แอนโทไซยานิน เป็นสารให้สีตามธรรมชาติ ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในกลุ่มฟลาโวนอยด์ ซึ่งสารชนิดนี้จะให้สีน้ำเงิน แดง และม่วง กับดอกไม้และผลไม้ประเภทต่างๆ ซึ่งเป็นรงควัตถุ หรือสารสีซึ่งมีมากกว่า 600 ชนิด ของสีที่มีการเปลี่ยน ซึ่งทั้งหมดนี้จะขึ้นอยู่กับค่า pH พืช และผลไม้ ชนิดนั้น
อีกทั้งตัวสารชนิดนี้ยังเป็นสารที่รับความสนใจในทางการแพทย์เป็นอย่างมาก ซึ่งตัวแอนโทไซยานินนี้จะมีกระบวนการสังเคราะห์ในผลไม้หลากสี ที่มีสีแดง ม่วง และน้ำเงิน เป็นสารที่มีคุณประโยชน์ต่อทางการแพทย์ และทางโภชนาการ อีกด้วย
แอนโทไซยานินเป็นสารสกัดที่มาจากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในทางโภชนะเภสัช ซึ่งสารดังกล่าวนี้ยังสามารถเป็นสารสกัดตั้งต้นในการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งตัวสารต้านอนุมูลอิสระนี้จะช่วยในการต่อต้านการชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกายได้เป็นอย่างดี ซึ่งช่วยลดอัตราความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ ของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการเกิดโรคหัวใจ และเส้นเลือดอุดตันในสมอง ซึ่งจะไปยับยั้งไม่ให้เลือดจับตัวเป็นก้อน อีกทั้งยังช่วยชะลอความเสื่อมของดวงตาได้เป็นอย่างดี ช่วยยับยั้งจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค ซึ่งสารดังกล่าวนี้มีส่วนสำคัญเป็นอย่างมากที่สามารถนำมาแปรสภาพเป็นสีของพืชผักและสีทางธรรมชาติเพื่อใช้ในงานด้านอื่นๆ ได้ นอกเหนือจากการนำมาบริโภคโดยพืชผักของสีดังกล่าว
จะเห็นได้ว่าแอนโทไซยานินเป็นสารที่มาจากธรรมชาติ ซึ่งการแต่งสีต่างๆ นั้นสามารถหาได้จากสารตัวนี้ได้ ซึ่งจะได้มาจากผลไม้และพืชที่มีสีแดง ม่วง และน้ำเงิน สามารถนำสีมาผสมกันให้เกิดเป็นสีใหม่ได้ อีกทั้งยังไม่เป็นอันตรายอีกด้วย ด้วยตัวแอนโทไซยานินนั้นหาได้จากพืชผักหลากสี ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องปัญหาที่จะตามมาในภายหลัง และอีกอย่างเลย คือ สารตัวนี้จะสามารถช่วยกระตุ้นสารชนิดอื่นๆ ได้ อาจจะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ หรือสารที่มีส่วนช่วยให้กระบวนการในร่างกายสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ลักษณะของสารแอนโทไซยานิน
แอนโทไซยานิน หรือสารสีที่ให้สีม่วง สีแดง และสีน้ำเงิน ใช้เป็นสารสีตามธรรมชาติ ซึ่งตัวสารสกัดแอนโทไซยานินจะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่มีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้ ช่วยลดอัตราการเกิดโรคหัวใจและเส้นเลือดอุดตันในสมองได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเข้าไปช่วยในการยับยั้งการจับตัวเป็นก้อนของเลือดอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยในการชะลอความเสื่อมของดวงตา และยับยั้งจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิดโรค ซึ่งสารดังกล่าวนี้จะพบมากในพืชผักและผลไม้ที่มีสีแดง ม่วง และน้ำเงิน เช่น พวกตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ กะหล่ำปลีม่วง ผักที่มีสีม่วงและแดง เป็นต้น ซึ่งแอนโทไซยานินนี้จะมีค่า pH ที่เป็นกลาง เพื่อให้เหมาะสมกับร่างกายที่ได้รับสารชนิดนี้ในแต่ละครั้ง ช่วยทำให้ร่างกายไม่เสื่อมสภาพก่อนเวลาอันควร เป็นสารที่มีประโยชน์ และยังสามารถนำไปใช้ในวงการแปรรูปอาหารต่างๆ ได้อย่างมากมาย เพราะเป็นสีที่มาจากธรรมชาติอย่างแท้จริง เป็นสารที่พบในผักและผลไม้บางชนิด
ซึ่งจะอยู่ในจำพวกของตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ ที่มีสีแดง ม่วง และน้ำเงิน ซึ่งสารแอนโทไซยานินนี้จะพบได้จะต้องมีค่า pH ต่ำกว่า 3 จะทำให้ได้แอนโทไซยานินที่มีสีแดง ถ้าค่าเป็นกลางอยู่ที่ประมาณ 7-8 จะได้แอนโทไซยานินที่มีสีม่วง แต่ถ้าเมื่อสภาพเป็นเบส หรือมีค่า pH มากกว่า 11 แอนโทไซยานินจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงิน ซึ่งทั้ง 3 สีนี้เป็นค่าที่บงบอกถึงความเป็นสารทางเคมีพฤกษศาสตร์ ที่สามารถนำไปใช้ในด้านต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม
โดยทั่วไปแล้วพืชผัก ผลไม้ ทุกชนิด จะมีสาระสำคัญที่ช่วยให้การเจริญเติบโตหรือบำรุงร่างกายได้เป็นอย่างดี ซึ่งสารแอนโทไซยานินนั้นก็เป็นสารสำคัญอีกชนิดหนึ่งที่มีความจำเป็นต่อร่างกายได้เช่นกัน ซึ่งแหล่งอาหารสำคัญที่สามารถพบสารแอนโทไซยานินนี้ได้ มีดังนี้
–ผลไม้ จำพวกองุ่น ทับทิม และผลไม้ที่อยู่ในพวกกลุ่มเบอร์รี่ เช่น สตรอเบอร์รี่ ผลหม่อน บลูเบอรี่ แครนเบอรี่ เชอรี่ และราสเบอรี่ เป็นต้น
–พืชผัก จำพวกกะหล่ำปลีสีม่วง เรดิชสีแดง และมันเทศสีม่วง
–ธัญพืช เช่น ข้าวแดง ข้าวก่ำหรือข้าวสีนิล และข้าวโพดสีม่วง
–พรรณไม้และดอก เช่น กระเจี๊ยบแดง และดอกอัญชัน เป็นต้น
ซึ่งพืชผักเหล่านี้สามารถที่จะพบสารแอนโทไซยานินได้เป็นอย่างดี และพบในปริมาณที่ค่อนข้างสูง ซึ่งพืชผัก ผลไม้ แต่ละชนิด ก็จะพบปริมาณที่มีค่าความเป็นกรด-เบส และเป็นกลาง ที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับสีของผักและผลไม้ชนิดนั้นๆ
คุณสมบัติของสารแอนโทไซยานิน
โดยปกติแล้วแอนโทไซยานินนั้นเป็นสารที่ให้สีตามธรรมชาติในกลุ่มของสารประกอบฟีนอลิกและฟลาโวนอยด์ที่มีขนาดใหญ่ จึงทำให้มีความแตกต่างกันทั้งในทางเภสัชวิทยาและทางชีววิทยา เช่น เป็นสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ ช่วยต้านอนุมูลอิสระ สามารถลดอาการอักเสบได้ และช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเส้นใยโปรตีนในเนื้อเยื่อเกี่ยวพันและกระดูกอ่อน จึงลดการทำลายจากอนุมูลอิสระอันตรายที่สำคัญได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของการปกป้องหลอดเลือด โดยเข้าไปช่วยในการขยาดหลอดเลือด และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะเข้าไปช่วยยับยั้งกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัว ที่สำคัญยังช่วยลดในความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งได้มากยิ่งขึ้น และยังสามารถช่วยต้านไวรัสได้เป็นอย่างดี ที่สำคัญยังมีส่วนช่วยในเรื่องของเส้นผม ทำให้เส้นผมนั้นดกดำ และผมหงอกขึ้นช้า ช่วยให้ผิวพรรณดูสดใส และช่วยต่อต้านรังสียูวีได้เป็นอย่างดี
ซึ่งคุณสมบัติที่ค่อนข้างโดดเด่นและเห็นได้ชัดของตัวแอนโทไซยานินเลย ก็คือ ประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการต่อต้านสูงกว่าวิตามินซีและอีถึง 2 เท่า เลยทีเดียว จึงได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ทำให้กลุ่มตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ นั้นเริ่มได้รับการบริโภค และเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เพราะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นธรรมชาติซึ่งเหมาะกับร่างกายได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังเป็นการสร้างงานวิจัยเกี่ยวกับสารชนิดนี้ได้เป็นอย่างดีเลย
ข้อดีของสารแอนโทไซยานิน
ในบทความเกี่ยวกับเรื่องปัญหาของการหลุดร่วงของเส้นผมนั้นอาจจะกล่าวถึงแค่สมุนไพร แต่ในกลุ่มของแอนโทไซยานินนั้นทำไมจึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องของเส้นผมได้ ซึ่งตัวแอนโทไซยานินนี้นอกจากจะเป็นสารที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังช่วยคอยปกป้องและทำลายสิ่งแปลกปลอมที่มาจากสภาพแวดล้อมภายนอก ทั้งมลพิษทางอากาศ แสงแดด ความมันบนหนังศีรษะ ซึ่งเป็นแหล่งสะสมของมลพิษในเส้นผมได้เป็นอย่างดี ทำให้เกิดอาการผมร่วงตามมา หรือบางคนอาจจะผมบางได้ เพราะเกิดการสะสมของมลพิษต่างๆ จนกลายเป็นสารพิษ
ร่างกายจึงสร้างสารต้านอนุมูลอิสระขึ้นมาเพื่อเข้ามาควบคุมอนุมูลอิสระที่เป็นพิษให้อยู่อย่างเป็นระบบ และไม่แพร่กระจายหรือก่อให้เกิดปัญหา แต่เมื่ออายุมากขึ้นร่างกายก็ไม่สามารถที่จะควบคุมได้ ทำให้ต้องมีการใช้ผลิตภัณฑ์ หรือบริโภคผัก หรือผลไม้ ที่มีสารแอนโทไซยานินเข้ามาเป็นตัวเสริมแทน ซึ่งแชมพูที่เป็นสมุนไพรบางชนิด หรือที่มีเบอร์รี่เป็นส่วนประกอบหลัก จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่จะเข้ามาช่วยในเรื่องของการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี ซึ่งสารแอนโทไซยานินนี้มีงานวิจัยที่จัดทำขึ้นว่าช่วยชะลอการเกิดผมร่วง ผมบาง ได้เป็นอย่างดี และยังช่วยในเรื่องของการทำให้ผมดกดำได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
สารแอนโทไซยานินนี้เป็นกระบวนการที่สามารถช่วยยับยั้งและชะลอความเสื่อมของเซลล์ในการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี ทำให้ระบบเซลล์ในร่างกายต่างๆ นั้นทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และทำให้ไม่เจ็บป่วย หรือแก่ก่อนวัยอีกด้วย
ประโยชน์ของสารแอนโทไซยานิน
สารแอนโทรไซยานินนั้นมักจะพบมากที่สุดในหมู่ผลไม้ที่มีสีม่วงอมน้ำเงิน หรือสีแดง ซึ่งผลไม้เหล่านี้มักจะอยู่ในกลุ่มของผลไม้ตระกูลเบอร์รี่เป็นหลัก ซึ่งสารแอนโทไซยานินนี้ก็เป็นสารสำคัญอีกชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญกับดวงตาเป็นอย่างดี เพราะเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับผักและผลไม้ชนิดอื่นๆ ซึ่งมีฤทธิ์ที่ส่งผลโดยตรงต่อดวงตาของเรา
โดยปริมาณของแอนโทไซยานินนั้นจะมีความสัมพันธ์กับสีม่วงและแดงเป็นอย่างมาก ยิ่งเบอร์รี่ที่มีสีม่วงและแดงจนไปถึงสีน้ำเงินเข้ม ยิ่งแสดงว่าปริมาณแอนโทไซยานินนั้นมีปริมาณค่อนข้างสูงเลยทีเดียว ซึ่งสสารดังกล่าวจะถูกดูดซึมเข้าไปยังเซลล์ตาในรูปของมาลวิดิน ไกลโคไซด์
ซึ่งเป็นรูปแบบเดียวกับที่พบในผลเบอร์รี่ ซึ่งมีการศึกษาและได้ทำการทดลองในสัตว์แล้วพบว่าหลังจากรับประทานแอนโทไซยานินเสริมจะสามารถตรวจพบได้ที่ส่วนของกระจกตา เลนส์ตา และจอประสาทตา ซึ่งสามารถเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่าผลไม้ตระกูลเบอร์รี่นั้นมีผลโดยตรงต่อระบบจอประสาทตาอย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีข้อสรุปได้ดังนี้ว่า
ผลต่อการมองเห็นในที่มืดหรือที่ที่มีแสงน้อย
ซึ่งมีข้อมูลพบว่าตัวเบอร์รี่นั้นมีส่วนช่วยในการบำรุงสายตาและดวงตาได้เป็นอย่างมาก ซึ่งมีผลการศึกษารับรองว่า ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นั้น นักบินท่านหนึ่งได้รับประทานเบอร์รี่ก่อนขึ้นบินมาซักระยะหนึ่ง ทำให้ความสามารถในการมองเห็นช่วงเวลากลางคืนนั้นมองเห็นได้ดียิ่งขึ้น ทำให้อาการเมื่อยล้าของดวงตาจากการใช้งานเป็นเวลานานลดน้อยลง
นอกจากนี้ยังมีการวิจัยปรากฏออกมาอย่างมากมายในเรื่องของการค้นพบสารแอนโทไซยานินที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในตระกูลเบอร์รี่ประเภทต่างๆ ที่ช่วยให้ความสามารถในการมองเห็นในช่วงเวลากลางคืนนั้นทำได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งผู้ที่มีอาการเมื่อยล้าจากการใช้สายตาเป็นเวลานานก็ทำให้อาการเมื่อยล้านั้นลดลง นอกจากนี้ตัวแอนโทไซยานินยังเข้าไปช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเส้นเลือดฝอย และเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในหลอดเลือดฝอยที่ตา ทำให้ดวงตาได้รับสารอาหารที่สำคัญและออกซิเจนได้ดียิ่งขึ้น
ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจก
ต้อกระจกเกิดจากที่ตาของเรานั้นจ้องแสงหรืออะไรที่จ้าๆ เป็นระยะเวลานานๆ และบ่อยๆ ซึ่งทำให้เกิดอนุมูลอิสระที่ไม่ดีขึ้นที่เซลล์ของดวงตา และส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่เนื้อเลนส์ของตา เมื่อโปรตีนชนิดที่ไม่ละลายน้ำนั้นเกิดขึ้นที่ดวงตามากขึ้นจะทำให้เลนส์แก้วตานั้นแข็ง และเริ่มมีการทึบแสงมากขึ้น จนกลายเป็นต้อกระจกได้
ซึ่งมีงานวิจัยสำรวจและให้อาสาสมัครมาร่วมทำการทดลองหลายครั้ง และพบว่าอาสาสมัครที่มีต้อกระจกนั้น เมื่อรับประทานสารสกัดจากบลูเบอร์รี่ที่มีปริมาณแอนโทไซยานินประมาณ 180 มิลลิกรัม ร่วมกับการทานวิตามินอีอีก 100 มิลลิกรัม โดยให้รับประทาน 2 ครั้งต่อวัน ติดต่อกันเป็นระยะเวลา 4 เดือน พบว่าสามารถยับยั้งการเกิดต้อกระจกใหม่ เพิ่มถึง 96 เปอร์เซ็นต์ จึงกล่าวได้เลยว่าแอนโทไซยานินนั้นช่วยลดอนุมูลอิสระที่ไม่ดีที่จะเกิดขึ้นที่บริเวณเซลล์ของดวงตานั้น และป้องกันเลนส์ตาจากการถูกทำลายได้เลยทีเดียว
ช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อม
ตัวแอนโทไซยานินนั้นสามารถช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมได้เป็นอย่างดี ซึ่งตัวแอนโทไซยานินจะเป็นตัวเข้าไปช่วยยับยั้งการเสื่อมสภาพของเซลล์ประสาทตาโดยการเพิ่มระดับของเอนไซม์ Superoxide dismutase, Glutathione peroxidase และ Catalase ที่มีความเกี่ยวข้องกับกระบวนการต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี
อีกทั้งตัวแอนโทไซยานินที่มีการสกัดมาจากบลูเบอร์รี่นั้นมีฤทธิ์ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ และยับยั้งออกซิเดชั่นของสารรงควัตถุที่เกิดจากการกระตุ้นด้วยแสง และสะสมที่เซลล์รับแสงของจอประสาทตา ซึ่งส่งผลให้จอประสาทตานั้นเกิดอาการเสื่อมได้อย่างรวดเร็ว และทำให้เกิดความผิดปกติของจอประสาทตา
ซึ่งมีอีกหลายปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงในการจะเกิดโรคจอประสาทตานี้ ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการติดจอ อายุที่เพิ่มมากขึ้น การสูบบุหรี่ พันธุกรรม ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน เป็นต้น ซึ่งตัวแอนโทไซยานินนี้จะเข้าช่วยให้เซลล์และหลอดเลือดของดวงตานั้นหมุนเวียนเลือดได้ดียิ่งขึ้น ทำให้ได้รับออกซิเจนมากขึ้น ทำให้กระบวนการต่างๆ ของเนื้อเยื่อภายในดวงตาทำงานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเป็นตัวช่วยในการป้องกันการเสื่อมของเรตินาของตาได้เป็นอย่างดี และยังมีฤทธิ์ที่ช่วยต้านการเกาะกันของเกล็ดเลือด ซึ่งจะช่วยเพิ่มการหมุนเวียนโลหิตในระดับขาขึ้นได้ดียิ่งขึ้นอีกด้วย
การแปรรูปด้วยสารแอนโทไซยานิน
การแปรรูปอาหารที่มีสารแอนโทไซยานินอยู่นั้นก็เหมือนกับการทำอาหารปกติทั่วไป เพียงแต่ว่าเป็นการนำผักหรือผลไม้ที่มีสีแดง ม่วง หรือน้ำเงิน มาผ่านการแปรรูปเป็นอาหารประเภทต่างๆ อีกทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มความหลากหลายในการบริโภคอาหารเพื่อให้ได้รับสารแอนโทไซยานินนี้ได้เป็นอย่างดี
ซึ่งการรับประทานอาหารที่มีสารแอนโทไซยานินนี้ส่วนใหญ่แล้วร่างกายต้องการสารประเภทนี้ประมาณ 200 กรัม ต่อความต้องการของร่างกาย ซึ่งสารชนิดนี้มีความจำเป็นต่อร่างกายเป็นอย่างมาก เรามาดูกันดีกว่าว่าเมื่อแปรรูปแล้วจะส่งผลอย่างไรบ้าง
ซึ่งสารประเภทดังกล่าวนี้ที่อยู่ในรูปของผักหรือผลไม้ เมื่อนำมาแปรรูปแล้วนั้นสาร แอนโทไซยานิน จะละลายน้ำได้ค่อนข้างดี เป็นสารที่ไม่เสถียร สามารถสลายตัวได้ง่ายด้วยความร้อน ออกซิเจน แสง ซึ่งเมื่อโครงสร้างมีความเปลี่ยนแปลงจะทำให้สารชนิดนี้มีความเปลี่ยนแปลงไปด้วย จะทำให้ค่าความเป็นกรด-เบส และความเป็นกลาง เปลี่ยนแปลงไป
ซึ่งการแปรรูปผักหรือผลไม้ที่มีสารแอนโทไซยานินด้วยความร้อน หรือการบรรจุกระป๋องนั้น ไม่ว่าจะเป็นกระป๋องชนิดใดก็แล้วแต่ที่ทำให้เกิดความร้อนได้ง่าย ตัวแอนโทไซยานินจะมีปฏิกิริยากับกรดอินทรีย์ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในผักหรือผลไม้ทันที ซึ่งจะทำให้เข้ากัดกร่อนจนกระทั่งดีบุกที่เคลือบกระป๋องนั้นหมดไปทันที และทำให้ แอนโทไซยานิน นั้นทำปฏิกิริยากับตัวโลหะได้ ทำให้เกิดการรั่วแบบรูเข็มเกิดขึ้น ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อาหารกระป๋องนั้นเสื่อมเสียได้เร็วขึ้น ซึ่งกระป๋องที่จะใช้บรรจุภัณฑ์ผักหรือผลไม้ที่มีสาร แอนโทไซยานิน อยู่ด้วยนั้นควรจะต้องทำการเคลือบด้วยสารเคลือบที่มีความปลอดภัยเสียก่อน เช่น แลกเกอร์ เพื่อป้องกันปฏิกิริยาดังกล่าว เป็นต้น ซึ่งการแปรรูปผลิตภัณฑ์ในรูปแบบกระป๋องนั้นอย่างที่บอกควรจะดูกระป๋องและทำการเคลือบด้วยสารที่ปลอดภัย ไม่ส่งผลเสียต่อตัวผู้บริโภคจะเหมาะสมกว่า
สรรพคุณของสาร แอนโทไซยานิน
ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าสาร แอนโทไซยานิน นั้นเป็นสารที่สร้างการต่อต้านอนุมูลอิสระที่ไม่ดี และช่วยยับยั้งความเสื่อมของเซลล์ในส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เป็นอย่างดี ซึ่งสารดังกล่าวนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายของคนเราเป็นอย่างมาก มีอะไรกันบ้างมาดูกัน
- ช่วยลดความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้มากมาย จากการสร้างสารต้านอนุมูลอิสระทำให้สามารถช่วยลดความ
เสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังช่วยลดโอกาสการเกิดโรคมะเร็งด้วย
- คุณสมบัติพิเศษในการล้างสารพิษ และของเสียต่างๆ ออกจากร่างกาย ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคได้เป็น
อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ มะเร็ง ช่วยชะลอความแก่ บำรุงสมอง และต้านอนุมูลอิสระไม่ดี ซึ่งสารอาหารดังกล่าวที่สามารถพบได้นั้นจะมีวิตามินซีสูงถึง 2,000 มิลลิกรัม เลยทีเดียว
- ช่วยลดน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน ซึ่งสารดังกล่าวสามารถเข้าไปช่วยในการควบคุมและยับยั้งการเพิ่มของ
ตัวน้ำตาลให้ปริมาณระดับน้ำตาลในร่างกายนั้นอยู่ในสภาวะปกติไม่มากหรือน้อยเกินไปในผู้ป่วยเบาหวาน
อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของเลือดออกตามไรฟัน ช่วยเพิ่มการหมุนเวียนและผลิตเมล็ดเลือดแดงได้เป็นอย่างดี ช่วยลดภาวะโรคโลหิตจาง ช่วยในเรื่องของการระบายอ่อนๆ และที่สำคัญช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยและเซลล์เสื่อมสภาพก่อนวัย และช่วยทำลายสารพิษจากอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี
จะเห็นได้เลยว่าสารแอนโทไซยานินนั้นเป็นสารที่สามารถนำมาแปรรูปเพื่อบริโภค และได้รับสารดังกล่าวเข้าสู่ร่างกายได้ อีกทั้งยังสามารถแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในภายนอกก็ได้เช่นกัน แถมไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เพราะว่าเป็นสีที่ได้จากธรรมชาติโดยสมบูรณ์ ซึ่งตัวสารดังกล่าวนี้มีส่วนช่วยในเรื่องของการต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่มีปัญหาริ้วรอยต่างๆ ก่อนวัยอันควร
อีกทั้งยังมีส่วนช่วยในการบำรุงส่วนต่างๆ ของร่างกาย และยังช่วยในการยับยั้งป้องกันโรคอีกหลากหลายประเภท ซึ่งตัวแอนโทไซยานินนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายและปัจจัยภายนอกเป็นอย่างมาก ทำให้เรารู้ได้เลยว่าสารที่มีคุณประโยชน์เช่นนี้ผลิตและสกัดมาจากอะไร เป็นเรื่องราวดีๆ ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
ในครั้งนี้เป็นหัวข้อเรื่องเกี่ยวกับ แอนโทไซยานิน ซึ่งเป็นสารสกัดที่สามารถสกัดได้จากผักและผลไม้ที่อยู่ในกลุ่มจำพวกสีแดง พืชผักสีม่วง และน้ำเงิน เป็นสารที่มีส่วนช่วยในการสร้างการต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก
บทความครั้งนี้ก็เลยยกตัวอย่างความรู้คร่าวๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัว แอนโทไซยานิน ว่ามีประโยชน์อย่างไร สารแอนโทไซยานินคืออะไร มีผลข้างเคียงและช่วยในการดูแลระบบในร่างกายได้อย่างไร ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ไม่ได้เป็นข้อมูลที่ละเอียดแต่อย่างใด เพียงเป็นการเกริ่นให้ความรู้ ความเข้าใจ อย่างง่ายไม่ซับซ้อนมากนัก ถ้าผิดพลาดต้องขออภัยด้วย
แหล่งข้อมูลอ้างอิง
http://www.foodnetworksolution.com/wiki/word/2975/butterfly-pea-%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%99,http://www.wongkarnpat.com/viewya.php?id=2241#.XPIX5hYzaUk,https://amprohealth.com/nutrition/anthocyanin-mulberry/,https://healthgossip.co/high-anthocyanin-foods/