ทุ่ม 50 ล้าน ผลิตโปรตีนจากหนอน BSF
บริษัท แพชชั่นสเปซ จำกัด
ในยุคโลกเดือด Global warming หลายคนปรับตัวอย่างรุนแรง เพื่อให้ชีวิตและธุรกิจอยู่รอด
คุณสุวัฒน์ ตั้งสถาพรพันธ์ นักอุตสาหกรรมผู้คร่ำหวอดกับ “อะไหล่” เครื่องจักรและธุรกิจติดตั้งแก๊สรถยนต์ ต้องนำเงินกว่า 50 ล้าน ลุยธุรกิจคาร์บอนต่ำตามกระแสโลกที่มาแรง ด้วยอุตสาหกรรมหนอนแมลงวัน BSF เป็นแห่งแรกของประเทศ
เพราะองค์ความรู้ (Knowledge) ด้านหนอนแมลงวันตกผลึกจึงกล้าลงทุนขั้นต้นด้วยตัวเลขขนาดนี้
ต่างจากเกษตรกรและนักลงทุนเพาะเลี้ยงหนอนแมลงวันอีกหลายพันคนไม่พร้อมที่จะลงทุนเชิงอุตสาหกรรมเหมือนเขา
“ ใน 5,000 คนที่เราเห็นมีรายใหญ่ไม่เกิน 10 ราย เมื่อเราเห็นว่าในผลิตภัณฑ์ตัวนี้มันสามารถทำเป็นโปรตีนหัวอาหารสัตว์ได้ ” คุณสุวัฒน์ เปิดเผยถึงแรงจูงใจในการลงทุนเชิงอุตสาหกรรมที่มีตลาดอาหารสัตว์และตลาดอาหารคนรองรับ
คำว่า อาหารสัตว์ หมายถึง มาตรฐานการผลิตและคุณภาพผลผลิต ซึ่งจะต้องใช้โนว์ฮาวหรือเทคโนโลยี
แม้แต่ “ ฟาร์ม ” เพาะเลี้ยงหนอนก็ต้องมาตรฐานที่ส่วนราชการกำหนด ดังนั้น จึงต้องลงทุน โรงเรือน และ บ่อเลี้ยง ให้ตอบโจทย์ทางธุรกิจ
“เราทดลองทำบ่อเลี้ยง วิธีการเลี้ยง การให้อาหาร และอะไรต่าง ๆ แล้วหาค่าที่ดีที่สุดขึ้นมา ในหมวดอุตสาหกรรม จึงได้องค์ความรู้ว่าจะผลิตอย่างไรให้เป็นที่ยอมรับพร้อมให้ตรวจสอบเราจึงเก็บ
ค่าต่าง ๆ เป็นแบบแผน ” คุณสุวัฒน์ ยอมรับถึงความจำเป็นต้องทำให้มาตรฐาน ตรวจสอบได้
ขั้นตอนการเลี้ยงหนอนแต่ละระยะ
โดยเฉพาะการเลี้ยงหนอนแต่ละระยะจะต้องนำไปเข้า ห้องแล็บ เช่น อายุ 19 วัน หรือ 21 วัน
พูดง่าย ๆ ว่าเทสต์ทุกเดือนทุกระยะ เพื่อดูว่า โปรตีน ต่างกันมากแค่ไหน จึงพบว่า หนอน BSF ในวงจรชีวิตของมันแต่ละช่วงอายุให้ค่าโปรตีนได้ตลอด ลึกลงไปจากผลเทสต์จะพบว่า “ สูตรอาหาร ” มีผลต่อปริมาณโปรตีนหนอนชัดเจน และพบว่าเมื่อใช้อาหารราคาแพงต้นทุนสูง และการจัดการเลี้ยงลำบากมากขึ้น ดังนั้น จึงต้องผลิตสูตรอาหารด้วยต้นทุนที่จะให้ได้โปรตีนจากหนอนตามที่ตลาดอาหารสัตว์ต้องการซึ่งวิธีการผลิตจะต้องอยู่ภายในมาตรฐานฟาร์มซึ่งเวลานี้ทางฟาร์มได้มาตรฐาน GAP และ SAP แล้วส่วนมาตรฐานของ
กรมปศุสัตว์ กำลังเร่งยกร่างระเบียบ ซึ่งคุณสุวัฒน์พร้อมที่จะร่วมกับสมาคมผู้เลี้ยงแมลง และกรมปศุสัตว์เพื่อร่วมกันผลักดันให้เกิดมาตรฐานฟาร์มหนอน BSF
พ่อแม่พันธุ์มาจากไหน
เรื่องพ่อแม่พันธุ์ ก็สำคัญมาก คุณสุวัฒน์ได้นำไข่จากฟาร์มต่างๆ เอามาผสมกันเพื่อป้องกันเลือดชิด ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีปัญหา แต่เมื่อมันเป็น “ ดักแด้ ” 10-15 วัน หรือ ระยะ 4 เป็นช่วงสำคัญเพราะหากสภาพแวดล้อม ร้อน หรือ ความชื้น เกินไปมันจะ จำศีล นั่นเอง
“ ในกระบวนการเลี้ยงที่ไหนก็เหมือนกันแต่สิ่งที่แตกต่าง 2 เรื่องใหญ่ 1.อาหารกินอะไรต้องได้อย่างนั้น และ 2.ธรรมชาติ 2 อย่างอยู่รวมกันอุณภูมิกับความชื้นต้องมองว่าอะไรเหมาะสมมากกว่า ” คุณสุวัฒน์ให้ความเห็น เพราะหน้าหนาวที่ผ่านมาหนอนไม่เดินมันช็อค หรือ จำศีล แต่พออากาศอุ่นขึ้นมันจะเริ่มขยับเหมือนมันรู้ล่วงหน้าเมื่ออากาศร้อนมากถึง 40 องศาเซลเซียส มันจะไม่ไข่ แม้จะเพิ่มความชื้นเข้าไปก็ยังไม่บรรลุเป้าหมายเท่าที่ควร และในทางวิชาการหากมีอะไรมารบกวนมากๆ มันจะเป็นตัวผู้มากกว่าตัวเมีย แต่ในช่วงระยะตัวหนอน (ระยะ2) จะเป็นช่วงที่มันทนมากขนาดนำไปลวกน้ำร้อนเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์มันก็ไม่ตายง่าย ๆ ซึ่งเรื่องนี้คุณสุวัฒน์ให้ความเห็นว่า “ ตั้งแต่ตัวเดินได้จนไปถึงที่เราจะเก็บ 14 วัน ถ้าเราไปกระเทือนมันไป 1 สัปดาห์ จะทำให้กระบวนการนี้หยุดชะงักทุกขั้นตอน เราจึงต้องบริหารตรงนี้ให้ได้ ”
ซึ่งหนอน BSF เป็นแมลงที่น่าอัศจรรย์มาก เพราะมันเป็นแมลงไม่เกิน 5 วัน แต่วงจรอื่น ๆ มากกว่า 40 วัน ตัวผู้ผสมพันธ์แล้วตาย ตัวเมียออกไข่แล้วตาย ภายใน 5 วัน แต่ช่วงที่มันเป็นหนอนวัฏจักรที่ยาวทุกช่วงเวลาของมันเราใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมดโดยเฉพาะการให้ โปรตีน แต่ละระยะ ดังนั้น คุณสุวัฒน์จำเป็นต้องออกแบบ “บ้าน” หรือ ที่อยู่อาศัยของหนอน BSF ให้ลงตัว ด้านอุณภูมิความชื้นการเข้า-ออก ของอากาศให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมแต่ละพื้นที่เพื่อให้การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์มีคุณภาพสอดรับกับวัตถุดิบอาหารแต่ละพื้นที่เพื่อให้ชุมชนเลี้ยงป้อนบริษัท หรือ แปรรูปเอง ป้อนตลาดชุมชนของตัวเอง บางพื้นที่มีธัญพืช เช่น ข้าวโพด หรือ ถั่วเขียวก็มีเครื่องอัดเม็ดอาหารสัตว์ให้
ผลิตภัณฑ์ต่างๆ จาก หนอน BSF
จึงไม่แปลกใจที่ คุณสุวัฒน์ เจ้าของ บริษัท แพชชั่นสเปซ จำกัด ได้ลงทุนฟาร์ม และโรงเรือน ประมาณ 5 ไร่ บนเนื้อที่ 17 ไร่ ที่หนองคายเงินลงทุน 10 กว่าล้าน และ ตั้งโรงงานแปรรูปผลิตภัณฑ์เกือบ 30 ล้านบาท ที่อุดรธานี รวม ๆ ทั้ง 2 แห่ง 50 ล้านบาท โดยส่งเครื่องจักรแปรรูปจากประเทศจากจีน และญี่ปุ่นโดยคัดเลือกคุณภาพดีที่สุดเพราะคุณสุวัฒน์เก่งทางด้านนี้อยู่แล้ว
เพียง 4 ปี คุณสุวัฒน์พัฒนาเป็น 7 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ผงโปรตีน BSF, น้ำมันสกัด BSF, BSF แช่แข็ง ,BSFอบแห้ง, สารปรับสภาพดิน BSF, เปปไทด์จากโปรตีน BSF และอาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง
เตรียมต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมอาหารสัตว์เพราะมีใบรับรองคุณภาพอาหาสัตว์ ใบรับรองคุณภาพน้ำมันสกัด BSF และใบรายงานผลการทดสอบผงโปรตีน BSF จึงง่ายต่อการขยายตลาด แม้แต่ น้ำมันสกัด ที่บีบจากหนอนตัวแห้งได้ 15% จากน้ำหนักก็นำไปผสมกับอาหารสัตว์หรือไขมันจากกรดลอริกอาจนำไปเคลือบเม็ดอาหารสัตว์ได้ ส่วนผงโปรตีนที่ได้จากการสกัดจะเป็นหัวอาหารอย่างดีสำหรับสัตว์
จึงเห็นได้ว่าทุกผลิตภัณฑ์มีตลาดทั้งคนและสัตว์รองรับ ดังนั้น ทางบริษัทจึงต้องเดินหน้าโครงการส่งเสริมเกษตรกรให้มีอาชีพเลี้ยงแมลงวัน BSF ขยะอินทรีย์ พืชไร่ หรือเศษอาหารต่าง ๆ จะเป็นอาหารของหนอน BSF ขยะไม่เน่าปล่อยก๊าซมีเทน สู่ชั้นบรรยากาศเพราะร่างกายของหนอนจะเปลี่ยนองค์ประกอบของก๊าซมีเทนและคาร์บอนได้ออกไซด์ให้เป็นโปรตีน เศษอาหารที่ย่อยแล้วจะนำไปทำเป็น ปุ๋ยอินทรีย์ และสารปรับสภาพดิน ทดแทนปุ๋ยเคมีลดก๊าซเรือนกระจก
จึงสรุปได้ว่า หนอนแมลงวันลาย BSF คือแมลงเพื่อมนุษย์ สัตว์และสิ่งแวดล้อมเพราะมันแปลงก๊าซเรือนกระจกต้นเหตุโลกเดือด เป็น โปรตีน เพื่อมนุษย์และสัตว์นั่นเอง
งานนี้ต้องยกเครดิตให้คุณอนุวัฒน์และทีมงานที่มีความวิริยะอุตสาหะ สถาปนาธุรกิจโปรตีนหนอน BSF แบบอุตสาหกรรมให้เป็นต้นแบบของประเทศ
สนใจร่วมธุรกิจหรือร่วมโครงการ โทร.063-7729065
ขอขอบคุณภาพและข้อมูลบาง บริษัท แพชชั่นสเปซ จำกัด
อ้างอิงนิตยสารสัตว์น้ำ ฉบับ 418 (มิ.ย 67) / นิตยสารสัตว์บก ฉบับ 374 (มิ.ย 67)