ประเทศไทยต้องเสียเงินนับแสนล้านบาท นำเข้า “ปุ๋ยเคมี” มาใช้ เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อนชื้น เหมาะกับการผลิต “พืชเศรษฐกิจ” ที่สำคัญของโลก เช่น ข้าว อ้อย ปาล์ม มันฯ และ ยางพารา เป็นต้น
แต่ เกษตรกรไทย เข้าใจเรื่องดินและปุ๋ยในทางธุรกิจน้อยมาก
ยังใช้ปุ๋ยผิดสูตร ผิดวิธี ผิดเวลา ในการปลูกพืชแต่ละชนิด เกิดความเสียหายสะสม จนขาดทุน เอาตัวไม่รอด จนรัฐบาลอัดฉีดเม็ดเงินจากรัฐบาลด้วยวิธีการต่างๆ สุดท้ายก็พังทั้งประเทศ มิหนำซ้ำยังถูกประเทศคู่แข่งแซงหน้า
การให้ความรู้ในการปลูกพืช
กว่า 3 ทศวรรษ ที่ ดร.อาทิตย์ มโนนัย คนไทยคนหนึ่ง มองเห็นเหตุแห่งความล้มเหลว เพราะอยู่ในวงการธุรกิจพืชตลอดเวลา จึงพบวิธีการแก้ปัญหา นั่นคือ การให้ “องค์ความรู้” ในเรื่องดิน พืช และ ปุ๋ย ที่ถูกต้องแก่เกษตรกร ประกอบกับได้เจอนักธุรกิจหนุ่มที่เป็นเจ้าของโรงงานผลิต “ปุ๋ยมาตรฐาน” ทั้ง อินทรีย์ อินทรีย์เคมี ปุ๋ยธาตุหลัก ธาตุรอง และ ธาตุเสริม ซึ่งร่วมทุนกับ 4 ประเทศ ได้แก่ ไทย ออสเตรเลีย มาเลเซีย และ ฟิลิปปินส์ ในนาม บริษัท ไอออนิค จำกัด ที่คนในวงการรู้จักดี มีห้องแลปมาตรฐาน มีจานปั้นมากที่สุดในประเทศ รับจ้างผลิตให้แบรนด์ต่างๆ มากมาย และได้ส่งออกปุ๋ยไปมากกว่า 20 ประเทศทั่วโลก
ความเป็นมาของ บริษัท ไอเอที 2016 จำกัด
บริษัท ไอเอที 2016 จำกัด ถือต้นกำเนิดจากความร่วมมือของ 2 บริษัท คือ บริษัท เอ.ที. กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท ไอออนิค จำกัด โดยมีผู้ร่วมก่อการ 10 คน เพื่อมุ่งเน้นและผลักดันปุ๋ยคุณภาพดีสู่เกษตรกร เพื่อ “ยกระดับเกษตรกรไทย ก้าวไกลสู่ระดับสากล”
การเริ่มต้นบริษัท ไอเอที ฯ เกิดจากผู้ก่อการทั้ง 10 คน ที่มีเป้าหมายตรงกันและร่วมกันทำธุรกิจ ซึ่งแต่ละคนมีทักษะสูงด้านองค์ความรู้ ทั้ง ผลิตภัณฑ์ การตลาด และ การบริหาร จึงคิดแผนธุรกิจเพื่อมุ่งเน้นและผลักดันปุ๋ยคุณภาพดีสู่เกษตรกร โดยวางแผนการตลาดและผลประโยชน์ในรูปแบบแผนการตลาด MLM STAIR STEP แผนการตลาดที่รับรายได้สูงสุด และผลักดันปุ๋ยและผลิตภัณฑ์ต่างๆ กว่า 18 รายการ โดยแบ่งสินค้าออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่
–ผลิตภัณฑ์ปุ๋ยชนิดเม็ด อินทรีย์ อินทรีย์เคมี ที่มีความโดดเด่นเรื่องเทคโนโลยีการสร้างเม็ดปุ๋ยด้วยเทคนิคการเคลือบผิว 3 ชั้น อาทิ ชั้นจุลินทรีย์ประสิทธิภาพสูง ชั้นธาตุอาหารปลดปล่อยเร็ว และชั้นธาตุอาหารปลดปล่อยช้า
–กลุ่มผลิตภัณฑ์ปุ๋ยน้ำ และอาหารเสริมสำหรับพืชและสำหรับสัตว์
–กลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงาม เป็นต้น
การให้ความรู้ในการใส่ปุ๋ย
ด้วยรูปแบบการตลาด 2 ขั้นตอน ได้แก่ ให้ความรู้เรื่อง ดิน พืช และ ปุ๋ย แก่เกษตรกร เมื่อเข้าใจก็นำเป็นสมาชิกซื้อไปใช้ แล้วเข้ารับการอบรมทางวิชาการที่ทางบริษัทจัดขึ้นตลอดเวลา “เราให้ความสำคัญเรื่องเกษตรมากกว่าเดิม อย่าง ปุ๋ย ที่ไหนก็มี แต่เรื่องวิชาการเขามีไม่มาก เรื่องความรู้ข้อมูลต่างๆ สำคัญ เราเลย จัดเต็ม จัดหนัก อบรมเรื่องความรู้ทุกวัน ที่เราต้องไปลุยสวน ไปพบเกษตรกร รู้ว่าเขาใส่ปุ๋ยไม่ครบ ธาตุหลัก ธาตุรอง จุลธาตุ 10 กว่าชนิด ผลผลิตจึงตกต่ำ” ดร.อาทิตย์ เปิดเผยถึงสาเหตุหลัก
คุณสุนทร วันดี ผู้จัดการบริหารทั่วไป หนึ่งในผู้ก่อการ ได้ให้ข้อมูลว่า เริ่มต้นเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ด้วยปุ๋ยอินทรีย์ และอินทรีย์เคมี 3 สูตร ซึ่งยอมรับว่า ช่วงแรกๆ หนักใจ เพราะเป็นบริษัทใหม่ คนยังไม่รู้จัก แต่เนื่องจากคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่ใช้แล้วเห็นผลชัดเจน จึงเกิดการซื้อซ้ำของสมาชิก และบอกต่อเป็นเครือข่ายทางธุรกิจ ตามแผนการตลาด การจัดอบรมสัมมนาทางวิชาการ แล้วลงสวน ทุเรียน ปาล์ม มังคุด ลำไย มันสำปะหลัง และ ยางพารา ช่วงหลัง ข้าว ข้าวโพด ก็ใช้มากขึ้น ได้ผลชัดเจน
การบริหารจัดการสวน
ในการทำงานที่มุ่งให้ความรู้ทางวิชาการเป็นหลัก บริษัทต้องลงทุนสูง 3 ปีแรก หนักมาก “ใช้ทุนมาก พูดง่ายๆ ว่าแทบไม่รอด ใน 3 ปี เราต้องปรับเปลี่ยนบางอย่าง เพื่อให้อยู่รอด” ดร.อาทิตย์ เปิดเผย ดังนั้นรูปแบบธุรกิจที่ต้องปรับ คือ เพิ่มผลิตภัณฑ์เรื่องปุ๋ยให้มากขึ้น เปิดโอกาสให้สมาชิกเป็นเจ้าของคลังสินค้า “เปลี่ยนบ้านให้เป็นร้าน” ให้กระจายทุก 1 คลัง 1 อำเภอ ทั่วประเทศ ซึ่งขณะนี้มีมากกว่า 130 แห่ง จัดแพลตฟอร์ม จัดรายละเอียด และบริหารจัดการ ภายใต้ปรัชญา “เพื่อนร่วมคิด มิตรร่วมสร้าง” และซัพพอร์ต อบรมเรื่อง วิชาการ วิชาขาย และ วิชาบริหาร ด้วยคอร์สต่างๆ อย่างเข้มข้น และคิด “ปุ๋ยราคาเดียว” ทั่วประเทศ ซื้อกระสอบเดียวก็ส่งถึงสมาชิก หรือผู้ใช้
ปรากฏว่า หลายคนกลายเป็นผู้บริหารงานขาย หรือนักธุรกิจเต็มตัว รายได้พุ่งเป็นเงินหมื่น เงินแสน/เดือน และนักธุรกิจคนขายปุ๋ยของบริษัทไม่ต้องแบกยกปุ๋ย และเก็บเงินให้ยุ่งยาก เพราะบริษัทมี ฝ่ายจัดส่ง ฝ่ายเก็บเงิน นักธุรกิจใช้กระดาษแผ่นเดียวก็ทำงานได้แล้ว เพราะบริษัทมีระบบออนไลน์ที่ทำงานอย่างรวดเร็ว นักธุรกิจสามารถทำการซื้อขายได้ทั่วประเทศ พร้อมทั้งตรวจสอบยอดขายและรายได้ของตัวเองได้ตลอดเวลา
ปรากฏว่า พอเข้าปีที่ 4-6 บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตทางธุรกิจที่ก้าวกระโดดมาโดยตลอด
วันนี้ทางบริษัทมีสมาชิกกว่า 9,000 รหัส แม้ที่แอคทีฟประมาณ 20% แต่กิจกรรมต่างๆ จะทำให้สมาชิกแอคทีฟทางธุรกิจมากขึ้น ซึ่งเรื่องนี้ ดร.อาทิตย์ ให้ความเห็นว่า “ก็เหมือนตะแกรงร่อน ดิน หิน ทราย เราก็ร่อนๆ ไป เมื่อเจอก้อนใหญ่หน่อยก็จะคาอยู่ที่ตะแกรงของเรานี่แหละ”
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายปุ๋ย
เมื่อถามถึงตลาดปุ๋ยในประเทศ ก็ได้คำตอบว่า มูลค่าธุรกิจปุ๋ยนับแสนล้านบาท/ปี 70% อยู่ในมือยักษ์ใหญ่ อีก 30% หลายๆ บริษัทแชร์กัน และปุ๋ยเคมี ดร.อาทิตย์ ยืนยันว่า มันโตเต็มพิกัดทะลุเพดานไม่ได้แล้ว จึงเป็นโอกาสของปุ๋ยอินทรีย์ และอินทรีย์เคมี จะแชร์ตลาดมากขึ้น ด้วยคุณภาพ และบริการหลังการขาย โดยเฉพาะ บริษัท ไอเอที 2016 จำกัด ตอนนี้แชร์ตลาดเพียง 0.1% เท่านั้น จึงมีช่องว่างทางตลาดอีกมาก
“วิชาการถึงบ้าน บริการถึงสวน” เป็นการทุ่มเทให้ความรู้วิชาการทั้ง เรื่องดิน เรื่องพืช และ เรื่องปุ๋ย ถึงบ้านของลูกค้าหรือสมาชิกด้วย เพื่อหาสาเหตุ เช่น ตรวจวัดค่าดิน หรือวิเคราะห์พืชทางกายภาพ เป็นต้น แล้วจัดปุ๋ยให้ตรงกับพืชต้องการ คือ การแก้ปัญหาและพัฒนาตรงกับความเป็นจริง เมื่อผลผลิตชัดเจน จะเกิดการบอกต่อ และใช้ซ้ำ “ยกระดับเกษตรกรไทย ให้ก้าวไกลสู่ระดับสากล”
สนใจเข้าร่วมเรียนรู้ หรือเป็นคลังสินค้า ติดต่อ บริษัท ไอเอที 2016 จำกัด 71/13 ถนนบรมราชชนนี แขวงอรุณอมรินทร์ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพฯ 10700 โทร.092-156-9999