ดอกดาวเรือง ชื่อ ภาษาอังกฤษ คือ Marigold เพราะดอกดาวเรืองมีสีเหลืองทอง ภาษาเหนือเรียก ดอกคำปู้จู้ เป็นดอกไม้ ที่ได้รับความนิยมตลอดกาลของประเทศไทย โดยเป็นพันธุ์ไม้ที่นิยมนำมาใช้ในการประกอบพิธีการต่างๆ หรือไม่ก็นำไปกราบไว้บูชาสิ่งศักดิ์ หรือ การปลูกดอกดาวเรือง เพื่อเพิ่มความสวยงามก็มี
ทั้งนี้ดอกดาวเรืองไม่ใช่เพียงแค่นำไปประกอบพิธีการสำคัญ หรือไว้ประดับเท่านั้น ยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเวชสำอาง หรือเครื่องดื่มไว้สำหรับบริโภคก็ทำได้เช่นกัน
สภาพพื้นที่ปลูกดอกดาวเรือง
การปลูกดอกดาวเรือง นั้นเป็นไม้พันธุ์เศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทย เพราะว่าจะใช้ในประเทศเอง หรือมีการนำส่งออกไปยังต่างประเทศ ก็มีการยอมรับในพันธุ์ไม้ชนิดนี้อย่างกว้างขวาง ซึ่งดอกดาวเรืองเองสามารถเพาะปลูกได้ทุกภูมิภาคของประเทศไทย อีกทั้งยังไวต่อสภาพอากาศในเมืองไทย การปลูกดอกดาวเรือง ไม่ใช่เรื่องยุ่งยากมากนัก ต้องอาศัยหลักความเข้าใจและการดูแล เพื่อที่จะได้ผลผลิตที่ออกดอกสวยงาม และพร้อมจำหน่าย
การปลูกดอกดาวเรือง เป็นพันธุ์ไม้ที่สำคัญอย่างยิ่งของเมืองไทย เนื่องจากเป็นพันธุ์ไม้ที่มีการนำมาใช้ในการตกแต่งยังสถานที่ต่างๆ ในการประกอบพิธีการ ที่สำคัญทำให้เป็นพันธุ์ไม้ที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การดูแลและวิธีการเพาะปลูกนั้น ดอกดาวเรืองสามารถปลูกได้ง่าย และมีระยะเวลาในการเติบโตค่อนข้างเร็ว
ทำให้เกษตรกรหลายคนเริ่มที่จะหันมาปลูกมากขึ้น ที่สำคัญเลย คือ ดาวเรืองเป็นพันธุ์ไม้ที่มีหลายชนิด และหลายสี ส่งผลให้เกษตรกรที่มีการนำมาเพาะปลูกนั้นมีรายได้หลายทาง เป็นพันธุ์ไม้ที่มีสีสวย และให้ความสบายตาแก่ผู้พบเห็น ทำให้ดาวเรืองยังคงเป็นพืชที่เศรษฐกิจหลัก และเหมาะแก่การเพาะปลูกเพื่อจำหน่ายเป็นอย่างมาก
สายพันธุ์ดอกดาวเรือง
ก่อนที่เราจะลงไปถึงการปลูกดาวเรืองนั้น เรามาทำควรรู้จักเบื้องต้นเกี่ยวดอกไม้หรือไม้ดอกชนิดนี้กันก่อนดีกว่า ซึ่งแรกเริ่มเลยนั้นดอกดาวเรืองมีถิ่นกำเนิดที่ประเทศเม็กซิโก และแถบทวีปอเมริกาใต้ โดยส่วนใหญ่จะปลูกไว้เพื่อบูชาเทพเจ้า ก่อนที่จะเริ่มมีการขยายพันธุ์ไปยังที่ต่างๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย นอกจากนี้ดอกดาวเรืองในประเทศก็จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันตามภูมิภาคที่ปลูก นอกจากนี้ดอกดาวเรืองเองก็มีความหมายที่ดีเช่นกัน
โดยลักษณะทั่วไปของดอกดาวเรืองนั้นจะมีความสูงอยู่ที่ 25-60 เซนติเมตร ตัวดอกเป็นดอกกระจุกอยู่ด้วยกัน และมีหลากหลายสีสันที่แตกต่างกันออกไปตามแต่ละสายพันธุ์ โดยดอกดาวเรืองจะมีทั้งหมด 5 สายพันธุ์ด้วยกัน ได้แก่ สายพันธุ์อเมริกัน, สายพันธุ์ฝรั่งเศส, สายพันธุ์นักเก็ต, สายพันธุ์ซิกเน็ตและเรืองใบ
ในประเทศไทยนั้นมีการพบว่ามีการปลูกดาวเรืองเป็นจำนวนมากประมาณ 4000 กว่าไร่ ในประเทศไทย โดยแหล่งปลูกที่สำคัญนั้นกระจายไปยังภาคต่างๆ ในพื้นที่ที่มีการปลูกเฉพาะอยู่แล้ว ซึ่งตัวดอกดาวเรืองนั้นเป็นพันธุ์ไม้ที่ชอบแสงแดดยู่แล้ว อีกทั้งยังชอบดินที่มีการระบายน้ำที่ดี
โดยดินที่เหมาะแก่การปลูกนั้นควรจะเป็นดินร่วนปนทรายจะเหมาะสมที่สุด ซึ่งสายพันธุ์ที่นิยมนำมาปลูกในประเทศไทยนั้นจะเป็นสายพันธุ์ซอฟเวอร์เรนทอรีดอร์ และดับเบิ้ลอีเกิ้ล ซึ่ง 2 สายพันธุ์นี้จะให้ดอกที่หนาและใหญ่ โดยเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 8.5-10 เซนติเมตร ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่เหมาะแก่การจำหน่ายเป็นอย่างมาก เรามาดูขั้นตอนการปลูกดีกว่าว่ากว่าจะปลูกดอกดาวเรืองได้นั้นต้องเตรียมการอย่างไรบ้าง
วิธีการปลูกและบำรุงดูแลดอกดาวเรือง
การไถเตรียมดิน ซึ่งวิธีนี้ก็เป็นพื้นฐานของพืชผัก ผลไม้ และไม้ดอก แทบทุกชนิดอยู่แล้วว่า การไถเตรียมดินจะต้องเตรียมพื้นที่เพื่อที่จะปลูก โดยการเตรียมพื้นที่ของ การปลูกดอกดาวเรือง นั้นจะใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกหว่านลงดินประมาณ 1 ตันต่อไร่ และทำการยกร่องกว้างประมาณ 1 เมตร จากนั้นให้ทำการรดน้ำทิ้งไว้เป็นระยะเวลา 1 วันเพื่อให้ดินมีความชุ่มชื้น
ในการปลูกดาวเรืองนั้นควรขุดหลุมอย่างน้อยให้กว้างประมาณ 15 เซนติเมตร และระยะระหว่างแถวนั้นประมาณ 30 เซนติเมตร นอกจากนี้การใส่ปุ๋ยควรใส่ปุ๋ยสูตร 10-20-10 หรือสูตร 15-15-15 หรือสูตรใกล้เคียงกัน โดยใส่ในหลุม หลุมละ 1 ช้อนชา หลังจากนั้นให้เกลี่ยดินกลบเม็ดปุ๋ยเล็กน้อย โดยที่การปลูกดาวเรืองนั้นจะต้องไม่ให้รากสัมผัสกับปุ๋ยโดยตรง เพราะจะทำให้ใบเกิดอาการไหม้ได้ หรือไม่ก็จะเหี่ยวตายได้
หลังจากปลูกได้อายุตามที่กำหนดแล้ว เมื่อต้นกล้ามีอายุได้ 7-10 วันให้คัดแยกต้นกล้าขนาดวันดังกล่าวไว้ โดยการแยกจะต้องระมัดระวังเสียหน่อย เนื่องจากต้องนำดินที่มีรากของต้นกล้านั้นติดมาด้วย หลังจากนั้นก็ทำการปลูกในหลุมปลูกใหม่ที่มีการเตรียมไว้แล้ว และรดน้ำให้ชุ่ม หลังจากนั้นให้รดน้ำต่อเนื่องในช่วงเช้าและเย็น ประมาณ 1 อาทิตย์ พอต้นกล้าเริ่มที่จะอยู่ตัวแล้ว ให้ลดการรดน้ำลงเหลือวันละ 1 ครั้ง ในช่วงเช้า
ในช่วงที่ดอกเริ่มบานนั้น การรดน้ำไม่ควรรดให้โดนดอกโดยตรง เพื่อเป็นการป้องกันการเกิดโรคของดอก เมื่อดาวเรืองอายุได้ 15 วัน และ 25 วัน ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ประมาณ 1 ช้อนชา และถ้าดาวเรืองอายุได้ 35-45 วัน ให้ใส่ปุ๋ยในสูตร 12-24-12 ในปริมาณที่เท่ากัน โดยใช้วิธีฝังลงดินตื้นๆ ประมาณครึ่งนิ้ว โดยใส่ให้ห่างจากโคนต้นประมาณ 6 นิ้ว หลังจากนั้นรดน้ำให้ชุ่ม
การตัดแต่งกิ่งดอกดาวเรือง
เมื่อดาวเรืองมีอายุได้ 15-25 วัน ซึ่งในระยะนี้จะเป็นระยะที่ใบมีการเจริญเติบโตได้เต็มที่ และมีขนาดใบที่ใหญ่ขึ้น นอกจากนี้จะต้องปลิดยอดทิ้ง เพื่อให้กิ่งของดาวเรืองนั้นสามารถแตกข้างออกได้ หลังจากนั้นประมาณ 7 วัน ตาข้างจะเริ่มมีการแตกออกและเจริญเติบโตเป็นกิ่งใหม่ ซึ่งจะมีการติดตุ่มดอกทั้งที่ตายอด ปลายกิ่ง และตาข้าง
เมื่อดาวเรืองมีอายุได้ 40-50 วัน ดาวเรืองจะเริ่มมีกิ่งข้างออกมาประมาณ 8 กิ่ง พร้อมกับดอกยอดขนาดเล็กๆ ประมาณกิ่งละ 1 ดอก และแต่ละกิ่งจะมีดอกเล็กๆ ย่อยๆ ขึ้นอยู่ในทุกๆ ง่ามของใบ แต่ถ้าในกรณีที่ต้องการตัดดอกก้านยาวเป็นดอกไม้กำ
ซึ่งตลาดต้องการดอกใหญ่ก้านยาว ต้องแต่งดอกข้างของแต่ละกิ่งให้เหลือเฉพาะดอกยอดไว้เท่านั้น โดยใช้กรรไกรตัดหรือใช้นิ้วมือของเราหักออกให้เร็วที่สุด เพื่อจะได้ดอกใหญ่ดอกเดียวตามที่ต้องการ จะสามารถตัดจำหน่ายได้ทันเวลาในช่วง 60-65 วัน
แต่ถ้าจะทำเป็นพวงมาลัยนั้นไม่จำเป็นจะต้องตัดแต่งกิ่งดอกออก เพราะเราไม่ได้ต้องการความยาวของก้าน แต่ต้องการจำนวนดอกที่เยอะ โดยการตัดดอกนั้นสามารถตัดได้วันเว้นวัน หรือตัดได้ทุกวันต่อเนื่องนานถึง 45-50 วัน โดยการตัดดอกเพื่อนำไปจำหน่ายเป็นการทำพวงมาลัยนั้นจะต้องใส่ปุ๋ยให้ดาวเรืองทุกๆ 10 วัน ถ้าดูแลอย่างดีจะได้ดอกที่มีคุณภาพและให้ปริมาณต่อเนื่องเท่ากันทุกครั้ง บอกเลยว่าคุ้มมากจริงๆ
การให้ปุ๋ยและน้ำต้นดาวเรือง
เนื่องจากดาวเรืองเป็นพันธุ์ไม้ระยะสั้น ใช้เวลาเพียง 60-65 วัน นับจากวันที่เริ่มเพาะเมล็ด หลังจากนั้นก็สามารถที่จะเก็บเกี่ยวหรือตัดดอกไปขายได้แล้ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใส่ปุ๋ยเพื่อให้ตรงตามการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะเป็นการใส่ปุ๋ยเสริมซึ่งจะแบ่งเป็น 3 ช่วง ดังนี้
–ช่วงเติบโตช่วงแรก ในช่วง 1 เดือนแรกนั้นควรจะใช้ปุ๋ยที่มีไนโตรเจนสูง เพื่อเป็นการเร่งการเจริญเติบโตและเร่งดอกให้ออกผลผลิตได้เร็ว อาจจะใช้ปุ๋ยแคลเซียมไนเตรตเข้ามาช่วยด้วย โดยผสมกับธาตุอาหารเสริมอื่นๆ เช่น ดีซ วิกริโฟล หรือเชียร์ ต่อน้ำ 1 ปิ๊บ และทำการรดหรือฉีดพ่นที่ต้นและใบ ตอนต้นดาวเรืองมีอายุได้ 2 สัปดาห์ และทำอีก 1-2 ครั้งหลังจากเด็ดยอดหรือย้ายที่ปลูก เพื่อเป็นการเร่งดาวเรืองให้แตกกิ่งพร้อมๆ กันทั้งหมด
–ช่วงออกดอก โดยช่วงนี้ดาวเรืองจะมีอายุ 1 เดือนพอดี แต่ถ้าอายุประมาณ 30-45 วัน ควรจะเริ่มเปลี่ยนปุ๋ยที่ใช้ได้แล้ว โดยควรเป็นปุ๋ยสูตรกลาง เช่น 15-30-15 หรือใกล้เคียง โดยฝังลงดินให้ห่างจากต้นประมาณ 2 นิ้ว หรือ 1 คืบ หลังจากนั้นให้ทำการผสมปุ๋ยกับธาตุอาหารเสริมต่างๆ และนำไปฉีดพ่นหรือรดน้ำในตอนเย็นๆ อีกครั้ง ประมาณ 2-3 ครั้ง ในทุกๆ 3-5 วัน
–ช่วงที่จะทำให้ผลผลิตมีคุณภาพมากขึ้น เมื่ออายุดอกดาวเรืองครบ 50 วันแล้ว ให้ทำการงดการใส่ปุ๋ยทุกชนิด และก่อนที่จะตัดดอกขาย 2-3 วันให้พ่นด้วยน้ำที่มีการผสมน้ำตาลทรายแดง พ่นจนใบโชก เพราะจะทำให้ดอกดาวเรืองนั้นบานได้นานยิ่งขึ้น แต่ถ้าเด็ดดอกไว้สำหรับขายเพื่อร้อยมาลัย ไม่ต้องงดปุ๋ย โดยให้ใส่ปุ๋ยต่อเนื่องไปทุกๆ 10 วัน ประมาณ 3-4 ครั้ง จนกว่าต้นดาวเรืองจะเริ่มโทรม เพราะการทำแบบนี้จะทำให้สามารถตัดดอกไปขายอยู่ได้เรื่อยๆ ประมาณ 45-50 วัน
ประโยชน์และสรรพคุณของดอกดาวเรือง
เราพูดถึงการปลูกดาวเรืองไปแล้ว ลองมาดูสรรพคุณและคุณประโยชน์ของดอกดาวเรืองกันบ้างดีกว่า ถึงแม้ดอกดาวเรืองจะเป็นดอกไม้หรือพันธุ์ไม้ที่ใช้ประดับเพื่อความสวยงาม หรือนำไปใช้ในพิธีการต่างๆ เป็นจำนวนมากแล้วก็ตาม แต่ดอกดาวเรืองยังมีอีกหนึ่งความสำคัญเลย คือ สามารถนำมาเป็นยาบำรุง หรือเครื่องดื่มบำรุงร่างกายได้ มาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
- ช่วยในการบำรุงสายตา เนื่องจากดอกดาวเรืองมีสารเบต้าแคโรทีนตามธรรมชาติอยู่แล้ว เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยน
วิตามินเอ ช่วยในการบำรุงสายตา และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยในการต้านและป้องกันโรคมะเร็ง
- ช่วยบรรเทาอาการอักเสบต่างๆ ซึ่งมีงานวิจัยออกมาว่าสารสกัดในดอกดาวเรืองนั้นสามารถช่วยบรรเทาอาการ
อักเสบ หรือปวดบวมต่างๆ ในร่างกายได้
- ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น สารสกัดจากน้ำมันดอกดาวเรืองนี้สามารถนำมาบำรุงผิวพรรณ ช่วยให้ผิวพรรณมีความชุ่มชื้นมาก
ขึ้นช่วงที่มีอากาศเย็น ช่วยลดอาการแห้งแตกของผิวได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยปลอบประโลมผิวให้มีสุขภาพดียิ่งขึ้นด้วย
- ช่วยฆ่าเชื้อโรคต่างๆ ในช่องปาก เนื่องจากเป็นดอกมีสารสกัดที่สำคัญที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคในช่องปากได้ นอกจากนี้ยัง
รักษาโรคกระเพาะอาหาร และโรคที่เกี่ยวข้องกับลำไส้ใหญ่ได้ดีอีกด้วย
การป้องกันและกำจัดโรค แมลง และศัตรูพืช
ปกติแล้วการปลูกดอกไม้ พันธุ์ไม้ หรือพืชผักทางการเกษตร ย่อมมีศัตรูพืชตามธรรมชาติเป็นปกติอยู่แล้ว ดาวเรืองก็เช่นกัน โดยศัตรูพืชของดาวเรืองนั้น คือ
-เพลี้ยไฟ เป็นเพลี้ยที่มีขนาดเล็ก ลักษณะลำตัวมีสีครีม และปีกมีขนสีดำ ตัวอ่อนจะมีสีขาวนวล จะระบาดมากในช่วงฤดูร้อน โดยจะเข้าไปทำลายยอดอ่อนและดอกอ่อน โดยการดูดกินน้ำเลี้ยงในดอกดาวเรือง ทำให้ส่วนที่ถูกดูดไปนั้นมีอาการหงิกงอ และแห้งเหี่ยวลงในที่สุด
-หนอนผีเสื้อ ซึ่งหนอนผีเสื้อนั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ หนอนกระทู้หอม หนอนเจาะสมอฝ้าย และหนอนกระทู้ผัก ซึ่งเกิดจากการที่ตัวแม่พันธุ์ของผีเสื้อนั้นมาทำการวางไข่ไว้ที่ใบอ่อนและดอกตูม พอหนอนผีเสื้อฟักตัวก็จะเริ่มกัดกินบริเวณดอกตูม จะระบาดหนักมากในช่วงของฤดูฝน
หลักการทั่วไปการกำจัดและป้องกันเพลี้ยไฟในดอกดาวเรืองนั้นจะมีการพ่นสารฆ่าแมลงในช่วงเช้าประมาณ 9 โมงเช้าถึง 10 โมง อาจจะใช้พอสซ์ 20 เปอร์เซ็นต์ อีซี หรือแลนแนท เพื่อเพลี้ยไฟนั้นตายลง แต่ที่สำคัญเลย คือ ควรใช้ให้ถูกวิธี และต้องพ่นให้ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นจะทำให้ดอกดาวเรืองเสียหายจากสารเคมีแทน
ในกรณีที่เป็นหนอนผีเสื้อ ถ้าเจอตัวหนอนให้จับตัวหนอนออกและฆ่าทันที แต่ถ้าไม่เจอให้ฉีดพ่นสารละลายเรนมาโทดิค ในช่วงก่อน 10 โมงเช้า หรือหลัง 4 โมงเย็น ซึ่งสารละลายตัวนี้จะเป็นสารละลายที่มาจากไส้เดือน เป็นการฆ่าหนอนผีเสื้อโดยวิธีทางธรรมชาติ โดยฉีดพ่นทุกๆ 15 นาที หนอนจะเริ่มถูกทำลายลงและตายในที่สุด
ส่วนโรคที่มักจะเกิดขึ้นเป็นประจำหรือบ่อยครั้งเมื่อทำ การปลูกดอกดาวเรือง
-โรคเหี่ยว จะเกิดช่วงที่ดาวเรืองเริ่มมีการเจริญเติบโตเต็มที่ และดอกเริ่มบาน โดยลักษณะอาการ คือ ใบดอกจะเริ่มเหี่ยวในช่วงเวลาสายๆ และเหี่ยวมากในช่วงเวลากลางวันที่มีแสงแดดจัด อาการจะคล้ายๆ กับการขาดน้ำ แต่กลับสภาพเดิมในช่วงเช้าหรือกลางคืน ซึ่งวิธีที่กำจัดได้ดีที่สุดเลย คือ ถ้าพบว่าดาวเรืองติดโรคนี้ให้ถอนออกและเผาทำลายทิ้งในทันที และให้พ่นสารไดเทนเอ็ม 45 สัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อเป็นการป้องกันต่อไป
-โรคใบหงิก จะเกิดกับดาวเรืองที่มีระยะกำลังเจริญเติบโต จะเกิดเช่นเดียวกับโรคเหี่ยว โดยเกิดที่ใบยอดก่อน โดยจะเริ่มมีอาการหงิกม้วนและกรอบ แผ่นใบจะไม่กางเต็มที่เหมือนใบปกติ ทำให้ดอกเล็ก และบางครั้งดอกอาจจะไม่บาน เกิดจากเชื้อไมโครพลาสมา ไม่สามารถรักษาได้ แต่สามารถป้องกันไม่ให้แพร่ระบาดได้ โดยการขุดต้นที่เป็นโรคไปเผาทำลายในทันที
จะเห็นได้ว่าการปลูกดาวเรืองนั้นสามารถทำได้ง่ายๆ เลย ยังมีอีกวิธีในการปลูกดาวเรือง คือ การปลูกในกระถาง หรือในถุงปลูก แต่ทั้งนี้ก็จะพูดถึงภาพรวมของการปลูกดาวเรืองว่าเป็นพันธุ์ไม้ที่ปลูกได้ง่าย เหมาะสำหรับเป็นไม้ประดับ หรือไม่ก็สามารถนำไปทำเป็นยาได้ อีกทั้งยังเป็นพันธุ์ไม้ที่เป็นพืชเศรษฐกิจอีกชนิดที่สำคัญของประเทศไทย เพราะปลูกง่าย จึงทำให้ได้ผลผลิตตามที่ต้องการออกมาสู่ท้องตลาดอย่างเพียงพอ อีกทั้งยังมีการนำไปแปรรูปเป็นสมุนไพร เวชสำอาง หรือแม้กระทั่งเครื่องดื่ม ก็มีมาแล้ว คุณประโยชน์มากพอตัวว่าการปลูกดาวเรืองได้มากกว่าการเป็นไม้ประดับประจำบ้าน หรือสถานที่ต่างๆ เลยทีเดียว
ไม่ว่าจะเป็นการปลูกพืชอะไรก็แล้วแต่ การดูแลเอาใจใส่ย่อมเป็นเรื่องที่ดี ถึงแม้ว่า การปลูกดอกดาวเรือง จะสามารถทำได้ง่าย และดูเหมือนไม่ยุ่งยาก แต่ก็มีรายละเอียดเล็กน้อยที่ลงลึกบ้าง แต่ไม่ยากจนเกินไป นอกจากนี้การปลูกดาวเรืองเองยังสามารถปลูกในกระถางเดียวได้ แต่บทความในครั้งนี้จะพูดถึงการปลูกดาวเรืองในแบบภาพรวมแปลงใหญ่ เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายๆ ว่าการปลูกดาวเรืองมีวิธีการดูแลและปลูกอย่างไร โรคในดาวเรืองมีอะไรบ้าง และเราจะทำการป้องกันได้อย่างไรบ้าง ต้องเริ่มเรียนรู้และลงมือทำ ความสำเร็จถึงจะเกิด การปลูกดอกดาวเรือง
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิง
https://www.posttoday.com/life/life/519968,https://thanachartcsr.com/%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87/,https://8columns.com/page/id/6-%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87-%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A1,https://health.kapook.com/view180603.html,https://www.sanook.com/home/13481/ การปลูกดอกดาวเรือง การปลูกดอกดาวเรือง