คางกุ้ง
คางกุ้ง Okusno เพิ่มมูลค่า คางกุ้ง เป็นสินค้านวัตกรรม รับซื้อคางกุ้ง Okusno คางกุ้งทอดอร่อย เจ้าแรกของไทย ขนมคางกุ้ง คางกุ้งอบกรอบ คางกุ้งทอด คางกุ้ง Okusno
เรื่องกุ้ง ชาวโลกมองคุณค่าที่ “ เนื้อกุ้ง ” เป็นหลัก แต่ วันนี้กุ้งได้ปลดปล่อยส่วนอื่น ๆ เช่น “คางกุ้ง” ให้เป็นของมีค่าและ “ราคา” ทางธุรกิจ คนที่ทำเรื่องนี้ให้เกิดเป็นรูปธรรม คือ“คุณแพร” หรือ คุณพิมพ์มาดา พัฒนปรัชญาพงศ์ สาวน้อยตาหยี วัย 27 ปี จากรั้ว ม.ธรรมศาสตร์ไม่เกี่ยวกับการเกษตร หรือประมงเลย ในฐานะซีอีโอ บริษัท โอคุสโน่ ฟู้ด จำกัด ที่เป็นผู้ริเริ่มจากจุดเล็ก ๆ จนขยับมาเป็นธุรกิจใหญ่เกินตัวและวัยของคุณแพร ด้วยความที่เธอมองเห็นโอกาสจากโต๊ะอาหาร ด้วยความที่คุณแม่เป็นคนชอบทำกับข้าวเป็นชีวิตจิตใจ และคุณแพรเห็นว่าส่วนใต้หัวกุ้งนี้พอมาแคะปรากฏว่า ตรงใต้หัวของกุ้งนี้ หรือคุณแพรเรียกมันว่า “คางกุ้ง” จับแล้วมันรู้สึกนิ่ม ๆ ดี ก็เลยลองแกะเล่นดูแล้วคิดว่า จะทำอย่างไรให้คางกุ้งมาเป็นอาหารได้ เพราะคนส่วนใหญ่จะทิ้งตรงส่วนนี้ไป กินแต่เนื้อกุ้งอย่างเดียว
🍤 รับซื้อคางกุ้ง 🍤
“คุณแพร” บอกว่า จากนั้นมา 2 คนพี่น้อง ซึ่งมีตัวคุณแพร และน้องชายอีกคน ก็ช่วยกันคิดโปรดักส์ขึ้นมา และพัฒนาจนเกิดมาเป็น “ ขนมคางกุ้งทอดกรอบ ” แต่มันก็ไม่ใช่ง่าย ๆ ก็ลองศึกษาดูว่าจะมาถึงวันนี้ลองผิดลองถูกนานถึง 3 เดือนเต็ม ทั้ง ทอด, อบ และย่าง ฯลฯ ทำอย่างไรให้ออกมามีรสที่อร่อย และมีประโยชน์มากที่สุด ก่อนจะมาได้ข้อสรุป คือ การทอดคางกุ้งนี่แหละ!! ก็ทำการทดลองเสียน้ำมันไปหลายกระทะจนได้สูตรลับที่ลงตัวพอดี และได้ลองไปหาข้อมูลจาก ม.เกษตรฯ หรือปรึกษาผู้ใหญ่บ้าง หรือ ณ ที่เกี่ยวข้องกับล้งกุ้ง, แพกุ้ง เพื่อเข้าไปคุยกับเขาว่าเป็นยังไงจริง ๆ ด้วยความที่ทำเรื่องของกุ้งจะต้องอยู่กับเรื่องของกุ้งเราจะต้องทราบว่าใน 1 เดือน หรือ 1 ปี ช่วงไหนที่กุ้งน้อย ช่วงไหนที่กุ้งเยอะ เพื่อดูว่าจะมีวัตถุดิบเพียงพอหรือเปล่า ปรากฏว่าค่อนข้างลำบากพอสมควร และด้วยช่วยวัย 24 ปี ก็ไฟยังแรง จึงต้องเสาะหาข้อมูลเชิงลึก ก็เลยเป็นที่มาของคางกุ้ง จริง ๆ แล้วพอเริ่มศึกษาก็ค้นพบว่าประเทศไทยมีการส่งออกกุ้งมากที่สุด ตอนนั้นที่ทำ 1 ใน 3 ของเอเชีย แต่ปัจจุบันเป็น 1ใน 5 เพราะก่อนหน้านั้นมีโรค EMS เมื่อเรามีวัตถุดิบอยู่ในประเทศอยู่แล้ว น่าจะเอามาแปรรูปเพื่อส่งออก หรือขายในประเทศไดเราจึงต้องเอาเปลือกกุ้งที่ทิ้งกันมาพัฒนาให้เป็นสินค้า เพราะคิดว่าความมั่นของทางด้านวัตถุของประเทศไทยมีแน่ ๆ เพราะอย่างน้อยกุ้ง 1ตัว ต้องมี 1คาง ซึ่งปีๆหนึ่งประเทศไทยส่งออกกุ้งเนื้อประมาณ 84,000ตันเลยทีเดียว
Okusno = คางกุ้ง เจ้าแรกของไทย
คางกุ้ง คือส่วนไหนของกุ้ง “คุณแพร” พยายามหาคำเรียกส่วนใต้หัวนี้แล้ว แต่หาไม่พบ เลยคิด และเรียกขึ้นมาเองว่า “คางกุ้ง” เพราะชัดเจนที่สุดว่าอยู่ใต้หัวกุ้ง กุ้งที่ทาง โอคุสโน่ เลือกใช้คือ“กุ้งขาว” เมื่อนำไปทอดแล้วสีสันน่าทาน บวกกับกุ้งขาว ก็หาง่ายที่สุดในประเทศไทย ส่วนกุ้งก้ามกามจะมีขนาดใหญ่ไปหน่อย อาจทำให้บางครั้งทานแล้วจะแทงปาก, แทงเหงือก หรืออาจจะทำให้สินค้าอมน้ำมัน ถ้าเป็นกุ้งกุลาดำจะมีสีคล้ำถ้านำมาทอด ซึ่งสีสันอาจดูไม่น่าทานเท่าไหร่ ดังนั้น “กุ้งขาว” จึงเหมาะสำหรับการนำ คางกุ้ง มาทอดกรอบ และนอกจากนี้ขนมคางกุ้ง โอคุสโน่นั้นเป็นขนมที่ไม่ใช่ได้รับแต่พลังงานอย่างเดียว แต่มีประโยชน์มากมาย คือมีแคลเซียมและมีไคโตซาน ไคติน ที่ช่วยลดคลอเรสเตอรอลใรเส้นเลือดอีกด้วย
ขนาดไซส์ “ คางกุ้ง ” ที่โอคุสโน่เลือกใช้
ในการที่จะใช้คางกุ้งมาทำเป็นอาหารนั้น คุณแพรไม่ทราบว่ามีไซส์ไหนบ้าง เพราะกุ้งมีหลายไซส์เลยเอาไซส์ที่ใหญ่มาลองทอดก่อน ว่าไซส์ไหนดีที่สุด และเหมาะกับการนำมาทำคางกุ้งทอดกรอบ เหมือนคล้ายๆตีกรอบความต้องการของกุ้งว่าต้องเป็นชนิดไหน เพื่อให้แปรรูปออกมาแล้วอร่อย ไซส์ที่ใช้ 40 – 70 ตัว / กิโลกรัม ค่อนค่างกว้างหน่อย เพราะไซต์ร้อยจะเล็กเกิน มันน่าจะมิคกันได้ไม่เล็กไปไม่ใหญ่ เลยเลือกใช้ไซส์ 40 – 70 ในส่วนของคางกุ้ง ได้ซื้อ 3 – 5 ตัน/เดือน ในราคา 18 บาท/กก. โดยไม่รับที่หน้าแพเลย แล้วนำไปแช่แข็ง แต่ต้องผ่านการตรวจเชื้อและกระบวนการล้างน้ำเปล่าประมาณ 2 – 3 น้ำ หลังจากนั้นนำเอาคางกุ้งไปผสมผงปรุงรส และนำไปบรรจุภัณฑ์ใส่ซอง บรรจุลงกล่อง พร้อมจำหน่ายได้เลย สำคัญที่สุดคือ ต้องการคงรสดั้งเดิมไว้จึงไม่ใส่ผงชูรสและน้ำมันที่เลือกใช้ คือ “ น้ำมันปาล์ม ”อย่างเดียว
“ไขความเชื่อผิด ๆ ของ น้ำมันปาล์ม”
เหตุผลที่โอคุสโน่เลือกใช้เพราะ น้ำมันปาล์มที่เราบริโภคกันนั้น เรียกว่า น้ำมันปาล์มโอเลอิน ซึ่งมีอยู่ในท้องตลาดหลายยี่ห้อด้วยกัน และน้ำมันปาล์มโอเลอินที่ไม่มีไขมันทรานส์ เพราะเป็นน้ำมันที่สกัดจากเนื้อของผลปาล์ม โดยการนำผลปาล์มมา บีบอัด กำจัดสิ่งสกปรก กำจัดสีและกลิ่น ผ่านกระบวนการกลั่น และแยกส่วนที่เป็นไข ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติออกไป เหลือไว้เฉพาะส่วนที่เป็นของเหลวใสบริสุทธิ์ ที่เรียกว่า “น้ำมันปาล์มโอเลอิน” จากงานวิจัยของ Teres และคณะ ( 2008 ) พบว่า น้ำมันปาล์มโอเลอิน มีปริมาณกรดโอเลอิน ( Oleic Acid ) ซึ่งเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงมากถึง 42 % ซึ่งกรดไขมันดังกล่าวมีส่วนช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลตัวไม่ดี ( LDL – Cholesterol ) ลดอัตราการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจได้ นอกจากนี้ในกระบวนการผลิต ไม่มีการเติม “ไฮโดรเจน” เพื่อทำให้น้ำมันแข็งตัว จึงกล่าวได้ว่า ในน้ำมันปาล์มไม่มีไขมันทรานส์ อย่างแน่นอน จริงๆน้ำมันปาล์มอาจจะมีบางกลุ่มมองว่ามันอาจจะไม่ค่อยดี แต่จริงๆแล้วน้ำมันปาล์มมันเหมาะสำหรับการทอดที่สุด ส่วนใหญ่ขนมจะน้ำมันปาล์ม จะให้ความกรอบ กลิ่นหืนจะไม่ค่อยมี แต่ว่าถ้าคนที่เน้นเรื่องสุขภาพจะมองว่าน้ำมันปาล์มไม่ค่อยดีเพราะมันมีทรานต์แฟต จุดเดียวเท่านั้นเอง แต่การผลิตคางกุ้งทอดกรอบออกมา 1ห่อ มีแคลเซียมสูงถึง 90 % หรือ 741 mg. / ห่อ ซึ่งปกติร่างกายคนเราต้องการแคลเซียมสูงถึง 1200-1500 มิลลิกรัม / วัน จะอยู่ที่อายุช่วงคน คือ 1 ห่อจะได้แคลเซี่ยมสูงมาก
” เพราะฉะนั้นขนมคางกุ้ง โอคุสโน่ ก็อร่อย ดี และมีแคลเซียมสูง แถมช่วยลดคลอเรสเตอรอลในเส้นเลือดได้และมีไคโตซานจากคางกุ้งอีกด้วย “ คุณแพรเปิดเผลยด้วยความมั่นใจ
“เครื่องจักรไทย ไปไกลถึงครัวโลก”
ในส่วนของเทคโนโลยีการผลิตทางบริษัทได้ใช้ เครื่องจักรที่ โอคุสโน่ ที่เป็นของไทยทั้งหมด กุ้งก็กุ้งไทย ทุกอย่างที่ โอคุสโน่ ใช้เป็นของไทย จริง ๆ ก็คือช่วยในธุรกิจคนไทย เวลาซ่อมหรือแก้ไขก็ง่าย ถ้าเป็นของคนไทยก็จะสามารถเข้ามาได้ซ่อมแซมหรือปรับปรุงโดยที่ไม่ต้องรออะไหล่จากต่างประเทศ โอคุสโน่ ได้เล็งเห็นถึงจุดนี้แล้วตอบโจทย์ได้ดีกว่า และก็ไม่ทำให้การผลิตเสียหาย ตอนแรกก็คิดว่าเครื่องจักรของต่างประเทศดีกว่า แต่พอมาลองลงรายละเอียดแล้วจะพบว่า
- บริการคือต้องดีกว่าแน่ ๆ
- ราคาถูกกว่า
- สินค้าแต่ละชนิดมันไม่ต่างกัน
เราจะต้องมาลองดูว่าของเรามันเหมาะกับเครื่องจักรชนิดไหน ซึ่งคุณภาพที่ออกมาก็ไม่ได้ต่างกันเมื่อเทียบเท่ากับต่างประเทศ เพราะติดแค่คำว่า “ต่างประเทศดีกว่า” และอีกอย่างที่เราใช้ของคนไทย คือสะดวกและก็เร็วต่อกระบวนการผลิต ซึ่งบางครั้งเครื่องจักรบางตัวของต่างประเทศจะต้องใช้เวลาการผลิตนาน เช่นสมมุติว่าเราใช้เครื่องต่างประเทศทอดเครื่องของต่างประเทศจะต้องใช้เวลาถึง 30 นาที แต่ถ้าเป็นไทยจะใช้แค่ 10นาที ซึงสามารถแจ้งให้เขาปรับให้เป็นสเป็คเดียวกับต่างประเทศได้ ต่างจากเครื่องต่างประเทศถ้ามาสเป็คเดียวก็จะใช้สเป็คเดียว
รสชาติความเป็นไทยของ โอคุสโน่
โอคุสโน่ มีรสชาติความเป็นไทยทั้งหมด 5 รส คือ รสดังเดิม, รสต้มยำ, รสแกงเขียวหวาน, รสผัดไท, รสแกงกะหรี่ญี่ปุ่น ซึ่งเป็นรสชาติไทยที่ทาง โอคุสโน่เลือกคัดสรรค์เพื่อผู้บริโภค
Packaging ช่วยเพิ่มมูลค่าสินค้า
อย่างไรก็ดีแม้คางกุ้งทอดกรอบจะอร่อย มีคุณค่า แต่ตัว Packaging ออกแบบกันเองโดยให้รุ่นน้องวาดรูปให้ เดิมมี 3 รสชาติ รสดั้งเดิม,รสแกงเขียวหวาน และรสต้มยำ แต่ละซองก็ออกแบบแตกต่างกันไป เพื่อให้ผู้บริโภคจดจำได้
- รสดั้งเดิม เป็นรูปคุณแพร ( สีเหลือง )
- รสต้มยำ เป็นรูปน้องชายคนเล็ก ( สีส้ม )
- รสแกงเขียวหวาน เป็นรูปน้องชายอีกคนชื่อเพชร ( สีเขียว )
เพื่อให้ลูกค้าจดจำแต่ละรสชาติได้เร็วนั้นเอง และอีก 2 รสชาติ คือ รสผัดไทยและรสแกงกะหรี่ญี่ปุ่น เป็นเพื่อนร่วมธุรกิจกันจากรายการ SME ตีแตก เนื่องจากคุณแพรได้รับรางวัลชนะเลิศจากรายการนี้ เป็นแชมป์ประจำปี 2015 แข่งขันกันจาก 200 ธุรกิจ คุณแพรชนะได้เป็นที่ 1 ดังนั้นจากการแข่งขันในรายการนี้ ทำให้ได้จากการเป็นคู่แข่งในรายการ กลายมาเป็นเพื่อนที่สนิทกันและคอยช่วยเหลือกันมากตลอด
การตลาดใช่ 3 ช่องทาง
ในเรื่องการทำการตลาดถือว่าเป็นหัวใจของ โอคุสโน่ ใช้การสำรวจการกดไลค์จากเฟสบุ๊ค ปรากฏว่า จะมีทุกกลุ่มแต่ที่เน้น คือคนที่มีกำลังซื้อ จะเป็นเรื่องของกลุ่มพนักงานออฟฟิตหรือว่าคุณพ่อคุณแม่ที่ต้อการซื้อไปให้น้องๆทานก็จะได้ 2กลุ่มนี้ และ ร้านค้าที่มีหน้าร้านเอง ขายของฝาก ของสุขภาพ จะมีการติดต่อ ซึ่ง โอคุสโน่ ขายให้กับกลุ่มตรงนี้ด้วย พร้อมลูกค้ากลุ่มออนไลค์ โอคุสโน่ คางกุ้งทอดกรอบมีจัดจำหน่ายอยู่ทั่วประเทศ เช่น 7-11, Tops market, SE-ED ทั่วประเทศ ,เถ้าแก่น้อยแลนด์, ร้าน Tsuruha, ร้านกาแฟพันธุ์ไทย, ปั๊มน้ำมันPT, The Mall ทุกสาขา, Gourmet Market, Home Freshmart, SIAM PARAGON, เอ็มโพเรียม, เอ็มควอเทียร์, ร้านสุขภาพทั่วไปทั่วประเทศ, ร้าน Betagro. ร้านหงส์ทอง เป็นต้น ในส่วนต่างประเทศได้แก่ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ใต้หวัน ฮ่องกง เป็นต้น
ได้ อย. ,GMP ,Halan ภายในครั้งเดียว”
ด้วยที่โอคุสโน่ คางกุ้งทอดกรอบ อยู่ในเขตพื้นที่จังหวัด สมุทรปราการ ดังนั้นคุณแพรจึงได้มีการขอมาตรฐาน อย. GMP และHalal ด้วยมาตรฐาน อย. เป็นพื้นฐานที่สุดของประเทศไทย เน้นในเรื่องความสะอาด และเรื่องของ GMP เป็นมาตรฐานที่ค่อนข้างละเอียดและเข้มงวด ทั้งในการตรวจรับวัตถุดิบภายในที่เข้าออก และการตรวจสอบย้อนกลับได้ว่า 1ห่อ มีที่มาที่ไปอย่างไร วัตถุดิบที่นำมาผลิตเป็นวัตถุดิบรอบไหน กว่าจะออกมาเป็นขนม 1 ห่อ และสุดท้าย มาตรฐาน Halal จะเน้นในเรื่องความสะอาดเป็นหลัก การล้างน้ำในขั้นตอนของมาตรฐานนี้ เป็นหัวใจสำคัญที่สุด ดังนั้นทางโอคุสโน่จะมีการทำความสะอาดค่อนข้างเยอะ เน้นย้ำจุดนี้เป็นพิเศษ และโอคุสโน่ ก็ได้มีการปฏิบัติตามมาตรฐานทั้งหมดเพื่อผู้บริโภคทั้งสิ้น
ด้วยรางวัล 1 ล้านบาทจากรายการ SME ตีแตกมาขยายงาน
ย้อนกลับไปในปี 2558 โอคุสโน่ได้ออกรายการ SME ตีแตก เมื่อปี 2015 สิ่งแรกที่เราเห็นเป็นเจ้าของธุรกิจ ตาหยี ตัวเล็ก ยิ้มเก่ง ตอบคำถามฉะฉาน จนกรรมการสุดโหดทั้ง 7 ท่าน โหวตให้ขนมคางกุ้ง โอคุสโน่ เป็นผู้ชนะในรายการ ถามถึงการเริ่มต้นธุรกิจ หากย้อนไปก่อนหน้านั้นก่อนจะเป็นที่รู้จัก คุณแพรก็ได้มีการทำธุรกิจเล็ก ๆ คือ“ไอศกรีมสัปปะรด” ธุรกิจเล็กๆที่มีการรับซื้อมาและขายไป โดยที่จ้างโรงงาน OEM ให้ทำไอศกรีมส่งให้ และทางคุณแพรจะทำเปลือกสัปปะรดเอง โดยการที่คว้านแกนข้างในสับปะรดออกและนำไอศกรีมใส่ในลูกสัปปะรดและจำหน่ายให้กับร้านอาหาร จึงได้นำเงินจากตรงนี้มาต่อยอดธุรกิจคางกุ้งโอคุสโน่ จนกระทั่งได้มีออกรายการ SME ตีแตก จาก 200ธุรกิจ แข่งขันกันจนได้เป็นที่ 1 และเป็นแชมป์ประจำปี 2015 ของรายการ SME ตีแตก ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น และได้รับเงินรางวัล 1ล้าน เพื่อต่อยอดธุรกิจ กระทั้งขยายกิจการมาเป็นที่ยอมรับของท้องตลาดและมีการส่งออกทั้งในและต่างประเทศ ณ ตอนนี้
“ โอคุสโน่ อยากให้คนไทยรู้จักคางกุ้งเยอะขึ้น และได้ช่วยเหลือเกษตรกรเพื่อเพิ่มมูลค่า คางกุ้ง ”
คุณว่า จริงๆแพรมีวิสัยทัศน์แล้ว คิดว่าโอคุสโน่ ยังไม่ประสบความสำเร็จ เพราะต้องการให้คนไทยทั้งประเทศได้ยินคำว่า “คางกุ้ง” แล้วไม่สงสัย ว่าคางกุ้งคืออะไร? กุ้งมคางด้วยร่อ? ต้องการให้คนทั้งประเทศรู้ว่า “กุ้งมันมีคาง และโอคุสโน้ป็นคนแรกที่คิดคำว่า ค้างกุ้ง ขึ้นมา” และมันยังสามารถนำมาทำขนมได้ นี่เป็นจุดที่คุณแพรมองไว้ ส่วนในเรื่องของมูลค่าก็เพียงพอสำหรับตัวเราแล้ว แต่ด้วยความที่ธุรกิจต้องเดินไปข้างหน้าจะมีคู่แข่งจะต้องมีเรื่องของการตลาดที่เพิ่มขึ้นในมูลค่าของธุรกิจออกไปด้วยในส่วนนี้ คุณแพรได้มีมุมมองว่าถ้าวันที่เราโตขึ้นก็อยากจะช่วยเหลือเกษตรกรให้เพิ่มรายได้จากที่เปลือกกุ้งราคาต่ำ แต่ก่อนเกษตรกรขายทิ้งอยู่ที่ 3 – 5 บาท / กิโลกรัม แต่คุณแพรได้รับซื้อและให้ราคากับเกษตรกรเพิ่ม 3 – 4 เท่า เพื่อยกระดับคุณภาพของคนไทยให้มีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นการช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเอง แบบเราอยู่ได้ เขาอยู่ได้
ธุรกิจ โอคุสโน่ จะไม่เกิดขึ้นถ้าวันนั้นไม่เกิดความสงสัยจากหัวกุ้งที่ทิ้งบนโต๊ะ ผสมผสานกับไอเดีย เพื่อต่อยอดจนเกิดเป็นธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ ถ้าวันนั้นคุณแม่ของคุณแพรไม่ทำเมนูอาหารที่มีกุ้ง วันนี้เราก็คงไม่ได้รู้จักขนมคางกุ้ง โอคุสโน่ เจ้าแรกของประเทศไทย นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมักบอกเสมอว่า “ สมบัติล้ำค่า อยู่แค่สายตาที่มองเห็น ” ประโยคนี้ฟังครั้งแรกเหมือนพูดเท่ พูดหล่อแล้วก็จบไปจนวันหนึ่ง วันที่มีคนทำสำเร็จแล้วพูดประโยคนี้อีกครั้ง และ โอคุสโน่ ก็ยังมีการก็มีการขยายธุรกิจส่งออกไปยังต่างประเทศอีกหลายๆประเทศ และเป็นขนมที่เป็นทุกคนยอมรับในชื่อ “ Okusno คางกุ้งทอดอบกรอบ ” ที่วันนี้แจ้งเกิดทางธุรกิจเต็มตัวเป็นธุรกิจที่สอดคล้องกับ นโยบายรัฐบาลที่เน้นนวัตกรรมไทยแลนด์ 4.0 โดยตรง