ถ้าจะกล่าวถึง “อบเชย” หลายคนคงคุ้นหู แต่เมื่อถามถึงเครื่องแกงที่ใส่ลงไปในน้ำ “พะโล้” เชื่อได้ว่าทุกคนคงรู้จักกันเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังสามารถมาประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น แกงมัสมั่น ข้าวหมกไก่ และสามารถใช้แต่งกลิ่น อาหารคาวหวาน ได้อีกหลายชนิด
และเป็นสมุนไพรที่ให้กลิ่นหอม และเป็นสมุนไพรหลักในยาธาตุ ยาหอม และยานัตถ์ เพราะอบเชยเป็นพืชที่มี “แทนนินสูง” มีรสฝาด แพทย์แผนไทยจึงผสมลงไปในยาหอมต่างๆ ใช้ในอาการจุกเสียดแน่นท้อง หรือในการทำยานัตถ์สูดดมแล้วสดชื่น ลดอาการอ่อนเพลีย กินแก้โรคท้องร่วง เพราะมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียในกระเพาะอาหาร ขับปัสสาวะ ช่วยย่อยอาหาร และสลายไขมัน
ลักษณะของต้นอบเชย
อบเชยเป็นเครื่องเทศที่มีมากในที่ๆ มีอากาศชื้น อบเชยเป็นพืชพื้นเมืองของศรีลังกา และภาคใต้ของอินเดีย ซึ่งเราจะเรียกว่า “อบเชยศรีลังกา” หรือเรียกติดปากได้อีกอย่างหนึ่งว่า “อบเชยเทศ” ซึ่งครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ประเทศอังกฤษกับฮอลแลนด์เคยทำสงครามกัน เพื่อแย่งกันทำการผูกขาดการค้าอบเชยให้ศรีลังกา ผลสุดท้ายอังกฤษสามารถแย่งการผูกขาดการค้ามาจากฮอลแลนด์ได้สำเร็จ อังกฤษทำการปลูกอบเชยในศรีลังกาถึง 40,000 เอเคอร์ ทำให้ปัจจุบันศรีลังกาเป็นผู้ส่งออกอบเชยรายใหญ่ของโลก
นอกจากอบเชยศรีลังกาที่กล่าวมาแล้ว ยังมี “อบเชยจีน” ซึ่งมีลักษณะเปลือกหนากว่าอบเชยศรีลังกาเล็กน้อย และยังมี “อบเชยญวน” ซึ่งมีลักษณะเปลือกหนากว่าของศรีลังกาและของจีน และยังมีกลิ่นหอมจัดกว่าชนิดอื่นๆ สำหรับประเทศของเราก็มีเหมือนกัน เรียกว่า “อบเชยไทย” ซึ่งมีลักษณะเปลือกหนาที่สุด และพบมากที่สุดในจังหวัดกาญจนบุรี
คุณบุญส่ง จันทร์ส่องรัศมี นักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ จ.กาญจนบุรี
สมุนไพรไทยอย่างอบเชยในปัจจุบันค่อยๆ เลือนหายไปจากคนไทย แทบจะสูญพันธุ์ไปเลยก็ว่าได้ จนต้องสั่งอบเชยจากต่างประเทศเข้ามาบริโภคแทน แต่จะมีสักกี่คนที่เล็งเห็นประโยชน์และคุณค่าของอบเชยไทย อย่าง คุณบุญส่ง จันทร์ส่องรัศมี นักอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีความสนใจในเรื่องสมุนไพรอบเชย คิดค้นการรักษาโรคด้วยสมุนไพร เพื่อมาช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ให้มีความหวังและหายจากโรคที่พวกเขาเผชิญอยู่ อย่าง โรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง และโรคกระเพาะเรื้อรัง เป็นต้น
โดยทั่วไปเราจะรู้จักหรือเห็นอบเชยกันเฉพาะเปลือก ไม่ว่าจะนำมาปรุงยา หรือที่กำลังอินเทรนสำหรับผู้นิยมดื่มกาแฟสดทั้งหลาย ก็จะมีสูตรกาแฟกับอบเชยให้ดื่มกัน แม้กระทั่งการคนกาแฟก็นำเอาแท่งอบเชยเสริฟพร้อมกาแฟ ใช้แทนช้อนคนในแก้วกาแฟ เพื่อให้ได้กลิ่นหอมๆ ของอบเชยในถ้วยกาแฟนั้นด้วย
“อบเชย” หรือที่เรียกว่า “ชินนามอน” (cinnamon) เป็นไม้ยืนต้นสูงประมาณ 15-20 เมตร เรือนยอดเป็นพุ่มกลมรูปเจดีย์ เปลือกเรียบ สีเทาปนน้ำตาล ใบเป็นใบเดี่ยว ปกติเป็นพืชในป่าดิบทั่วไป แต่ถ้าคนต้องการนำมาปลูกก็สามารถขึ้นในดินทั่วไป และชอบความชื้นปานกลาง
อบเชย (cinnamon) อยู่ในวงศ์ Lauraceae สกุล Cinnamomum พบเฉพาะในทวีปเอเชีย และออสเตรเลีย มีมากกว่า 50 ชนิด ส่วนในประเทศไทยพบถึง 16 ชนิด ซึ่งส่วนใหญ่เปลือกจะหนา มีกลิ่นหอมอ่อน ประเทศไทยมีปลูก และทั้งที่ขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ไม่ถึงกับนำมาขายได้เป็นกอบเป็นกำเหมือนประเทศอื่นๆ ในเอเชีย เช่น จีน ศรีลังกา และญวน
อบเชยสามารถจำแนกออกเป็น 5 ชนิด คือ
1.อบเชยศรีลังกา (Cinamomum zeylanicum) คนไทยเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า อบเชยเทศ มีราคาแพงที่สุด
2.อบเชยอินโดนีเซีย หรืออบเชยชวา (Cinnamomum burmanii Blume) ได้รับความนิยมสูงสุดในปัจจุบัน
3.อบเชยญวน (Cinnamomum Nees) มีรสหวาน แต่ไม่ค่อยหอม ปลูกได้ดีมากในประเทศไทย
4.อบเชยจีน (Cinnamomum caissia Nees ex. Blume) มีเปลือกหนา และเนื้อหยาบ
5.อบเชยไทย (Cinnamomum bejolghota) พบในป่าเขาที่ยังอุดมสมบูรณ์ในประเทศ และยังไม่พบในการนำเปลือกมาบริโภค แต่ในปัจจุบัน “บ้านสวนจันทร์สมุนไพร” ของคุณบุญส่ง ได้นำใบแก่ของอบเชยมากลั่นบริสุทธิ์เพื่อนำไปให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานรับประทานจนเข้าสู่ภาวะปกติน้ำตาลลดลง
ประโยชน์และสรรพคุณจากน้ำอบเชยกลั่นบริสุทธิ์ 100%
อบเชยกลั่นบริสุทธิ์ บ้านสวนจันทร์สมุนไพรเป็นน้ำอบเชยกลั่นที่ได้จากกระบวนการกลั่นใบอบเชยสดด้วยอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส จนเป็นหยดน้ำบริสุทธิ์สะอาด พร้อมคุณสมบัติของสมุนไพรครบถ้วน เก็บในอุณหภูมิปกติได้นาน 1 ปี
จากกลุ่มผู้ทดลองที่รับประทานอบเชยกลั่น 2 ครั้งๆ ละ 1 ช้อนโต๊ะ ก่อนหรือหลังอาหารเช้า และก่อนนอน เพียง 1-2 เดือน พบว่าในผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง ที่อาการมากน้อยแตกต่างกันจำนวน 200 คน พบว่าร้อยละ 90 มีระดับน้ำตาลในเลือด ความดันโลหิตสูง ไขมันในเส้นเลือด ลดลง แสดงให้เห็นว่าการรับประทานอบเชยกลั่นบริสุทธิ์มีผลต่อการฟื้นฟูสุขภาพ ปรับสมดุลร่างกายให้กลับสู่ภาวะปกติได้
นอกจากนี้การรับประทานอบเชยร่วมกับน้ำผึ้งสามารถรักษาโรคหัวใจ โรคปวดข้อ ปวดกระดูก โรคกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อ คลอเลสเตอรอล ไข้หวัด อาการท้องอืด ลมในกระเพาะ ระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย อาหารไม่ย่อย ยาอายุวัฒนะ แก้สิว ผิวหนังติดเชื้อ ลดน้ำหนัก โรคมะเร็ง แก้อาการอ่อนเพลีย ขจัดลมหายใจมีกลิ่น เป็นต้น
สรรพคุณที่ได้เป็นผลงานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชาติตะวันตก ซึ่งถ้าใครเป็นโรคเหล่านี้สามารถหารับประทานได้ ประมาณ 2-3 เดือน จะเห็นผลได้ แม้ว่าอบเชยจะยังไม่สามารถขึ้นทะเบียนใช้แทนยาได้ แต่การใช้อบเชยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดเป็นวิธีช่วยผู้ป่วยโรคเบาหวาน โดยใช้สารธรรมชาติซึ่งจะเป็นประโยชน์ และปลอดภัยกว่า
ในอบเชยมีสารกลีเซอรีนเข้มข้น เป็นสารต้านแบคทีเรีย รักษาแผลในกระเพาะอาหาร สามารถช่วยเร่งปฏิกิริยาย่อยสลายไขมัน และยังช่วยลดความดันโลหิตได้ คุณบุญส่งจึงลองนำใบแก่ของอบเชยมากลั่น และทดลองให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้รับประทาน จากการติดตามผลในระยะเวลา 1 ปี
ทางคุณบุญส่งมิได้จำหน่ายผลิตภัณฑ์แม้แต่ขวดเดียว เมื่อผู้ป่วยโรคเบาหวานได้รับประทานน้ำกลั่นบริสุทธิ์ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 2 เดือน พบว่าน้ำตาลในเลือดลดลง จนแพทย์ต้องสั่งหยุดยาจากโรงพยาบาล เพราะร่างกายของผู้ป่วยเข้าสู่ภาวะปกติ จนเกิดคำที่ว่า “ไม่ต้องพึ่งยานอก ไม่ต้องกินยานาน ไม่ต้องใช้ยาเปลือง ไม่ต้องเปลืองเงินมาก”
วิธีรับประทาน อบเชยกลั่นบริสุทธิ์ 100% ควรรับประทานหลังอาหารเช้าและเย็นครั้งละ 1 ช้อนโต๊ะ ผู้ที่เป็นเบาหวาน ความดันโลหิตสูง น้ำตาลในเลือดสูง สามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องผสมน้ำผึ้ง สำหรับผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพด้านน้ำหนักตัว และปรับสมดุลร่างกาย สามารถรับประทานร่วมกับน้ำผึ้งได้ ดังนี้
-น้ำต้มใบเตยหอม 1 แก้ว อบเชยกลั่น 1 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ มะนาว 1 ซีก คนให้เข้ากัน ดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอน และก่อนนอนวันละ 2 ครั้ง จะช่วยปรับสมดุลร่างกาย ทำให้สุขภาพแข็งแรง สดใส น้ำหนักส่วนเกินลดลงได้ โดยการรับประทานน้ำอบเชยกลั่นต่อเนื่องในระยะเวลา 1-3 เดือน ผู้นิยมดื่มกาแฟผสมน้ำอบเชยกลั่น 1 ช้อนโต๊ะ รสชาติกาแฟจะดีขึ้น และเป็นการดูแลสุขภาพเชิงรุก
“ผมจำหน่ายให้ผู้ป่วย 1 เดือน ต้องซื้อ 3 ขวด ทานได้ 30 วัน จะเห็นผลได้เด่นชัด ถ้าไปตรวจห้อง Lab พบว่าน้ำตาลในเลือดลดลง ร่างกายกระปรี้กระเปร่าขึ้น และเมื่อทานต่ออีก 1 เดือน ก็จะเข้าสู่ภาวะปกติได้ แล้วอาจจะให้ผู้ป่วยทานต่อได้ โดยลดปริมาณของน้ำอบเชยกลั่นลง อบเชยกลั่นขวดละ 200 บาท ทาน 3 ขวด 600 บาท ถ้าเดินทางไปให้หมอตรวจก็เกิน 600 บาท แล้ว” คุณบุญส่งกล่าวแนะนำวิธีการรับประทาน
สภาพพื้นที่ปลูกอบเชย
อบเชยชอบอากาศชื้น ดินควรเป็นดินร่วนปนทราย ระบายน้ำได้ดี สามารถขึ้นได้ในที่ราบ จนกระทั่งสูงจากระดับน้ำทะเล 2,000 ฟุต
การปลูกอบเชยที่บ้านสวนจันทร์สมุนไพรจะใช้วิธีการเพาะเมล็ด โดยนำสายพันธุ์มาจากป่าใน “ทุ่งใหญ่นเรศวร” เมื่อนำเมล็ดแกะออกจากผลแล้วควรเพาะทันที เพราะเมล็ดจะสูญเสียการงอกอย่างรวดเร็วมาก เพาะเมล็ดประมาณ 1 ปีครึ่ง ต้นอบเชยจะสูงประมาณ 50 เซนติเมตร จึงย้ายลงปลูกในแปลงหรือสถานที่เตรียมไว้ปลูกอบเชย
หลังจากปลูกไปแล้ว 5-6 ปี จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิต เพราะต้นอบเชยจะมีสารอาหารครบถ้วนในการใช้รักษาโรคต่างๆ ได้ เช่น สารกลีเซอรีน สารยูจินอล ซินนามา เบนซาลดีไฮด์ เป็นต้น
จากภูมิปัญญาชาวบ้านโบราณ อบเชยยังคงเหลืออยู่ใน “หม้อพะโล้” และมีการนำเข้ามาจากต่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบันประเทศไทยไม่มีการปลูกอบเชยเชิงพาณิชย์ “ผมได้เรียนรู้และซึมซับเรื่องราวของธรรมชาติ เกษตรกรในปัจจุบันเริ่มหันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยวกันมากขึ้น เช่น การปลูกข้าวโพด อ้อย และมันสำปะหลัง เป็นต้น
มีการไถป่าหลายๆ ไร่ เพื่อเปลี่ยนสภาพจากป่ามาเป็นสวนและไร่ของเกษตรกร ทำให้เริ่มสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติของป่า ผมจึงอยากจำลองที่ผืนหนึ่งให้กลายเป็นป่า โดยนำเอาต้นไม้และสมุนไพรต่างๆ มาปลูกไว้ จนตอนนี้ต้นไม้เหล่านั้นเริ่มให้ร่มเงา รวมไปถึงต้นอบเชยด้วย รวมพื้นที่ก็มากกว่า 26 ไร่ รวมไปถึงการทำรีสอร์ทด้วย ซึ่งผู้ที่เข้ามาพักก็จะพบกับความร่มรื่น และได้ความรู้เกี่ยวกับต้นไม้ หรือสมุนไพร ไปด้วย” คุณบุญส่งกล่าวอย่างภูมิใจ
การแปรรูปอบเชย
เมื่อต้นอบเชยเริ่มมีอายุได้ประมาณ 5-6 ปี แล้ว ก็จะสามารถนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นส่วนของราก เปลือก ดอก รวมไปถึงการใช้ใบของอบเชยมาสกัดเป็นน้ำเพื่อใช้รักษาโรคเบาหวาน เพราะในอดีตจะรู้จักแต่การนำเปลือกของอบเชยมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องพะโล้ หรือเป็นส่วนผสมของยานัตถ์ก็ตาม
แต่ในปัจจุบันคุณบุญส่งได้ลองนำใบของอบเชยมากลั่นเป็นน้ำเพื่อใช้ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน จนได้มาเป็นอบเชยกลั่นบริสุทธิ์ 100% นอกจากนั้นยังมีผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของอบเชยกลั่นบริสุทธิ์ อาทิเช่น สบู่อบเชย แชมพูอบเชย น้ำยาบ้วนปาก และสเปรย์ขจัดไรฝุ่น เป็นต้น ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีความปลอดภัย เป็นนวัตกรรมใหม่ต่อยอดมาจากงานอนุรักษ์สู่ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ
ด้านตลาดผลิตภัณฑ์อบเชย
คุณบุญส่งเล่าให้ทีมงานฟังว่า กระบวนการเรียนรู้เรื่องสมุนไพรอบเชยมันไม่มีตำรา อย่างเรื่องคุณภาพต้องใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 คือ ตา หู จมูก ปาก มือ สัมผัส ทำสิ่งที่ได้จากคนโบราณมาให้เกิดประโยชน์ จากนั้นก็นำเอามาปรับปรุง เช่น ความร้อนเท่าไร ต้องใช้น้ำกี่ลิตร กลิ่นที่ออกมา รสชาติที่ได้ ทุกกระบวนการต้องสัมพันธ์กัน จนสูตรที่ได้เป็นสูตรของบ้านสวนจันทร์
จนกระทั่งทุกวันนี้ทุกอย่างต้องรักษามาตรฐานเอาไว้เพื่อให้ผู้บริโภคได้มั่นใจและได้รับประสิทธิภาพอย่างสูงสุดในผลิตภัณฑ์ เพราะทุกคนที่เขามารับซื้อผลิตภัณฑ์ต่างหวังผลในการรักษาอยากจะหายจากโรคที่ตนเป็นอยู่ เมื่อคุณภาพที่ได้ตามที่เราต้องการ ผู้บริโภคก็จะมีอาการดีขึ้นในที่สุด
“เราอย่าละทิ้งสำนึกในการรับผิดชอบต่อผู้บริโภค และผู้ป่วย ถ้าเมื่อไหร่เราสนุกแล้วเราไม่คำนึงถึงคุณภาพ เรามุ่งแต่เอาปริมาณจำหน่ายอย่างเดียว เราจะขาดสติ ต้องมุ่งเพื่อการจำหน่าย แต่ให้เพื่อนมนุษย์ได้รับการเยียวยา ได้มีสุขภาพที่ดี คนผลิตต้องมีองค์ความรู้ด้วยศีลธรรม เราผลิตได้เท่าไหร่ขายเท่านั้น คุณภาพเราอยู่ที่ไหนรักษาเอาไว้ ถ้าเรามุ่งทำลายสิ่งดีงาม ทำลายโครงสร้างของผู้คนทั้งประเทศ เราจะหยุดความเชื่อถือของคนทั้งหมด และในที่สุดเราอาจทำลายพืชของเราด้วย” คุณบุญส่งกล่าวอยากให้แง่คิด
คุณสมบัติของ อบเชย กลั่นบริสุทธิ์ 100%
เป็นที่รู้กันดีว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานต้องกินยาควบคุมน้ำตาลตลอดชีวิต รวมทั้งต้องระมัดระวังในเรื่องการรับประทานอาหาร ลองคิดดูสิผู้ป่วย 3.5 ล้านคน จำเป็นต้องทานยาตลอดชีวิต และก็ยังมิอาจรับประกันได้ว่าจะปลอดภัยจากโรค แทรกซ้อนอีก แล้วผู้ป่วยต้องใช้ยาปริมาณมากมายมหาศาลเพียงไร แล้วใครกันเล่าที่รับทรัพย์จากสภาวการณ์เช่นนี้ ถ้าไม่ใช่บริษัทยา
แต่สำหรับ อบเชย กลั่นบริสุทธิ์ 100% ทางคุณบุญส่งเชื่อมั่นว่าสามารถรักษาโรคเบาหวานให้หายขาดได้ อีกทั้งยังต้องมีการดูแลตัวเองควบคู่กันไป เช่น การปรับอาหาร และพฤติกรรมการดำเนินชีวิต ตลอดจนการบริหารร่างกาย เป็นต้น นอกเหนือจากพฤติกรรมการบริโภคแป้งและน้ำตาลมากจนเป็นที่มาของโรคเบาหวานแล้ว
พฤติกรรมอีกประการที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่าเป็นสาเหตุหลักของโรคเบาหวาน คือ การทานอาหารเช้าหลังช่วงเวลา 7.00-9.00 น. เป็นประจำ ซึ่งจะทำให้สมองขาดอาหารไปหล่อเลี้ยง จำเป็นต้องไปดึงน้ำตาลจากส่วนต่างๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะตับอ่อนขาดสารอาหาร ในที่สุดตับอ่อนก็ทำงานอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอต่อการนำพากลูโคสไปหล่อเลี้ยงเซลล์ทั่วร่างกาย ทำให้มีน้ำตาลหลงเหลือในเลือดเป็นจำนวนมาก ทำให้ก่อเกิดเป็นโรคเบาหวานในที่สุด
แต่อย่างไรก็ตามสาเหตุของโรคเบาหวานมาจากตับอ่อนแอ เนื่องมาจากทำงานหนักเกินไป การฟื้นฟูตับอ่อนให้กลับมาทำงานได้ตามปกติด้วยการบำรุงอาหารให้แก่ตับอ่อน ก็คือ หัวใจ ในการรักษาโรคเบาหวานให้หายขาดมิใช่เพียงควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น สารอาหารที่ตับอ่อนต้องการ คือ โครเมียม
ดังนั้นการเสริมแร่ธาตุโครเมียมแก่ผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงเป็นหนทางในการรักษาโรคเบาหวานให้หายขาด ผนวกกับ อบเชย สมุนไพรที่มีแร่ธาตุโครเมียมสูงอันเป็นอาหารที่ตับอ่อนต้องการ แล้วยังมีธาตุอาหารที่กล่าวข้างต้น ได้แก่ เมซิลไฮดรอกซี่ ซาลโคน โพลิเมอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติและสามารถทำงานคล้ายอินซูลิน จึงเข้าไปทำหน้าที่แทนอินซูลิน มีผลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง หากรับประทานเป็นประจำจะไม่ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ทั้งยังปราศจากผลข้างเคียงใดๆ ต่อร่างกายอีกด้วย
แนวโน้มในอนาคต ของ อบเชย ไทย
ณ ปัจจุบันยังไม่มีการส่งเสริมการปลูก อบเชย ไทยในเชิงพาณิชย์ ส่วนใน อบเชย ที่เราใช้บริโภคกันในภายประเทศจะนำเข้ามาจากจีน ศรีลังกา และประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง อินโดนีเซีย
ต้น อบเชย ภายในประเทศส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่ตามป่าทึบ ตามป่าทั่วๆ ไป อาจไม่มีหลงเหลือให้เห็นกันสักเท่าไหร่ เพราะป่าบางทีก็ถูกทำลาย มาปลูกพืชเชิงเดี่ยวกันหมด และการเพาะต้นอบเชยเพื่อเป็นการอนุรักษ์ และนำประโยชน์มาใช้เพื่อรักษาโรคต่างๆ เป็นความคิดของคุณบุญส่งทำให้เกิดบ้านสวนจันทร์สมุนไพรแห่งนี้ขึ้น นอกจากจะอนุรักษ์ต้น อบเชย ไทยแล้วยังมีสมุนไพรปลูกในพื้นที่กว่าหลายชนิด เป็นแหล่งเรียนรู้พันธุ์ไม้สมุนไพรไทย และแลกเปลี่ยนแนวความคิดอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน
ธรรมชาติสร้างทุกสิ่งให้มีความสัมพันธ์กัน ต่างช่วยเหลือพึ่งพากัน ถ้าขาดสิ่งใดไปส่วนที่ตามมาก็จะไม่สมดุล ฉะนั้นเราควรช่วยกันสร้างความสมดุลให้อยู่กับเราตลอดไป เพื่อในอนาคตลูก หลาน เรามีธรรมชาติ และมีสิ่งที่บรรพบุรุษสร้างให้อย่างสวยงามสืบทอดกันต่อไป จะได้ไม่เลือนหายไปจากวิถีชีวิตและในใจเรา
หากท่านผู้อ่านสนใจในเรื่อง “อบเชยรักษาโรคเบาหวาน” หรืออยากไปสัมผัสบ้านสวน สงบ ร่มรื่น ของบ้าน สวนจันทร์ รีสอร์ท สามารถติดต่อได้ที่ คุณบุญส่ง จันทร์ส่องรัศมี 103 หมู่ที่ 2 ซอยท่ามะขาม 20 ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี 71000 โทรศัพท์ 08-1941-5730, 034-624-602