วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน ใช้แรงงานน้อย ดูแลง่าย จากเซียนปาล์มรุ่นเดอะ

จุดเริ่มต้นการปลูกปาล์มน้ำมัน

 “ผมทำเต็มที่ ผมเป็นคนสู้งาน มาลุยสวนเต็มที่ เพราะรักการทำเกษตร ปลูกปาล์มน้ำมันใช้ทุนไม่เยอะ ถ้ารู้จักทำไม่มีปัญหา คนที่มีปัญหา คือ คนที่ขี้เกียจทั้งนั้น ถ้าไม่ขี้เกียจไม่มีปัญหาเลยเชื่อผม”

ต้องขอบอกไว้ก่อนว่าประวัติด้านอาชีพของผู้ชายคนนี้มีความหลากหลายมาก ตลอดชีวิตของเขานั้นได้ผ่านการต่อสู้ดิ้นรนมาตลอด 70 กว่าปีโดยไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้จะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่สุดในประเทศไทย อย่าง “สึนามิ” ที่ได้ก่อให้เกิดความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของเขา แต่เขายังคงมุ่งมั่นเพียรพยายามสู้ชีวิตจนตั้งหลักได้

อดีตผู้ใหญ่บ้าน บุญช่วย บำรุงสุข หรือที่รู้จักกันดีในนาม “ผู้ใหญ่ดำ” เกษตรกรชาวสวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่ ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา ได้ถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตก่อนปลูกปาล์มน้ำมันว่า ตนเป็นคนในพื้นที่ และมีฐานะยากจนที่สุดในหมู่บ้าน

รับจ้างทำเหมืองแร่ตั้งแต่อายุ 13 ปี ค่าแรงวันละ 9 บาท ทำจนอายุ 21 ปี จึงไปขายกาแฟ เก็บเงินจากการขายกาแฟอยู่ 2 ปี เพื่อซื้อแพทำเหมืองแร่ในทะเล 1 ลำ ก่อนจะเพิ่มเป็น 6-7 แพ ภายในเวลา 3 ปี จึงเริ่มสร้างตัวขึ้นมาได้ ก่อนนำเงินมาสร้างบ้าน 1 หลัง ซึ่งเป็นหลังที่ใหญ่ที่สุดในตำบลคึกคัก

ทำเหมืองแร่มานาน 8 ปี จึงมีแนวคิดจะซื้อที่ดินเก็บไว้ ซึ่งในสมัยก่อนนั้นที่ดินมีราคา 2,500-3,000 บาท/ไร่ จึงซื้อเก็บไว้รวมเนื้อที่ 150 ไร่ ต่อมาพรรคพวกชวนไปทำนากุ้งกุลาดำที่คุระบุรีอยู่นาน 3 ปี ลงทุนไป 3 ล้านบาท แต่ขาดทุนไป 10 กว่าล้านบาท เพราะขาดประสบการณ์ และคนดูแลใส่อาหารมากเกินไปจนบ่อเน่าเสีย

ทำนากุ้งจนหมดที่ไป 2 แปลง ก่อนจะขายที่ดินบางส่วนได้เงินมา 2 ล้านบาท เพื่อไปซื้อที่ดินติดชายทะเลทำรีสอร์ทในปี 2541 จำนวน 28 ห้อง ภายใต้ชื่อ “เขาหลักคันทรี่ไซต์”

กิจการเติบโตดีมากในปีแรก จึงขยายห้องเพิ่มเป็น 48 ห้อง ในปี 2542 หลังก่อสร้างเสร็จเปิดตัววันที่ 5 ธันวาคม พอวันที่ 27 ธันวาคม ก็เกิดมหาภัยพิบัติสึนามิขึ้น คลื่นยักษ์สึนามิได้ทำลายล้างทุกอย่างไปจนหมดสิ้น

จากเหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ผู้ใหญ่ดำสูญเสียภรรยา ลูกชาย ลูกสาว และหลานวัย 5 ขวบ รวม 4 คน ซึ่งในตอนแรกผู้ใหญ่ดำทำใจไม่ได้เลยกับการสูญเสียครั้งนี้ แต่ด้วยภาระหนี้สินที่กู้จากธนาคารมาลงทุนขยายรีสอร์ทจึงต้องกัดฟันสู้ต่อไป

โดยนำที่ดินเข้าจำนองกับธนาคารเพื่อให้มีเงินหมุนเวียนฟื้นฟูรีสอร์ท ผู้ใหญ่ดำบอกว่าต้องสู้เพราะเป็นหนี้อยู่ อีกทั้งครอบครัวเสียชีวิตไปเยอะ จึงอยากทำงานให้มากๆ จะได้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น จนกระทั่งเริ่มทำใจได้

เมื่อกลับมาเริ่มฟื้นฟูรีสอร์ท ผู้ใหญ่ดำมีแนวคิดว่าหากทำรีสอร์ทเพียงอย่างเดียวต้องไปไม่รอดแน่ จึงได้ทำการเกษตรควบคู่ไปกับการทำรีสอร์ท ซึ่งมีทั้งสวนยางพาราเดิมที่ปลูกไว้ และยังได้ปลูกสับปะรด และมะพร้าว จนเต็มพื้นที่ ซึ่งสับปะรดจะให้ผลิตได้คราวละ 4,500 ลูกๆ ละ 50-70 สตางค์ จะถูกส่งไปขายในพื้นที่ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง

ต่อมาเลิกปลูกสับปะรด เมื่อต้นยางโตและกรีดน้ำยางได้ ส่วนมะพร้าวที่ปลูกไว้มีจำนวน 1,000กว่าต้น ผลผลิตราคาดี 7-8 บาท/ลูก แต่ทำมาได้ 12 ปี มะพร้าวก็เกิดวิกฤติราคาผลผลิตตกต่ำเหลือเพียง 50-70 สตางค์/ลูก จึงต้องโค่นมะพร้าวทิ้งเหลือไว้บางส่วน

ต่อมาราคายางพาราตกต่ำเหลือเพียง 18 บาท/กก. รัฐบาลยุคนั้นประกันราคาเพียง 23 บาท/กก. อีกทั้งการทำสวนยางอายุ 20 กว่าปี ที่มีราคาผลผลิตตกต่ำ และยังต้องใช้แรงงานมากถึง 8 คน/วัน ในการดูแลสวนยาง 1,000 กว่าต้น จึงเริ่มมองเห็นถึงความไม่คุ้มค่าของการลงทุน

สภาพพื้นที่ปลูกปาล์มน้ำมัน

แต่การทำ “สวนปาล์มน้ำมัน” ใช้แรงงานน้อยกว่า ดูแลง่ายกว่า จึงสนใจปลูกปาล์มน้ำมัน โดยเริ่มต้นศึกษาดูงานในจังหวัดกระบี่ จนมั่นใจและมองว่าปาล์มน้ำมันน่าจะเป็นพืชที่มีอนาคต เพราะปาล์มน้ำมันสามารถเป็นทั้งพืชพลังงานและพืชอาหารได้หลายอย่าง

อีกทั้งมีการจัดการที่ง่าย ใช้แรงงานน้อย จึงตัดสินใจโค่นยางพาราอายุ 20 กว่าปี ออกไป ไถปรับพื้นที่ เพื่อปลูกปาล์มน้ำมันรุ่นแรกจำนวน 800 ต้น ระยะปลูก 9x9x9 เมตร ในสภาพดินดี พื้นที่เนินเขา ไม่มีระบบน้ำ มีการขุดหลุมกว้าง ตากแดดไว้นานกว่า 1 เดือน

รอจนกระทั่งฝนแรกลงในช่วงปลายเดือนเมษายนก็จะเริ่มปลูกปาล์มน้ำมัน โดยใช้ขี้ไก่ผสมกับดินรองก้นหลุมก่อนปลูก แล้วโรยปุ๋ย 21-0-0 หลังการปลูกทันที จากนั้นได้ทยอยปลูกเพิ่มอีก 2,000 กว่าต้น โดยเลือกสายพันธุ์ “คอมแพค” จาก บริษัท อาร์แอนด์ดี เกษตรพัฒนา จำกัด ก่อนจะซื้อที่ดินเพิ่ม และปลูกปาล์มน้ำมันจนเต็มพื้นที่กว่า 170 ไร่ มีการวางระบบน้ำเพียง 40 ไร่ ของพื้นที่ทั้งหมด

วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน การบำรุงดูแลรักษาต้นปาล์มน้ำมัน

ขณะนี้ต้นปาล์มมีอายุตั้งแต่ 7 เดือน ไปจนถึง 3 ปี 4 ปี 5 ปี และ 9 ปี ตามลำดับ ใช้แรงงานประจำ 6 คน ในการดูแลสวนปาล์มทั้งหมด ในสวนปาล์มเล็กจะเริ่มจากการตัดหญ้าให้พื้นที่โล่งเตียนป้องกันหนูและศัตรูปาล์มน้ำมัน ใส่ปุ๋ยเคมีสูตร 21-0-0, 0-0-60 หรือ 15-15-15 บ้าง

ในช่วงต้นฝน กลางฝน ปลายฝน ใส่ในปริมาณน้อยต่อต้น ช่วงปลายฝนจะเสริมขี้ไก่เพื่อปรับปรุงดิน ให้รากปาล์มน้ำมันเดินดี เมื่อปาล์มน้ำมันโตจนสามารถตัดเก็บผลผลิตได้จะใส่ปุ๋ยสูตรเดิมตามทั้งหมด

แต่จะเพิ่มปริมาณการใส่ปุ๋ยเป็น 1 กก./ต้น/ครั้ง ในช่วงต้นฝน กลางฝน และปลายฝน พร้อมกับใส่มูลไก่ ที่สำคัญการดูแลสวนปาล์มตลอดปีจะใช้แรงงานเพียง 6 คน เท่านั้น แต่จะใช้เครื่องจักรกลการเกษตรควบคู่ไปในสัดส่วน 50:50 ซึ่งจะช่วยให้การจัดการสวนปาล์มมีประสิทธิภาพขึ้น

การบริหารจัดการสวนปาล์มน้ำมัน

ทั้งการใช้เครื่องจักรตัดเก็บหญ้าวัชพืชที่จะกลายเป็นปุ๋ยพืชสดในสวนปาล์มน้ำมัน การใส่ปุ๋ยด้วยแรงงาน การตัดเก็บผลผลิต การตัดแต่งทางใบ การย่อยสลายทางใบปาล์มด้วยเครื่องย่อยสับทางปาล์มให้กลับเป็นปุ๋ยกับปาล์ม ที่ช่วยประหยัดเวลา และประหยัดต้นทุน ในการทำสวนปาล์มลงได้

“เครื่องจักรช่วยได้เยอะ เรามีเครื่องตัดหญ้า มีเครื่องบดทางปาล์มที่สามารถบดได้ทั้งหมดเลย ถ้าไม่มีเครื่องบดทางปาล์มพื้นที่สวนปาล์มจะไม่โล่งเตียนอย่างนี้ การจัดการต่างๆ ทั้งการใส่ปุ๋ย แต่งกิ่ง และตัดผลผลิตปาล์ม เราใช้แรงงานเราเองทั้งหมด ทำงาน 2 รอบ/เดือน ประหยัดก็อยู่ได้” ผู้ใหญ่ดำยืนยัน

การเก็บเกี่ยวผลผลิตปาล์มน้ำมัน

ในขณะที่ผลผลิตในช่วงขาดคอจะอยู่ 5 ตัน/รอบ/170 ไร่ หรือประมาณ 10 ตัน/เดือน/170 ไร่ ในช่วงที่ผลผลิตออกมากจะอยู่ที่ 25 ตัน/รอบ/170 ไร่ หรือประมาณ 50 ตัน/เดือน/170 ไร่ ส่งขายลานปาล์มใกล้บ้าน สร้างรายได้อย่างต่อเนื่องทุกเดือน หรือมีรายได้ร่วมล้านกว่าบาทจากการทำสวนปาล์มน้ำมันในพื้นที่ 170 ไร่ โดยมีต้นทุนการผลิตต่อปีอยู่ที่ 1 ใน 3 ของรายได้ทั้งหมด นี่คือข้อดีของการทำสวนปาล์มน้ำมัน

จุดเด่นของสายพันธุ์ “คอมแพค” นั้น แม้ทะลายจะเล็กกว่า น้ำหนัก 20 กว่ากิโล/ทะลาย แต่น้ำหนักเฉลี่ยได้มากกว่า มีปริมาณทะลายเยอะกว่า เมื่อปาล์มน้ำมันมีอายุ 2 ปีครึ่ง จึงตัดเก็บผลผลิตได้ โดยตัดผลผลิตได้ทุก 15 วัน มากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่ฤดูกาล ตลอดจนดึงดูดให้เพื่อนบ้านทั้งในและนอกพื้นที่มาดูสวนปาล์มที่ปลูกไว้อย่างสม่ำเสมอ และยินดีให้ข้อมูลแก่เพื่อนบ้านทุกคน

บางคนบอกว่าปลูกปาล์มใช้ต้นทุนสูง แต่ความจริงแล้วไม่ต้องใช้ทุนมากอย่างที่คิด เพียงแค่รู้จักทำ รู้จักคิด ดูตัวอย่างจากคนที่เขาทำสำเร็จแล้ว โดยเฉพาะปาล์มเล็ก 7 เดือน ที่ปลูกไว้ 26 ไร่นี้จะปลูกสับปะรดระหว่างร่อง ปลูกกล้วยน้ำว้า กล้วยหอม กล้วยเล็บมือนาง และมะพร้าวบางส่วน

แนวโน้มในอนาคต

ซึ่งในอนาคตผู้ใหญ่ดำมีแผนจะปลูกพืชและไม้ผลกินได้ทุกชนิดภายในพื้นที่ ก่อนจะเปิดร้านขายผลไม้สด ราคาถูก บริเวณด้านหน้าถนนเพชรเกษม อีกทั้งจะมีการสร้างรีสอร์ทขึ้นในพื้นที่สวนปาล์ม เน้นเชิงธรรมชาติ

เพราะตำบลคึกคักเป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของประเทศไทยอยู่แล้ว หรืออาจจะขายรีสอร์ทบางส่วนให้กับลูกค้าบ้าง หากได้ราคาที่พอใจ และตกลงกันได้ ทั้งนี้ผู้ใหญ่ดำยังมีแผนจะขยายพื้นที่การปลูกปาล์มน้ำมันเพิ่มอีกประมาณ 50-100 ไร่ ในอนาคตอันใกล้นี้ด้วย

ขอขอบคุณ ผู้ใหญ่ดำ 28 หมู่ 7 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา 82190  โทร.098-737-3593 หากท่านใดสนใจศึกษาดูงานสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คุณวัชพล ขันมะลิ นักวิชาการเขตภาคใต้ 088-385-1855, 081-863-1829

ฝากถึงเกษตรกรที่สนใจต้นกล้าปาล์มน้ำมัน

สำหรับเกษตรกรที่สนใจซื้อและจองต้นกล้าปาล์มน้ำมัน สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โครงการความร่วมมือสหกิจศึกษาทางวิชาการเกษตร มหาวิทยาลัยแม่โจ้-ชุมพร ร่วมกับ บริษัท อาร์แอนด์ดี เกษตรพัฒนา จำกัด โทร.ศูนย์ละแม : 087-935-0001, ศูนย์สวี : 085-214-8668, ศูนย์ปราจีน : 081-295-8906, ศูนย์พัทลุง : 081-963-3613 สามารถเข้าชมเว็บไซต์ของบริษัทได้ที่ www.rdpalm.com และติดตามข้อมูลข่าวสารของบริษัทฯ ได้ที่ Fanpage : R&D กล้าปาล์มพันธุ์ดี

วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน วิธีการปลูกปาล์มน้ำมัน