ต้องยอมรับความจริงกันว่าดินแดนที่ราบสูงในพื้นที่ภาคอีสานมีสภาพค่อนข้างทุรกันดารด้าน “น้ำ” และ “โอเอ็ม” ในดินที่มีน้อย ในขณะที่มี “แสงแดดจัด” ในช่วงคิมหันตฤดู จนทำให้พื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคอีสานขึ้นชื่อในความแห้งแล้งที่กระจายอยู่ในหลายจังหวัด
ด้วยเหตุนี้คนอีสานที่มีปริมาณค่อนข้างมากกว่าภูมิภาคอื่นจึงต้องดีดตัวเองออกจากพื้นที่ไปทำมาหากินในภูมิภาคอื่น เช่นเดียวกับชาวจีนโพ้นทะเลเมื่อหลายศตวรรษที่แล้วก็เป็นเมล็ดพืชที่กระเด็นออกไปไกลต้น ไปงอกเงยผลิดอก ออกผล
แม้ภาคอีสานจะเป็นภูมิภาคที่มีแต่ “ปัจจัยลบ” ทางกายภาพ แต่เมื่อมีประชากรค่อนข้างมาก ส่งผลให้มีการคมนาคมที่สะดวก มีการตัดถนนเชื่อมต่อในทุกอำเภอ ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว แลกเปลี่ยนมากมายโดยเฉพาะกิจกรรมทางธุรกิจต่อเนื่องในภาคการเกษตรที่มีการขยายบทบาทเข้าสู่ชุมชนดดไปพร้อมกับการขยายตัวของการสื่อสารที่ทันสมัยหลากหลายรูปแบบเข้าสู่พื้นที่
ทำให้คนอีสานได้เห็นความเป็นไปด้านข้อมูลข่าวสาร และเกิดการเรียนรู้ พัฒนาอาชีพ ได้อย่างรวดเร็ว ส่งผลให้คนอีสานมีองค์ความรู้เพื่อการพัฒนาด้านการเกษตรมากขึ้น เป็นการพัฒนาวัตถุทางเศรษฐกิจควบคู่กับพัฒนาองค์ความรู้จนก่อให้เกิดการแข่งขันในกิจกรรมทางธุรกิจมากมาย
ซึ่งธุรกิจการเกษตรจำเป็นต้องอาศัย “ที่ดิน” เป็นปัจจัยหลักในการผลิตหลัก ทำให้มูลค่าที่ดินเพิ่มขึ้นไป พร้อมกับค่าแรงงานที่สูงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีข้อมูลธุรกิจที่มีความแม่นยำสูง เกิดข้อผิดพลาดน้อยที่สุด
สภาพพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน
ด้วยเหตุนี้นักธุรกิจเกษตรส่วนใหญ่ในภาคอีสานที่มีความเชี่ยวชาญด้านธุรกิจมันสำปะหลัง จึงได้หันมาสนใจในพืชอาหาร และพืชพลังงาน อย่าง “ปาล์มน้ำมัน” ที่มีความมั่นคง และมั่นใจในความสำเร็จ ทั้งระยะสั้น และระยะยาว
ซึ่งอาจจะมองว่าเป็นพืชตัวใหม่ที่มีจุดเด่นไม่น้อยไปกว่า “มันสำปะหลัง” จึงจะเป็นการลงทุนที่ชาญฉลาด ภายใต้ชื่อ “บริษัท นครปาล์มน้ำมัน จำกัด” ที่มีประธานบริษัทที่มองการณ์ไกล และเป็นนักธุรกิจหัวก้าวหน้าอีกท่านหนึ่งที่มีประสบการณ์สูงในการดำเนินธุรกิจเกษตร
ซึ่งย้ำกับคณะกรรมการบริหารถึงนโยบายในการพัฒนาธุรกิจเกษตรที่ต้องการให้เกษตรกรมีส่วนร่วม และต้องการให้เกษตรกรที่ยากจนมีโอกาสร่ำรวยด้วยปาล์มน้ำมันภายใต้แปลงเพาะกล้าปาล์มน้ำมันคุณภาพ เป็นปาล์มน้ำมันสายพันธุ์ดีจากบริษัท นครปาล์มน้ำมัน จำกัด
แต่การปลูกปาล์มในพื้นที่ภาคอีสานนั้นยังมีข้อจำกัด และเป็นโจทย์ใหญ่มาก อีกอย่าง ก็คือ ภาคอีสานเป็นพื้นที่ที่รัฐไม่อนุญาตให้ปลูกปาล์มน้ำมันผ่านนโยบาย “ระบบโซนนิ่ง” เพราะมองว่าเป็นดินแดนแห้งแล้ง หรือขาดน้ำ แต่ในความเป็นจริงแล้วยังมีหลายพื้นที่หลายแห่งในภาคอีสานที่สามารถปลูกปาล์มน้ำมันได้เป็นอย่างดี และเป็นพื้นที่เหมาะสม
การเพาะเมล็ดพันธุ์ปาล์มน้ำมัน
ดังนั้นบริษัท นครปาล์มน้ำมัน จำกัด จึงอยากสร้างโอกาสให้กับเกษตรกรยากจน มีเงินปลูกปาล์มน้ำมัน จนกระทั่งนำมาสู่การก่อตั้งแปลงเพาะกล้าปาล์มน้ำมันคุณภาพ และสวนปาล์มน้ำมันตัวอย่างขึ้น บนเนื้อที่กว่า 120 ไร่ ใน ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา โดยมี คุณภูเดช ลาชมพู และคุณชลธิชา ชุติมามาศ สองผู้บริหารคนเก่ง เป็นผู้สนองนโยบายจากประธานบริษัทอย่างไม่มีเงื่อนไข
โดยมีเป้าหมายหลักในการสั่งเมล็ดปาล์มจากต่างประเทศเข้ามาก็เพื่อพัฒนาพื้นที่ของบริษัทมากกว่า 4,000 ไร่ ที่กระจายอยู่ในจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ นครพนม และหนองคาย ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการปลูกปาล์มน้ำมันควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้เกษตรกรทั้งในและนอกพื้นที่หันมาปลูกปาล์มน้ำมันสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
ในขณะที่ทางบริษัทมองว่าการสั่งซื้อต้นกล้าปาล์มน้ำมันในจำนวนที่เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ที่ต้องการปลูกต้องใช้เม็ดเงินมากกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งตัวเลขที่ค่อนข้างสูงที่ยังไม่รวมต้นทุนในการเตรียมพื้นที่และปรับปรุงดินเพื่อให้เหมาะสมในการปลูกปาล์มน้ำมัน
ดังนั้นเพื่อเป็นการลดต้นทุนในการผลิตและการปลูกปาล์มน้ำมัน บริษัทจึงตัดสินใจสั่งเมล็ดพันธุ์ปาล์มโดยเริ่มจากสายพันธุ์เทเนอร่า เดลี่ไนจีเรียแบล็ค เข้ามา ในครั้งแรกมากกว่า 200,000 เมล็ด เพราะยังไม่เข้าใจการเพาะเมล็ดพันธุ์มากนัก จึงต้องทำการศึกษาข้อมูลต่างๆ เพิ่มเติม จนมีความมั่นใจในอีก 2 สายพันธุ์ จึงได้สั่งนำเข้ามา คือ สายพันธุ์เดลิคอมแพ็ค และคอมแพ็คกาน่า
ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีการปลูกมากที่สุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก และน่าจะเป็นพันธุ์ที่ตอบสนองทางธุรกิจได้ดี แล้วยังเป็นการเรียนรู้นิสัยและพัฒนาการของปาล์มน้ำมันจากการเพาะเมล็ดพันธุ์ในแปลงเพาะกล้าปาล์มน้ำมันที่ได้มาตรฐาน
รวมทั้งการเลี้ยงต้นกล้าปาล์มให้ได้คุณภาพที่สอดรับกับพื้นที่และสภาพแวดล้อมในภาคอีสาน เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าพันธุ์เดลิคอมแพ็คเป็นปาล์มที่ทนแล้วจริงหรือไม่?? เนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทเคยนำพันธุ์ปาล์มจากใต้มาปลูก แล้วกล้าปาล์มน็อค และต้องใช้เวลานานเป็นเดือนกว่าต้นกล้าจะสามารถปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมในพื้นที่ได้
“เมื่อ 20 ปีก่อน บริษัทเคยทำหน่อไม้ฝรั่งอัดกระป๋องส่งนอก มีโรงงานทั้งที่นี่และอำเภอชุมแพด้วย เป็นโรงงานขนาดใหญ่ บริษัทแจกกล้าหน่อไม้ฝรั่งให้เกษตรกรนำไปปลูกเพื่อนำผลผลิตป้อนโรงงาน เมื่อเก็บผลผลิตได้เกษตรกรต้องนำกลับมาขายให้โรงงาน แต่กลับเอาไปขายเอง ทำให้โรงงานต้องปิดตัวลง
ซึ่งเป็นความทรงจำที่เจ็บปวด แต่ท่านประธานก็ยังทำธุรกิจค้าขายปกติ ทั้งมันเส้น ที่ดิน และปลูกยางกว่า 1,000 ไร่ แต่มีปัญหาด้านการจัดการและแรงงาน ด้วยความที่ท่านประธานเป็นคนไทยเชื้อสายจีน จึงต้องเดินทางไปเยี่ยมญาติที่เมืองจีนบ่อยๆ
จึงได้เห็นการพัฒนาด้านการเกษตรภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาล ได้ปลูกยางทั้งในและหลายประเทศในอาเซียน จึงประเมินได้ว่าอนาคตอันใกล้นี้จีนจะซื้อยางจากไทยน้อยลง และการทำสวนยางในไทยเวลานี้มีปัญหาด้านแรงงานมาก หาคนงานมีคุณภาพยากขึ้น ประกอบกับบริษัทมีจำนวนที่ดินเพิ่มขึ้นจากลูกหนี้
จนทำให้ท่านประธานจำเป็นต้องเทคโอเวอร์แปลงเพาะกล้าของบริษัท นครปาล์ม นี้ จากนครพนมมาที่ อ.โชคชัย เพราะเป็นคนที่นี่ จนต้องเดินทางเข้าสู่สายปาล์มน้ำมันอย่างเต็มตัว เพื่อรองรับที่ดินที่ปริมาณเพิ่มขึ้น” คุณชลธิชาเปิดเผยถึงจุดเริ่มต้นที่ก้าวเข้าสู่ธุรกิจปาล์มน้ำมัน
การบำรุงดูแลรักษาต้นกล้าปาล์มน้ำมัน ด้วย น้ําหมักรกหมู
ด้วยความที่คุณชลธิชา หรือ “คุณออย” เป็นคนใฝ่รู้ หลงใหลและคลุกคลีอยู่กับการทำการเกษตรมาก่อน จากการได้สัมผัสกับเกษตรกรในหลายพื้นที่ ได้สัมผัสจนได้เห็นข้อดี และข้อด้อยที่เกิดขึ้นจริง
จึงได้นำมาประยุกต์ใช้ในการส่งเสริมเกษตรกรในการปลูกปาล์มน้ำมัน โดยเฉพาะการเรียนรู้เรื่อง “รกหมู” ที่เป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิต “ น้ําหมักรกหมู ” โดยใช้จุลินทรีย์เป็นตัวย่อย ที่ซุ่มทำการวิจัยและศึกษาด้าน น้ําหมักรกหมู มานานกว่า 5 ปี เนื่องจากทางบริษัทนั้นมีฟาร์มหมูแม่พันธุ์มากกว่า 2,600 แม่ ที่ได้มีการผลิต “ไบโอแก๊ส” ใช้ภายในฟาร์มหมู และกากขี้หมูที่ได้ก็จะนำมาทำเป็นปุ๋ยอินทรีย์เพื่อใช้ในสวนปาล์ม
ด้วยเหตุนี้ “ น้ําหมักรกหมู ” จึงกลายมาเป็นปัจจัยหลักที่สำคัญของแปลงกล้าปาล์มน้ำมัน ที่ช่วยทำให้กล้าปาล์มมีความสมบูรณ์ แข็งแรง เจริญเติบโต เป็นต้น กล้าปาล์มน้ำมันคุณภาพซึ่งคุณออยก็ยอมรับว่าการเพาะกล้าปาล์มน้ำมันในช่วงแรกนั้นยังค่อนข้างอ่อนประสบการณ์ แต่ด้วยใจรัก ตั้งใจจริง ชอบศึกษา และชอบการทำเกษตรอยู่แล้ว เคยคลุกคลีกับเกษตรกรมา
จึงได้ทุ่มเททุกอย่างให้กับการเพาะเมล็ดพันธุ์ให้ออกมาดีที่สุด และสมบูรณ์ที่สุด แต่ทว่าการเพาะเมล็ดพันธุ์ที่มากกว่า 400,000 เมล็ด ในครั้งแรก จึงเป็นงานใหญ่ที่ท้าทายและยิ่งใหญ่มากสำหรับเธอ เพื่อให้ได้ข้อมูลการเพาะที่ถูกต้อง คุณออยจึงต้องใช้ “ยูทูป” เป็นพี่เลี้ยง หรือตัวช่วยในการดำเนินการเพาะเมล็ดปาล์มได้เป็นผลสำเร็จ โดยใช้คนงานมากกว่า 30 ชีวิต
“ท่านประธานเรียกให้เรามาช่วยดูแลเรื่องนี้ วันแรกที่มาเห็นกล้าปาล์ม 100,000 เมล็ด มาเลย และเว้นอีกเพียงไม่ถึง 3 สัปดาห์ เมล็ดก็ถูกสั่งนำเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล็อตละ 100,000 รวมมาเป็นเกือบ 400,000 ภายในเวลาไม่ถึง 8 เดือน
แต่ด้วยเมล็ดพันธุ์มันอยู่ในกล่องโฟมแล้วบรรทุกมาก็อาจจะโดนฝนมาจนเมล็ดเสียหายบางส่วน ทั้งรากหลุด ต้นหน่อหลุดหายบ้าง จะอยู่ประมาณ 5,000-6,000 เมล็ด แล้วแต่การขนส่งในแต่ละล็อต เราจะต้องทำให้ทันเวลา จากการเพาะเมล็ดพันธุ์ครั้งแรกทำให้เราเรียนรู้ เห็นการพัฒนาของปาล์ม เห็นการเจริญเติบโต จนเรามีประสบการณ์มากขึ้น มีความชำนาญ จากชุดแรกเราสูญเสียเกือบ 30%
แต่ตอนหลังเราเริ่มเข้าใจ จึงลดความสูญเสียในการเพาะเมล็ดในครั้งต่อมาเหลืออยู่ที่ 8-12% เราจะบำรุงต้นกล้าด้วย น้ําหมักรกหมู เป็นหลัก ทำให้ต้นปาล์มสมบูรณ์ โตเร็ว ทรงสวย ใบเขียวเข้ม แต่ถ้าหากพบว่าเป็นต้นกล้าแฝดเราจะเลี้ยงไปทั้งคู่ สังเกตว่าต้นไหนสมบูรณ์เอาต้นนั้นไว้ และทำลายอีกต้นทิ้งไปทันที จะไม่มีการเก็บมาดูแลรักษา แล้วนำกลับเข้าไปอยู่ในกลุ่มที่ต้นสมบูรณ์ไม่ได้เด็ดขาด” คุณออยเล่าถึงบทบาทการเพาะกล้าปาล์มด้วยระบบอินทรีย์ หรือ น้ําหมักรกหมู เป็นหลัก โดยใช้เคมีเป็นตัวเสริม
การป้องกันกำจัดแมลงในสวนปาล์มน้ำมัน
เริ่มต้นจากเมื่อได้เมล็ดพันธุ์มาแล้ว ต้องเปิดฝาเพื่อตรวจสอบความสมบูรณ์ทุกกล่องว่าเมล็ดพันธุ์มีสภาพเป็นอย่างไรบ้าง ก่อนจะนำเมล็ดพันธุ์ที่ได้เก็บไว้ภายในห้องเย็น จากนั้นจะคัดเมล็ดพันธุ์ที่สมบูรณ์ไปเพาะในถาดหลุมภายในโรงเรือนที่ได้มาตรฐาน ส่วนเมล็ดที่มีปัญหาจะต้องอนุบาลใหม่ หรือกระตุ้นด้วยการใช้ น้ําหมักรกหมู และบีวันผสมกันแล้วสเปรย์ พักตัวให้แห้ง เพื่อให้เกิดการปรับตัวนาน 1 วัน
จนกระทั่งเมล็ดพันธุ์ฟื้นตัวค่อยนำออกมาเพาะในถาดหลุมที่เตรียมไว้ เมื่อเลี้ยงไปนาน 2 เดือน จะสเปรย์ด้วย น้ําหมักรกหมู ทุกสัปดาห์ มีการคัดต้นกล้าที่มีอาการผิดปกติ ทั้งใบหงิก ใบงอ ต้นเพี้ยน ใบด่างจะตัดทิ้งไปก่อน จะย้ายต้นกล้าลงถุงดำเพื่ออนุบาลต่อ
โดยมีการสเปรย์ด้วย น้ําหมักรกหมู ทุกสัปดาห์เช่นเดียวกัน เมื่อต้นกล้าเริ่มแข็งแรงขึ้นก็จะให้ปุ๋ยเคมีสลับกับขี้หมูหมักตากแห้งเพื่อบำรุงกล้าปาล์ม เมื่อกล้าปาล์มอายุ 4 เดือน จะคัดต้นกล้าที่ไม่สมบูรณ์ทำลายทิ้งไป จนกระทั่งอายุ 8 เดือนเศษ ก็จะเริ่มทยอยขนย้ายต้นกล้าเพื่อเตรียมปลูกในพื้นที่ของตนเองได้
นั่นหมายความว่า การเพาะกล้าในฤดูร้อนจะไม่ค่อยมีปัญหามากนัก ยกเว้นแมลงกัดกินใบ อย่าง ตัวบุ้ง ด้วง ยอดและใบไหม้ จากเดิมที่เคยใช้สารเคมีในการกำจัด แต่คนงานส่วนใหญ่ไม่ค่อยป้องกันตนเอง อีกทั้งต้องลงแปลงเพื่อตรวจสอบต้นกล้าเป็นประจำ จึงมองว่าอาจเกิดอันตรายได้
จึงหันมาใช้แนวอินทรีย์ในการป้องกันด้วยการนำ น้ําหมักรกหมู ผสมกับน้ำส้มควันไม้ และน้ำหมักสะเดา ที่ช่วยป้องกันและทำให้เกิดความฉุนโดยธรรมชาติ เน้นใช้แรงงานในการกำจัดวัชพืชในแปลงเพาะแทนการใช้สารเคมี คนงานทำงานได้ง่ายขึ้น ปลอดภัยมากขึ้น ขณะเดียวก็เป็นการบำรุงต้นกล้าให้สมบูรณ์ โคนใหญ่ ต้นกล้าสีสวย เขียวเข้มเป็นมัน
ที่สำคัญที่สุด ก็คือ การเพาะกล้าปาล์มในแต่ละฤดูของที่นี่จะไม่เหมือนกัน มีโรคที่เกิดขึ้นไม่เหมือนกัน แผนที่วางไว้อาจมีความคลาดเคลื่อนไปบ้าง เพราะการงานในภาคการเกษตรต้องมีการแก้ไขปัญหาหน้างานจากสภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นด้วย
เนื่องจากพื้นที่แปลงเพาะกล้าตั้งอยู่ใน อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา เป็นพื้นที่สูง สภาพอากาศที่นี่ถ้าหน้าร้อนจะร้อนจัด หน้าหนาวก็หนาวจัด เป็นช่องลมมีลมกรรโชกแรง โดยเฉพาะการเพาะกล้าปาล์มในหน้าหนาวจะมีปัญหาค่อนข้างมาก ต้นกล้าช็อค ชะงัก และไม่ตอบสนองต่อการบำรุง
จึงต้องช่วยเรียกความร้อนด้วยการเปิดสแลนเพื่อรับแดดให้เกิดความร้อนระอุขึ้นมาก่อน แล้วค่อยปิดสแลนเพื่อกระตุ้นให้เกิดการงอกที่ดีและแข็งแรงมากขึ้น กล้าปาล์มที่นี่จึงประสบกับทุกปัญหาที่เกิดขึ้น แล้วยังสามารถเจริญเติบโตได้ดี ที่สำคัญผลจากการใช้ น้ําหมักรกหมู ในกล้าปาล์มนี้ ทำให้ ต้นกล้าสมบูรณ์ ใบเขียวเข้ม เป็นกล้าปาล์มที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติทั่วไป ประกอบกับระบบน้ำเป็นปัจจัยที่สำคัญมากในการทำแปลงเพาะกล้าปาล์ม
แต่เนื่องจากพื้นที่แห่งนี้ไม่สามารถขุดเจาะบ่อบาดาลได้ จึงต้องอาศัยน้ำจากระบบชลประทานที่จะปล่อยมาจากเขื่อนเพียงอย่างเดียว ทำให้คุณออยต้องมีการสต๊อกน้ำไว้ด้วย การลงทุนขุดบ่อขนาด 15,000-20,000 คิว เพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ภายในแปลงเพาะกล้าปาล์มมากกว่า 4 บ่อ เพราะต้นกล้าต้องการน้ำเป็นปริมาณมากต่อวันโดยมีจุดเด่นที่กล้าปาล์มสามารถย้ายลงแปลงปลูกได้ทันทีโดยไม่มีการพักตัว
การส่งเสริมเกษตรกรปลูกปาล์มน้ำมัน
นอกจากคุณออยจะผลิตต้นกล้าปาล์มน้ำมันคุณภาพสายพันธุ์ดีเชิงพาณิชย์ในราคาที่เป็นธรรม ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้คำแนะนำกับเกษตรกรที่สนใจปลูกปาล์มน้ำมันอย่างถูกต้อง ตั้งแต่การลงพื้นที่จริงเพื่อดูความเหมาะสมของสภาพพื้นที่ การตรวจสอบคุณภาพดินและน้ำ การเตรียมดิน การปรับปรุงสภาพดินให้เหมาะสมกับการปลูกปาล์ม ตลอดจนการติดตามประเมินผลอย่างใกล้ชิดแล้ว
คุณออยยังมีแนวคิดในการต่อยอดพัฒนาให้พื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมันในสวนปาล์มตัวอย่างของบริษัทบนเนื้อที่กว่า 120 ไร่ เกิดประโยชน์สูงสุด สร้างรายได้ทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวได้อย่างบูรณาการเพื่อเป็นแบบอย่าง เป็นทางรอดและทางเลือกให้กับเกษตรกรที่ปลูกปาล์มน้ำมันทั้งในและนอกโครงการของบริษัท
เพราะการปลูกปาล์มในระยะ 8×8×8 เมตร แบบสลับฟันปลา จะมีการปลูกพืชแซมสร้างรายได้ ทั้งกล้วยน้ำว้า มันเทศ มันสำปะหลัง ฟักทอง ตะไคร้ ข่า มะเขือ มะกรูด พริก โดยพืชทุกตัวรวมทั้งปาล์ม จะใช้ น้ำหมักรกหมู และขี้หมูหมักตากแห้ง เป็นหลัก ในการดูแล ที่ทำให้ผลผลิตที่ได้สมบูรณ์ เป็นที่น่าพอใจ
โดยเฉพาะ “หัวมันเทศ” เนื้อจะแน่น ไม่มีเส้น ขนาดหัวใหญ่กว่าขนาดปกติทั่วไป รสชาติหวาน อร่อย ผลเดียวก็กินได้ทั้งบ้าน นอกจากผลผลิตที่ได้จะนำมาต้อนรับลูกค้าที่สนใจเข้ามาดูสวนปาล์มตัวอย่างนี้แล้ว ยังเป็นของฝากที่ดี
ส่วนที่เหลือยังขายสร้างรายได้เพิ่ม ทำให้มีรายได้หมุนเวียนอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้คุณออยยังได้ใช้ น้ําหมักรกหมู ในการปรับปรุงดิน การระเบิดดินดานในพื้นที่เสื่อมโทรม ร่วมกับ “โดโลไมท์” ได้เป็นอย่างดีจนทำให้สภาพดินดีขึ้น สามารถเพาะปลูกพืชผักได้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ
การบริหารจัดการสวนปาล์มน้ำมัน
แม้เมล็ดพันธุ์ปาล์มที่ซื้อมาค่อนข้างแพง แต่ด้วยการดูแลกล้าปาล์มให้ได้คุณภาพเชิงอินทรีย์ทำให้คุณออยทราบต้นทุนที่เกิดขึ้น และสามารถควบคุมต้นทุนในการผลิตได้เป็นอย่างดี จึงยอมคัดต้นที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ตรงสเป็คทิ้งทั้งหมด เหลือไว้เฉพาะต้นกล้าที่สวย สมบูรณ์ มีคุณภาพมากที่สุด เพื่อให้ได้ต้นกล้าปาล์มมาตรฐานไว้ปลูกเอง
และส่งเสริมเกษตรกรทั้งในและนอกพื้นที่ให้ปลูกปาล์มน้ำมันบนพื้นฐานของความรับผิดชอบในธุรกิจปาล์มน้ำมัน ทั้งนี้ก็เพื่อคุณภาพต้นกล้าต้องได้มาตรฐาน ประกอบกับการตั้งราคากล้าปาล์มที่ไม่แพงมากจนเกินไป ทำให้เกษตรกรสามารถซื้อไปปลูกได้ เน้นการให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับเกษตรกร สามารถนำไปปฏิบัติได้จริง มีการบริหารจัดการพื้นที่ตามความเหมาะสมที่เกิดขึ้นจริง จนทำให้บริษัทมีการจำหน่ายกล้าปาล์มออกไปแล้วกว่าแสนต้นตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา
ประกอบกับการปลูกปาล์มในพื้นที่ 1,000 กว่าไร่ ในอำเภอพิมาย ซึ่งเป็นพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากทุกปี เพราะอยู่ติดกับลำน้ำมาศ และลำน้ำมูล คุณออยจะมีการบริหารจัดการพื้นที่ให้มีความเหมาะสม มีระบบการผันน้ำที่ดี จนกระทั่งสามารถปลูกปาล์มให้เจริญเติบโตขึ้นมาได้ แม้ในช่วงน้ำหลาก น้ำจะไหลเข้าท่วมสวนปาล์มบ้าง
แต่หลังจากน้ำลดต้นปาล์มก็จะมีการพักตัวบ้าง แล้วก็กลับมาเขียวสวยอีกครั้ง แต่การที่ต้นกล้าปาล์มน้ำมันเจอน้ำท่วมขังซ้ำซาก ก็ไม่ส่งผลดีต่อต้นปาล์มและผลผลิตที่จะได้ในอนาคต แต่คุณออยก็ทำการวางแผนปรับกลยุทธ์ให้พื้นที่แปลงปลูกพยายามไม่ให้น้ำท่วมขังที่ระบบรากมากเกินไป
การใช้ระบบอินทรีย์ในการดูแลต้นปาล์มจะทำให้ต้นปาล์มสมบูรณ์ ฟื้นตัวได้เร็วขึ้น สามารถปรับตัวให้เข้ากับธรรมชาติในพื้นที่ได้ดีขึ้น อีกทั้งยังมองว่าภาคอีสานยังมีพื้นที่ที่เหมาะสมในการปลูกปาล์มน้ำมันอีกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะจังหวัดนครราชสีมา อย่าง อ.โชคชัย อ.เสิงสาง อ.ครบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่เขตชลประทาน แล้วยังมีน้ำใต้ดินที่ดี และสภาพดินยังมีความอุดมสมบรูณ์อยู่ค่อนข้างมากพอสมควร
“เราต้องทำแปลงปลูกให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ไม่มีน้ำต้องสร้างแหล่งน้ำ ดินมีปัญหาต้องแก้ที่ดิน ทุกอย่างต้องเอื้อกัน เรามีทั้งแปลงที่ทำในพื้นที่ที่แย่ที่สุด โชคดีของเราที่ได้พบเจอ เรียนรู้กับแปลงที่ใครก็บอกว่าปลูกพืชอะไรก็ไม่ได้ผลผลิต แต่เราก็ช่วยเกษตรกรเต็มที่
จนสามารถจัดการบริหารแปลงจนปลูกปาล์ม พืช แซมได้ พื้นที่โคกที่สุด ต่ำที่สุด สวนที่เข้าไปยากที่สุด เราทำทุกรูปแบบ เพื่อให้เกษตรกรเห็นว่า เราปลูกปาล์มได้ ปลูกปาล์มรอด” คุณออยย้ำในแนวทางอย่างมุ่งมั่นเพราะปาล์มน้ำมันไม่ได้เป็นปาล์มกระเทยเพราะกระเทยไม่สามารถมีลูกได้ เพราะเป็นผู้ชาย เป็นเกสรตัวผู้
แต่ปาล์มเป็น “ทอมกับดี้” เท่านั้น เพราะทอมกับดี้เป็นเพศเมีย หากปาล์มได้รับธาตุอาหารที่สมบูรณ์ มีการดูแลเอาใจใส่ที่ดี ต้นปาล์มที่สมบูรณ์ก็จะผลิดอก ออกทะลาย ให้ผลผลิตได้อย่างแน่นอน พร้อมกับมองว่าปาล์มน้ำมันน่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่มีอนาคต ปาล์มน้ำมันเป็นพืชของแผ่นดิน โดยสโลแกนของบริษัทฯ ที่ว่า “ต้นไม้ของแผ่นดิน” คือ โอกาสของเกษตรกร จะมีอยู่ มีกิน ถึงแม้จะมีที่ดินอันน้อยนิด อย่างน้อยปาล์มก็ช่วยกระชับหน้าดิน รักษาพื้นดิน ปาล์มน้ำมันเป็นพืชเศรษฐกิจที่เก็บผลผลิตได้ระยะยาว ไม่ต้องยุ่งยากอะไรมากมาย อาจจะมีความสุขเมื่อเห็นความยิ่งใหญ่ของปาล์มน้ำมัน
ฝากถึงเกษตรกรหรือผู้ที่สนใจปลูกปาล์มน้ำมัน
แต่สำหรับเกษตรกรหรือคนที่คิดว่าทำไม่ได้ ไม่มีพร้อม ก็ไม่ยุและไม่ส่งเสริมให้ปลูกปาล์ม เว้นแต่คนที่พร้อมจริงๆ มีความสนใจและตั้งใจจะปลูกปาล์มจริงๆ เท่านั้น อีกทั้งปาล์มยังเป็นพืชอาหาร และพืชพลังงาน จึงอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในอีสาน ที่มีประชากรเกือบค่อนประเทศได้ประโยชน์จากการปลูกปาล์มน้ำมัน
เมื่อพื้นที่การปลูกปาล์มมีจำนวนเพิ่มขึ้น ปริมาณผลผลิตมีปริมาณมากขึ้น ทางบริษัทมีโครงการที่รับซื้อผลผลิตคืนจากเกษตรกร และมีการจัดตั้งโรงหีบปาล์มน้ำมันขึ้นรองรับผลผลิตทั้งในและนอกพื้นที่ในรัศมีกว่า 150 กิโลเมตร จากที่นี่ในฐานะผู้ผลิต เพื่อเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกร ให้ลูกค้ามีสิทธิ์เลือก ให้ผู้บริโภคมีสิทธิ์เลือกมากขึ้น
ที่สำคัญประเทศไทยเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลกนี้ที่สามารถปลูกปาล์มน้ำมันได้ ทำให้มองเห็นโอกาสที่จะเติบโตในธุรกิจนี้ เป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่เออีซีที่สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างเสรีมากขึ้น
สำหรับผู้ที่สนใจปลูกปาล์มน้ำมันในภาคอีสานสามารถติดต่อสอบถามได้ในทุกกรณีและทุกเงื่อนไข ได้ที่
คุณภูเดช ลาชมพู และคุณชลธิชา ชุติมามาศ
บริษัท นครปาล์มน้ำมัน จำกัด
212/3 หมู่ 6 ถ.โชคชัย-เดชอุดม ต.ท่าเยี่ยม อ.โชคชัย จ.นครราชสีมา 30190
โทร.088-595-7359, 085-147-3663, 089-186-0005, 087-961-7555, 044-461-526 Fax : 044-461-525 e-mail : [email protected], e-mail : [email protected]