การปลูกต้นดอกสลิด
คอลัมน์สมุนไพรสู้โรคในฉบับนี้ เรามาแนะนำ “ดอกสลิด” ให้ทุกท่านได้รู้จัก ที่สำคัญไม่ได้มาแนะนำให้รู้จักอย่างเดียว ยังเอาวิธีการปลูก การดูแลรักษา มาฝากทุกท่านกันด้วย เพราะ “ดอกสลิด” พระเอกของเราในวันนี้มีผลงานชัดเจน ถึงขนาดเคยลงในวารสารนิตยสาร เว๊ปไซต์ หรือแม้กระทั่งหนังสือพิมพ์ ที่ผู้ปลูกสามารถพลิกชีวิตสร้างรายได้กันมานักต่อนัก “ดอกสลิด” จึงเป็นพืชทรงคุณค่า ที่นอกจากมีสรรพคุณทางยา ยังสามารถทำเป็นอาชีพที่ดีได้ เรื่องนี้จึงมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพียงแต่ว่าหลายคนยังไม่รู้เท่านั้นเอง
สรรพคุณของดอกสลิด
หลายคนอาจจะรู้จัก ดอกสลิด หรือดอกขจร กันมาแล้ว หลายคนอาจจะเคยกินมาแล้วด้วยซ้ำ เพราะหลายพื้นที่นิยมนำมาทำอาหารบริโภค ทั้งแบบสด และลวกให้สุก และหลายครัวเรือนก็ทราบดีว่าดอกขจรนั้นมีสรรพคุณทางยาด้วย อาทิ
-ยอดอ่อน, ดอก, ลูกอ่อน บำรุงธาตุ บำรุงตับ ปอด แก้เสมหะเป็นพิษ
-ราก ทำให้อาเจียน ถอนพิษเบื่อเมา
ทำให้ปัจจุบันดอกขจรกลายเป็นสินค้าที่มีราคา บางช่วงอาจถึงกิโลกรัมละ 200 บาท ดอกขจรมักพบขึ้นอยู่ในป่าธรรมชาติที่เป็นป่าดิบแล้ง และป่าละเมาะทั่วไป เพราะขึ้นง่ายในดินทุกชนิด มีนิสัยชอบแดด เลื้อยไปตามต้นไม้ใหญ่
วิธีการปลูก
ส่วนวิธีการปลูกที่ชาวบ้านนิยมกันก็คือ การชำกิ่ง โดยเตรียมดินเพาะชำเป็นแกลบเผา 2 ส่วน ดินร่วน 2 ส่วน ปุ๋ยหมัก 1 ส่วน ผสมคลุกเคล้าในเข้ากัน ใส่ถุงแล้วนำกิ่งที่ไม่อ่อนและไม่แก่เกินไปมี 2-3 ข้อ เอาด้านโคนชุบน้ำยากันเชื้อราแล้วปักลงไปในถุง รดน้ำให้ชุ่ม พักในที่ร่ม เมื่อแตกตากิ่ง หรือตายอด ยาว 1 คืบ ก็ย้ายไปปลูกในแปลง
อีกวิธีก็คือ การตอน ใช้ขุยมะพร้าวแช่น้ำไว้ 1 คืน ใส่ถุงพลาสติกมัดหนังยางไว้เพื่อเป็นถุงตอนหลายๆ ถุง เวลาตอนให้กรีดถุงด้านหนึ่งแล้วนำไปหุ้มตรงข้อของเถาขจร มัดให้แน่น ให้ตอนข้อเว้นสองข้อ ประมาณ 20 วัน ก็ออกราก
สภาพพื้นที่ปลูกต้นดอกสลิด
ส่วนการเตรียมดินเพื่อปลูก เริ่มจากไถพรวนแล้วย่อยให้ละเอียด ยกร่องแปลงกว้าง 4-6 เมตร ยาวไม่จำกัด ระยะห่างระหว่างแปลง 80 ซม. ใช้ระยะปลูก 2×2 เมตร 1 แปลง ปลูกได้ 2 แถว แล้วทำซุ้มเข้าหากัน ขุดหลุมลึก 30-50 ซม. ถ้าดินไม่ดีให้ขุดหลุมใหญ่ ใส่ปุ๋ยคอกลงไปให้มาก ดินดีใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 หลุมละ 1 ช้อนแกง นำกิ่งชำหรือกิ่งตอนที่มีรากแข็งแรงลงปลูก เกลี่ยดินกลบโคนให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม
ใน 1 หลุมปลูก 3-4 กิ่ง จะทำให้เจริญเติบโตแผ่กระจาย และยอดจะเลื้อยขึ้นค้างได้อย่างพอเหมาะ รดน้ำวันละครั้ง หรือตามสภาพความชื้นของดิน หลังจากนั้น 1 เดือนขึ้นไป จะเริ่มออกดอก ตัดเถาที่ไม่สมบูรณ์ หรือแมลงรบกวนทิ้ง ดูแลอย่าให้แน่น หรือทึบเกินไป
การทำค้างก็ใช้ไม้ไผ่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5-6 นิ้ว ทำเป็นเสาหลัก 2 เสา ปักห่างกัน 2 เมตร สูงจากพื้นดิน 1.50 เมตร ปักตามแนวยาวของแปลง และระหว่างเสาหลักจะใช้ไม้ไผ่เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-3 นิ้ว ปัก แล้วใช้ไม้ไผ่ผ่าซีกผูกเป็นขั้นบันได 5-6 ขั้น ให้เป็นทางสำหรับยอดขจรเลื้อยขึ้นไป จะเป็น 1 ซุ้ม เว้นทางเดินประมาณ 80 ซม. แล้วทำซุ้มต่อไปตามความต้องการก็ได้ ซึ่งจะช่วยให้การแตกยอดดี
การบำรุงดูแลรักษาต้นดอกสลิด
สำหรับการให้ปุ๋ยนั้นควรให้ปุ๋ยอินทรีย์น้ำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ปุ๋ยคอกและปุ๋ยหมักใส่ที่โคนต้นได้เรื่อยๆ ส่วนปุ๋ยเคมีใช้สูตร 15-15-15 สลับกับ 25-7-7 เดือนละ 2 ครั้ง และหลังการตัดแต่งกิ่ง ซึ่งถ้าดูแลดีดอกก็จะดกและโตมากกว่าปกติ ที่สำคัญต้องตัดแต่งกิ่งที่แก่ออกอยู่เสมอ เพื่อให้แตกยอดใหม่ออกมาเรื่อยๆ
ส่วนมากจะตัดแต่งกิ่งช่วยเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน เพราะช่วงนี้จะออกดอกน้อย จะตัดอย่างหนัก เอาไว้เฉพาะส่วนที่ลำต้นตั้งตรงขึ้นไป และต้องแบ่งแปลงไว้เพื่อให้มีแปลงที่เก็บดอกได้ เพราะช่วงนี้จะขายได้ราคาดี หลังตัดแต่งกิ่ง 2-3 สัปดาห์ ก็จะแตกยอดใหม่ มีดอกให้เก็บได้เรื่อยๆ หลายปี และยืดอายุต้นขจรได้อีกนาน
การตัดนั้นให้ตัดสูงจากพื้นดิน 25 ซม. แต่ละหลุมไม่ควรตัดหมด ให้เหลือไว้ต้นละ 1 หลุม จากนั้นก็รดน้ำให้ปุ๋ยตามปกติ 3-4 เดือน ก็ให้ดอกอีกมาก
การจำหน่ายดอกขจรและต้นกล้า ดอกสลิด
ต้นขจรจะเริ่มให้ดอกหลังจากย้ายปลูกได้ 30 วัน และจะเริ่มให้ผลผลิต 10-20 กิโลกรัม เมื่อปลูกได้ประมาณ 3 เดือน ขายได้ในราคากิโลกรัมละ 100 บาท แต่พอมีอายุได้ 6 เดือน สามารถเก็บเกี่ยวดอกได้มากขึ้นเป็นวันละ 40-50 กิโลกรัม ราคาขายก็จะเพิ่มเป็น 80 บาท/กิโลกรัม
นอกจากนี้ยังสามารถขายกล้าปักชำจำหน่ายได้อีกในราคาต้นละไม่ต่ำกว่า 35 บาท เป็นช่องทางเพิ่มรายได้ที่ดีอีกทาง ดอกขจรแต่ละรุ่นมีอายุค่อนข้างนาน เก็บดอกขายได้ทุกวัน ไม่ต่ำกว่า 4 ปี เป็นอย่างน้อยทีเดียว