การ เลี้ยงหมูขุน
สืบเนื่องจากการที่ คุณอเนก บุญมะ มีที่ดิน 50 ไร่เศษ อยู่ที่ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี ซึ่งเป็นที่ดินของภรรยา ที่วันนี้มูลค่าที่ดินหลายแสนบาทต่อไร่ แต่เนื่องจากสภาพดินร่วนปนทราย อินทรียวัตถุ (OM) มีน้อยจึงไม่เหมาะสมในการปลูกพืชที่ต้องการดินที่สมบูรณ์ ทำให้ในอดีตที่ผ่านมาการนำพื้นที่ไปปลูกอ้อย ปลูกมันสำปะหลัง และพืชผัก ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
จึงได้นำพื้นที่ไปปลูกไม้ยูคาลิปตัสแทน ก่อนจะหันมาจับธุรกิจฟาร์มหมูขุนจนประสบความสำเร็จ และพัฒนาพื้นที่ปลูกไม้ยูคาลิปตัสเป็นสวนปาล์มน้ำมันบนเนื้อที่ 30 ไร่ ให้ผลผลิตที่ดี เพราะมีน้ำขี้หมู และขี้หมูแห้ง เป็นธาตุอาหาร นำมาซึ่งรายได้ 2 ทาง ได้อย่างลงตัว และเกื้อกูลกันตลอดมา
ขยายพื้นที่การ เลี้ยงหมูขุน ออกไปจนมีพ่อแม่พันธุ์เอง
คุณเอนก บุญมะ อดีตก็คือ เกษตรกรคนหนึ่งที่มีที่ดินอยู่ในภาคตะวันออก เนื่องจากเป็นที่ลุ่มต่ำ และดินปนทราย ปลูกอะไรก็ได้ผลไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ขณะเดียวกันพื้นที่แถวนั้นมีฟาร์มหมูอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเปลี่ยนแนวคิดมา “ เลี้ยงหมูขุน ” ในปี 2535 จนได้กำไรในครั้งแรก จึงคิดขยายพื้นที่การ เลี้ยงหมูขุน ออกไปจนมีพ่อแม่พันธุ์เอง
จนทุกวันนี้เขามีแม่พันธุ์มากกว่า 150 ตัว ที่สามารถให้ลูกได้ทั้งหมด ก่อนนำลูกเข้าสู่กระบวนการเลี้ยงและขุนในฟาร์มทั้งหมด ภายใต้การเลี้ยงในระบบเปิด เพื่อไม่ต้องนำลูกหมูจากที่อื่นมาขุนเองในห้วงเวลา 20 กว่าปีโดยไม่ส่งกลิ่นรบกวนชุมชนรอบข้าง ไม่มีการใช้สารเคมี แต่จะเน้นการดูแลสุขภาพของหมูทุกตัวให้แข็งแรง สมบูรณ์ ตั้งแต่ต้น ด้วยการทำวัคซีนเท่านั้น
การให้อาหารและน้ำหมูขุน
คุณเอนกในวันนี้จึงกลายเป็นเกษตรกรมืออาชีพแห่งเมืองพนัสนิคม จ.ชลบุรี เมืองดังด้านเทศบาลที่มีความสะอาดอันดับ 1 ของประเทศ ประกอบกับการ เลี้ยงหมูขุน ของที่นี่มีระบบการจัดการที่ดี ไม่สร้างมลภาวะต่อชุมชน ทั้งที่เลี้ยงหมูในระบบเปิด นั่นเป็นเพราะคุณเอนกใส่ใจในการ เลี้ยงหมูขุน ให้แข็งแรง ให้อาหารที่ดี มีโปรตีนสูง เน้นผสมอาหารเอง
“หมูทุกตัวเรามีพ่อค้ามาจับถึงที่ เพราะหมูเรามีคุณภาพ ขุนเพียง 4 เดือน ได้น้ำหนัก 110-120 กก.ได้ไซส์ทุกตัว ที่เป็นเช่นนี้เพราะแม่หมูได้รับการเลี้ยงอย่างดีจนอ้วน ซึ่งสวนทางกับการเลี้ยงของที่อื่นที่เน้นให้แม่พันธุ์ผอมบาง บอกว่าถ้าแม่อ้วนมันจะเลี้ยงลูกไม่ดี เต้านมจะอักเสบ ผมว่าไม่จริง เราเลี้ยงให้อ้วนได้ แต่อย่าให้อ้วนจนหลังแตกร่อง แม่มันจะสมบูรณ์ เลี้ยงลูกดี ลูกหมูแข็งแรง” คุณเอนกยืนยัน
ที่สำคัญที่สุดจะเน้นเรื่องความสะอาด ภายในฟาร์มหมูที่ต้องล้างคอกทุกวัน หมูขุนที่นี่จะมีอ่างซีเมนต์ใส่น้ำให้หมูนอนแช่อ่างละ 6-7 ตัว ที่ต้องเปลี่ยนน้ำทุกวัน ยกเว้นในเดือนสุดท้ายที่จะต้องจับขาย เพราะจะทำให้เนื้อแฉะ ราคาตก นอกจากนี้ยังมีแหล่งน้ำเพียงพอ มีพื้นที่มากพอที่จะสร้างบ่อเก็บน้ำ ปุ๋ยขี้หมู ที่ออกจากฟาร์มหมูได้อย่างเป็นระบบ
ซึ่งการ เลี้ยงหมูขุน นั้นรู้กันดีว่ามีความเสี่ยงด้านราคาที่ขึ้นๆ ลงๆ ไปตามตลาด ที่คุณอเนกก็เข้าใจดี และไม่มีปัญหาเรื่องนี้ เพราะถ้าหากหมูสุขภาพดี มีคุณภาพ พ่อค้าจะวิ่งเข้ามาหาเอง อีกทั้งยังมีคู่ค้าที่ทำธุรกิจกันมานานอยู่แล้ว
การปลูกปาล์ม และให้น้ำ ต้นปาล์ม น้ำมัน
เดิมทีคุณเอนกต้องขายขี้หมูให้กับเพื่อนบ้านในพื้นที่เพื่อนำไปใส่สวนยาง และสวนไม้ผล จนกระทั่งสนใจเรื่อง “ปาล์มน้ำมัน” ที่ต้องการน้ำ ปุ๋ยขี้หมู ในการเจริญเติบโต และเป็นการลดต้นทุนด้วย จึงเป็นที่มาของการปลูกปาล์มน้ำมันสายพันธุ์ “คอมแพคท์” จาก บริษัท สินธุเศรษฐ์ จำกัด จำนวน 900 ต้น
ซึ่งคุณวิสันต์ สินธุนนท์ เดินทางมาดูพื้นที่ และให้ข้อมูลเบื้องต้นด้วยตัวเอง ก่อนจะเริ่มต้นปลูกปาล์มได้ หลังจากรื้อป่ายูคาฯ ออกไร่ละ 2,000 กว่าบาท ในปี 2554 เนื้อที่กว่า 30 ไร่ ปลูกในระยะ 8×8 เมตร ทั้งบนขอบบ่อน้ำ ปุ๋ยขี้หมู และในแปลงทั่วไป รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอก
ปลูกกล้วยแซมระหว่างต้นปาล์ม เพื่อใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์ ส่งผลให้ต้นปาล์มได้รับความชื้นจากต้นกล้วย เพราะคุณเอนกเข้าใจดีว่าปาล์มต้องการน้ำ และการดูแลเอาใจใส่ จึงต้องเน้นการให้น้ำเป็นพิเศษ ช่วงปาล์มเล็กจะใช้รถไถวิ่งไถกลบหญ้าในร่องปาล์มเพื่อกำจัดวัชพืช ถากหญ้ารอบโคนต้นป้องกันหนู
แต่ก็ไม่วายที่หนูจะทำลายต้นปาล์มเล็กจนเสียหายไปกว่า 10 ต้น จนต้องปลูกซ่อมใหม่ภายหลังช่วงปาล์มเล็ก นอกจากการให้น้ำ ปุ๋ยขี้หมู ขี้หมูแห้ง 2 กระสอบ/ต้น แล้ว ก็จะใส่ปุ๋ยเม็ดสูตร 25-7-7 ในช่วงหน้าฝน ใส่น้อยๆ แต่ใส่บ่อยๆ ฉีดพ่นปุ๋ยน้ำทางใบเพื่อบำรุงด้วย
การใช้น้ำ ปุ๋ยขี้หมู และใส่ปุ๋ยปาล์มน้ำมัน
เมื่อ ต้นปาล์ม ย่างเข้าปีที่ 3 มีอายุครบ 30 เดือน ก็จะเริ่มตัดเก็บผลผลิตได้เป็นครั้งแรกประมาณ 2 ตันกว่า/รอบ/20 วัน ส่งไปขายยังลานเทที่ อ.บ่อทอง ในราคา 4 บาทกว่า/กก. ในระบบการจ้างตัดแบบเหมาที่ 400 บาท/ตัน นำมาซึ่งรายได้อีกทางหนึ่ง
การดูแล ต้นปาล์ม ที่ให้ผลผลิตแล้วจะเน้นใส่ปุ๋ยสูตร 10-10-30 และสูตร 0-0-60 ในช่วงหน้าฝนบ้างเล็กน้อย ฉีดพ่นทางใบ ให้โบรอน ใส่น้ำขี้หมู และขี้หมูแห้ง อย่างสม่ำเสมอโดยที่คุณเอนกจะดูแลสวนปาล์ม 30 ไร่ ด้วยตนเอง ขณะที่ ต้นปาล์ม มีอายุ 4 ปีเศษนี้ เป็น ต้นปาล์ม มีความสมบูรณ์ เจริญเติบโตดี ให้ผลผลิตที่ 3.3-4.6 ตัน/รอบ/30ไร่/15 วัน รวมผลผลิตทั้งหมดที่ผ่านมากว่า 70 ตัน ในราคาขาย 3-4 บาทกว่า/กก. ประกอบกับปีนี้เริ่มที่จะตัดแต่งทางใบ 1 ครั้ง/ปี ด้วยระบบจ้างเหมาที่ 7-8 บาท/ต้น
ข้อดีของปาล์มน้ำมัน
คุณเอนกยอมรับว่าตนเองไม่มีความรู้เรื่องปาล์มน้ำมันที่ดีพอ เพียงแต่อาศัยการเรียนรู้จาก ต้นปาล์ม ที่ปลูกไว้ และการเอาใจใส่เท่านั้น ข้อดีของปาล์มน้ำมันก็คือ ดูแลง่าย การจัดการง่าย คุมหญ้าให้ได้ ให้น้ำสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยเพิ่มธาตุอาหาร ก็จะทำให้ปาล์มน้ำมันสมบูรณ์ ให้ผลผลิตที่ดี น้ำหนักดี ทะลายละ 10 กว่ากิโลกรัมขึ้นไป การตัดสินใจปลูกปาล์มน้ำมัน “คอมแพคท์” เนื้อที่ 30 ไร่เศษนี้ ที่ดูแลโดยใช้น้ำ ปุ๋ยขี้หมู นั้น เป็นการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ลดการใช้ปุ๋ยเคมีได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้การเลี้ยงหมู และปลูกปาล์ม เป็นสิ่งที่เอื้อประโยชน์ต่อกันได้เป็นอย่างดี ทั้งลดกลิ่นที่จะเกิดขึ้นในฟาร์มหมู น้ำขี้หมูใช้รด ต้นปาล์ม ได้ ขี้หมูแห้งใส่สวนปาล์ม เป็นการใช้ทุกส่วนให้เกิดประโยชน์สูงสุด สอบถามข้อมูลเพิ่ม คุณเอนก บุญมะ อ.พนัสนิคม จ.ชลบุรี โทร.081-375-1039