หากพูดถึงธุรกิจการส่งออกกุ้งของเมืองไทยแล้ว ชื่อของเธอคนนี้คงปรากฏในความคิดใครหลายคน “ฟองไหม แซ่ว่อง” เธอคนนี้ถือว่าเป็นเสาหลักของวงการส่งออกกุ้งไปยังประเทศจีนก็ว่าได้ ถือเป็นเจ้าแรกๆ ที่ทำธุรกิจด้านนี้
โดยขณะนั้นเน้นการส่งออก “กุ้งกุลาดำ” เป็นหลัก จากผลผลิตกุ้งในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทย แต่ปัจจุบันเนื่องจากเที่ยวบินจากภาคใต้ไปเมืองจีนลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อธุรกิจส่งออกกุ้งโดยตรง โดยมีปริมาณผลผลิตที่หายไปจำนวนกว่า 16 ตัน/วัน ที่ไม่สามารถส่งออกได้
ด้วยเหตุนี้คุณฟองไหมจึงคิดหาวิธีแก้ปัญหา โดยการเข้ามาส่งเสริมการเลี้ยงกุ้งกุลาดำในพื้นที่ภาคกลาง และภาคตะวันออก มากขึ้น เพื่อนำผลผลิตขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิได้ แต่เนื่องจากคุณภาพน้ำ คุณภาพสิ่งแวดล้อม และความเชี่ยวชาญในการเลี้ยงของเกษตรกรในพื้นที่ภาคกลางยังไม่มากพอ ทำให้ผลผลิตที่ได้ออกมานั้นยังไม่เพียงพอกับออเดอร์ที่ทางประเทศจีนต้องการ
“เราเข้ามาส่งเสริมเกษตรกรโซนภาคกลางเมื่อปลายปี 2559 ให้หันมาเลี้ยงกุ้งดำ หรือแบ่งบางบ่อสำหรับเลี้ยงกุ้งดำ เพราะเรารับซื้อหมด ขอแค่คุณมีผลผลิตตามมาตรฐานที่เราวางไว้ จนปี 2560 ผลผลิตก็เริ่มเพิ่มขึ้น แต่ยังไม่มาก จนมาปี 2561 ที่เริ่มมีปริมาณเพิ่มมากขึ้น และคาดว่าในปีถัดๆ ไปผลผลิตก็จะเพิ่มขึ้น ถึงจะไม่มาก แต่ก็พอได้ปริมาณที่จะส่งให้ลูกค้าบ้าง ตอนนี้ออเดอร์กุ้งดำบางส่วนเราแบ่งให้กับเพื่อนในวงการไป เพราะเรายังหาผลผลิตได้ไม่มาก
ซึ่งรายได้ที่ขาดหายไปเราก็หันไปจับกุ้งขาวแทน เพื่อส่งเป็นกุ้งต้มให้กับโรงงานอีกที นี่ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เราทำขึ้นมาในไม่กี่ปีนี้เอง เพื่อเป็นรายได้ทดแทนที่ขาดหายไป เพราะเราต้องเลี้ยงลูกน้อง ค่าใช้จ่ายเรายังมี ไม่ได้ลดตามผลผลิตกุ้ง ดังนั้นเราก็ต้องหาธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างความอยู่รอดให้องค์กรของเรา ซึ่งในอนาคตเราจะพยายามเพิ่มผลผลิตกุ้งทั้ง 2 ชนิด ให้ได้ประมาณ 150 ตัน/เดือน” คุณฟองไหมกล่าว
การเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามแดง
นอกจากงานจับกุ้งขาวส่งโรงงานแล้วนั้น ยังมีอีกหนึ่งธุรกิจที่คุณฟองไหมมองเห็นช่องทางในการทำเงิน สัตว์น้ำตัวนี้ คือ “กุ้งก้ามแดง” ที่หลายคนมองว่ามันได้ตายไปแล้ว แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าประเทศจีนมีความต้องการผลผลิต กุ้งก้ามแดงเนื้อ เป็นจำนวนมาก ซึ่งคุณฟองไหมเองได้หันมาจับธุรกิจนี้ช่วงประมาณปี 2561 โดยได้ลงมือเพาะเลี้ยงกุ้งก้ามแดงที่จังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อขุนเป็นพ่อแม่พันธุ์ในอนาคต
“กุ้งก้ามแดงเป็นสัตว์น้ำที่น่าเลี้ยง น่าลงทุน เนื่องจากสามารถเลี้ยงได้ในพื้นที่น้ำจืด อีกทั้งการลงทุนไม่เยอะ เหมาะสำหรับชาวบ้านทั่วไปที่สนใจเลี้ยง เพราะไม่ต้องลงทุนเป็นล้าน ฉะนั้นใครๆ ก็เลี้ยงได้ แล้วถ้าถามว่าตลาดมีมั๊ย ตอบได้เลยว่ามีแน่นอน และมีเยอะด้วย อย่างที่ติดต่อเรามาก็หลายหัวเมืองในประเทศจีน แต่ตอนนี้เรายังไม่มีของให้เขาแค่นั้น เราจึงหันมาส่งเสริมเกษตรกรให้หันมาเลี้ยงกุ้งก้ามแดงมากขึ้น” คุณฟองไหมกล่าว
ปัจจุบันคุณฟองไหมมีการเลี้ยงกุ้งก้ามแดงขึ้นที่ จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อพัฒนาเป็นพ่อแม่พันธุ์ในอนาคต โดยในระหว่างเลี้ยงนั้นจะมีการเก็บข้อมูลการเลี้ยง ขั้นตอนและวิธีการ เพื่อให้ได้ผลผลิตกุ้งคุณภาพ รวมทั้งได้วางแผนการส่งเสริมเกษตรกรให้หันมาเลี้ยง กุ้งก้ามแดงเนื้อ มากขึ้น
โดยจะส่งเสริมผ่านทางกลุ่มเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งก้ามแดง ให้ประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าว ซึ่งผลผลิตกุ้งทั้งหมดที่เกษตรกรเลี้ยงได้ ทางบริษัทยินดีรับซื้อในราคาประกัน คือ ไม่ต่ำกว่า 200 บาท/กิโลกรัม ขนาด 25 ตัว/กิโลกรัม และหากเกษตรกรสามารถเลี้ยงกุ้งได้ตัวใหญ่กว่าที่กล่าวมา ก็จะมีราคาสำหรับกุ้งไซส์ใหญ่ต่างหาก (ราคาขึ้น-ลงตามท้องตลาด)
ทั้งนี้คุณธีระ ผู้บริหารร่วม ได้กล่าวว่า “เมื่ออดีตกุ้งก้ามแดงเคยรุ่งเรืองมาก หลายคนรวย หลายคนหมดตัวก็มี เพราะเมื่อก่อนซื้อขายกันในเชิงกุ้งสวยงาม ทำให้ราคาค่อนข้างสูง แต่ความมั่นคงของธุรกิจไม่แน่นอน อย่างที่เห็นในปัจจุบันเกษตรกรหลายรายเลิกเลี้ยงเพราะไม่มีตลาด
แต่วันนี้ตลาดเมืองจีนต้องการกุ้งชนิดนี้เป็นอย่างมาก โดยเน้นการรับประทานเป็นกุ้งเนื้อ ซึ่งบริษัทเรามองเห็นช่องทาง มองเห็นโอกาส ความก้าวหน้าของกุ้งก้ามแดง วันนี้เราจึงมาส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาเลี้ยงกุ้งชนิดนี้มากขึ้น อีกทั้งกุ้งตัวนี้เลี้ยงง่าย ดูแลง่าย ต้นทุนต่ำ สามารถเลี้ยงได้ทั่วประเทศ จะเลี้ยงในบ่อ ในกระชัง ในนาข้าว ก็ยังสามารถเลี้ยงได้”
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายกุ้งก้ามแดง
ในส่วนของราคารับซื้อผลผลิตกุ้ง คุณฟองไหมยอมรับว่าปัจจุบัน กุ้งก้ามแดงเนื้อ ในไทยยังมีตลาดเปิดรับซื้ออยู่สำหรับบริโภคในประเทศ แต่ความต่อเนื่องระยะยาวไม่แน่นอน เพราะตลาดในประเทศมีจำกัด แต่สำหรับตลาดต่างประเทศมีความต้องการสูงมาก โดยเฉพาะประเทศจีน ออเดอร์ ณ ตอนนี้ เฉลี่ยวันละ 10 ตัน ซึ่งแน่นอนว่าออเดอร์สั่งซื้อขนาดนี้เกษตรกรอยู่ได้ในระยะยาวแน่นอน
“ในช่วงเริ่มต้นเราเข้าใจว่าผลผลิตเราอาจจะยังไม่ถึง 10 ตัน แน่นอน แต่ถ้ามีสัก 1 ตัน ทุกวัน เราก็สามารถรับออเดอร์จากจีนได้แล้ว แล้วค่อยๆ ขยับขึ้น เบื้องต้นอาจจะสร้างความเชื่อมั่นให้ทางจีนก่อนว่าเรามีผลผลิตส่งให้เขาแน่นอน แล้วถ้าถึงวันไหนที่ของเรามีเยอะ เราก็สามารถเปิดรับออเดอร์เพิ่มมากขึ้นได้
แต่ที่แน่นอน คือ ตอนนี้ใครมีเรารับซื้อหมด แต่ขอให้เป็นกลุ่มเป็นก้อน เอาผลผลิตมารวมกัน แล้วเราจะมีการขึ้นทะเบียนรายชื่อ หรือกลุ่มไว้ เพื่อจัดลำดับการส่งผลผลิต ให้มันเป็นรูปแบบ คนผลิตก็จะได้วางแผนถูก คนซื้อก็จะได้จัดออเดอร์ถูก”
เทคนิค การเลี้ยงกุ้งก้ามแดง
หลังจากที่เกษตรกรได้ลูกพันธุ์กุ้งก้ามแดงมาแล้ว ให้เตรียมบ่อ โดยอาจจะใช้บ่อกุ้ง หรือบ่อปลาเก่า ก็ได้ โดยทำการปรับพื้นดิน วัดค่า pH ดินให้เป็นกลาง จากนั้นใส่พวกขอนไม้ หรือท่อน้ำ ในบ่อ สำหรับเป็นที่กำบังสำหรับกุ้ง แล้วจึงเติมน้ำประมาณ 1 เมตร จากนั้นปล่อยลูกกุ้งอัตราหนาแน่น 30-35 ตัวต่อตารางเมตร เพื่อป้องกันการกินกันเอง
เนื่องจากกุ้งก้ามแดงเป็นสัตว์น้ำที่ไม่ค่อยชอบอยู่ในน้ำ และชอบไต่ขอบบ่อ ดังนั้นเกษตรกรควรทำคันบ่อให้มีที่ป้องกันกุ้งปีนออกบ่อ และภายในบ่อควรใส่พืชน้ำ อาทิเช่น แหน สาหร่าย เป็นต้น เพื่อให้กุ้งกินในระหว่างวัน
การให้อาหาร กุ้งก้ามแดงเนื้อ
สำหรับการให้อาหาร อาหารที่ใช้ทางฟาร์มอาจจะใช้เป็นอาหารกุ้ง หรืออาหารปลาดุก ก็ได้ โดยให้วันละ 2-4 มื้อ (ให้น้อยแต่บ่อยครั้ง) ช่วงเวลาเช้าหรือเย็นแล้วแต่สะดวก ในส่วนของโรคต้องยอมรับว่ากุ้งก้ามแดงเป็นกุ้งที่มีโรคค่อนข้างน้อย และมีความคงทนต่อสภาพอากาศ สภาพน้ำ ได้เป็นอย่างดี แต่สิ่งที่ต้องป้องกันมันที่สุด คือ สารเคมี โดยเฉพาะยาฆ่าหญ้าทุกชนิด เพราะกุ้งชนิดนี้จะอ่อนแอต่อยาชนิดนี้มากที่สุด
นอกจากนี้หลังจากลงลูกกุ้งขนาด 1 นิ้ว เลี้ยงไปได้ประมาณ 3 เดือน ก็จะได้ กุ้งก้ามแดงเนื้อ ขนาดประมาณ25-30 ตัว/กิโลกรัม แต่หากเกษตรกรมีการขุนที่ดี ให้อาหารในปริมาณที่เหมาะสม รวมทั้งสายพันธุ์ลูกกุ้งที่สมบูรณ์แข็งแรง เมื่อเลี้ยงแล้วก็อาจจะได้กุ้งก้ามแดงไซส์ใหญ่ขึ้นมา ซึ่งราคาจับขายก็จะสูงขึ้นตาม
แนวโน้มในอนาคต
ปัจจุบันคุณฟองไหมกำลังรวบรวมผลิตพ่อแม่พันธุ์กุ้งก้ามแดงสำหรับขยายพันธุ์ให้เกษตรกรที่สนใจในอนาคต เพราะอย่างที่ทราบว่ากว่าที่จะได้ลูกกุ้งมานั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะแม่กุ้งให้ไข่ในจำนวนที่ค่อนข้างน้อย อีกทั้งในระหว่างที่แม่กุ้งตั้งท้อง หากมีการดูแลไม่ดีแม่กุ้งก็พร้อมที่จะสลัดลูกทิ้งทันที ด้วยเหตุนี้ลูกกุ้งก้ามแดงจึงมีราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งต้นทุนของเกษตรกรก็จะสูงตาม
ด้วยเหตุนี้คุณฟองไหมจึงพยายามขุนพ่อแม่พันธุ์ให้ได้มากที่สุด เพื่อนำไปผลิตลูกกุ้งในอนาคตนั่นเอง ทางฟาร์มมีพ่อแม่พันธุ์ประมาณ 3,000-5,000 คู่ และในบ่อดินหลายหมื่นตัวที่ยังไม่ได้แยกเพศ ดังนั้นปัญหาเรื่องลูกกุ้งคุณฟองไหมคาดว่าน่าจะมีปริมาณที่เพียงพอในอนาคต นอกจากนี้ทางบริษัทยังส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาเพาะลูกพันธุ์เองด้วย เพื่อลดต้นทุนนั่นเอง
คุณฟองไหมย้ำว่า การส่งออกกุ้งก้ามแดงไปเมืองจีนนั้นยังมีปัญหาอยู่ 1 อย่าง คือ รายชื่อส่งออกยังไม่ตรงกับบัญชีที่เมืองจีน ซึ่งปัญหานี้คุณฟองไหมร่วมกับกรมประมงกำลังแก้ปัญหาให้คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ซึ่งคาดว่าปัญหาน่าจะแก้ไขได้ไม่เกินกลางปีนี้ ซึ่งหากปัญหาแก้ไขได้ คุณฟองไหมก็จะเปิดรับออเดอร์กุ้งก้ามแดงทันที
สนใจเข้าร่วมโครงการ เลี้ยง กุ้งก้ามแดงเนื้อ เพื่อส่งออก สามารถติดต่อได้ที่
บริษัท ฝูไท่ ฮันเตอร์ไพรส์ (ประเทศไทย) จำกัด
คุณธีระ โทร.099-405-3952