โรคเกาต์นั้นเป็นโรคเกี่ยวกับข้อกระดูกในร่างกาย ซึ่งเป็นสัญญาณที่จะพบได้ว่าข้อกระดูกนั้นเริ่มอักเสบได้ ซึ่งโรคดังกล่าวนี้ก็สามารถพบได้ทั่วไปส่วนใหญ่ หรือบ่อยๆ นั้นมักจะพบในผู้ชายมากกว่า ซึ่งจะเกิดอาการปวดที่ข้อแบบเฉียบพลัน ซึ่งปัจจุบันก็มีการบรรเทาอาการและรักษาด้วย ทั้งทางแพทย์ปัจจุบันและแพทย์แผนไทย ซึ่งสมุนไพรก็ถือเป็นทางเลือกหนึ่งในการบรรเทาอาการรักษาได้เช่นกัน ซึ่งก็มี สมุนไพรรักษาโรคเก๊า มากมายที่จะนำมาใช้ในการรักษาด้วย
การใช้ สมุนไพรรักษาโรคเก๊า
ในประเทศไทยนั้นนับว่ามีพืชสมุนไพรอย่างหลากหลายเลยทีเดียวนับว่าเป็นเมืองให้สมุนไพรเลยก็ว่าได้ เพราะว่าสมุนไพรในประเทศไทยนั้นสามารถใช้ในการบรรเทาอาการต่างๆ ในร่างกาย และช่วยรักษาโรคได้เป็นอย่างดี อีกทั้งหลักการแพทย์แผนไทยก็มีความขึ้นชื่อเป็นอย่างมาก
จึงไม่แปลกเลยที่จะมีสมุนไพรไว้ใช้รักษาโรคได้ค่อนข้างเยอะ โรคเกาต์เองก็เป็นอีกหนึ่งโรคที่เป็นปัจจัยทำให้การดำเนินชีวิตนั้นค่อนข้างลำบาก การใช้สมุนไพรช่วยในการรักษาและบรรเทาอาการ ก็ถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาเช่นกัน เราจึงมีพืชสมุนไพรที่สามารถช่วยรักษาและบรรเทาอาการโรคเกาต์ได้ด้วย
โรคเกาต์นั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยอาจจะเกิดจากการมีกรดยูริกที่สูงในเลือด ซึ่งการรักษานั้นส่วนใหญ่แล้วอาจจะใช้วิธีการรักษาแบบการแพทย์แผนปัจจุบันซึ่งก็สามารถช่วยรักษาได้ แต่ถ้าการบรรเทาอาการของโรคเกาต์นั้นสมุนไพรหรือพืชก็สามารถเข้ามาเป็นทางเลือกในการบรรเทาและช่วยประคองอาการได้อีกทางหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นอีกทางเลือกให้กับผู้ที่เป็นโรคเกาต์ด้วยเช่นกัน ซึ่งสมุนไพรที่ใช้นั้นก็มีอยู่หลากหลาย รวมไปถึงพืชที่ช่วยในการบรรเทาอาการของโรคเกาต์ด้วยเช่นกัน
โรคเกาต์นั้นเป็นโรคที่เกิดจากข้ออักเสบที่เกิดขึ้น โดยมีกรดยูริกอยู่ในเลือดค่อนข้างสูง ซึ่งกรดยูริกนั้นเมื่อมีมากขึ้นจนเกิดการสะสมในร่างกาย จะตกผลึกเป็นเกลือซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ข้อเกิดการอักเสบขึ้น และตามมาด้วยอาการบวมแดง เมื่อเกิดอาการบวมแดง คนที่เป็นโรคเกาต์ก็จะเกิดอาการเจ็บที่ข้อเข่า ซึ่งการควบคุมไม่ให้โรคเกาต์นั้นมีความรุนแรงมากขึ้นก็จะขึ้นอยู่กับตัวผู้ป่วยเอง โดยอาจจะต้องควบคุมอาหารการกินเป็นอันดับแรก และคอยระมัดระวังในการใช้ชีวิตให้เป็นปกติ และต้องระมัดระวังมากที่สุด โดยต้องทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และเหมาะกับสุขภาพของตนเองด้วย อย่าลืมว่าต้องรับประทานยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดด้วยเช่นกัน
วิธีการรักษาโรคเกาต์
ซึ่งปัจจุบันนั้นในการดูแลอาการผู้ที่เป็นโรคเกาต์นั้น สามารถทำได้หลากหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นสามารถพบแพทย์ผู้ เชี่ยวชาญเพื่อขอคำปรึกษาและได้รับการรักษา หรือใช้สมุนไพรเป็นตัวช่วยในการรักษา และบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
โดยปกติการเกิดโรคเกาต์นั้นอาจจะมีปัจจัยหลายอย่าง แต่ที่ทำให้เกิดโรคเกาต์ได้ง่ายๆ เลย คือ พฤติกรรมในการรับประทานอาหารในแต่ละครั้งของเราเอง โดยปัจจัยเสี่ยงของการเป็นโรคเกาต์ นั่นคือ การรับประทานอาหารที่มีกรดยูริกอยู่สูง เช่น พวกเนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อีกทั้งอาการเจ็บป่วยที่มีผลต่อการสร้างเซลล์เพิ่มขึ้น เช่น โรคมะเร็ง โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ก็มีส่วนทำให้เกิดโรคเกาต์ตามมาได้เช่นกัน
นอกจากนี้ยังมีอาการป่วยที่เป็นตัวกระตุ้น ให้ร่างกายสร้างกรดยูริกขึ้นมามากกว่าปกติได้เช่นกัน แต่ขณะเดียวกันนั้น ร่างกายก็จะลดความสามารถในการกำจัดกรดยูริกให้ออกจากร่างกายได้น้อยลงเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง และโรคไต นอกจากนี้การใช้ยาบางชนิดยังมีความเสี่ยงที่จะส่งผลให้เกิดโรคเกาต์ได้เช่นกัน ซึ่งการรับประทานยามากเกินความจำเป็นจะส่งผลให้ไตนั้นขับกรดยูริกออกมาทางปัสสาวะได้น้อยลงด้วยเช่นกัน
สำหรับคนที่ไม่มั่นใจหรือมีความกังวลว่าจะเป็นโรคเกาต์นั้นสามารถสังเกตอาการได้ง่ายๆ เลย คือ เมื่อเริ่มที่จะเป็นโรคเกาต์นั้น เราสามารถดูได้จากอาการปวดตามข้อ และเริ่มมีอาการบวมแดงเกิดขึ้น และร้อนบริเวณข้อเข่าอย่างเฉียบพลันในทันที โดยอาการปวดนั้นมักจะเริ่มจากข้อบริเวณโคนนิ้วหัวแม่เท้า แต่ก็สามารถที่จะเกิดกับข้ออื่นๆ ได้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นข้อเท้า ข้อเข่า ข้อมือ ซึ่งอาการอาจจะเป็นระยะๆ บ้าง เป็นๆ หายๆ บ้าง ในช่วงแรก
ซึ่งโรคเกาต์นั้นถ้าไม่ได้รับการรักษาหรือดูแลอย่างถูกวิธี อาการอักเสบก็จะรุนแรงขึ้น ทำให้ผู้ป่วยที่เริ่มเป็นนั้นมีอาการปวดถี่มากขึ้น และนานขึ้นกว่าเดิม จนอาจจะกลายเป็นโรคข้ออักเสบเรื้อรังได้ และส่งผลเสียทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคไต นิ่วในทางเดินปัสสาวะ และไตวาย ได้ ซึ่งถ้าเริ่มรู้สึกหรือสงสัยว่าตัวเองจะเริ่มเป็นโรคเกาต์อาจจะลองไปพบแพทย์เพื่อทำการวิจัยและได้รับการตรวจรับเบื้องต้นก็ได้ หรือไม่อาจจะลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน หรือไม่ลองหาสมุนไพรมารับประทานก็จะช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์ได้ในระยะเริ่มต้นเช่นกัน
การรักษาและบรรเทาอาการผู้เป็นโรคเกาต์
โรคเกาต์กับสมุนไพรนั้นจริงๆ แล้วก็มีส่วนที่เกี่ยวข้องได้เช่นกัน เพราะว่าสมุนไพรนั้นต่างก็มีหลากหลายชนิดที่ช่วยในการรักษาโรคและบรรเทาอาการโรคต่างๆ ได้ดีเช่นกัน ซึ่งในเมืองไทยนั้นถือได้ว่ามีสมุนไพรที่ช่วยในเรื่องของการบรรเทาและรักษาโรคอยู่มากมาย ซึ่งในโรคเกาต์เองก็มีสมุนไพรและพืชที่ช่วยในการบรรเทาอาการของโรคเกาต์ได้เป็นอย่างดีด้วย
ซึ่งในครั้งนี้เองเราจะยกตัวอย่างของสมุนไพรที่ใช้ในการรักษาโรคเกาต์ หรือมีส่วนช่วยในการบำรุงและบรรเทาอาการโรคเกาต์ให้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน โดยเราจะยกตัวอย่างมาประมาณ 5-10 ชนิด ซึ่งสมุนไพรแต่ละชนิดหรือพืชที่จะยกตัวอย่างมานั้นก็มีส่วนช่วยในเรื่องของการบรรเทาอาการโรคเกาต์ และโรคอื่นๆ ของร่างกายได้เช่นกัน
มะกรูด สมุนไพรคู่ครัวไทยมาอย่างยาวนาน
ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีอยู่กับทั่วทุกครัวเรือนเลยก็ว่าได้ กับมะกรูด สมุนไพรไทยสีเขียวผิวขรุขระ ที่นิยมนำมาใช้ในการประกอบอาหารประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แกง ยำ ฯลฯ ซึ่งถือได้ว่าเป็นส่วนประกอบที่มีความสำคัญและขาดไม่ได้เลยทีเดียว อีกทั้งผิวมะกรูดเองก็ยังนิยมในการนำมาเป็นเครื่องปรุงอาหารด้วยเสมอๆ
นอกจากจะนำไปประกอบอาหารแล้ว มะกรูดถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีความสำคัญของไทยเป็นอย่างมาก เพราะไม่ว่าจะนำมาประยุกต์เป็นน้ำมันหอมระเหย หรือนำมาใช้เป็นยา ก็สามารถนำมาใช้ได้ทั้งสิ้น อีกทั้งตัวมะกรูดเองยังมีสรรพคุณทางยาที่ค่อนข้างมาก ทำให้มีการนำมะกรูดมาใช้ในทางการแพทย์แผนไทยอย่างต่อเนื่อง
ประโยชน์และสรรพคุณของมะกรูด
นอกจากนี้มะกรูดยังมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการของโรคเกาต์ได้เป็นอย่างดี เพราะว่ามะกรูดนั้นสามารถนำมาใช้ปรุงเป็นสูตรเฉพาะ และทำเป็นน้ำดื่มหรือเครื่องดื่มเฉพาะตัวได้ เพราะว่าการนำมะกรูดมาผสมกับสูตรที่ใช้เป็นเครื่องดื่มนั้นจะช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์ได้เป็นอย่างดี
โดยปกติแล้วสามารถที่จะชงดื่มได้ทุกวัน วันละ 1 แก้ว ก็ได้ ซึ่งสูตรในการทำน้ำมะกรูดบรรเทาอาการโรคเกาต์นั้น ก็คือ ใช้น้ำมะกรูดผสมกับน้ำผึ้งเล็กน้อย แล้วตามด้วยน้ำอุ่นประมาณ 150 มิลลิลิตร หรือจะผสมน้ำเย็นก็ได้เช่นกันแล้วนำมาดื่ม ซึ่งการรับประทานนั้นแล้วแต่อาการ บางรายอาจจะเดือนครึ่ง บางรายอาจจะหนึ่งเดือน ก็ช่วยบรรเทาอาการโรคเกาต์ลงได้เป็นอย่างดี
ใบรางจืด พืชช่วยในการล้างสารพิษในร่างกาย
ใบรางจืดนั้นนับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสมุนไพรที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะปัจจุบันมีการนำใบรางจืดมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของแคปซูล หรือชาเพื่อชงดื่ม ทำให้รสชาติที่คิดว่าขมก็ทำให้รับประทานได้ง่ายขึ้น ซึ่งใบรางจืดถือได้ว่ามีสรรพคุณในทางสมุนไพรเป็นอย่างมาก
ซึ่งใบรางจืดก็มีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการของโรคเกาต์ได้เป็นอย่างดี ไม่ใช่ว่าทานใบรางจืดแล้วจะหายจากโรคเกาต์ เพียงแค่ช่วยบรรเทาอาการให้คงที่ไม่ให้รุนแรงมากขึ้นเท่านั้น เพราะว่าอย่างไรแล้วโรคเกาต์สามารถรักษาและบรรเทาอาการให้ดีขึ้นได้ ก็ต้องทำตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้วยเช่นกัน
ประโยชน์และสรรพคุณของใบรางจืด
โดยปกติแล้วการบรรเทาอาการของโรคเกาต์ด้วยใบรางจืดนั้น จะใช้สูตรในการทำเป็นน้ำสมุนไพรเป็นหลัก โดยการนำใบรางจืดประมาณ 4-5 ใบ มาต้ม จากนั้นก็ให้นำมาต้มพร้อมกับใบเตยประมาณ 4-5 ใบ เพื่อเป็นการช่วยเพิ่มความหอม และรสชาติให้ดื่มง่ายยิ่งขึ้น ต้มกับน้ำประมาณ 1-2 ลิตร และการดื่มน้ำจากใบรางจืดนั้นสามารถดื่มได้ทุกวัน ซึ่งน้ำจากใบรางจืดจะช่วยในการลดอาการปวดจากโรคเกาต์ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยในการลดหินปูนที่อาจจะเกิดขึ้นบริเวณตามข้อเข่าได้ดีด้วย
ตะไคร้ สมุนไพรยอดนิยมที่ต้องมีทุกครัวเรือน
ตะไคร้นั้นถือได้ว่าเป็นพืชสมุนไพรที่ทุกบ้านนั้นต้องมีติดบ้าน ติดครัว ไว้อย่างมาก หรือไม่ก็จะปลูกไว้ตามสวนหลังบ้าน หรือกระถางต้นไม้ที่มีพื้นที่ เพราะเป็นพืชที่ปลูกง่าย และโตได้เร็ว ทำให้เป็นที่นิยมในการนำมาใช้ประกอบอาหาร และนำมาทำเป็นยาสมุนไพร รวมไปถึงการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมาย
ประโยชน์และสรรพคุณของตะไคร้
ซึ่งตะไคร้ถือว่าเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์รอบด้านเลยจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวิตามินที่มีประโยชน์ และมีความจำเป็นต่อร่างกาย แถมยังช่วยในการขับไล่แมลงได้เป็นอย่างดี ซึ่งในการขับไล่แมลงนั้นก็มีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากตะไคร้อย่างมากมายเลยทีเดียว อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการล้างสารพิษในร่างกายได้เป็นอย่างดี ซึ่งตะไคร้นั้นจะมีคุณสมบัติเป็นตัวช่วยล้างสารพิษและขับออกทางปัสสาวะได้ง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยในการทำความสะอาดระบบย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี แถมยังช่วยให้ส่วนต่างๆ ภายในนั้นสะอาดด้วย ซึ่งเมื่อระบบการทำงานในร่างกายสะอาด ก็จะทำให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนในเรื่องของโรคเกาต์นั้น ตะไคร้มีส่วนช่วยในการล้างสารพิษหรือสารจากกรดยูริกในร่างกายออกได้เป็นอย่างดี ซึ่งสูตรในการใช้ตะไคร้นำมาทำเป็นเครื่องดื่มนั้น ก็จะนำตะไคร้ประมาณ 4-5 ต้น พร้อมด้วยใบเตยอีก 3 ใบ มาผสม และใช้น้ำประมาณ 1.5-2 ลิตร เอามาต้มรวมกันจนเดือด จากนั้นก็ให้ลดความแรงของไฟลง แล้วนำมาต้มเป็นเวลา 15 นาที แล้วค่อยปิดไฟ และให้น้ำตะไคร้ที่ผสมแล้วเย็นลงเองตามอุณหภูมิปกติ ก็สามารถที่จะนำมาดื่มแทนน้ำเปล่าได้ทุกวัน ประมาณ 1 สัปดาห์ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยล้างสารพิษและกรดยูริกที่อยู่ในร่างกายได้เป็นอย่างดี
มะละกอดิบ อีกหนึ่งตัวช่วยในการบรรเทาอาการโรคเกาต์
มะละกอนั้นถือได้ว่าเป็นพืชท้องถิ่นที่สามารถเติบโตได้ทั่วทุกภูมิภาคของเมืองไทย อีกทั้งยังนิยมนำมาใช้ในการประกอบอาหารได้หลากหลาย ทีเด็ดเลย คือ ส้มตำ ถือว่าเป็นอาหารจานหลักที่ใช้มะละกอเป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุด ซึ่งมะละกอนั้นนอกจากเป็นผลไม้แล้วยังถือได้ว่าเป็นสมุนไพรที่สำคัญด้วยเช่นกัน เพราะว่ามีส่วนช่วยในการบำรุงระบบทางเดินอาหารให้ดีขึ้น ช่วยบำรุงสายตา เป็นยาระบายอ่อนๆ อย่างดี อีกทั้งมะละกอนั้นก็มีสารต้านอนุมูลอิสระที่มากพอสมควร อีกทั้งยังช่วยในการบำรุงผิวพรรณได้เป็นอย่างดี ช่วยลดเลือนริ้วรอยต่างๆ ที่จะเกิดก่อนวัยได้
ประโยชน์และสรรพคุณของมะละกอดิบ
นอกจากนี้มะละกอดิบยังสามารถนำมาต้มในน้ำได้อีกด้วย โดยการนำมะละกอดิบ 1 ลูก มาผ่าครึ่ง แล้วเอาเมล็ดจากภายในออกให้หมด จากนั้นก็หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ พอดีคำ แล้วล้างให้สะอาด จากนั้นให้นำมาต้มในน้ำสะอาดประมาณ 3 ลิตร โดยน้ำที่ได้จากการต้มของมะละกอดิบนั้นสามารถนำมาดื่มได้ทุกวัน จะช่วยลดอาการจากโรคเกาต์ให้ดีขึ้นได้ หรือสามารถทรงตัวได้ดีขึ้น ไม่ให้อาการนั้นแย่ลงไปกว่าเดิมนั่นเอง
ใบมะรุม ผักพื้นบ้านที่ขึ้นชื่อในเรื่องของการบรรเทาโรคภัย
มะรุมนั้นนับว่ามีโปรตีนในตัวเองสูงมากเมื่อเทียบกับนมสด อีกทั้งยังเป็นผักพืชบ้านที่มีความสำคัญในทางสมุนไพรเป็นอย่างมากเลยทีเดียว และยังอุดมไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายถึง 8 ชนิด เลยทีเดียว อีกทั้งตัวใบมะรุมเองก็มีสรรพคุณทางยาอยู่ค่อนข้างสูงเลยทีเดียว
ซึ่งสรรพคุณของมะรุมนั้นมีแทบทุกส่วนเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นผล ผัก หรือแม้กระทั่งใบมะรุมเลยทีเดียว ซึ่งตัวใบมะรุมนั้นนับได้ว่ามีวิตามินซี เอ และบี อยู่สูงมากเลยทีเดียว รวมไปถึงธาตุเหล็ก ที่มีความจำเป็นต่อร่างกายนั้นก็สูงไม่แพ้กัน ถึงมีงานวิจัยเกี่ยวกับต้นมะรุมเลยทีเดียวว่าเป็นพืชสมุนไพรที่มีคุณค่าและได้รับการขนานนามว่าเป็นสุดยอดพืชผักที่เหมาะกับการนำมาประกอบอาหารเป็นอย่างมากเลยทีเดียว
ประโยชน์และสรรพคุณของใบมะรุม
ซึ่งตัวใบมะรุมนั้นจะมีส่วนช่วยในการลดไขมันในเลือดได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยทำให้หลับได้ง่ายขึ้นด้วย นอกจากนี้ยังถือว่าเป็นยาระบายอ่อนอีกด้วย ช่วยขับปัสสาวะได้ดี ช่วยบำรุงตับและลดอาการอักเสบได้ด้วย อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการรักษาและบรรเทาอาการของโรคเกาต์ได้ด้วย
ซึ่งโดยปกติแล้วในการบรรเทาอาการของโรคเกาต์ให้ดีขึ้นนั้นส่วนใหญ่แล้วอาจจะนำมาประกอบอาหาร เพราะว่าใบมะรุมนั้นสามารถที่จะนำมาประกอบอาหารได้หลากหลาย อาจจะมีการนำผักมากินกับลาบ หรือนำตัวใบไปล้างให้สะอาด และนำมาต้มกับน้ำประมาณ 2 ลิตร แล้วเอาน้ำต้มที่ได้นั้นมาดื่มเป็นประจำทุกวัน ก็จะช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์ให้ดีขึ้นได้มากเลยทีเดียว เหมาะกับคนที่เป็นโรคเกาต์อย่างมาก
ใบย่านาง กับสรรพคุณที่น่าสนใจ
ใบย่านางนั้นก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งพืชสมุนไพรที่คุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดี ซึ่งถ้าในภาคกลางอาจจะเรียกว่า เถาย่านาง เนื่องจากว่าพรรณไม้ชนิดนี้จะเป็นเถาเลื้อยเกี่ยวพันกับต้นไม้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งสรรพคุณของใบย่านางนั้นมีหลากหลายเลยทีเดียว
เนื่องจากว่าเป็นสมุนไพรที่มีความเย็น ก็มีพวกคลอโรฟิลล์สดที่ได้จากธรรมชาติ และยังมีพวกวิตามินที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินเอ, บี 1, บี 2 และ บี 3 วิตามินซี แคลเซียม เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ในปริมาณที่ค่อนข้างสูง ถือว่าเป็นสมุนไพรที่ได้รับความนิยมในการนำมาทำเป็นเครื่องปรุงเพิ่ม ช่วยในการเพิ่มความกลมกล่อมของอาหารได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว
ประโยชน์และสรรพคุณของใบย่านาง
นอกจากนี้ใบย่านางนั้นยังถือได้ว่าเป็นอายุวัฒนะชั้นดี และยังช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังช่วยในการป้องกันการเกิดริ้วรอยก่อนวัย เสริมภูมิต้านทานโรคได้ ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับร่างกาย ฟื้นฟูเซลล์ต่างๆ ในร่างกายได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของโรคเกาต์นั้นใบย่านางเองก็มีส่วนช่วยทำให้อาการของโรคเกาต์นั้นดีขึ้นได้ โดยส่วนใหญ่แล้วจะนิยมนำใบ ย่านางสดๆ มาประมาณ 15-20 ใบ มาล้างให้สะอาด แล้วนำไปปั่นให้ละเอียด จากนั้นก็นำผ้าขาวบางมาคั้นเอาเฉพาะน้ำดื่มสดๆ สำหรับการดื่มนั้นให้ทำอย่างน้อย 3 ครั้ง ต่อสัปดาห์ ก็จะช่วยให้โรคเกาต์ที่เป็นอยู่นั้นมีอาการดีขึ้นได้ไม่ยาก และช่วยทำให้อาการไม่หนักขึ้นด้วย
มะตูม สมุนไพรยอดนิยมที่นำมาทำเป็นเครื่องดื่มช่วยบรรเทาโรคเกาต์ได้ดี
โดยมะตูมนั้นเป็นผลไม้หรือพืชสมุนไพรที่มีถิ่นกำเนิดในอินเดีย อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นไม้มงคลประจำจังหวัดชัยนาท และไม้มงคลประจำศาสนาฮินดูด้วย ซึ่งมะตูมนั้นจัดได้ว่าเป็นทั้งผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพ และยังเป็นสมุนไพรที่นิยมนำมาทำเป็นยาในแพทย์แผนไทยและแผนโบราณอีกด้วย
ประโยชน์และสรรพคุณของมะตูม
ซึ่งสรรพคุณของมะตูมนั้นก็จะช่วยบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยรักษาธาตุในร่างกายให้มีความสมดุลมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ผลที่สุกแล้วยังถือว่าเป็นยาระบายอ่อนๆ ได้เป็นอย่างดี ช่วยรักษาอาการท้องร่วง ท้องเดิน หรือโรคทางเดินลำไส้ให้ดีขึ้นได้ด้วย อีกทั้งใบสดก็สามารถนำมาคั้นเอาน้ำจากใบ ช่วยบรรเทาอาการหวัดได้เป็นอย่างดี ช่วยบรรเทาอาการหลอดลมอักเสบให้ดีขึ้นได้อีกด้วย มะตูมนั้นสามารถทานได้ทั้งแบบผลสดและแบบแห้ง จึงเหมาะกับการนำมาทำเป็นเครื่องดื่มอย่างมากเลยทีเดียว
นอกจากนี้มะตูมยังมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการของโรคเกาต์ให้ทุเลาลงได้เป็นอย่างดีด้วย โดยการใช้มะตูมแห้ง 1-2 แว่น ย่างไฟให้เหลือง แล้วนำใบยอสดๆ มาประมาณ 3-4 ใบ แล้วล้างน้ำให้สะอาด จากนั้นก็เอามาต้มกับน้ำประมาณ 3 ลิตร เคี่ยวไปเรื่อยๆ จนน้ำค่อยๆ เริ่มแห้งไปทีละนิด จนน้ำที่ต้มนั้นเหลือประมาณ 2 ลิตร แล้วค่อยปิดไฟลง จากนั้นค่อยนำน้ำที่ผ่านการคั้นแล้วมาดื่มแทนน้ำทุกวัน ก็จะช่วยในการบรรเทาโรคเกาต์ให้ดีขึ้นได้ อาจจะใช้เวลา แต่ก็เป็นวิธีการที่ค่อนข้างเห็นผลในทางที่ดีขึ้นได้
กระเทียมโทน พืชสมุนไพรที่น่าสนใจอีกหนึ่งชนิด
กระเทียมโทนนั้นจัดว่าเป็นพืชที่มีคุณค่าและสรรพคุณทางสมุนไพรเป็นอย่างมากเลย โดยส่วนใหญ่แล้ว สรรพคุณของกระเทียมโทนนั้นจะช่วยในเรื่องของการควบคุมไขมันในเส้นเลือด และช่วยป้องกันโรคหัวใจได้เป็นอย่างดี และยังช่วยในการป้องกันจับตัวเป็นลิ่มของเลือด และช่วยให้รักษาโรคความดันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งกระเทียมโทนนั้นยังมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการหวัด คัดจมูก หายใจไม่ออก ยิ่งในช่วงอากาศหนาวจะช่วยบรรเทาอาการได้ดียิ่งขึ้น
ประโยชน์และสรรพคุณของกระเทียม
นอกจากนี้สรรพคุณของกระเทียมโทนยังมีส่วนช่วยเชื้อราตามหนังศีรษะได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้เป็นอย่างดีด้วยเช่นกัน ถือได้ว่าเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ทางด้านสรรพคุณทางยาและสมุนไพรเป็นอย่างมากเลยทีเดียว และยังมีส่วนช่วยในการบรรเทาอาการโรคเกาต์ให้ดีขึ้นได้ด้วยเช่นกัน
โดยให้นำมะนาวสดประมาณ 15-20 ลูก มาล้างให้สะอาดแล้วคั้นเอาน้ำออก จากนั้นเอากระเทียมโทนประมาณครึ่งกิโลกรัมมาแกะเปลือกออกแล้วล้างให้สะอาด จากนั้นนำมาปั่นรวมกันกับน้ำมะนาวที่ได้เตรียมไว้แล้วจนละเอียด หลังจากนั้นเมื่อปั่นรวมเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เอาใส่ถุงที่มีฝาปิดสนิท ทิ้งไว้ประมาณ 15 วัน แล้วสามารถนำมาดื่มได้หลังจากรับประทานอาหารเย็นวันละ 1 ช้อนโต๊ะโดยประมาณ และดื่มจนหมด ก็จะช่วยบรรเทาอาการโรคเกาต์ได้เป็นอย่างมาก
มะเฟือง อีกหนึ่งตัวช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์
มะเฟืองนั้นถือได้ว่าเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมมากในเมืองไทย ซึ่งมีรสชาติเปรี้ยว และมีทรงสวยที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วย นอกจากนี้มะเฟืองยังมีวิตามินซีที่สูงพอสมควร อีกทั้งยังมีวิตามินอื่นๆ และเกลือแร่ ที่มีความจำเป็นต่อร่างกาย ช่วยเพิ่มพลังงาน และช่วยสร้างความสมดุลของร่างกายได้เป็นอย่างดี
ประโยชน์และสรรพคุณของมะเฟือง
นอกจากนี้การรับประทานมะเฟืองในแต่ละครั้งนั้นควรจะทานในปริมาณที่กำหนด หรือไม่ถ้าหากใครเป็นโรคเกาต์ก็ควรรับประทานตามแพทย์สั่งจะดีที่สุด ยิ่งผู้ป่วยที่เป็นโรคไต หรือมีการฟอกไต ก็ไม่ควรที่จะรับประทานมะเฟืองด้วยเช่นกัน มะเฟืองนั้นทานแต่พอดีก็จะช่วยรักษาและบำรุงร่างกายได้ เนื่องจากว่ามะเฟืองนั้นมีกรดซาลิกอยู่ในปริมาณที่สูง การทานมากเกินไปก็อาจจะทำให้เป็นนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้ ซึ่งถ้าทานมากเกินไปอาจจะทำให้เกิดไตวายเฉียบพลันในระยะยาวได้
ถึงแม้จะมีข้อเสีย แต่ถ้าบริโภคในปริมาณที่พอเหมาะก็จะช่วยเพิ่มความสมดุลและสุขภาพให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี โดยมะเฟืองนั้นจะช่วยให้การนอนหลับนั้นดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยขับพิษและพยาธิในร่างกายได้เป็นอย่างดี ช่วยป้องกันอาการเลือดออกตามไรฟัน ป้องกันการเกิดโรคโลหิตจาง บรรเทาอาการนิ่วในทางเดินปัสสาวะ และยังช่วยในการรักษาอาการท้องร่วงด้วย สมุนไพรรักษาโรคเก๊า สมุนไพรรักษาโรคเก๊า สมุนไพรรักษาโรคเก๊า สมุนไพรรักษาโรคเก๊า
สำหรับมะเฟืองกับโรคเกาต์นั้นอาจจะดูเหมือนห่างไกลกันมาก แต่จริงๆ แล้วการนำมะเฟืองมาผสมกับน้ำผึ้งก็สามารถช่วยบรรเทาอาการของโรคเกาต์ให้ดีขึ้นได้ โดยอย่างแรกเลยเราจะเอาผลมะเฟืองเปรี้ยวที่สุกแล้ว 1 ลูก คั้นเอาน้ำออกแล้วใส่ในเหยือกหรือภาชนะที่เหมาะสม จากนั้นก็เติมเกลือป่นลงไปเล็กน้อยประมาณปลายช้อนเล็กก็ได้ และตามด้วยน้ำผึ้งประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ และน้ำต้มสุกอีก 2 แก้ว คนให้เข้ากันและดื่ม โดยการดื่มนั้นอาจจะดื่มในช่วงก่อนอาหารมื้อเช้าหรือเย็นก็ได้ ดื่มทุกวันประมาณ 1 สัปดาห์ ก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดข้อเข่าจากโรคเกาต์ได้เป็นอย่างดี
การป้องกันและควบคุมผู้เป็นโรคเกาต์
โรคเกาต์นั้นเป็นโรคที่เกิดจากการรับประทานอาหารเป็นหลัก รวมไปถึงการใช้ชีวิตประจำวันในการกินอยู่ ซึ่งถ้าหากต้องการจะแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับโรคเกาต์นั้นอาจจะต้องเริ่มที่ต้นเหตุก่อน โดยเริ่มจากพฤติกรรมการกิน และหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิดที่รับประทานอยู่เป็นประจำออก ได้แก่ เนื้อสัตว์ปีกทุกชนิด เครื่องในสัตว์ ไข่ปลา ปลาดุก ปลาไส้ตัน ปลาซาร์ดีน กุ้ง ผักชะอม กะปิ น้ำต้มกระดูก ซุปก้อน เห็ด เป็นต้น ซึ่งอาหารเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีกรดยูริกอยู่ในปริมาณที่สูง ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะเกิดโรคเกาต์ได้ง่ายๆ ถ้าหากไม่อยากเป็นโรคเกาต์ควรเลี่ยงอาหารประเภทนี้ หรือไม่ก็อาจจะบริโภคให้น้อยลงบ้างก็ได้
สำหรับโรคเกาต์นั้นเป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินในแต่ละครั้งอย่างเคร่งครัด โดยไม่รับประทานอาหารที่มีพวกกรดยูริกที่สูงต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน ก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความเสี่ยงที่จะเป็นโรคเกาต์ได้ แต่สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคเกาต์แล้วนั้นก็มีวิธีการดูแลตนเองได้เช่นกัน โดยเริ่มแรกนั้นเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ป่วยโรคเกาต์ ก็ควรจะต้องมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางตามที่แพทย์นัดทุกครั้ง และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างต่อเนื่องหรือเคร่งครัดด้วย
นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีกรดยูริกอยู่สูง และควรเน้นรับประทานอาหารที่มีโปรตีนไขมันต่ำ ทั้งนี้ผู้ป่วยควรจะต้องศึกษารายละเอียดด้วยว่าอาหารชนิดใดควรรับประทาน หรือไม่ควรรับประทาน และก็ต้องหลีกเลี่ยงฟรุกโตสที่พบมากในน้ำอัดลมด้วย และควบคุมปริมาณน้ำหนักให้คงที่ ไม่ควรมีน้ำหนักตัวมากจนเกินไป อีกทั้งไม่ควรที่จะลดน้ำหนักเร็วเกินไปด้วย เพราะถ้าลดเร็วเกินไปจะเพิ่มระดับของกรดยูริกได้ ดื่มน้ำให้มากเพื่อที่จะขับกรดยูริกออกมาทางปัสสาวะ นอกจากนี้ถ้ามีอาการปวดแบบเฉียบพลันก็ควรประคบด้วยความเย็นเพื่อช่วยบรรเทาอาการเบื้องต้นได้
โรคเกาต์นั้นนับว่าเป็นโรคที่ดูเหมือนจะไม่อันตราย แต่ความเป็นจริงแล้วถ้าปล่อยไว้เป็นระยะเวลานั้นก็อาจจะทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดข้อเข่าเสื่อมได้ ทำให้ต้องได้รับการผ่าตัดหรืออาจจะส่งผลเสียในระยะยาวได้ ซึ่งการดูแลและการป้องกันนั้นก็ควรที่จะเริ่มตั้งแต่การควบคุมปริมาณอาหาร และการเลือกรับประทานอาหารที่มีความเหมาะสม รวมไปถึงการออกกำลังกายในช่วงที่ยังไม่เป็นโรคเกาต์หรือมีความเสี่ยงก็ช่วยป้องกันได้อีกทาง ทั้งนี้สมุนไพรส่วนใหญ่นั้นอาจจะแค่ช่วยให้บรรเทาอาการของโรคเกาต์ให้ดีขึ้นไม่แย่ไปเท่านั้น ทางที่ดีถ้าเริ่มเป็นเกาต์แล้วก็ควรจะพบแพทย์และขอรับความปรึกษาและรักษาตามอาการก็จะดีที่สุด
สมุนไพรที่ช่วยในการบรรเทาอาการโรคเกาต์นั้นมีอยู่ไม่มากเท่าไหร่ ส่วนใหญ่แล้วการจะรักษาโรคเกาต์ด้วยสมุนไพรนั้นอาจจะยังมีไม่มากเท่าที่ควร ซึ่งการใช้สมุนไพรเข้ามาช่วยในการรักษาโรคเกาต์นั้นอาจจะช่วยแค่เบื้องต้นเป็นการบรรเทาอาการเท่านั้น ซึ่งบทความนี้ก็บอกถึงเรื่องของการนำสมุนไพรที่สามารถรักษาและบรรเทาอาการของโรคเกาต์ได้ อาจจะเป็นเนื้อหาที่มีความน่าสนใจไม่มากก็น้อย สมุนไพรรักษาโรคเก๊า สมุนไพรรักษาโรคเก๊า
แหล่งข้อมูลอ้างอิง สมุนไพรรักษาโรคเก๊า สมุนไพรรักษาโรคเก๊า สมุนไพรรักษาโรคเก๊า สมุนไพรรักษาโรคเก๊า
https://www.bumrungrad.com/th/conditions/gout,https://www.postsod.com/herb-treat-gout,https://www.pobpad.com/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%8C,https://www.pobpad.com/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%8C-%E0%B8%9A