หอมแดงจัดว่าเป็นพืชที่เป็นทั้งพืชผักสวนครัว และพืชสมุนไพรในตัว จัดได้ว่าเป็นพืชที่มีสรรพคุณหลากหลายเป็นอย่างมาก ด้วยความที่มีกลิ่นค่อนข้างฉุนและแรง จึงเป็นเรื่องที่ดีในการช่วยบรรเทาอาการไข้หวัด คัดจมูก ได้เป็นอย่างดี ถือเป็นพืชผักสามัญประจำครัวเรือนเลยก็ว่าได้ การปลูกหอมแดง และ วิธีการปลูกนั้นก็สามารถที่จะปลูกได้ง่าย
ไม่ว่าจะเป็นการปลูกแบบแปลงใหญ่เพื่อจำหน่ายแก่ผู้บริโภคทั่วประเทศ หรือจะมีการปลูกไว้เพื่อรับประทานภายในครอบครัว เพื่อลดค่าใช้จ่าย ก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย ถือว่าเป็นพืชตระกูลหอมที่ได้รับความนิยม และปลูกได้ง่ายอีกด้วย
การปลูกหอมแดง
หอมแดงนั้นจะเป็นพืชประจำท้องถิ่น พบมากในแถบทวีปเอเชียกลาง และตะวันตกเฉียงใต้ แต่เป็นพืชที่ได้รับความนิยมมาก และถือได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจหลักของทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะเมืองไทยที่มีการส่งออกหอมแดงไปยังต่างประเทศมากมาย รวมไปถึงแถบเพื่อนบ้าน ซึ่งถือได้ว่าหอมแดงเป็นพืชที่ปลูกง่าย และเป็นที่นิยมในการปลูกของเมืองไทยเป็นอย่างดี อีกทั้งคุณภาพของดินและสภาพอากาศก็เอื้ออำนวยใน การปลูกหอมแดง จึงปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเมืองไทยนั้นถือได้ว่าเป็นแหล่งปลูกหอมระดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว
การปลูกหอมแดงถือว่าเป็นการปลูกที่ไม่ยุ่งยาก และมีวิธีการปลูกที่ไม่ซับซ้อนมากนัก โดยในประเทศไทยถือได้ว่าเป็นแหล่งผลิตหอมแดงชั้นดีที่สุดของโลกเลยก็ว่าได้ เพราะเกษตรกรส่วนใหญ่ที่ปลูกหอมแดงนั้นมีรายได้พอสมควรเลยทีเดียว รวมไปถึงพื้นที่ที่ปลูกนั้นส่วนใหญ่นั้นจะปลูกทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย
ซึ่งถือได้ว่าเป็นแหล่งรวมหอมแดงเลยก็ว่าได้ นับว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เกษตรกรของไทยต้องภูมิใจว่าหอมแดงของไทยนั้นได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง และต้องมีการต่อยอดและพัฒนาวิธีการปลูกและการดูแลอยู่เสมอ จะทำให้หอมแดงของเมืองไทยนั้นได้รับการยอมรับไปอีกยาวนานเลยทีเดียว
สายพันธุ์หอมแดง
ซึ่งหอมแดงบ้านเรานั้น หลายคนคงสงสัยว่าเป็นสายพันธุ์อะไรที่นำมาปลูก และมีการจำหน่ายทั่วประเทศอย่างทุกวันนี้ โดยปกติแล้วหอมแดงในเมืองไทยนั้นจะมีอยู่ 2 ประเภท ที่นิยมปลูก และจำหน่าย
- หอมแดงพันธุ์พื้นเมืองภาคเหนือ ในภาคเหนือนั้นจะมีชื่อเรียกตามภาษาพื้นเมืองว่า หอมบั่ว เป็นหอมแดงที่มี
แปลงนอกออกสีเหลืองปนส้ม ขนาดของหัวนั้นจะปานกลาง โดยใน 1 หัว สามารถแยกได้ 2-3 กลีบ กลิ่นไม่ฉุนจัด รสหวาน โดยการเติบโตนั้นจะไม่มีดอกและเมล็ด ซึ่งเมื่อเริ่มปลูก 1 หัว จะเริ่มแตกกอออกให้หัวละประมาณ 5-8 หัว เมื่ออายุได้ 90 วัน จะเป็นช่วงที่หัวนั้นมีความแก่อย่างเต็มที่ในช่วงฤดูหนาว แต่ถ้าปลูกในช่วงฤดูฝนหัวจะแก่เต็มที่เลย จะประมาณ 45 วัน และผลผลิตของสายพันธุ์นี้จะขึ้นอยู่กับสภาพการปลูกในแต่ละฤดูว่าปลูกในช่วงไหน ซึ่งก็จะได้ผลผลิตและคุณภาพที่มีความแตกต่างกันออกไปด้วย
- หอมแดงพันธุ์บางช้าง หรืออีกอีกชื่อว่า หอมแดงศรีสะเกศ โดยพันธุ์นี้เปลือกด้านนอกจะเป็นสีม่วงปนแดง มี
เปลือกที่หนาและเหนียวเป็นอย่างมาก ซึ่งขนาดหัวจะแตกต่างจากพันธุ์พื้นเมืองภาคเหนือ โดยหัวนั้นจะมีขนาดที่ใหญ่เท่ากันทุกหัว ส่วนหัวนั้นจะมีรูปร่างกลม ใน 1 หัว จะมีกลีบประมาณ 1-2 กลีบ ในช่วงที่เติบโตนั้นจะมีการสร้างเมล็ดและดอกมาก ซึ่งการสร้างดอกนี้ทำให้ต้องคอยดูและกำจัดทิ้ง เพราะว่าถ้าไม่กำจัดทิ้ง ส่วนหัวจะมีขนาดเล็กไม่ได้มาตรฐาน โดยทั่วไปนั้นเมื่อทำการปลูกแล้วได้ 1 หัว ก็จะเริ่มมีการแตกกอออกไปประมาณ 8-10 หัว
ซึ่งการแตกกอและลงหัวอาจจะช้ากว่าหอมบั่ว โดยอายุแก่เต็มที่ในช่วงหน้าหนาว คือ 100 วันขึ้นไป และหน้าฝนประมาณ 45 วัน ส่วนในเรื่องของการให้ผลผลิตก็จะคล้ายกับหอมบั่ว คือ จะให้ผลผลิตที่แตกต่างกันออกไปตามสภาพภูมิอากาศที่ปลูก แต่คุณภาพในการเก็บรักษานั้นจะดีกว่าหอมบั่ว
สภาพพื้นที่ปลูกหอมแดง
โดยส่วนใหญ่แล้วหอมแดงส่วนใหญ่จะมีการปลูกมากที่สุดในพื้นที่ภาคอีสาน ในจังหวัดศรีสะเกษ บุรีรัมย์ และนครราชสีมา รองลงมาเลย คือ ภาคเหนือ จะปลูกในพื้นที่จังหวัด ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีพื้นที่อื่นๆ อีก ที่มีการเพาะปลูกหอมแดง ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี และนครปฐม
ซึ่งหอมแดงนั้นเป็นพืชที่มีความทนต่อสภาพอากาศ ทำให้สามารถเพาะปลูกได้ตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่เหมาะสมที่สุดอาจจะเป็นช่วงพฤศจิกายน ถึงกุมภาพันธ์ นั่นเอง และลักษณะทั่วไปของหอมแดงนั้นส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นพืชที่สามารถปลูกง่ายในสภาพดินที่มีความร่วนซุย และดินต้องระบายน้ำได้ดี ที่สำคัญสามารถเพาะปลูกในกระถางสำหรับครัวเรือนได้อีกด้วย ถือว่าเป็นพืชที่มีความน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว เรามาดูกันดีกว่าว่าการเตรียมดิน การเตรียมพันธุ์ หรือวิธีการปลูก หอมแดงนั้น ต้องเตรียมตัวอย่างไรกันบ้าง
ขั้นตอน การปลูกหอมแดง
ตัวหอมแดงนั้นมีระบบรากที่ค่อนข้างตื้น จึงจำเป็นอย่างมากในเรื่องดินที่ต้องมีการเตรียมการก่อนจะเริ่มปลูกหอมแดง โดยดินที่จะนำมาปลูกหอมแดงนั้นส่วนใหญ่แล้วควรจะเป็นดินที่มีความร่วนซุย และมีการระบายน้ำได้ดี ส่วนในการเตรียมดินนั้นจะต้องมีการไถแปลงดินและพรวนดินก่อน เมื่อทำเสร็จแล้วให้ทำการตากดินไว้ประมาณ 2-3 วัน และค่อยทำการย่อยดินอีกครั้ง
การย่อยดินนั้นควรจะย่อยให้ดินมีความละเอียดประมาณหนึ่ง แต่ไม่ต้องละเอียดมาก และใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกผสมลงในดินเพื่อคลุกเคล้าให้ดินนั้นมีธาตุอาหารเพียงพอต่อความต้องการ และเป็นการกำจัดวัชพืชในดินไปในตัวด้วย จากนั้นให้เก็บเศษหญ้าหรือวัชพืชออก และให้รองพื้นปุ๋ยด้วยปุ๋ยวิทยาศาสตร์ตาม อาจจะเป็นสูตร 15-15-15 โดยให้ประมาณ 20-50 กิโลกรัม ต่อไร่ เพื่อให้มีธาตุอาหาร และเร่งการเจริญเติบโตของหอมแดงนั่นเอง
การจะเริ่มปลูกหอมแดงนั้น การเตรียมพันธุ์หอมแดงก็ถือว่าเป็นเรื่องที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยควรเตรียมพันธุ์หอมแดงอย่างน้อยประมาณ 2 เดือน เพื่อที่จะให้หอมแดงนั้นสามารถพักตัวก่อนที่จะเริ่มนำมาปลูกได้ แต่ก็ไม่ควรจะเก็บไว้นานเกิน 6 เดือน อาจจะส่งให้หอมแดงนั้นเสียหายได้ จากนั้นให้นำหอมแดงที่เตรียมไว้มาล้างให้สะอาดและตัดแต่งให้เรียบร้อย ตัดรากเก่าและใบแห้งทิ้งให้หมด แต่ถ้าสังเกตว่ามียอดอ่อนยาวก็ตัดทิ้งประมาณ 1 ใน 10 ของหอมแดงออกก็ได้ เพื่อที่จะช่วยในเรื่องของการงอกเร็วขึ้นเมื่อนำมาปลูกแล้ว โดยในพื้นที่ 1 ไร่ จะใช้หอมแดงในการปลูกประมาณ 200 กิโลกรัม โดยเป็นหัวหอมแดงพันธุ์ทั้งหมดที่นำมาปลูก
ก่อนปลูกถ้าเห็นว่าตัวหอมแดงเป็นโรคราดำหรือเน่า ต้องทำการฉีดพ่นหรือจุ่มสารละลายป้องกันเชื้อราทันที โดยอาจจะเป็นสารมาเนบ หรือซีเนบ ซึ่งวิธีใช้ก็ควรจะใช้ตามฉลากที่มีการระบุมา จากนั้นผึ่งลมให้แห้ง และค่อยนำลงปลูกเพื่อเป็นการป้องกันโรคได้อีกทางด้วย
สำหรับใน การปลูกหอมแดง นั้นระยะเวลาสำหรับการปลูกที่เป็นที่นิยมเลย คือ แปลงที่จะปลูกหอมแดงนั้นควรมีขนาดความกว้างประมาณ 1-1.5 เมตร ตามความยาวของแปลง ทั้งนี้เพื่อให้สะดวกในการทำงานของแต่ละสวนนั้น ควรจะปลูกเป็นแถวจะดีที่สุด เพื่อจะได้มีทางเดินที่จะคอยตรวจดูว่าผลผลิตแต่ละแปลงนั้นเป็นอย่างไร โดยระยะในการปลูกนั้นจะอยู่ที่ 15-20 เซนติเมตร หรือประมาณ 25-30 เซนติเมตร ก็ได้เช่นกัน
การบำรุงดูแลต้นหอมแดง
หอมแดงนั้นเป็นพืชที่มีระบบรากค่อนข้างตื้น และอาจจะเกิดความเสียหายได้ ถ้าดินที่ปลูกนั้นมีความแห้งเกินไป อย่างแรกเลยก่อนจะเริ่มปลูกควรจะรดน้ำในแปลงที่จะทำการปลูกเสียก่อน เพื่อเป็นการเพิ่มความชื้นให้กับตัวดิน โดยรดน้ำไว้ล่วงหน้าประมาณ 1-2 วัน ก่อนเริ่มลงหอมแดง
จากนั้นนำเอาหัวหอมแดงพันธุ์ที่จะปลูกมาลงยังแปลงที่มีการเตรียมไว้ให้เรียบร้อย โดยการปลูกนั้นจะเน้นเอาส่วนที่เป็นโคนหรือที่เคยเป็นที่ออกรากเก่าปักหรือจิ้มลงในดินประมาณครึ่งหัวของหอมแดง ซึ่งตรงนี้จะต้องระวัง เพราะว่าหอมแดงนั้นมีความเปราะบาง การกดลงในดินนั้นจะต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก จึงไม่ควรที่จะกดแรงเกินไป เพราะจะทำให้ลำต้นหรือหัวนั้นช้ำได้ ซึ่งเมื่อเป็นอย่างนี้แล้วจะทำให้ หอมแดงไม่งอกหรือไม่เติบโตได้
จากนั้นเมื่อทำการปลูกได้ทั่วทั้งแปลงแล้วให้หาสิ่งของเพื่อมาคลุมแปลงไว้ อาจจะใช้เป็นฟางหรือหญ้าที่มีความแห้ง ไม่มีความชื้น หรือจะใช้แกลบที่มีความหนาพอสมควร มาช่วยคลุมแปลงหอมแดงไว้ก็ได้ ในการนำวัตถุดังกล่าวมาคลุมนั้นก็เพื่อเป็นการรักษาความชื้นของแปลง และช่วยในเรื่องการควบคุมวัชพืชด้วย
เมื่อเราคลุมพื้นที่แปลงปลูกทั้งหมดแล้ว ให้รดน้ำตามให้ชุ่ม ในการรดน้ำควรรดแค่พอชุ่ม ไม่ถึงขั้นแฉะ และต้องดูด้วยว่าดินนั้นมีน้ำขังหรือไม่ หรือมีการระบายน้ำที่ดินด้วยหรือเปล่า เพราะว่าถ้าดินชุ่มและมีการขังน้ำไว้จะทำให้หอมแดงนั้นเน่าและตายได้ จากนั้นหอมแดงก็จะเริ่มงอกลำต้นขึ้นมา หรือเรียกว่างอกต้นหอมแดง ซึ่งจะใช้ระยะเวลาประมาณ 7-10 วัน ถ้าเราสังเกตว่ามีต้นที่ไม่งอกให้ทำการปลูกใหม่ในทันที
การให้น้ำและปุ๋ยต้นหอมแดง
สำหรับการให้น้ำในหอมแดงนั้นก็ไม่ยุ่งยาก ถ้าใครเคยปลูกอยู่แล้วจะรู้เลย แต่ถ้ายังไม่เคยและอยากลองปลูก เราจะบอกให้ได้ทราบว่าหอมแดงนั้นเป็นพืชที่ชอบน้ำเป็นอย่างมาก และตลอดการเจริญเติบโตจึงควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ถ้าในพื้นที่ที่มีการปลูกนั้นสภาพอากาศอาจจะแล้งหรือมีลมแรง ทำให้ดินแห้งเร็วกว่าปกติ อาจจะต้องคอยให้น้ำเพิ่มขึ้นกว่าเดิมเสียหน่อย
ยกตัวอย่าง ในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่มีพื้นที่ค่อนข้างแห้งแล้ง และลมแรง อาจจะต้องมีการให้น้ำอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ในช่วงเช้าและช่วงเย็น และในภาคเหนือถ้ามีอากาศแห้งก็อาจจะให้น้ำประมาณ 2-5 ครั้ง ต่อวันก็ได้เช่นกัน แต่ถ้าแห้งมากอาจจะเพิ่มเป็น 3-7 ครั้ง ต่อวันก็ได้
เมื่อหอมแดงมีอายุได้ประมาณ 2 สัปดาห์ นับจากวันที่เริ่มลงมือปลูก เกษตรกรอาจจะมีการเพิ่มปุ๋ยเพื่อเป็นการกระตุ้นการเติบโตของหอมแดง โดยใช้ปุ๋ยยูเรีย หรือแอมโมเนียซัลเฟต ในปริมาณ 20-25 กิโลกรัม ต่อไร่ ก็เป็นเรื่องที่ดีจะช่วยให้หอมแดงนั้นเติบโตและให้ผลผลิตได้อย่างเต็มที่
แต่ถ้าหอมแดงมีอายุได้ 35-40 วัน ก็ให้เลือกหรือเปลี่ยน หรืออาจจะใส่เป็นปุ๋ยเสริมได้ คือ ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในปริมาณ 20-50 กิโลกรัม ต่อไร่ โดยการใส่ปุ๋ยในแต่ละครั้งนั้นไม่ควรใส่ชิดกับตัวต้นหรือลำต้นหอมแดงมากเกินไป อาจจะส่งผลให้ใบไหม้ได้ ฉะนั้นการใส่ปุ๋ยควรจะเว้นระยะห่างในการใส่ประมาณ 7 เซนติเมตร แต่ถ้าปลูกแปลงใหญ่ก็อาจจะใช้วิธีการโรยให้ทั่วๆ แปลงแทนก็ได้เช่นกัน
หลังจากที่โรยปุ๋ยหรือหว่านปุ๋ยไปทั่วทั้งแปลงหอมแดงแล้ว จากนั้นให้นำน้ำมารด หรือจะเป็นการเปิดน้ำเข้ามายังแปลงปลูกก็ได้ โดยรดน้ำให้ชุ่มเพื่อให้ปุ๋ยนั้นซึมลงสู่ดินได้ง่ายขึ้น และยังช่วยให้หอมแดงนำธาตุอาหารไปใช้ได้อย่างเร็วด้วย นอกจากนี้การให้ปุ๋ยในหอมแดงนั้น เกษตรกรอาจจะยึดหลัก N:P:K หรือ 1:1-2:1 ซึ่งเป็นอัตราที่มีการใช้ใน การปลูกหอมแดง มากที่สุดก็ได้เช่นกัน
การป้องกันและกำจัดโรค แมลง และวัชพืช ในแปลงหอมแดง
ถึงแม้ว่าจะเป็นพืชที่มีกลิ่นค่อนข้างฉุน แต่หอมแดงก็ยังคงหนีไม่พ้นกับศัตรูพืช เรื่องโรค และแมลงอยู่ดี เพราะพืชทุกชนิดนั้นแทบจะเจอปัญหาดังกล่าวทั้งหมด โดยเรื่องของวัชพืชนั้น ผู้ที่ปลูกจะต้องคอยกำจัดวัชพืชอยู่สม่ำเสมอ โดยกำจัดตั้งแต่วัชพืชยังเล็กๆ เพราะว่าถ้าวัชพืชที่เริ่มโตหรือโตแล้วนั้นจะทำให้การกำจัดแต่ละครั้งนั้นยากขึ้นไปด้วย ซึ่งจะส่งผลเสียโดยการกระทบกับหอมแดงเป็นอย่างมาก
ซึ่งปัจจุบันมีการนำสารเคมีสำหรับกำจัดวัชพืชมาใช้มากขึ้น เพราะว่าเป็นตัวทุ่นแรงและประหยัดเวลาเป็นอย่างมาก ยกตัวอย่างเช่น สารอลาคลอร์ เป็นสารเคมีในการกำจัดวัชพืชที่มีการนำมาใช้บ่อย ซึ่งวิธีการใช้นั้นก็อาจจะต้องทำตามวิธีใช้ตามที่ระบุไว้บนฉลากจะเป็นการปลอดภัยสำหรับตัวผู้ใช้ด้วย แต่ถ้าไม่อยากใช้สารเคมีอาจจะใช้วิธีอินทรีย์แทนก็ได้ โดยวิธีอินทรีย์นั้นจะเริ่มตั้งแต่การเตรียมดิน จนถึงนำใส่น้ำและนำมาฉีดพ่นยังแปลงหอมแดง ซึ่งวิธีนี้อาจจะไม่ใช่วิธีที่ได้ผลทันที แต่ก็เป็นวิธีที่ช่วยในระยะยาวได้ อีกทั้งยังปลอดภัยทั้งตัวผู้ใช้และผู้บริโภคอีกด้วย
ส่วนโรคที่เป็นปัญหาสำหรับหอมแดงเลยนั้น คือ โรคเน่าเละ โรคใบจุดสีม่วง โรคราน้ำค้าง และโรคแอนแทรคโนส ซึ่งโรคทั้งหมดนี้เป็นปัญหาอย่างมากสำหรับเกษตรกรที่มี การปลูกหอมแดง ซึ่งปัญหาดังกล่าวอาจจะมีการป้องกันได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นงดการปลูกพืชซ้ำในพื้นที่หรือแปลงที่มีการระบาดของโรคดังกล่าว การใช้สารเคมีเข้ามาเป็นตัวช่วยในการป้องกันโรค และที่สำคัญอาจจะต้องมีการตรวจแปลงอย่างสม่ำเสมอ เพื่อลดปัญหาโรคที่จะเกิดขึ้นตามมาในอนาคต และถ้าเกิดว่าแปลงดังกล่าวมีการติดโรคแล้ว อาจจะเลิกปลูกพืชชนิดเดิม แต่เปลี่ยนการปลูกเป็นพืชชนิดอื่นที่สามารถทนโรคนี้ ก็จะช่วยให้การระบาดและการเกิดของโรคดังกล่าวนี้ลดลงได้เช่นกัน หรือเรียกว่า การปลูกพืชแบบหมุนเวียน
ในส่วนของแมลงที่เป็นปัญหาสำหรับหอมแดงนั้น คือ หนอนกระทู้หอม และเพลี้ยไฟ ซึ่งการจัดการนั้นเกษตรกรส่วนใหญ่จะใช้การฉีดพ่นยาฆ่าแมลงเป็นหลัก ร่วมกับยากันราด้วยเช่นกัน ซึ่งสารเคมีชนิดนี้ราคาอาจจะไม่สูงมากนัก โดยฉีดพ่นทุกๆ 7 วัน หรือ 1 สัปดาห์ ฉีดครั้ง โดยการฉีดพ่นควรใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด และไม่ควรฉีดพ่นในรัศมีใต้ลม ที่สำคัญควรจะกันคนที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าพื้นที่เสียก่อน จะช่วยป้องกันและสร้างความปลอดภัยได้เป็นอย่างดี
การเก็บเกี่ยวผลผลิตหอมแดง
ซึ่งหอมแดงที่ได้รับการดูแลอย่างสม่ำเสมอนั้นจะช่วยให้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพมากขึ้น และให้ผลผลิตที่เต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้นด้วย ปกติแล้วหอมแดงนั้นจะนิยมปลูกในช่วงฤดูหนาว จะเริ่มแก่จัดเมื่ออายุได้ 70-110 วัน แต่ถ้าปลูกในฤดูฝน การเก็บเกี่ยวจะแตกต่างกัน โดยจะเริ่มเก็บได้เมื่อหอมแดงมีอายุได้ 45 วัน โดยผลผลิตของหอมแดงทั้ง 2 ฤดูนี้ จะมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยฤดูหนาวจะให้ผลผลิตมากกว่า 2-3 เท่าตัว ของฤดูฝนเลยทีเดียว นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมช่วงฤดูฝนหอมแดงจึงมีราคาสูงกว่าฤดูหนาวนั่นเอง
นอกจากนี้เมื่อหอมแดงเริ่มแก่ก็จะสังเกตได้จากสีของใบ โดยใบจะเริ่มเขียวและจางลง ปลายใบเริ่มเหลืองและจะถ่างออก จากนั้นจะค่อยๆ เอนล้มลงมากขึ้น ถ้าบีบส่วนโคนใบที่ต่อกับหอมแดงจะรู้สึกได้เลยว่านิ่ม ไม่แน่นแข็ง ก็เป็นอันว่าหอมแดงนั้นมีความแก่ได้ที่แล้ว หลังที่เราเก็บเกี่ยวเรียบร้อยแล้วนั้นก็จะมีวิธีการทำคล้ายกับการเก็บเกี่ยวกระเทียม คือ หอมแดงที่ทำการถอนเรียบร้อยแล้วต้องนำมาตากลมในที่ร่ม โดยให้ใบที่แห้งหรือเหี่ยวนั้นเป็นตัวมัดให้เป็นจุก จากนั้นก็ทำการคัดขนาด และทำความสะอาด คัดพันธุ์ แล้วนำไปแขวนไว้ในที่ร่มให้เรียบร้อย
ทั้งนี้ที่ทำการตากไว้ก็เพื่อให้ความชื้นในตัวหอมแดงนั้นมีการระบายออกทั้งหมด แต่ไม่ควรตากให้โดนแดดหรือฝนและน้ำค้างอย่างเด็ดขาด แต่ถ้านำไปเก็บไว้ในที่อบอ้าวก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคราดำได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้หอมแดงนั้นเน่าและเสียหายได้เช่นเดียวกับกระเทียม
นอกจากนี้ยังมีการเก็บหอมแดงไว้สำหรับทำพันธุ์ในครั้งต่อๆ ไปอีกด้วย เพราะว่าหอมแดงถ้าทำการเก็บไว้นานๆ จะทำให้เกิดการฝ่อเกิดขึ้น ทำให้แห้งและเสียหายได้ ดังนั้นควรคัดเลือกไว้ประมาณ 35-40 เปอร์เซ็นต์ ของหอมแดงที่เก็บทั้งหมดมาคัดเลือกเพื่อไว้ใช้ทำพันธุ์ โดยนำหอมแดงที่จะใช้ทำพันธุ์นั้นแยกออกจากส่วนที่จะใช้ หรือส่งขาย และฉีดพ่นยากันราให้ทั่ว จากนั้นนำไปผึ่งลมให้แห้งสนิทจะช่วยให้หอมนั้นไม่เน่าเสียได้ จึงเป็นวิธีที่เหมาะสำหรับหอมแดงที่จะทำการเพาะพันธุ์ต่อนั่นเอง
ประโยชน์และสรรพคุณของหอมแดง
หอมแดงนั้นมองเผินๆ อาจจะเป็นพืชผักสวนครัวทั่วไป แต่ความจริงนั้นถือได้ว่าเป็นพืชสมุนไพรอีก 1 ชนิด เลยก็ว่าได้ ที่สำคัญเลยหอมแดงนั้นมีประโยชน์ที่ช่วยบำรุงและฟื้นฟูร่างกายได้เป็นอย่างดี มีสรรพคุณทางยาหลายด้าน ซึ่งเรามาดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
- ช่วยป้องกันโรคหัวใจ และลดความดันโลหิต ซึ่งหอมแดงนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงหัวใจเป็นอย่าง
มาก ซึ่งมีส่วนช่วยในการลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้เป็นอย่างดี ทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น อีกทั้ง หอมแดงยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายของคนเราอีกด้วย
- ช่วยในเรื่องของการบำรุงสมอง หอมแดงนั้นอุดมไปด้วยฟอสฟอรัส การทานหอมแดงบ่อยๆ จะช่วยบำรุงสมอง
ได้เป็นอย่างดี ช่วยทำให้มีความจำที่ดีขึ้น
- ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง สารเคอร์ซิติน และสารฟลาโวนอยด์ ที่อยู่ในหอมแดงนั้น มีคุณสมบัติที่เป็นสารต้านอนุมูล
อิสระ ซึ่งสารต้านดังกล่าวนี้จะช่วยต้านอนุมูลอิสระที่เป็นตัวก่อมะเร็งได้เป็นอย่างดี
- ช่วยทำให้ร่างกายอบอุ่นได้ เนื่องจากว่าหอมแดงนั้นเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์เผ็ดร้อน จึงมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มอุณหภูมิในร่างกายได้เป็นอย่างดี
- ช่วยในการรักษาสิว และลดรอยดำจากสิว หอมแดงมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งแบคทีเรีย อันเป็นสาเหตุของการเกิด
สิว ช่วยลดการอักเสบและบวมแดงจากสิวได้เป็นอย่างดี และยังมีฤทธิ์ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระที่ไม่ดีสำหรับผิวอีกด้วย การใช้นั้นก็หั่นหอมแดงบางๆ จากนั้นนำไปทุบให้ได้น้ำมันหอมระเหยออกมา และนำมาทาบนใบหน้า ที่สำคัญควรห่อด้วยผ้าสะอาดและนำมาใช้จะดีกว่า ไม่ควรสัมผัสกับใบหน้าโดยตรง จะช่วยให้สิวลดลง และรอยดำดูจางลงด้วย
สรรพคุณทางยา
หอมแดงถือว่าเป็นพืชผักสวนควรที่มีสรรพคุณทางยาอยู่ด้วย ซึ่งมีการนำมาใช้ในเรื่องของการประกอบอาหาร หรือเป็นสมุนไพร กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน จัดได้ว่าหอมแดงนั้นเป็นพืชเศรษฐกิจอีก 1 ชนิดของเมืองไทยเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นพืชที่หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด และร้านขายของชำทั่วทุกมุมของพื้นที่ ซึ่งที่ว่าหอมแดงนั้นเป็นพืชที่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ทั้งในเรื่องของกลิ่นและสีของหอมเอง
โดยเราสามารถสังเกตได้เลยว่าถ้าต้องการหอมแดงนั้น สังเกตที่สีของผลตามร้านค้าต่างๆ ได้เลยว่าจะมีลักษณะที่โดดเด่นไปอย่างมาก กลิ่นที่มีความโดดเด่นนี้ถึงแม้จะดูเหมือนว่าไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรมากนัก แต่กลับกันว่าหอมแดงนั้นมีสรรพคุณในเรื่องของสมุนไพรเป็นอย่างมาก นับว่าเป็นพืชตระกูลหอมอีก 1 ชนิด ที่มีความน่าใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ด้วยตัวหอมแดงนั้นมีสารที่ชื่อว่า สาร Allicin และ n-propyl disulphide ซึ่งเป็นสารเกี่ยวกับกลิ่นที่มีความฉุน แต่กลิ่นดังกล่าวนั้นเชื่อว่าช่วยให้ร่างกายนั้นสามารถบรรเทาอาการคัดจมูกได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว นับว่าเป็นพืชที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว ถือว่าเป็นพืชตระกูลหอมที่มีความโดดเด่นไม่แพ้หอมตัวอื่นๆ เลยก็ว่าได้ เรามาดูวิธีการปลูกกันดีกว่า หอมแดงนั้นมีวิธีการปลูกอย่างไรจึงได้ผลผลิตที่มีคุณภาพและดีเยี่ยม
วิธี การปลูกหอมแดง ครั้งนี้เป็นเนื้อหาและรายละเอียดคร่าวๆ ที่กล่าวถึงการปลูก การดูแลรักษา และการป้องกันในส่วนต่างๆ ของ การปลูกหอมแดง ที่สำคัญบทความครั้งนี้เป็นการรวบรวมข้อมูลจากหลายภาคส่วน ผู้เขียนมีจุดประสงค์ที่จะส่งต่อความรู้ ความเข้าใจ อย่างง่าย ให้กับผู้ที่สนใจได้ลองเข้ามาศึกษาหรืออ่านดู เพื่อเป็นวิทยาทานในการปรับคิด หรือนำไปปรับทดลองปลูกก็ได้เช่นกัน ถือเป็นข้อมูลดีๆ ที่นำมาแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน
ขอขอบคุณแหล่งข้อมูลอ้างอิง
https://www.honestdocs.co/the-benefits-of-shallots,https://puechkaset.com/%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87/,https://esan108.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87.html,http://www.gurukaset.net/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%94%E0%B8%87-shallots-%E0%B9%83/