การปลูกผักหวานป่า ผักหวานป่า…ผักทำเงิน ผักปลอดสารเพื่อคนรักสุขภาพ
การปลูกผักหวานป่า
คนภาคอีสานย่อมรู้ดีว่า “ผักหวานป่า” มีทั้งคุณค่าและมูลค่าในตัวเอง เป็นพืชแสลงของชาวอีสานที่หากินได้ยาก และเป็นบางช่วงของปีเท่านั้น แต่ปัจจุบันมีกลุ่มเกษตรกรหัวก้าวหน้า อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ได้นำผักหวานป่าออกจากป่าพัฒนาเข้าสู่การปลูกผักหวานป่าอย่างเป็นระบบ ด้วยการสร้าง “สวนผักหวานป่า” ขึ้นมาโดยเลียนแบบธรรมชาติให้มากที่สุด มีพืชพี่เลี้ยงให้กับต้นผักหวานป่า ทั้งชะอม ตะขบ แค มะรุม และมะขามเทศ ให้มีแสงรำไรเพื่อการเจริญเติบโตที่ดี เป็นสวนผักหวานป่าเชิงการค้า สร้างรายได้เป็นอย่างดี ทำให้ผักหวานป่าสายพันธุ์ “ยอดเหลือง” กลายเป็นเอกลักษณ์ผักหวานป่า อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี
วิธีการปลูกผักหวานป่า
แต่ “การปลูกผักหวานป่าให้รอด” เป็นเรื่องยากสำหรับเกษตรกรที่ยังขาดองค์วามรู้ที่ดีในการปลูกผักหวานป่า จึงเป็นที่มาของวลีเด็ดที่ว่า ผักหวานป่าปลูกยาก ผักหวานป่าปลูกแล้วตาย หรือแม้แต่ผักหวานป่าปลูกแล้วไม่โต ซึ่งปัญหาเหล่านี้มีที่มาจากการปลูกผักหวานป่า สำคัญที่สุดคือ “ระบบราก” ที่ต้องไม่กระทบกระเทือนในระหว่างการขนย้าย และการปลูกลงดิน ผักหวานป่าปลูกแบบเดี่ยวๆไม่ได้ ต้องมีพืชพี่เลี้ยงไว้เป็นพืชอิงแอบเสมอ เพราะผักหวานป่าต้องการแสงรำไรเพื่อการเจริญเติบโตที่ดี ซึ่งมีอยู่หลายวิธี ดังนี้
การปลูกด้วยเมล็ดเลียนแบบธรรมชาติ
ใช้วิธีการปลูกด้วยเมล็ดเลียนแบบการงอกของเมล็ดผักหวานป่าที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในป่า โดยไม่ต้องล่อนเปลือก และยีเนื้อวุ้นออก ขุดหลุม 30-50 ซม. ระยะห่าง 1×1, 2×2 เมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก ใช้นิ้วกดเป็นรู ให้ขั้วด้านบนลงดิน หยอดเมล็ดพันธุ์แบบตั้งลงรู 3-5 เมล็ด/หลุม กลบดินเกือบเต็มปากหลุม รดน้ำให้ชุ่ม จะทำให้เมล็ดมีอัตราการงอกดีเกือบ 100% มีข้อดี คือ เมล็ดพันธุ์อัตราการรอดสูง โตเร็วกว่าวิธีอื่น เพราะระบบรากไม่กระทบกระเทือน ประหยัดต้นทุนการผลิต แต่มีข้อจำกัด คือ เทคนิคการปลูกด้วยเมล็ดไม่ล่อนเปลือกนี้ต้องอาศัยประสบการณ์ องค์ความรู้ ค่อนข้างดีพอสมควร ใช้เวลานานกว่าจะเก็บผลผลิตได้
การปลูกด้วยเมล็ดงอก
คัดเลือกเมล็ดพันธุ์สุกเต็มที่จากต้นผักหวานป่าสายพันธุ์ยอดเหลืองอายุ 7-10 ปีขึ้นไป บ่มนาน 3 วัน นำเมล็ดออกมายี เอาเปลือกและเนื้อวุ้นออก ล้างน้ำให้สะอาด นำเมล็ดที่ได้ไปลอยน้ำ คัดเลือกเอาเฉพาะเมล็ดที่จมน้ำ ใส่ภาชนะผึ่งในร่ม อากาศถ่ายเทได้ดี จนแห้งหมาดๆ เพียง 1 วัน นำเมล็ดไปหมกทรายในกะบะที่เตรียมไว้ คลุมด้วยกระสอบป่าน รดน้ำให้ชุ่มนาน 18 วัน จะได้เมล็ดที่งอกที่สามารถนำไปปลูกลงดินได้ ขุดหลุม 30-50 ซม.ระยะห่าง 1×1, 2×2 เมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก กลบดินเกือบเต็มปากหลุม รดน้ำให้ชุ่ม เมล็ดงอกมีอัตราการรอดสูง ลดต้นทุน โตเร็ว เพราะระบบรากไม่กระทบกระเทือนข้อจำกัด คือ การปลูกวิธีนี้ต้องอาศัยความชำนาญในการปลูกเพื่อป้องกันระบบรากกระทบกระเทือนน้อยที่สุด ใช้เวลา 3 ปี จึงจะเก็บผลผลิตได้
การปลูกด้วยต้นกล้าผักหวานป่า
ต้องคัดเลือกเมล็ดงอกที่ดีอายุ 18 วัน ที่จะเริ่มปริแตกตุ่ม มีรากงอกออกมา แล้วย้ายเมล็ดงอกเข้าสู่กระบวนการเพาะในถุงขนาด 4×6 นิ้ว วางในพื้นที่มีแสงรำไร รดน้ำทั้งเช้าและเย็นประมาณ 2 ครั้ง/สัปดาห์ เมื่อต้นกล้าอายุ 20-25 วัน จะมีความสูง 2-4 นิ้ว และเริ่มแตกใบปากหยาบ 1-2 ใบ ก็สามารถย้ายต้นกล้าลงแปลงปลูกได้ทันที ข้อดี คือ การปลูกด้วยต้นกล้านี้จะมีอัตราการอดสูง มองเห็นการเจริญเติบโตได้ชัดเจน แต่มีข้อจำกัด คือ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น จากการเปลี่ยนถุงดำในแปลงเพาะเท่านั้นใช้เวลานาน 3 ปี ก็สามารถเก็บผลผลิตได้
การปลูกด้วยกิ่งตอน
ต้องคัดเลือกกิ่งผักหวานป่าอายุ 5 ปีขึ้นไป มีตาและข้ออยู่ด้วย ควั่นกิ่งตอนให้ห่างจากใต้ตา 1 ซม. ควั่นให้แผลกว้าง 1 นิ้ว ขุดเยื่อรอบๆ ต้นให้ทั่วเบาๆ ทิ้งแผลไว้ 5-7 วัน ยังไม่ต้องหุ้ม เพื่อกระตุ้นให้แผลอยากน้ำและอาหาร แล้วทารอบๆ แผลด้วยน้ำยาเร่งรากที่ผสมกับกะปิจนเข้ากัน เพื่อกระตุ้นให้เกิดการแตกรากที่ดี ก่อนจะหุ้มแผลด้วยลูกตุ้มใยมะพร้าวแล้วมัดให้แน่น จากนั้นกิ่งตอนจะเริ่มแตกรากออกมาให้เห็นและเปลี่ยนเป็นสีเขียวที่พร้อมตัดกิ่งเพื่อนำไปปลูกลงแปลงได้ภายในเวลาเพียงเดือนครึ่งเท่านั้น ข้อดี คือ มีอัตราการรอดสูง ขยายพันธุ์ได้เร็ว กิ่งตอนสามารถให้ผลผลิตได้หลังจากปลูกได้เพียง 1 ปี แต่มีข้อจำกัด คือ กิ่งตอนมีราคาแพง ไม่มีรากแก้ว ต้องดูแลมากกว่าการปลูกด้วยเมล็ดทั่วไป จึงต้องใช้ค้ำยันตอนปลูกเพื่อป้องกันลมโยกให้รากกิ่งตอนเสียหาย
การปลูกด้วยกิ่งตอนปักชำ
ที่เหมาะสำหรับเกษตรกรที่ยังไม่พร้อมนำกิ่งตอนลงปลูกทันที และสามารถปักชำกิ่งตอนในถุงดำไว้ก่อนเพื่อยืดระยะเวลาการปลูกออกไป ด้วยการตัดกิ่งแขนงและใบออกให้หมดก่อนปักชำกิ่งตอนไว้ในร่ม ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก มีการให้น้ำทุกเช้านานกว่า 2 สัปดาห์ กิ่งตอนจะเริ่มแตกกิ่งให้เห็น ไม่นานก็สามารถย้ายลงแปลงปลูกได้ ข้อดี คือ กิ่งตอนปักชำสามารถขยายพันธุ์ได้เร็ว ปลูกได้เพียง 1 ปี สามารถให้ผลผลิตได้ ข้อจำกัด คือ มีราคาแพง ไม่มีระบบรากแก้วจึงต้องดูแลเป็นอย่างดี กิ่งตอนปักชำพร้อมปลูกได้ดีควรมีอายุไม่เกิน 1 ปี เพื่อการเจริญเติบโตที่ดี หากกิ่งตอนอายุมากกว่านั้นระบบรากจะขดงออยู่ใต้ก้นถุงดำ และสุ่มเสี่ยงมากเมื่อนำไปปลูก ปัจจุบันมีสวนผักหวานป่าชื่อดังมากมายที่ประสบความสำเร็จในการลงทุนทำสวนผักหวานป่าเชิงการค้า อาทิเช่น
ผอ.ป๊อก ปลูกผักหวานป่า บนเนื้อที่ 5 ไร่
สวนผักหวานป่า ผอ.ป๊อก เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในกลุ่มผู้รักสุขภาพโดยเฉพาะเรื่องการรักษาคุณภาพและชื่อเสียงมาเป็นอันดับหนึ่ง นอกเหนือจากอาชีพรับราชการแล้ว ผอ.ป๊อก ยังใช้เวลาที่ว่างเว้นจากการรับราชการมาทำสวน ผักหวานป่า ซึ่งมีรายได้จากผลผลิตผักหวานป่าจำนวน 5 ไร่ รอบรั้วบ้านนี้ ประมาณ 5-20 กก./ต้น/ปี มีราคาที่ 100-180 บาท/กก. ขึ้นอยู่กับการตัดแต่งทรงพุ่ม หรือประมาณ 50,000-80,000 บาท/ไร่/ปี กิ่งตอนมีรายได้ที่ 100,000-150,000 บาท/เดือน เมล็ดและต้นกล้าผักหวานป่ามีรายได้อยู่ที่ 300,000-500,000 บาท/ปี
การให้ความรู้แก่เกษตรกรเกี่ยวกับผักหวานป่า
นอกจากนี้ยังได้รับเกียรติจากส่วนราชการให้เป็นผู้นำท้องถิ่น เป็นวิทยากรให้ความรู้แก่เกษตรกรทั้งในและนอกพื้นที่เกี่ยวกับผักหวานป่า ที่สร้างความภาคภูมิใจให้กับ ผอ.ป๊อก และครอบครัว เป็นตัวอย่างในฐานะแม่พิมพ์ของชาติที่เป็นผู้ให้อยู่แล้ว อีกทั้งผักหวานป่าสามารถปลูกได้ในทุกพื้นที่ ชอบที่โคกแห้ง แต่ไม่ขาดน้ำ ไม่มีแมลงกัดกินยอด ไม่ต้องใช้ยาหรือสารเคมี ไม่ต้องใช้ปุ๋ยเคมี ดูแลง่าย ใส่มูลสัตว์เพียง 3 ครั้ง/ปีเท่านั้น ผักหวานป่ามีข้อเสียอย่างเดียว คือ ไม่ชอบน้ำท่วมขังเท่านั้น ติดต่อสอบถาม 081-285-7615
คุณสมประสงค์ และคุณชนนี สีโหดา แปรรูปผักหวานป่า จ.ลพบุรี
สวนเย็นสบาย ที่มี คุณสมประสงค์ และคุณชนนี สีโหดา หรือคุณช้อย ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าดินดำ อ.ชัยบาดาล จ.ลพบุรี ที่มุ่งมั่นพัฒนาสร้างสวนผักหวานป่าปลอดสารพิษ เป็นผักหวานป่าเพื่อสุขภาพอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีแนวคิดริเริ่มต่อยอด สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผักหวานป่าในรูปของ “ชาผักหวานป่า” ภายใต้แบรนด์ “ชิตังเม” ที่ผ่านมาตรฐาน อย. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพด้วยชาผักหวานป่าที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย และเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรชาวสวนผักหวานป่าในช่วงที่ผลผลิตออกมาเป็นจำนวนมากได้อีกทางหนึ่ง ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม 080-018-0093
คุณสำรี ชาคำมูล ปลูกผักหวานป่า จ.สระบุรี
สวนผักหวานป่าลุงสำรี หรือ คุณสำรี ชาคำมูล ปราชญ์เกษตรกรพอเพียง สาขาเกษตรเศรษฐกิจพอเพียง เกษตรกรดีเด่นสาขาอาชีพทำสวน ประธานกลุ่มเครือข่ายเกษตรกรผู้ปลูกผักปลอดสารพิษ จ.สระบุรี และยังได้รับคัดเลือกให้เป็น “สวนผักหวานป่าดีเด่น” จากหน่วยงานภาครัฐมาตลอด 7 ปี เนื่องจากลุงสำรีถือว่าเป็นเกษตรกรในรุ่นแรกๆ ที่ร่วมบุกเบิก เริ่มต้นปลูกสวนผักหวานป่าเชิงการค้าในพื้นที่ อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ซึ่งในตอนแรกก็ต้องลองผิดลองถูกอยู่นานหลายปี จนกระทั่งเริ่มมีองค์ความรู้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องที่เกิดจากการศึกษาเรียนรู้นิสัยจริงๆ ของผักหวานป่า การศึกษาดูงานทั้งในและนอกพื้นที่ แล้วนำมาประยุกต์กับประสบการณ์ ตลอดเวลาที่ผ่านมา ทำให้ลุงสำรีในวันนี้เป็นเซียน ผักหวานป่าตัวจริง จากสวนผักหวานป่าเพียง 3 ไร่ ในตอนแรก ด้วยต้นทุนเพียง 5,000 บาท จากการเพาะเมล็ดเอง และปลูกเองทั้งหมดได้ขยายปลูกผักหวานป่ากว่า 23 ไร่ ในวันนี้ให้ผลผลิตได้ทั้งหมด มีรายได้อย่างต่อเนื่อง เป็นรายได้ที่ดี มั่นคง และยั่งยืน ติดต่อสอบถามโทร.089-072-0463
คุณพิมพ์พรรณ และ อ.ชาลี ประกอบเพชร ปลูกผักหวานป่า บนเนื้อที่ 4 ไร่
สวนผักหวานป่าร้านครูพิมพ์ ที่มี คุณพิมพ์พรรณ และ อ.ชาลี ประกอบเพชร เป็นเจ้าของ ที่นอกจากจะทำธุรกิจขายชุดนักเรียนในนาม “ร้านครูพิมพ์” แล้ว ยังหันมาทำ “สวนผักหวานป่า” เนื้อที่ 4 ไร่ ที่มีการดูแลแบบอินทรีย์ ปลอดภัยทั้งคนปลูกและผู้บริโภค ที่คุ้มค่าแก่การลงทุน วันนี้ต้นผักหวานป่าอายุ 2 ปีเศษ เริ่มให้ผลผลิตได้ แต่ยังมีปริมาณน้อย และเก็บได้มากขึ้นในอนาคต ที่สำคัญทั้งสองคนมีความสุขมากกับสิ่งที่ทำ เป็นความสุขทางใจที่ไม่มีราคา เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และต้อนรับกลุ่มเพื่อนๆ ที่แวะมาเยี่ยมเยียนได้เก็บผักหวานป่าสดๆ กับมือ เป็นการสร้างสัมพันธ์ที่ดีในกลุ่มเพื่อนๆ ให้คงอยู่ตลอดไป เป็นความภูมิใจที่บางครั้งเงินซื้อไม่ได้จริงๆ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ “ร้านครูพิมพ์” โทร.089-900-4313, 089-243-9344