หมูอนุบาล ลูกหมูที่เพิ่งหย่านม เลี้ยงยังไงให้โตเร็ว แข็งแรง เพิ่มน้ำหนักดี

โฆษณา
AP Chemical Thailand

สำหรับเจ้าของฟาร์มสุกรเลี้ยงลูก “หมูอนุบาล” โดยทั่วไปส่วนใหญ่มีการบริหารจัดการเน้นการเลี้ยงให้ได้มาตรฐานBiosecurity ในเรื่องของการป้องกันโรคในฟาร์ม และการให้อาหารเพื่อขุนลูกหมูให้ได้น้ำหนัก ขายราคางาม ได้กำไรสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเหมาะสมและต้องปฏิบัติอยู่แล้ว

ทว่ามีผู้ประกอบการฟาร์มอีกจำนวนไม่น้อยที่อาจจะยังละเลย โดยมองข้ามไปที่ปลายทางสุดท้ายของการจับหมูขาย และผลตอบแทนหรือเม็ดเงินที่จะได้รับ โดยหลงลืมขั้นตอนการดูแลเอาใจใส่ “แม่ และ ลูกหมู” จึงทำให้ประสบปัญหาต่างๆ ที่ไม่คาดคิดตามมา และไม่เป็นไปตามเป้าหมาย อาทิเช่น แม่หมูป่วย ลูกหมูไม่กินอาหาร ผอมโซ เป็นโรคติดเชื้อ เกิดการสูญเสีย เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมส่งผลกระทบอย่างรุนแรงโดยตรงกับรายได้สำหรับผู้ประกอบการฟาร์มอย่างแน่นอน

โรงเรือนหมู
โรงเรือนหมู
1.ซ้อนิภา-เจ้าของวิรัตน์ฟาร์ม
1.ซ้อนิภา-เจ้าของวิรัตน์ฟาร์ม

การเลี้ยง หมูอนุบาล 

นิตยสารสัตว์บก ฉบับนี้เฉลิมฉลองปีใหม่ต้อนรับปี พ.ศ.2562 หรือ “หมูทอง” ที่มาถึง โดยขอพาผู้อ่านไปรู้จักกับฟาร์มเลี้ยงลูก หมูอนุบาล ที่ส่งขายใน จ.ราชบุรี และพื้นที่ใกล้เคียง โดยได้รับการเปิดใจจาก“ซ้อนิภา” เจ้าของวิรัตน์ฟาร์ม ที่มีการบริหารจัดการ ดูแลเอาใจใส่เลี้ยงลูก หมูอนุบาล การันตีได้เลยว่าไม่เหมือนใคร เพราะว่าฟาร์มแห่งนี้ “งานละเอียดมาก”  ซึ่งมีวิธีการดูแลเอาใจแม่หมู และลูกหมูทุกตัว “เสมือนลูก”

ซ้อนิภา เจ้าของวิรัตน์ฟาร์ม ได้ให้โอกาสและสละเวลามาเล่าถึงวิธีบริหารจัดการฟาร์มลูก หมูอนุบาล พร้อมเทคนิคการเลี้ยง และการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาหารที่ดีและมีคุณภาพ ของ “คาร์กิลล์” (Cargill Pig Booster) กับทีมงานนิตยสารสัตว์บก

ซ้อนิภาเล่าประวัติความเป็นมาของฟาร์มสุกรว่า ครอบครัวประกอบอาชีพทำฟาร์มหมูมาตั้งแต่สมัยรุ่นคุณพ่อ คุณแม่ เรียกได้ว่าการเลี้ยงหมูอยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว สำหรับฟาร์มหมูปัจจุบันที่ซ้อนิภาบริหารจัดการอยู่นั้น ยาวนานมากว่า 30 ปี ปัจจุบันจำแนกเป็นแม่พันธุ์จำนวน 600-700 แม่พันธุ์ และส่วนหนึ่ง คือ หมูอนุบาล โดยฟาร์มจำหน่ายทั้งแม่พันธุ์และลูกหมูให้กับลูกค้าเพื่อนำไปเลี้ยงขุนต่ออีกทอดหนึ่ง

2.การให้อาหารหมู
2.การให้อาหารหมู
อาหารหมูเล็ก-ยี่ห้อ-คาร์กิลล์
อาหารหมูเล็ก-ยี่ห้อ-คาร์กิลล์

การให้อาหารหมู

โดยวิรัตน์ฟาร์มจะขึ้นชื่อเรื่อง “ลูกหมูอ้วนท้วน สมบูรณ์ แข็งแรง น้ำหนักดี” ซึ่งเคล็ดลับซ้อนิภาเปิดเผยว่าเกิดจากองค์ประกอบหลายอย่าง แต่หัวใจสำคัญหลักๆ คือ “อาหาร” และ “การดูแลเอาใจใส่”

โฆษณา
AP Chemical Thailand

เรื่องอาหาร ที่ฟาร์มเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาหาร “คาร์กิลล์” (Cargill Pig Booster) ซึ่งใช้มาประมาณ 1 ปี จากเดิมที่ใช้ของเจ้าอื่น แต่สังเกตการใช้อาหารของเจ้าอื่นๆ สูตรจะไม่นิ่ง โดยเฉพาะสูตรให้ หมูอนุบาล พบปัญหา เช่น อาหารมีฝุ่น และสิ่งสกปรกแปลกปลอมบ้าง และค่อนข้างมีกลิ่นจากปลาป่นที่ผสมอยู่ค่อนข้างแรง ทำให้ลูกหมูไม่กินอาหาร หรือกินเหลือค้างรางอยู่บ่อยครั้ง ส่งผลให้ลูกหมูไม่เจริญเติบโต และขายไม่ได้ราคา

แต่พอได้มารู้จักกับเจ้าหน้าที่ของคาร์กิลล์ แล้วทดลองเปลี่ยนมาใช้ผลิตภัณฑ์อาหารคาร์กิลล์ (Cargill Pig Booster) เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดอย่างรวดเร็ว ลูกหมูกินอาหารเก่งขึ้น กินหมดทุกๆ รอบ เติบโตเร็ว สังเกตสรีระสมบูรณ์ แข็งแรง รูปลักษณ์ภายนอก ขนสวยมันเงางาม และมีผิวชมพูสวยใส และเรื่องของน้ำหนักลูกหมูก็เพิ่มขึ้นจากเดิมดีมาก อีกทั้งในส่วนของอัตราหมูป่วย และสูญเสียลดน้อยลงมาก หรือแทบจะไม่มีเลยก็ว่าได้ 

ซ้อนิภาเปิดใจต่อว่าผลิตภัณฑ์อาหารคาร์กิลล์มีโภชนาการสูง เทียบเท่ากับน้ำนมของแม่หมูที่ให้ลูกหมูกินช่วงแรกเกิด อีกทั้งสรรพคุณยังช่วยเสริมสร้างระบบภายใน ได้แก่ “ลำไส้ของหมู” เกิดการพัฒนาแข็งแรงยิ่งขึ้น  

ทั้งนี้อาหารของคาร์กิลล์ที่ใช้ในฟาร์มแบ่งเป็น “อาหารเบอร์เลียราง” 1211B ซึ่งจะให้จนกระทั่งลูกหมูหย่านม โดยจะให้อาหารเลียราง เพื่อฝึกความพร้อมในการกิน เพื่อให้ลูกหมูตอบสนองอาหารและกินได้เยอะขึ้น (ให้วันละ 2 รอบ คือ ครึ่งวันเช้า/ครึ่งวันบ่าย และค่อยเพิ่มปริมาณหากลูกหมูโตขึ้น) แล้วต่อด้วย “อาหารเบอร์อนุบาล” (122B)  โดยปริมาณการให้ทุกๆ 2 ชั่วโมง ในสัปดาห์แรกหลังจากหย่านม ต่อจากนั้นเมื่อเข้าสู่สัปดาห์ที่ 2 จะให้ทุกๆ  3 ชั่วโมง และเพิ่มปริมาณการให้  โดยสังเกตพฤติกรรมการกิน ถ้ามีการตอบสนองที่ดี ลูกหมูคุ้นชินกับอาหาร และกินอาหารได้ดี ลูกหมูจะกินและโตเร็วขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยสภาพแวดล้อมภายในฟาร์มด้วย เป็นต้น

3.ซ้อนิภา-เฮีย-และทีมงานคาร์กิลล์
3.ซ้อนิภา-เฮีย-และทีมงานคาร์กิลล์

ข้อดีของอาหาร

สำหรับข้อมูลพื้นฐานผลิตภัณฑ์อาหารคาร์กิลล์ (Cargill Pig Booster) อธิบายให้เข้าใจง่าย คือ เป็นผลิตภัณฑ์อาหารสุกรที่ได้รับการวิจัยและพัฒนา ผ่านการออกแบบและผลิตขึ้น โดยยึดหลักการสรีรวิทยาของลูกหมู เสมือนเป็นเด็กอ่อนเพิ่งคลอด ซึ่งตอนอยู่กับแม่จะกินอาหารของเหลว ได้แก่ น้ำนมแม่ และน้ำ แต่หลังจากผ่านการเลียราง หรือประมาณ 4 สัปดาห์หลังคลอด ต้องเปลี่ยนเป็นอาหารของแข็ง คือ อาหารเม็ด ซึ่งช่วงเวลานี้เป็นเรื่องท้าทายของเจ้าของฟาร์ม ในการเปลี่ยนให้ลูกหมูจากที่กินนมแม่ให้มากินอาหารเม็ดให้ได้โดยเร็วที่สุด

อีกทั้ง “ลูกหมูที่เพิ่งหย่านม” จะเริ่มมีพัฒนาการของระบบลำไส้ซึ่งยังไม่เต็มที่ กล่าวคือ ระบบการย่อยอาหารยังไม่ได้ประสิทธิภาพเท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้นคาร์กิลล์จึงพัฒนาเรื่องของอาหารให้สอดรับสรีรวิทยา/ ระบบย่อยของลูกหมู ให้อาหารสามารถย่อยได้ง่าย และ ดูดซึมได้ดี ผ่านเทคโนโลยีการผลิตอาหาร ซึ่งเป็นนวัตกรรมนำเข้าจากต่างประเทศ เรียกว่า เทคโนโลยี “คาร์โบเจล”

โฆษณา
AP Chemical Thailand

เทคโนโลยี “คาร์โบเจล” ในการผลิตอาหาร คือ “คาร์โบไฮเดรตที่เป็นเจล” นำมาผ่านกระบวนการผลิตอาหารโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อให้ลูกหมูกินแล้วย่อยได้ง่ายที่สุด และอาหารมีความหอม มีความน่ากิน เมื่อโรยใส่ในราง ลูกหมูจะวิ่งเข้ามากินอย่างพร้อมเพรียง ตอบสนองในเรื่องการรับรู้อาหารได้ดี และกินง่ายขึ้น

ทั้งนี้เทคโนโลยีคาร์โบเจล คือการทำให้“แป้ง” ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของอาหารเกิดการแตกตัว ละลายเป็นเนื้อเดียวกันกับของเหลวในน้ำย่อยของระบบทางเดินอาหาร เมื่อลูกหมูกินอาหารเข้าไปจะเกิดการแตกตัวเป็นอนุภาคเล็กๆ ในน้ำย่อย ร่างกายดูดซึมนำไปใช้ได้หมด ดังนั้นโอกาสที่อาหารจะตกค้างนำพามาซึ่งเชื้อแบคทีเรียในเรื่องระบบขับถ่ายของลูกหมูก็จะหมดไป ไม่มีปัญหาสุขภาพเรื่องหมูท้องเสียอีก อีกทั้งยังทำให้ลูกหมูกินอาหารได้คล่อง กินเก่ง สุขภาพดี ลูกหมูโตไว

ในส่วนของมาตรฐานผลิตภัณฑ์อาหารคาร์กิลล์ มีกระบวนการคัดเลือกวัตถุดิบมาผลิตที่ได้คุณภาพ สอดคล้องกับสรีรวิทยาของลูกหมู เช่น วัตถุดิบโปรตีนที่สำคัญ จำพวก “โปรตีนจากพืช” ตระกูลเม็ดถั่ว, กากถั่วไม่มีเปลือก ฯลฯ โดยนำเมล็ดมานึ่งด้วยอุณหภูมิความร้อนสูง ทำให้สุก แล้วนำมาผลิตอาหาร ทำให้มีทั้งโปรตีนที่มีโภชนาการสูง ลดสารพิษตกค้าง และทำให้ลูกหมูย่อยง่าย กินดี และเจริญเติบโตดี

อีกทั้งบริษัทฯ ได้เข้าไปศึกษาวิจัยและพัฒนาร่วมกับเจ้าของฟาร์มแต่ละแห่งๆ เพื่อสำรวจ/เก็บข้อมูลพื้นฐาน พร้อมจัดตาราง/โปรแกรมการให้อาหาร (Feeding Program) ให้ลูกหมูได้กินอาหารในปริมาณที่เหมาะสมที่สุด และเพื่อให้เจ้าของฟาร์มลดต้นทุนเรื่องอาหาร/ค่ายา ลงไปด้วยเช่นกัน

4.ซ้อนิภาดูแลเอาใจใส่ลูกหมูทุกตัว
4.ซ้อนิภาดูแลเอาใจใส่ลูกหมูทุกตัว

การบำรุงดูแลเอาใจใส่หมู

อย่างไรก็ตามอาหารที่ได้คุณภาพ แต่หากเจ้าของฟาร์มขาดการดูแลเอาใจใส่หมูในฟาร์ม โอกาสที่จะประสบความสำเร็จ ผลิตลูกหมูได้คุณภาพ ส่งขายได้กำไรงาม คงเป็นเรื่องยาก เพราะฉะนั้นต้องพัฒนาและดูแลเอาใจใส่ควบคู่กันไป

 “ที่ฟาร์มเรามีการดูแลหมูที่แตกต่างจากฟาร์มอื่นๆ โดยทั่วไป ยกตัวอย่างเช่น การกระตุ้นให้ลูกหมูกินอาหาร ตั้งแต่ยังไม่หย่านมแม่ แต่เราจะเสริมนมผงที่ชงกับน้ำค่อยๆ ให้เสริมเข้าไป สลับกับการให้น้ำดื่มด้วย และจึงค่อยเสริมอาหารเลียราง และเสริมอาหารเม็ดเข้าไปตามลำดับ คราวนี้ลูกหมูจะตอบสนองรับรู้เรื่องอาหาร และกินอาหารได้หมดทุกอย่าง

โฆษณา
AP Chemical Thailand

นอกจากนี้ที่ฟาร์มยังทำโจ๊กให้ลูกหมู โดยนำอาหารเลียราง (1211B) ผสมกับนมผงที่ชงผสมกับน้ำให้ลูกหมูกินประมาณ 1-2 สัปดาห์ สังเกตดูหากลูกหมูแข็งแรงขึ้น จึงให้อาหารเลียรางและอาหารเม็ดแทนที่โจ๊ก ซึ่งหลังจากนั้นเมื่อให้อาหารเลียรางจนครบ 4 สัปดาห์ แล้วจะต่อด้วยอาหารอนุบาลทันที โดยให้อาหารเบอร์ 122, 123 ตามลำดับต่อไป” ซ้อนิภากล่าวเสริม

สำหรับจุดเด่นของฟาร์มที่มีการดูแลเอาใจใส่หมูทุกตัวไม่เหมือนฟาร์มอื่นๆ ซ้อนิภาได้ยกตัวอย่างแค่เพียงส่วนหนึ่ง อาทิเช่น การตัดเล็บให้แม่หมู, การตัดขนที่หางของแม่หมู เพื่อป้องกันการติดเชื้อในขณะคลอดลูก ซึ่งเลือดที่ติดที่หาง แม่หมูจะปัดไป-ปัดมา ทำให้ลูกที่คลอดออกมาใหม่อาจทำให้ติดเชื้อได้ และการปูพรมรองพื้นในโรงเรือนสำหรับคลอดลูกหมู เมื่อลูกหมูคลอดออกมาจะได้ไม่ตกถึงพื้น และลูกหมูจะได้ไม่ติดเชื้อ เมื่อลูกหมูคลอดออกจากแม่แล้ว จะใช้ผ้าดิบเช็ดเลือดที่ตัวลูกหมู หลังจากนั้นจะห่อด้วยผ้าดิบอีกครั้งพร้อมโรยแป้ง เพื่อเป็นการให้ความอบอุ่น เป็นการป้องกันเชื้อโรค ทำให้ลูกหมูฟื้นตัวเร็วขึ้น และสามารถเดินมากินอาหารต่อได้เร็วขึ้น ฯลฯ

5.บรรยากาศในคอกหมู
5.บรรยากาศในคอกหมู

การบริหารจัดการฟาร์มหมู

ด้านการดูแลจัดการฟาร์มในแต่ละวัน ยกตัวอย่างเช่น จะมีคนงานแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบอย่างเป็นระบบ เริ่มจากให้อาหารแม่พันธุ์ และจะมีคนงานช่วยทำความสะอาดขี้หมูภายในคอก, การล้างทำความสะอาดรางอาหาร ไปจนถึงการใช้ผงซักฟอกขัดทำความสะอาดพื้นในโรงเรือน (ต้อนลูกหมูออกก่อน) เพื่อขจัดคราบมันและสิ่งสกปรก ช่วยทำให้คอกไม่อับชื้น หลังจากคอกแห้งมีการโรยแป้ง และ “ปูพรมรองพื้น” โดยคนงานทุกคนจะรู้หน้าที่ และมีสัตวบาลคอยช่วยดูแลความเรียบร้อยเสริมอีกด้วย 

ในส่วนมาตรฐาน Biosecurity หรือระบบความปลอดภัย การป้องกันเชื้อในฟาร์ม ซ้อนิภากล่าวเสริมว่าได้ปฏิบัติตามมาตรฐานทุกอย่าง เช่น การทำวัคซีนให้ตามโปรแกรม เช่น โรคเพิร์ส ในสุกร และกระตุ้นเซอร์โคไวรัส ฯลฯ  และมีการพ่นสเปรย์ บุคคลภายนอกเข้า-ออกฟาร์ม, มีบ่อฆ่าเชื้อ สำหรับบุคคลภายนอก และรถที่ขับเข้า-ออกตลอดเวลา หรือแม้กระทั่งลูกค้าที่มาซื้อหรือมาดูลูกหมูก็จะให้รออยู่ด้านนอก หรือดูผ่านกล้องวงจรปิด หรือถ่ายรูปส่งไปให้ดูผ่านการสื่อสารทุกช่องทางในเบื้องต้นก่อน เป็นต้น

6.คอก หมูอนุบาล
6.คอก หมูอนุบาล

ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายหมู

ด้านการตลาดและช่องทางจำหน่าย ซ้อนิภาเผยว่าได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าหลายๆ ราย ต่างเชื่อมั่น และบอกกันปากต่อปาก

 ในตอนท้ายซ้อนิภาได้กล่าวฝากถึงผู้ประกอบการฟาร์มเลี้ยงสุกรด้วยว่า “เราเลี้ยงสัตว์ที่มีชีวิต เพราะฉะนั้นต้องเอาใจใส่ เพราะพวกเขาก็มีชีวิตเหมือนกับคน และต้องเอาตัวเราไปสัมผัส ลงไปคลุกคลีในฟาร์ม สัมผัสสภาพแวดล้อมในฟาร์ม ว่าปลอดโปร่งโล่งสบาย หรือรู้สึกเครียด อึดอัด หรือไม่อย่างไร และหาทางแก้ไข กล่าวคือ ให้เปรียบเทียบกับตัวเอง ซึ่งหมูก็จะมีความรู้สึกไม่แตกต่างจากคนเช่นกัน

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ทั้งนี้หากผู้ประกอบการฟาร์มหมั่นดูแลเอาใจใส่ สิ่งที่ได้ทำไปจะเห็นผลและมีคุณค่า ลูกค้าจะให้ความเชื่อมั่นกลับมาซื้อลูกหมูซ้ำ เป็นลูกค้าที่ดีในระยะยาว ซึ่งที่ฟาร์มจะมีการคัดสรรลูกหมู มีการถ่ายรูป ส่งวีดีโอให้ลูกค้าดูประกอบก่อนการตัดสินใจทุกครั้ง

 ซึ่งภายหลังเมื่อลูกค้ารับลูกหมูเราไปเลี้ยง ลูกค้าจะโทรศัพท์ติดต่อมาอีกว่า รอบต่อไปขอจองอีก ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าจะจองล่วงหน้า เรียกได้ว่าปัจจุบันในแต่ละรอบผลิตลูกหมูไม่ทันขาย ลูกหมูทุกตัวที่เกิดใหม่ในฟาร์มเรา มีเจ้าของและถูกจองหมดทุกๆ รอบการเลี้ยงแล้วค่ะ” ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ มีประโยชน์ กับเกษตรกร จาก วิรัตน์ฟาร์ม จังหวัดราชบุรี