิ้นชัน-ทำเครื่องแกง-ยา-เครื่องสำอาง
3.ประโยชน์ขมิ้นชัน-ทำเครื่องแกง-ยา-เครื่องสำอาง

สรรพคุณของขมิ้นชัน

เหง้าของขมิ้นชันมีรสฝาด กลิ่นหอม สามารถเก็บมาใช้เมื่อมีช่วงอายุ 9-10 เดือน มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดการอักเสบ และมีฤทธิ์ในการขับน้ำดี น้ำมันหอมระเหย ในขมิ้นชันมีสรรพคุณบรรเทาอาการปวดท้อง ท้องอืด แน่นจุกเสียด แก้โรคผิวหนัง ขับลม แก้ผื่นคัน แก้ท้องร่วง อาจช่วยรักษาโรครูมาตอยด์ได้ ยังไม่ยืนยันแน่ชัด

ในตำรายาจีนเรียก เจียวหวง (ภาษาจีนกลาง) หรือเกียอึ้ง (ภาษาจีนแต้จิ๋ว) ใช้เป็นยา แก้ปวดเมื่อย แก้ปวดประจำเดือน เหง้าขมิ้นชันมีสารประกอบที่สำคัญ เป็นน้ำมันหอมระเหย และในเหง้ายังมีสารสีเหลืองส้มที่เรียกว่า เคอร์คูมิน สารสกัดด้วยเอทานอลจากเหง้าสดมีฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส และต้านอนุมูลอิสระ ขมิ้นชันสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ลดอาการอักเสบ มีฤทธิ์ในการขับน้ำได้ดี น้ำมันหอมระเหยในขมิ้นชันมีสรรพคุณรักษาปวดท้องเสียด ท้องอืด แน่นจุกเสียด ขมิ้นชันไม่มีพิษเฉียบพลัน มีความปลอดภัยสูง

4.ขมิ้นชัน 1 กอ หนักถึง 6 กิโลกรัม
4.ขมิ้นชัน 1 กอ หนักถึง 6 กิโลกรัม
ขมิ้นชันแบบผงละเอียด
ขมิ้นชันแบบผงละเอียด
ขมิ้นชันแบบผง-ชนิดแคปซูล
ขมิ้นชันแบบผง-ชนิดแคปซูล

ประโยชน์ขมิ้นชัน

สำหรับอาหารที่ใช้ขมิ้นชันเป็นส่วนประกอบ ได้แก่ แกงเหลือง แกงไตปลา แกงกอและ แกงฮังเล ข้าวแขก ข้าวหมกไก่ ขนมเบื้องญวน และเป็นส่วนประกอบสำคัญของผงกะหรี่ ขมิ้นชันใช้ย้อมผ้าให้ได้สีเหลือง ถ้าใส่ใบหรือผลมะขามป้อมลงไปด้วยจะได้สีเขียว

นอกจากนั้นในการทำปูนแดงจะนำปูนขาวมาผสมกับขมิ้นชัน ในสมัยก่อนนิยมเอาผงขมิ้นชันทาตัวให้ผิวเหลือง รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน ใช้ทาศีรษะหลังโกนผม เพื่อรักษาบาดแผลที่เกิดจากการใช้มีดโกนโกนผม ขมิ้นชันเพิ่มภูมิคุ้มกันอิมมูโนโกลบูลิน ชนิดจี (IgG) และลดความไวต่อตัวกระตุ้น ช่วยขยายหลอดลม ฤทธิ์ต้านการอักเสบ และเป็นสมุนไพรรักษาโรคภูมิแพ้

โฆษณา
AP Chemical Thailand

วิธีใช้ขมิ้นชัน

แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่น จุกเสียด อาหารไม่ย่อย อาการแสบคัน แก้หิว และแก้กระหาย ทำโดยล้างขมิ้นชันให้สะอาด ไม่ต้องปอกเปลือกออก หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ตากแดดจัดสัก 1-2 วัน บดให้ละเอียดผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นเม็ดขนาดปลายนิ้วก้อย กินครั้งละ 2-3 เม็ด วันละ 3 -4 ครั้ง หลังอาหาร และก่อนนอน แต่บางคนเมื่อกินยานี้แล้วแน่นจุกเสียดให้หยุดกินยานี้

ขอขอบคุณ…https://th.m.wikipedia.org และ www.kasetvoice.com

อ้างอิง : นิตยสารพลังเกษตร