ยุคปัจจุบันโลกของเราได้แปรปรวนทุกๆ อย่าง ไม่ว่าจะเป็นสภาพภูมิอากาศ นับวันยิ่งเลวร้ายลงไปทุกที มลพิษต่างๆ มากมาย จากเมื่อก่อนฝนที่ตกลงมาสามารถบริโภคได้ แต่ ณ ปัจจุบันนี้ไม่สามารถบริโภคได้ เนื่องจากมลภาวะที่แย่ลง จึงทำให้น้ำฝนที่ตกลงมามีสิ่งเจือปน ทำให้ไม่สะอาด ไม่ปลอดภัยกับผู้บริโภค จึงทำให้ผู้บริโภคในปัจจุบันนี้เลือกบริโภคในสิ่งที่มีประโยชน์ สะอาด และที่สำคัญ คือ ปลอดภัยกับสุขภาพ
กลุ่มคน “รักสุขภาพ” จึงมีมากขึ้น แต่จะเลือกสิ่งใดล่ะ..! ที่เป็นอาหารหลักในการบริโภค ก็คงหนีไม่พ้นผลผลิตจากการเกษตร มนุษย์ทุกวันนี้ที่อยู่ได้ก็เพราะอาหารจากการทำเกษตรกรรม โดยเฉพาะ “ผักปลอดสารพิษ” หารับประทานได้ยาก เนื่องจากกระบวนการผลิตในปัจจุบันค่อนข้างเสี่ยงต่อสารพิษจากหลายๆ ด้าน เช่น ด้านทรัพยากรน้ำ ทรัพยากรอากาศ ทรัพยากรดิน แต่สารพิษเหล่านี้ล้วนมาจากมนุษย์ที่สร้างขึ้นมาทั้งสิ้น
ทำให้มนุษย์คิดค้นวิธีการปลูกแบบสามารถควบคุมคุณภาพได้เอง คือ แบบโรงเรือนปิด หรือที่รู้จักกันในนาม “ปลูกพืชไร้ดิน” ใช้น้ำ ธาตุอาหารพืช และแสง เป็นปัจจัยหลักในการทำให้พืชเจริญเติบโต มีโรงเรือนแบบปิดป้องกันโรคและแมลงต่างๆ ไม่ให้ปนเปื้อนสารเคมี ใช้พื้นที่ในการปลูกน้อย ประหยัดพื้นที่ ประหยัดเวลา ทำให้ผู้ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์สามารถมีเวลาทำงานอื่นได้ โดยเฉพาะผู้ปลูกไว้รับประทานไม่ต้องยุ่งยาก
เทคนิคการปลูกพืชไร้ดินปัจจุบันมีหลายแบบด้วยกัน ในสภาพตามธรรมชาตินั้นดินจะทำหน้าที่เป็นแหล่งอาหารหลัก แต่ดินไม่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืช เมื่อสารอาหารในดินละลายไปกับน้ำ รากของพืชก็สามารถดูดซึมสารอาหารนั้นได้ เมื่อเขาใส่สารอาหารที่จำเป็นสำหรับพืชไว้ในแหล่งน้ำที่สร้างขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ดิน พืชจะเจริญเติบโตด้วยวิธีแบบไฮโดรโปนิกส์
การปลูกพืชไร้ดินจึงทำได้ง่าย สะดวก และประหยัดพื้นที่ ประโยชน์หลักๆ ของการปลูกพืชไร้ดิน คือ ประการแรกเราสามารถควบคุมได้ ประการที่สองพืชจะให้ผลผลิตได้มากในเวลาที่น้อยกว่าเดิม บางครั้งคุณภาพที่ออกมาก็ดีด้วย ความปราศจากโรค วัชพืช โรคในดิน ใช้น้ำน้อย เพราะใช้ระบบหมุนเวียนน้ำ ทำให้การปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนรักสุขภาพ เพราะสามารถควบคุมปัจจัยที่เกี่ยวข้องได้มากที่สุด
การผลิตชุดปลูกผักแนวตั้ง
ฉบับนี้ทีมงานได้นำเรื่องราวดีๆ มีสาระจากแนวคิดเก๋ๆ ของ คุณมนต์ชัย แซ่ว่อง ผู้จัดการทั่วไปของ บริษัท ไทย แอดวานซ์ อะกรี เทค จำกัด ทำธุรกิจครอบครัว เป็นโรงงานเกี่ยวกับพลาสติก และโฟม
และมีแนวคิดในการผลิต ชุดปลูกผักแนวตั้ง แบบไฮโดรโปนิกส์ ประหยัดพื้นที่ เพิ่มผลผลิต ใช้ได้ทั้งระบบน้ำและระบบดิน ดูแลง่าย โรคและแมลงศัตรูพืชน้อย มีคุณภาพดี ทนต่อการใช้งานกลางแจ้ง สามารถประดับพื้นที่ และปรับภูมิทัศน์ อาคาร สถานที่ต่างๆ ได้
เป็นแนวคิดเพื่อให้ผู้ที่ไม่ค่อยมีเวลา ต้องทำงาน หรืออยู่ตามพื้นที่แออัด ไม่มีพื้นที่มากนัก ต้องการที่จะปลูกผักไว้บริโภคเอง ต้องการผักที่ปลอดสารก็ต้องปลูกเอง ปลอดภัยที่สุด เป็นการช่วยสนับสนุนให้คนรับประทานผักกันมากขึ้น โดยเฉพาะคนไทยในปัจจุบันนี้ไม่รับประทานผักกันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้สุขภาพคนไทยทุกวันนี้เสี่ยงต่อการเป็นโรคสูง
หลังจากคุณมนต์ชัยได้มีโอกาสไปศึกษาอยู่ที่สิงคโปร์ด้านเครื่องจักรกลนั้น ไม่เกี่ยวกับการทำจำพวกนี้เลย แต่เกี่ยวกับธุรกิจที่บ้าน คือ โรงงานพลาสติก ต้องมีเครื่องจักรเป็นตัวช่วยผลิตอยู่แล้ว ในแนวคิดของคนเราไม่จำเป็นต้องจมปลักกับสิ่งที่เรียนรู้มาเสมอ สามารถประยุกต์ใช้นอกกรอบ แต่ต้องเกิดประโยชน์เมื่อทำแล้ว!
จากการใช้ชีวิตอยู่ที่สิงคโปร์ เป็นที่รู้จักกันดีว่าสิงคโปร์เป็นเมืองที่เล็ก ไม่มีพื้นที่มากนัก มีแต่อพาร์ทเมนท์เป็นเมืองเทคโนโลยีสูงเมืองหนึ่ง แต่คนที่นั่นในเรื่องของวัฒนธรรมการรับประทานอาหารค่อนข้างเลือก ส่วนมากเป็นอาหารปลอดสารพิษ ออแกนิค เพราะเรื่องสุขภาพสำคัญมากสำหรับคนที่นั่น เพราะค่ารักษาพยาบาลค่อนข้างสูง จึงทำให้คนสิงคโปร์ระวังในเรื่องของอาหารที่จะรับประทานเข้าไปในร่างกายในแต่ละมื้อ
ด้วยเหตุที่กล่าวมาข้างต้นจึงทำให้คุณมนต์ชัยและครอบครัวคิดค้น “ ชุดปลูกผักแนวตั้ง ” ขึ้นมา เพื่อตอบสนองวัฒนธรรมความเป็นอยู่ของผู้มีพื้นที่น้อย ชุดปลูกผักแนวตั้ง จึงสามารถปลูกได้ในทุกๆ พื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นตามอาคาร บ้านเรือน ที่เป็นตึก แฟลตต่างๆ สามารถนำชุดปลูกแนวตั้งลงปลูกได้เป็นอย่างดี
ในเรื่องของตัวภาชนะที่ใช้เป็นพลาสติก จากประสบการณ์ในการทำโรงงานพลาสติกมากว่า 30 ปี จะเชี่ยวชาญเรื่องคุณสมบัติของพลาสติกเป็นอย่างดี จึงเลือกสรรพลาสติกที่คงทนต่อสภาพแวดล้อมได้ดีที่สุดมาทำเป็นกระถางปลูก โดยการทำเป็นชั้นๆ ในแนวตั้งขึ้นไป
หลังจากนั้นเมื่อทำการผลิตเสร็จเรียบร้อยได้ร่วมมือกับทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ คณะทรัพยากรธรรมชาติ ช่วยในการวิจัยผลิตภัณฑ์ว่ามีคุณภาพมากน้อยเพียงใด และต้องปรับปรุงแก้ไขสิ่งใดต่อไป เพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคอย่างมั่นใจในทุกขั้นตอนของผลิตภัณฑ์ ในการทดลองครั้งนี้ใช้ระยะเวลานานถึง 1 ปีกว่า เมื่อรู้สิ่งที่ต้องปรับปรุงแก้ไข จึงต้องสร้างบล็อครวมๆ แล้ว 2 ปี จึงทำ ชุดปลูกผักแนวตั้ง นี้ให้สำเร็จ
ขั้นตอนการปลูกผักแนวตั้ง
เริ่มเพาะจากเมล็ดประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากนั้นก็หยดใส่ถ้วยปลูกทีละชั้น วันแรกที่ปลูกลงน้ำ ต้องใส่ปุ๋ย 200 cc. สูตร A กับปู๋ยสูตร B อีก 200 cc. เมื่อครบ 10 วัน ให้ใส่ธาตุอาหารพืชครั้งที่ 2 อีกอย่างละ 150 cc. ในระหว่างปลูกให้สังเกตปริมาณน้ำ ถ้าน้ำลดก็เติมน้ำ เพื่อครบระยะเวลาประมาณ 40 กว่าวัน ก็สามารถนำผักมารับประทานได้
ส่วนเรื่องปัญหาไฟดับจะไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการปลูกผักแนวตั้งแต่อย่างใด เพราะระบบน้ำยังคงหล่อเลี้ยงผัก ตัดปัญหาเรื่องการดูแลไปได้มาก ดูแลง่าย เรื่องโรคหรือแมลงไม่มีมารบกวน เพราะฉะนั้นการปลูกผักกับชุดปลูกผักแนวตั้ง คนที่มีเวลาดูแลน้อย มีงานอื่นๆ หรืองานประจำที่ต้องทำ ก็สามารถนำมาปลูกได้อย่างไร้ปัญหา ไม่ต้องไปกังวลกับผลผลิตที่จะแปรเปลี่ยนไป เพราะพืชจะสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้เมื่ออยู่ในชุดปลูกแนวตั้ง
การปลูกผักในชุดปลูกแนวตั้งสามารถปลูกได้ในชุดเดียวกัน 2-3 สายพันธุ์ ถ้าใช้ปุ๋ยที่ใกล้เคียงกัน เช่น ผักไทยที่ใช้ปุ๋ยใกล้เคียงกัน จำพวกผักกาดขาว ฮ่องเต้ เป็นต้น ถ้าปลูกในชุดเดียวกันต้องดูชนิดของผักว่ามีการใช้ปุ๋ยใกล้เคียงกันหรือไม่ ส่วนการปลูกผักสลัดต้องแยกจากผักไทย เพราะใช้ปุ๋ยไม่เหมือนกัน โดยเฉพาะผักคะน้าที่ใช้ปุ๋ยมากกว่าผักชนิดอื่นเป็นพิเศษ ควรแยกปลูก
โรงเรือนในพื้นที่ 4×6 ตารางเมตร มีทั้งหมด 30 ชุด ชุดละ 24 หลุม ปลูกรวมทั้งหมดประมาณ 700 กว่าต้น ระยะห่างจากจุดสูงสุดของหลักกับหลังคาโรงเรือนอยู่ที่ประมาณ 2 เมตร เพื่อช่วยถ่ายเทอากาศได้ดี ไม่ร้อนมากจนเกินไป
การทำความสะอาดชุดปลูกผักแนวตั้ง
1.ถ่ายน้ำออกให้หมด
2.ถอดออกเป็นชิ้นส่วน โดยดึงแกนกลาง ดึงออกมาเป็นหลักๆ ได้เลย
3.ถอดชิ้นส่วนออกเป็นอย่างๆ เพื่อง่ายต่อการทำความสะอาดขั้นตอนต่อไป
4.นำแต่ละชิ้นส่วนมาล้างทำความสะอาด โดยใช้ผ้าสะอาดชุบน้ำลูบทำความสะอาดภายใน
5.แล้วนำมาตากแดดเพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนนำไปปลูกครั้งใหม่
ด้านตลาดชุดปลูกผักแนวตั้ง ทั้งในและต่างประเทศ
มองต่างประเทศเป็นหลัก เพราะจากสภาพแวดล้อมของต่างประเทศเหมาะกับการปลูกผักแบบชุดปลูกผักแนวตั้ง ใช้พื้นที่ปลูกน้อย และมีพื้นที่จำกัด สิงคโปร์จึงเป็นเส้นทางแรกที่จะสามารถเปิดตลาดได้ดี กำลังการซื้อค่อนข้างสูง เพราะมีรายได้ต่อคนที่มากพอสมควร
ส่วนมากที่สิงคโปร์นิยมปลูกในบ้าน แสงอาจไม่เพียงพอ ทางเราต้องเพิ่มแสงไฟ และเน้นเรื่องการประหยัดพื้นที่ให้มากที่สุด สำหรับระบบอื่นไม่มีปัญหา ตลาดต่างประเทศค่อนข้างสดใส ด้วยแนวคิดของคนต่างประเทศจะแตกต่างไปจากบ้านเรา โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพจะสำคัญมากๆ ต่อการดำรงชีพในประเทศของคนสิงคโปร์
หลังจากเปิดตัวที่ประเทศไทยถือว่ามีการตอบรับที่ดี ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯ ส่วนที่เหลือจะมาจากฝั่งตะวันออก ทางเหนือ อีสาน และทางใต้ ต่างประเทศจะให้ความสนใจและตอบสนองความต้องการอย่างรวดเร็วกว่าคนไทย
ในความคิดของคนต่างประเทศจะต่างจากคนไทย จะคิดเร็ว ทำเร็ว ตัดสินใจไวมาก เพราะในแนวทางความคิดของคนต่างประเทศเขาคิดว่าสามารถนำไปใช้ได้จริง เกิดประโยชน์ต่อตัวของเรา มีความกล้าคิด กล้าทำ สูงกว่าคนไทย ทำให้การพัฒนาทุกๆ อย่างของต่างประเทศก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
และมีตลาดอีกหลายประเทศที่ต้องการเปิด อย่าง มาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม จีน และดูไบ มาเลเซียสำหรับฟาร์มที่ใหญ่ที่สุดได้สั่งชุดปลูกแนวตั้งไปทำแล้วในพื้นที่ 4 ไร่ จากพื้นที่ฟาร์ม 250 ไร่ เป็นการขยายตลาดให้กว้างมากขึ้น เพิ่มปริมาณลูกค้า โดยช่องทางต่างๆ ให้หลากหลาย รับตัวแทนจำหน่ายด้วย เป็นอีกหนึ่งกำลังสำคัญต่อการเผยแพร่ผลิตภัณฑ์
ส่วนตลาดในไทยอาศัยผ่านตัวแทนในแต่ละภาค ถ้าในภาคที่ใหญ่ก็เพิ่มตัวแทนจำหน่ายเป็น 2 คน เช่น กรุงเทพฯ ปริมณฑล เป็นเมืองใหญ่ ควรใช้ตัวแทนจำหน่าย 2 คน ให้เหมาะสมกับพื้นที่ของการทำตลาด
คุณสมบัติของตัวแทนจำหน่าย ถ้าเป็นไปได้อยากให้มีโรงเรือน มีฟาร์มตัวอย่าง เพื่อเป็นตัวอย่างในการเผยแพร่ระบบการปลูกผักแนวตั้งให้ลูกค้า และเพื่อเป็นจุดสร้างความมั่นใจ ความเชื่อมั่น ของผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชม ส่วนในเรื่องของราคาจำหน่ายของตัวแทนจำหน่ายขึ้นอยู่กับการดำเนินงานของแต่ละตัวแทน เพราะจะไม่เหมือนกัน
การบริหารจัดการการผลิตชุดปลูกผักแนวตั้ง
แรงงานเกือบร้อยคน ในส่วนของเทคนิคการผลิตมีปัญหาเรื่องการผลิตไม่ทัน แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เท่าไร สามารถสั่งเครื่องจักรเข้ามาช่วยผลิตก็สามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้สบาย ส่วนในเรื่องการตลาดมีทิศทางดีอยู่แล้ว
การดูแลควบคุมกำหนดสูตรขึ้นมาเอง จึงสามารถควบคุมคุณภาพได้ทุกขั้นตอนการผลิตได้ง่าย ทำให้เกิดการผิดพลาดน้อย ด้วยความที่คุณมนต์ชัยเรียนเกี่ยวกับเครื่องจักรมา ทำให้สามารถประยุกต์การใช้งานได้ง่ายขึ้น ตอนนี้มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 500 ชุด/อาทิตย์
ระหว่างแนวนอนกับแนวตั้งต้องสร้างโรงเรือนเช่นเดียวกัน เรื่องปัจจัยการใช้ปุ๋ย น้ำ และแสง ก็เหมือนกัน แต่สำหรับแนวตั้งจะให้ผลผลิตต่อหนึ่งหน่วยพื้นที่มากกว่า เพราะผลกระทบของแสงที่เป็นแนวเอียงเป็นส่วนใหญ่
ข้อเสียของการปลูกผักแนวตั้ง มีเรื่องการลงทุนและการติดตั้งค่อนข้างลำบากสำหรับคนที่ไม่เคย เกษตรกรที่ติดตั้งไม่เป็นต้องให้ตัวแทนเข้าไปติดตั้งให้ แต่มีคู่มือในการตั้ง ให้สามารถทำความเข้าใจแล้วติดตั้งได้เอง
ข้อดีของการปลูกผักแนวตั้ง ช่วยประหยัดพื้นที่ เพิ่มผลผลิต ดูแลง่าย ปราศจากโรคและศัตรูแมลงต่างๆ ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพดี ทนทานต่อสภาพแวดล้อมในการใช้งานกลางแจ้ง ช่วยลดความเสี่ยงจากการรับประทานผักที่มีสารพิษตกค้าง
และที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้บริโภคได้รับกลับคืนมา คือ สุขภาพกายที่ดี ที่หาซื้อไม่ได้ นอกจากดูแลตัวเองจากการรับประทานอาหารที่ปลอดสารพิษ ให้คุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน
ลงทุนซื้อชุดปลูกผักเพียงครั้งเดียวแต่ได้สุขภาพที่ดีตลอด การใช้ชีวิตถือว่าคุ้มค่ากับการลงทุนครั้งเดียวเพื่อแลกกับสุขภาพ และผักปลอดสารพิษที่ทุกท่านต้องการ
การจำหน่ายชุดปลูกผักแนวตั้ง
ในตอนนี้การจำหน่ายชุดปลูกผักแนวตั้งสำหรับฟาร์มอยู่ที่ชุดละ 2,500 บาท/ 28 หลุมปลูก ราคาลดลงตามปริมาณชุดที่สั่งราคาย่อมเยา ต้องการเผยแพร่เทคนิคการปลูกผักแนวตั้งมากกว่าผลกำไรที่ได้
และมีอีกราคาในชุดสำหรับครอบครัวราคาขึ้นอยู่กับจำนวนชั้นปลูกที่ลูกค้าต้องการ ซึ่งมีตั้งแต่ 4-8 ชั้น หรือ 16-40 หลุมปลูก ราคาตั้งแต่ 3,000-4,500 บาท มีปุ๋ย มีเมล็ดพันธุ์ แถมให้พร้อมปลูกได้เลย
แนวคิดในการผลิตชุดปลูกผักแนวตั้ง
ทางด้านครอบครัวเดิมทีประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพลาสติก และโฟม ด้านความคิดเห็นของครอบครัวไม่มีปัญหาอะไร การทำชุดปลูกผักแนวตั้งขึ้นในครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดธุรกิจพลาสติก ปกติกระบวนการผลิตคุณมนต์ชัยเป็นผู้ดูแลระบบต่างๆ อยู่แล้ว คอยซ่อมบำรุงทุกอย่าง อยู่ในการดูแลควบคุมด้วยระบบตามปกติ แค่เพิ่มในส่วนการทำ ชุดปลูกผักแนวตั้ง ขึ้นมา
จากการเพิ่มกระบวนการผลิตตัวนี้ขึ้นมาไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใดกับธุรกิจเดิมที่มีอยู่แล้ว เป็นการต่อยอดในสิ่งที่มีอยู่แล้วให้เป็นผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ของบริษัท โดยใช้วัสดุของบริษัท ซึ่งเรื่องของคุณภาพของพลาสติกที่นำมาผลิต ชุดปลูกผักแนวตั้ง เป็นพลาสติกที่สัมผัสอาหารได้ (Food Grade) มีคุณสมบัติคงทนต่อสภาพแวดล้อม ระบบถูกออกแบบมาให้เหมาะสมกับภูมิอากาศในเขตร้อนแบบในภูมิภาคอาเซียน ลดความร้อนจากภายนอกที่เข้ามาในระบบ
และทำให้ระบบน้ำเย็นกว่าระบบทั่วไป และไม่มีสารพิษจากพลาสติก ที่สามารถมีผลกระทบกับผักที่ปลูกในระบบปลูกพืชระบบนี้ เนื่องจากประสบการณ์ที่ประกอบธุรกิจพลาสติกมายาวนานช่วยให้คัดสรรพลาสติกที่มีคุณสมบัติการใช้งานตรงตามการนำไปใช้ประโยชน์
แนวคิดของคุณมนต์ชัยในครั้งนี้ถือว่าเป็นการต่อยอดที่ลงตัวกับธุรกิจเดิม เป็นนักธุรกิจอีกบุคคลหนึ่งที่มีแนวคิดและเป็นประโยชน์ต่อสังคม มีจิตสำนึกที่ดี หวังว่าการคิดค้นทำชุดปลูกแนวตั้งครั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้คนรับประทานผักมากขึ้น เป็นการปลูกจิตสำนึกให้คนสะดวกกับการปลูกผักรับประทานเอง
ประโยชน์และโทษของการรับประทานผัก
ประโยชน์ของการรับประทานผัก
1.ทำให้ได้รับวิตามินและแร่ธาตุ
2.เพื่อสร้างเสริมสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง
3.มีเส้นใยช่วยเสริมระบบขับถ่าย
4.ดูดซับคอเลสเตอรอลและสารพิษที่ตกค้างในร่างกาย
อันตรายจากการรับประทานผัก
1.ได้รับสารพิษตกค้างจากกระบวนการผลิต
2.ทำให้เกิดโรคเสื่อมถอยตามมา
3.อาจได้รับฮอร์โมนหรือเอนไซม์บางชนิดที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ฝากถึงเกษตรกรที่สนใจ ชุดปลูกผักแนวตั้ง
สำหรับคนที่สนใจตัวผลิตภัณฑ์ และมีพื้นที่อยู่แล้ว หรือมีปัญหาเรื่องการบริหารพื้นที่ไม่สามารถขยับขยายได้ ให้ลองนำ ชุดปลูกผักแนวตั้ง ไปปลูก เพราะใช้พื้นที่น้อย วัสดุอุปกรณ์เป็นของไทย ออกแบบให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศบ้านเรา ผลิตภัณฑ์ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของท่านอย่างแน่นอน ติดตั้งง่าย สะดวก ไม่ต้องทำความสะอาดบ่อย
ทิศทางการผลิตจะส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ เพื่อเป็นการเผยแพร่ผลิตภัณฑ์ของไทยให้เป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในตลาดต่างประเทศ เมื่อเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นโดยผ่านตัวแทนจำหน่ายบ้างหลายๆ ช่องทาง จะทำให้ตลาดของผลิตภัณฑ์กว้าง อนาคตมีทิศทางดีในกลุ่มคนรักสุขภาพน่าจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เข้าถึงผลิตภัณฑ์ ชุดปลูกผักแนวตั้ง นี้
ท่านใดสนใจสามารถติดต่อได้ที่ คุณมนต์ชัย แซ่ว่อง 84/56-57 ถนนสายเอเซีย ต.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 90110 โทร.09-3959-7599,074-210-217, 074-210-524 หรือเข้าชมเว็บไซต์ได้ที่ www.thaiagritech.com. www.facebook.com/page s/thai-Advance-Agri-Tech-CoLtd/131131510430966, Id line : thaiadvanceagritech