พอเอ่ยนาม “ปลาสลิด” คนไทยมองว่าเป็นปลาธรรมดาๆ สถาปนาด้วยฝีมือเกษตรกรย่านบางบ่อ สมุทรปราการ แต่ด้วยปลาสลิดเป็นปลาเชิงโภชนาการ มีทั้งโปรตีน วิตามิน และไขมันดี โอเมก้า เป็นต้น จึงเป็นปลาเนื้อขาวเพื่อสุขภาพของผู้บริโภค การแปรรูปปลาสลิด
ตลาดจึงค่อยๆ ขยายตัว ส่งผลให้พื้นที่การเลี้ยงกระจายไปหลายจังหวัด เช่น บ้านแพ้ว สมุทรสาคร แพรกหนามแดง สมุทรสงคราม บางปลาม้า สุพรรณบุรี และอ่างทอง
ด้วยอำนาจผู้บริโภคที่ภักดีต่อปลาสลิด ก่อให้เกิดกระบวนการเพาะและเลี้ยงเชิงพาณิชย์ โดยเฉพาะการเลี้ยงกึ่งพัฒนา ให้ออกซิเจนในบ่อ และให้อาหารเม็ดทดแทนอาหารสด เป็นต้น
กระบวนการเพาะเลี้ยงจนได้ปลาแต่ละไซซ์ จนกระทั่งถึงมือผู้บริโภค ต้องมีมืออาชีพเท่านั้น มือสมัครเล่นอยู่ไม่ได้
การแปรรูปปลาสลิด
บริษัท เอสพีเจกรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด …บริษัทที่เก่งด้านแปรรูปผัก-ผลไม้ และสินค้าสัตว์น้ำสู่ตลาด ทั้งในและต่างประเทศ ก็เข้ามาในธุรกิจปลาสลิด ประธานบริษัท อย่าง คุณเพ็ญจันทร์ ล้อสีทอง ผู้มากประสบการณ์ทางธุรกิจระดับอินเตอร์ ได้พัฒนาหรือยกระดับปลาสลิดไทยระดับพรีเมียมให้โบยบินต่างประเทศ ที่มีคนไทยอาศัยสร้างชื่อเสียงให้สลิดไทยกลายเป็นสินค้าอินเตอร์ ประเทศแรก คือ “อเมริกา” เริ่มค้าตั้งแต่ปี 2529 จนกระทั่งมาทุกวันนี้
“ต่างประเทศนิยมมาก เพราะเนื้ออร่อย ทั้งแดดเดียว และคลุกเกลือ มีครบหมด รสชาติดี” คุณสุเมธ ล้อสีทอง ผจก.บริษัท เปิดเผย
จุดเริ่มต้น การแปรรูปปลาสลิด
จนเมื่อปี 2562 คุณเพ็ญจันทร์สนใจเปิดธุรกิจแปรรูปปลาสลิดแดดเดียวเพื่อจำหน่ายในเมืองไทย แต่เน้นคุณภาพของวัตถุดิบจะต้องเป็นเกรดพรีเมียม ไซซ์ใหญ่ และต้องเป็นตัวเมียเท่านั้น “เพราะคนไทยต้องได้กินของดี” คุณเพ็ญจันทร์กล่าว
ยอมรับว่า “ปลาสลิดเพศเมีย” อายุ 2 ปี เนื้อจะแน่น ไขมันเยอะ เวลาทอดจะกรอบนอก นุ่มใน ดังนั้นบริษัท จึงนำปลาสลิดเพศเมียเท่านั้น มาแช่แข็งที่อุณหภูมิ -40 องศาฯ เพื่อน้ำในตัวปลาเป็นน้ำแข็งขนาดเล็ก จะทำให้ไม่ทำลายเนื้อเยื่อปลา และเมื่อนำมาปรุงอาหารจะได้รสชาติของปลาที่แท้จริง ถึงแม้ว่าต้นทุนการผลิตจะสูง แต่ก็คุ้มค่า เพราะผู้บริโภคจะได้ของคุณภาพระดับพรีเมียมไปรับประทาน นี่จึงเป็นที่มาของแบรนด์ “ปลาสลิดติดบ้าน”
“ปลาสลิดติดบ้าน” เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2562 วันนี้เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น จากการทำตลาดผ่านสื่อออนไลน์ อย่าง เฟสบุ๊ค ในชื่อเพจ : ปลาสลิดติดบ้าน ที่วันนี้มีผู้ติดตามนับหมื่นคน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น “คุณภาพ” คือ สิ่งที่ผู้บริโภคคิดถึงมากที่สุดในปัจจุบัน
ลักษณะเด่นของ ปลาสลิดติดบ้าน
1.ปลาขนาดใหญ่ 5-7 ตัว/กิโลกรัม น้ำหนักเฉลี่ย 160 กรัม/ตัว
2.เป็นปลาเพศเมีย 100% เนื้อแน่น เนื้อมัน
3.เป็นปลาในฤดูกาล มันเยอะ ไม่มีกลิ่นสาบโคลน
4.ปลาถูกแช่แข็งด้วยอุณหภูมิ -40 องศา เป็นเวลา 8 ชั่วโมง ทำให้เก็บรักษาความอร่อยไว้ได้นาน
5.การขนส่งมีดรายไอซ์ใส่ในกล่อง เพื่อรักษาสภาพความสด ใหม่ จนถึงมือผู้บริโภค
6.ปลาสลิดแช่แข็งจะคงสภาพ รวมถึงรสชาติ ความสด และความอร่อย ไว้อยู่
7.เก็บในตู้เย็นได้นาน 6 เดือน
8.มีบริการจัดส่งถึงหน้าบ้าน
9.มีกระบวนการตากในโดมความร้อน สะอาด ไร้ฝุ่น ไร้แมลงวัน หรือยาฆ่าแมลง
ขั้นตอน การแปรรูปปลาสลิด แบบมาตรฐานสากล
เนื่องจากคุณเพ็ญจันทร์ต้องการให้ปลาสลิดติดบ้านเป็นปลาที่มีคุณภาพ ผู้บริโภคทานแล้วต้องติดใจ ดังนั้นทางบริษัทจึงใส่ใจทุกกระบวนการผลิต ตั้งแต่การวางแผนการจับ โดยปลาที่ทางบริษัทใช้นั้นจะต้องเป็นปลาสลิดที่อยู่ในฤดู เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสที่แน่น มัน หวาน และไม่มีกลิ่นโคลน ดังนั้นปลาสลิดทั้งหมดจะจับในฤดู คือ ช่วงตุลาคม-ธันวาคม เท่านั้น ซึ่งจะได้เนื้อของปลามีคุณภาพมากที่สุด
เมื่อปลามาถึงโรงงานจะถูกแทงคอแล้วน็อคน้ำแข็งทันที แล้วจึงเข้าสู่การขอดเกล็ด ควักไส้ หมักเกลือ ตามสูตร นำไปตากในโดม 4-5 ชั่วโมง แล้วใส่ตะกร้านำเข้า “ห้องเย็น” ทันที ด้วยอุณหภูมิ -40 องศาฯ นาน 8 ชั่วโมง สามารถเก็บไว้ได้นานถึง 2 ปี “ทุกตัวดูแลอย่างดี เราเน้นความสะอาด ตั้งแต่บ่อเลี้ยง การขนส่ง อุณหภูมิ จนถึงกระบวนการส่งออก” คุณสุเมธยืนยันถึงความสะอาด ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ และปลาสลิดเป็นปลาปราศจากสารตกค้าง การันตีปลอดภัย 100%
ด้วยความที่ปลาสลิดของบริษัทสดจากฟาร์ม ผ่านกระบวนการแปรรูปจนสะอาดแล้ว เข้าตากแดดในโดม 4-5 ชั่วโมง จึงปราศจากเชื้อต่างๆ ที่มาจากแมลงวัน หรือฝุ่น เป็นปลาเกรดพรีเมียม เมื่อผู้บริโภคนำไปแช่ที่อุณหภูมิ -40 องศาฯ หรือเก็บที่อุณหภูมิ -25 องศาฯ จะเก็บได้ถึง 30 เดือน โดยที่คุณภาพไม่เปลี่ยน แต่น้ำในตัวปลาจะระเหยออกแห้งลงอีกนิดหน่อย แต่ความเค็มยังคงอยู่ แต่ถ้าเก็บเพียง 6 เดือน จะดีมากๆ ดังนั้นเวลาขายส่งจากโรงงานจึงต้องใส่น้ำแข็งแห้งให้ด้วย เพื่อให้เก็บต่อในตู้เย็น
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายปลาสลิด
นี่คือ “จุดแข็ง” ของโปรดักส์ที่แตกต่างจากที่อื่น ที่ถึงมือลูกค้าแล้วจะมีกลิ่น ในอเมริกาลักษณะนี้เรียกว่า SENSORY TEST คือ สัมผัสได้ด้วยการดมกลิ่น หรือจับดู แสดงว่ามีเชื้อรา ขายไม่ได้ ต่างจากปลาสลิดของบริษัทโดยสิ้นเชิง ในปีนี้คุณเพ็ญจันทร์วางแผนจะส่งต่างประเทศประมาณ 100 ตัน อเมริกา คือ ตลาดใหญ่สุด
ส่วนตลาดในประเทศ แบรนด์ปลาสลิดติดบ้าน แบ่งการตลาดเป็น 3 อย่าง 1.ออนไลน์ 2.แบบแฟรนไชส์ และต้นพฤษภาคมจะบุกตลาดโมเดิร์นเทรด ตลาดสด และร้านอาหาร หรือภัตตาคาร โดยตลาดทั้งหมดจะมีรูปแบบบรรจุภัณฑ์ และราคาที่ต่างกันตามความเหมาะสม
การลงนามข้อตกลง MOU กับกลุ่มผู้เลี้ยงปลาสลิดฯ และกรมประมง จังหวัดอ่างทอง
ต้องยอมรับว่า บริษัท เอสพีเจฯ มีความรอบรู้ด้านการแปรรูปสัตว์น้ำหลายชนิด ส่งต่างประเทศมูลค่าไม่ต่ำกว่า 300 ล้านบาท/ปี เมื่อมาจับ “ปลาสลิด” เป็นธุรกิจ ย่อมจะมองทะลุไปถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงที่มีฝีมือ สำหรับปลาสลิด ทางบริษัทได้เซ็นข้อตกลง (MOU) กับกลุ่มผู้เลี้ยงปลาสลิดแปลงใหญ่ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ
โดยมีผู้ว่าฯ เป็นประธาน เมื่อปีที่แล้ว ปีนี้ได้ทำ MOU กับประมง จังหวัดอ่างทอง เพื่อส่งเสริมการเลี้ยงที่ถูกต้อง เรื่องส่งเสริมเกษตรกรให้เลี้ยงนั้นเคยมีประสบการณ์ร่วมกับกรมประมง โครงการประมงสัญจรทุกภาคของประเทศ ดังนั้นเมื่อร่วมกับองค์กรเกษตรกร จึงมั่นใจว่าสำเร็จ เพราะมี “ตลาด” ในและนอกรองรับอยู่แล้ว
การจับมือกับองค์กรเกษตรกร ให้เลี้ยงปลาสลิด และสัตว์น้ำอื่นๆ ข้อดี คือ ได้รู้ “ปริมาณ” และ “ไซซ์” ของสัตว์น้ำแต่ละชนิด แต่ละสัปดาห์สามารถวางแผนการแปรรูป และการตลาดได้ ถ้าเป็นสัตว์น้ำที่ส่งออก เช่น ปลาสลิด จะต้องเป็นปลาสดจากบ่อ แบ่งเป็น 2 ไซซ์ ถ้าไซซ์ 5 ตัว/กก. จะขายในประเทศ ไซซ์อื่นเน้นส่งออก
ฝากถึงผู้ที่สนใจผลิตภัณฑ์ปลาสลิดติดบ้าน
ดังนั้นเกษตรกรที่จะเลี้ยงปลาป้อน บริษัท เอสพีเจกรุ๊ป จำกัด ต้องทำสัญญาเป็นทางการ “เราจะดูแลอย่างดี ราคาเป็นกลาง ไม่ต้องกลัวว่าจะตัน หรือไม่รับซื้อ” คุณเพ็ญจันทร์ยืนยัน
สนใจผลิตภัณฑ์ปลาสลิดติดบ้าน หรือสนใจเข้าร่วมส่งปลากับบริษัท สามารถติดต่อได้ที่ Facebook : ปลาสลิดติดบ้าน บริษัท เอสพีเจ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด โทร : 02-272-2199, 096-835-8972
341/65 ถนนเชิดวุฒากาศ สีกัน ดอนเมือง กทม. 10210