ฟาร์มจิ้งหรีด การเลี้ยงจิ้งหรีดพันธุ์ทองแดงลาย ต้นทุนไม่สูง รายได้ดีกว่าพันธุ์อื่น

โฆษณา
AP Chemical Thailand

เมื่อการบริโภคอาหารภายในประเทศยังคงเปิดกว้างสำหรับทุกกลุ่ม ตลาด และการทำธุรกิจก็เช่นกันยังคงมองหาช่องทางในการริเริ่มหรือพัฒนาธุรกิจที่เหมาะ และให้ผลตอบแทนในการทำธุรกิจของตัวเองบนพื้นฐานความต้องการปัจจัย 4 ของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการ ทั้งรายใหญ่ หรือรายย่อย ต่างก็มองเห็นว่า “อาหาร” คือ สิ่งที่มนุษย์ขาดไม่ได้ และจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน

อาหารหลากหลายรสชาติ เช่น เผ็ด เค็ม เปรี้ยว และหวาน ผสมผสานทำให้เกิดความอร่อย รสชาติของสัตว์ชนิดต่างๆ ก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหมู เนื้อไก่ เนื้อวัว หรืออื่นๆ จะมีรสชาติโดยตามธรรมชาติของสัตว์ชนิดนั้นๆ รวมถึงแมลง อย่าง “จิ้งหรีด”

เดิมที “จิ้งหรีด” เป็นแมลงที่อาศัยอยู่ตามธรรมชาติ แต่เมื่อการบริโภคและความต้องการมีมากขึ้น การเพาะเลี้ยงจึงเป็นการตอบโจทย์ของผู้บริโภคและทำในเชิงธุรกิจกันแพร่หลาย

1.คุณสิทธิเดช-คำสุม
1.คุณสิทธิเดช-คำสุม เจ้าของ ฟาร์มจิ้งหรีด

สภาพพื้นที่ ฟาร์มจิ้งหรีด

“ ฟาร์มจิ้งหรีด ท่าพล เพชรบูรณ์” ก็เช่นกัน เป็นอีกหนึ่ง ฟาร์มจิ้งหรีด ที่หันมาพัฒนาการเลี้ยงให้เป็นในรูปแบบการเลี้ยงครบวงจร เริ่มตั้งแต่การเพาะเลี้ยง ขยายพันธุ์ ตลอดจนจำหน่ายอาหารสำหรับเลี้ยงจิ้งหรีดโดยตรง

ตลอดระยะเวลา 2 ปี ในการทำ ฟาร์มจิ้งหรีด เพียงแค่เห็นเขาเลี้ยงกันแต่เลี้ยงกันแบบเล็กๆ จึงเกิดความคิดริเริ่มโดยการซื้อพันธุ์จิ้งหรีดมาขยาย จากการเริ่มเลี้ยงจำนวน 1 กล่อง ขนาดความกว้าง 120 ซม. ยาว 240 ซม. และสูง 60 ซม. ก่อน เนื่องจากสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวกกว่าบ่อปูนซีเมนต์ จากนั้นเล็งเห็นว่าความต้องการของตลาดและผู้บริโภคมากขึ้น จึงเริ่มขยายขนาดของฟาร์ม ปัจจุบันมี 30 กล่อง ใช้พื้นที่ในการเลี้ยงประมาณ 1 งาน

เป็นเจ้าของและดูแลฟาร์มโดย คุณสิทธิเดช คำสุม อายุ 37 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยนเรศวร จังหวัดพิษณุโลก ด้านสาธารณสุขศาสตร์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเจ้าพนักงานสาธารณสุข เป็นหมออนามัยประจำอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์ แต่เนื่องจากทางบ้านอาศัยอยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่ จึงเลี้ยงจิ้งหรีดเป็นอาชีพเสริม เพราะสามารถช่วยกันดูแลในด้านต่างๆ ได้อย่างทั่วถึง

โฆษณา
AP Chemical Thailand

เห็นได้ว่าการทำธุรกิจแบบครอบครัวอย่างเขา ลักษณะโรงเรือนจึงเป็นแบบต่อเติมจากชายคาบ้านพัก อาศัยบังแดด บังฝน และลม รูปแบบจึงไม่ชัดเจนมากนัก เพราะไม่มีผลต่ออัตราการผลิต ณ ปัจจุบัน

2.กล่องเลี้ยงจิ้งหรีด
2.กล่องเลี้ยงจิ้งหรีด

การเพาะเลี้ยงจิ้งหรีด

การลงทุนในครั้งแรก เขาเล่าว่า “เริ่มแรกซื้อไข่จิ้งหรีดจากที่อื่นเข้ามา 25 ขัน ขันละ 100 บาท นำมาเลี้ยงในกล่องไม้ที่สร้างขึ้นจากวัสดุที่มีอยู่แล้วที่บ้าน แต่แผ่นสมาร์ทบอร์ดจะต้องซื้อจากที่อื่นมาประกอบกันให้เป็นรูปลักษณะกล่อง โดยมีแผ่นใหญ่ด้านล่าง 1 แผ่น และแผ่นยาวอีก 3 แผ่น โดย 1 ใน 3 จะตัดแบ่งครึ่ง 1 แผ่น เพื่อประกบกันได้พอดี”

แผงไข่ ใน ฟาร์มจิ้งหรีด
แผงไข่ ใน ฟาร์มจิ้งหรีด
ถาดอาหาร
ถาดอาหาร
จานรองขาตู้
จานรองขาตู้

ส่วนอุปกรณ์ที่ใช้ในการเลี้ยงจิ้งหรีดจะประกอบไปด้วย

  • แผงไข่
  • ถาดน้ำ
  • ถาดอาหาร
  • จานรองขาตู้ (เอาไว้ป้องกันมด)
  • ผ้ามุ้งสีเขียว เอาไว้ปิดด้านบนเพื่อป้องกันศัตรูของจิ้งหรีด เช่น จิ้งจก และตุ๊กแก อีกอย่างป้องกันจิ้งหรีดไต่ออกมาด้านนอกของกล่อง

จากประสบการณ์การเลี้ยงจิ้งหรีดพันธุ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแมงสะดิ้ง หรือจิ้งหรีดพันธุ์ทองดำ แต่พันธุ์จิ้งหรีดที่กล่าวมาข้างต้นทางฟาร์มไม่ได้เลือกเลี้ยง ณ ปัจจุบันเลี้ยงพันธุ์ทองแดงลาย เพราะมันค่อนข้างจะทนต่อโรค เจริญเติบโตเร็ว และที่สำคัญขายง่าย เป็นที่ต้องการของตลาด

3.ให้อาหารสำเร็จรูปจิ้งหรีด
3.ให้อาหารสำเร็จรูปจิ้งหรีด

การให้อาหารและน้ำจิ้งหรีด

วิธีการเลี้ยงจะให้อาหารสำเร็จรูปที่ใช้เลี้ยงจิ้งหรีดโดยเฉพาะ ซึ่งเป็นผงละเอียดกว่าอาหารไก่ ส่วนอาหารเสริมจะเป็นจำพวกผัก เช่น ผักโขม ข้าวโพด หยวกกล้วย และพืชทั่วไปตามฤดูกาล โดยนำไปวางไว้ในกล่องเลี้ยงจิ้งหรีด หลังจากให้อาหารเสร็จ

ส่วนเทคนิคการให้อาหารของทางฟาร์มจะใช้น้ำธรรมดาจากประปาทั่วไปผสมกับอาหารสำเร็จรูป นำไปวางให้จิ้งหรีดกินเช้า-เย็น เพื่อเป็นการลดปัญหาจิ้งหรีดท้องอืด และจิ้งหรีดจะกินง่ายขึ้น

อีกวิธีหนึ่งจะให้จิ้งหรีดกิน “หยวกกล้วย” เพราะหยวกกล้วยมันจะมีน้ำอยู่ เมื่ออากาศร้อนจิ้งหรีดอยู่กันอย่างหนาแน่นจะเกิดภาวะเครียด แต่พอเอาหยวกกล้วยให้มันเกาะกินก็จะสามารถลดความเครียดลงได้ ช่วยให้มันไม่กัดกัน

โฆษณา
AP Chemical Thailand
4.บรรยากาศภายในกล่อง
4.บรรยากาศภายในกล่อง

การฟักไข่จิ้งหรีด

ระยะเวลาในการเลี้ยงจะใช้เวลาประมาณ 45 วัน ก็จะโตเต็มวัยจึงจะจับขายได้ โดยแบ่งเป็นช่วงตั้งแต่ฟักไข่จนออกมาเป็นตัว ช่วงนี้จะใช้เวลาประมาณ 7-10 วัน จากนั้นจะเลี้ยงไปอีก 1 เดือน ก่อนจะจับจำหน่าย ให้สังเกตเสียงร้องของมันเพราะเป็นช่วงที่จิ้งหรีดต้องการวางไข่ โดยนำภาชนะที่ใส่แกลบดำ เช่น ขันพลาสติก ไปวางไว้เพื่อเป็นที่วางไข่ของจิ้งหรีด ประมาณ 12 ชั่วโมง จึงนำออกจากกล่องเพื่อเลี้ยงรุ่นต่อไปหรือไว้จำหน่าย

ส่วนการเลี้ยงจิ้งหรีด เมื่ออายุประมาณ 20 วัน สามารถกำหนดเพศของจิ้งหรีดได้ โดยการให้อาหารที่มีโปรตีนในปริมาณมากกว่าปกติ ควรไม่น้อยกว่า 21% เพื่อกำหนดให้เป็นเพศเมียมากกว่าเพศผู้ เนื่องจากขนาดของตัวที่ใหญ่กว่า มีไข่ มีน้ำหนักมากขึ้น และที่สำคัญรสชาติจะอร่อย เป็นที่นิยมของผู้บริโภค

5.โรงเรือนเลี้ยงจิ้งหรีด
5.โรงเรือนเลี้ยงจิ้งหรีด

การบริหารจัดการการเลี้ยงจิ้งหรีด

“แต่ปัญหาและอุปสรรคในการเลี้ยงจิ้งหรีดพบมากในช่วงหน้าหนาว เพราะปกติจิ้งหรีดจะชอบอากาศร้อนชื้นมากกว่า เนื่องจากจิ้งหรีดเป็นสัตว์เลือดเย็น พอเจออากาศเย็นๆ มันจะไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ ไม่สามารถเดินไปกินอาหารที่เตรียมไว้ ทำให้จิ้งหรีดตายหรือโตช้า อาจจะใช้เวลาในการเลี้ยงมากขึ้นกว่าปกติถึง 2 เดือน แต่ถ้าหน้าร้อนมันจะโตเร็วขึ้น กินอาหารและน้ำได้ดี จากประสบการณ์โดยตรง” เขากล่าว

หลังจากจับจิ้งหรีดแล้วจะทำการพักเล้าและทำความสะอาดกล่องเลี้ยงจิ้งหรีด โดยนำไปตากแดดเพื่อเป็นการฆ่าเชื้อโรคอีกวิธีหนึ่ง ส่วนขี้จิ้งหรีดจะเก็บใส่ถุงปุ๋ยไว้จำหน่ายถุงละ 30 บาท บรรจุ 30 กิโลกรัม ต่อถุง เพราะสามารถนำไปใส่แปลงพืชผักสวนครัว แทนการใช้ปุ๋ยเคมี

6.จำหน่ายไข่จิ้งหรีด-และอุปกรณ์การเลี้ยงจิ้งหรีด
6.จำหน่ายไข่จิ้งหรีด-และอุปกรณ์การเลี้ยงจิ้งหรีด

ด้านตลาดและการจำหน่ายจิ้งหรีด

ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงจิ้งหรีดส่วนใหญ่จะเป็นค่าอาหารเฉลี่ยประมาณ 1 ถุงครึ่ง-2 ถุง/1กล่อง/1 รอบการเลี้ยง แต่รายได้หักค่าใช้จ่ายแล้วเหลือประมาณ 3-4 หมื่น/รอบ โดยคุณแม่ของคุณสิทธิเดชเป็นคนดูแลการเงินทั้งหมด

ลักษณะการขายจะแบ่งเป็น 2 แบบ ขายปลีกและขายส่ง ด้านราคาจะแตกต่างกันเล็กน้อย อย่างมารับเองประมาณ 200-300 กิโลกรัม ทางฟาร์มจะขายในราคากิโลกรัมละ 110 บาท หากเป็นรายย่อยจะขายในราคา 120 บาท ต่อกิโลกรัม ส่วนลูกค้าที่ซื้อ-ขายกับทางฟาร์มเป็นประจำอยู่ที่ระยอง

โฆษณา
AP Chemical Thailand

โดยมารับเองที่ฟาร์ม แต่หลักๆ ลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นคนในพื้นที่ตามตลาดและตลาดนัด เพราะทางฟาร์มจะมีการแปรรูปโดยการทอดให้มีรสชาติต่างๆ จำหน่าย ส่วนในอนาคตหากราคาจิ้งหรีดมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ทางฟาร์มจะทำการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ของฟาร์ม เช่น ทำน้ำพริกที่มีส่วนผสมของจิ้งหรีด เป็นต้น

หากมองภาพรวมในการเลี้ยงจิ้งหรีด ทางด้านจุดแข็งจะเป็นเรื่องของระยะเวลาในการเลี้ยงที่สั้น การจัดการง่าย ได้ผลตอบแทนเร็ว และที่สำคัญต้นทุนด้านการผลิตต่ำ ส่วนจุดอ่อนคงมองที่ตลาดมากกว่า หากการเลี้ยงจิ้งหรีดมีมากขึ้น จิ้งหรีดล้นตลาดส่งผลให้ราคาอาจลดลง หรือบางรายมีจิ้งหรีดด้อยคุณภาพ ตัวเล็ก ขายในราคาถูกกว่าท้องตลาด ทำให้มีข้อเปรียบเทียบ อาจส่งผลกระทบกับทางฟาร์มและในอนาคต

“ส่วนข้อได้เปรียบของทางฟาร์ม คือ คุณภาพที่ทางฟาร์มจะเน้นมาก ส่วนทางด้านคู่แข่งคงมองว่าเราเลี้ยงจิ้งหรีดค่อนข้างเยอะ คนในพื้นที่เขาจะทำกันน้อย เพียงแค่ 1-2 กล่อง อีกอย่างทางฟาร์มจะทำการแปรรูปสินค้าเพื่อรองรับตลาดที่หลากหลายขึ้น” คุณสิทธิเดชให้ความเห็น

7.จิ้งหรีด
7.จิ้งหรีด

ฝากถึงผู้อ่านและเกษตรกรที่สนใจทำ ฟาร์มจิ้งหรีด

“สิ่งที่อยากจะฝากถึงผู้อ่านหรือเกษตรกรที่คิดจะเริ่มทำ ฟาร์มจิ้งหรีด อย่างแรกก่อนที่จะลงมือทำควรศึกษาตลาดก่อนเป็นอันดับแรกว่าเราจะไปขายที่ไหน ถ้าเราขายเอง เราจะขายเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องรอคนรับซื้อมารับ เพราะถ้ารอคนรับซื้อ หากราคาทางเราสูงกว่าที่อื่นเขาอาจจะไปซื้อที่อื่นที่มีราคาถูกกว่า

ส่วนอีกวิธีหนึ่งควรตั้งเป็นชมรม เป็นกลุ่ม อาจจะมากหรือน้อยก็ได้ เพื่อทำให้ตลาดมันกว้างมากขึ้น เพราะการเลี้ยงจิ้งหรีดสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ ถ้ารอบการเลี้ยงนี้ไม่ดีรอบหน้าก็เอาใหม่ ศึกษาให้ละเอียด รอบคอบ เช่น วงจรชีวิตของมัน เป็นต้น อีกอย่างอย่าลืมต้องดูแลเอาใจใส่ เพราะการเลี้ยงจิ้งหรีดถ้าเลี้ยงดีผลรับที่ได้ก็จะดีตามไปด้วย” เขากล่าวทิ้งท้าย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม นายสิทธิเดช คำสุม เจ้าของ ฟาร์มจิ้งหรีด 27/1 ม.4 ต.ท่าพล อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์ โทรศัพท์ 09-8753-6341 พันธุ์จิ้งหรีด

โฆษณา
AP Chemical Thailand