ภาคการเกษตรในปัจจุบันมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของประชากรโลกซึ่ง ส่งผลโดยตรงกับการขยายตัวในการบริโภค ดังนั้นเกษตรกรรมจึงเป็นปัจจัยหลักในการพัฒนาคุณภาพชีวิต
การนำนวัตกรรม และเทคโนโลยีใหม่ๆที่ทันสมัยมาพัฒนาเพื่อยกระดับวงการปศุสัตว์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงเป็นทางเลือกที่ทำให้เกษตรกร มีการจัดการตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ สะดวก รวดเร็ว และได้มาตรฐาน
ซึ่งหนึ่งใน นวัตกรรม ที่สามารถพัฒนาวงการปศุสัตว์ ในปัจุบันนั้น ก็คือ โรงเรือนน็อคดาวน์ จะก้าวมาเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมเกษตรก้าวต่อไป
บริษัท ทีมบิลท์ จำกัด เป็นบริษัทรับเหมาก่อสร้างที่มีความเชี่ยวชาญด้านงานก่อสร้างด้านการเกษตร ซึ่งก่อตั้งมาเป็นระยะเวลา 16 ปี โดยปัจจุบัน ทางบริษัทฯได้บริหารงานโดย ดร.สิวะ ชัยวิจิตมลากูล ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาบริหารงานก่อสร้าง จาก ประเทศ สหรัฐอเมริกา โดยรับช่วงต่อจากคุณพ่อและคุณแม่
ในส่วนการทำงานของบริษัทฯ นั้นจะเน้นงานก่อสร้างภาคเกษตรกรรม และ ภาคอุตสาหกรรม โดยงานก่อสร้างจะเป็นงานภาคเกษตรอยู่ที่ประมาณ 70% ซึ่งงานก่อสร้างส่วนมากจะเป็นโรงเรือนเลี้ยงไก่เนื้อ ไก่ไข่ หมู ฐานไซโล โรงอาหาร โกดัง บ่อไบโอแก็ส รวมทั้งอาคารประกอบต่างๆและงานระบบสาธารณูปโภคภายในฟาร์ม ทางบริษัทฯดำเนินก่อสร้างโดยใช้ระบบ Turnkey โดยที่ทางบริษัทฯจะดำเนินการออกแบบ ประเมินราคา ควบคุมงาน รวมทั้งตรวจสอบงานก่อสร้างทั้งระบบครบวงจร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าของบริษัทฯ โดยเทคโนโลยีการก่อสร้างของบริษัทฯจะใช้ระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป ซึ่งมีข้อได้เปรียบในด้านคุณภาพงานก่อสร้างและระยะเวลาการก่อสร้างที่รวดเร็ว
จุดมุ่งหมายสำหรับอนาคตบริษัทฯมุ่งมั่นสู่การเป็นบริษัทก่อสร้างชั้นนำภาคอุตสาหกรรมและการเกษตร อุตสาหกรรม เพื่อส่งมอบผลงานที่มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล “เราต้องการเป็นฟันเฟืองหนึ่งที่มีส่วนในการพัฒนาภาคเกษตรกรรมให้เติบโตอย่างยั่งยืนโดยบริษัทฯมีความตั้งใจที่จะให้ ลูกค้าที่มีความต้องการก่อส้รางด้านเกษตรกรรมคิดถึงบริษัท ทีมบิลท์ เป็นอันดับแรก เพียงแค่ลูกค้ามีโฉนดและงบประมาณของโครงการ เราสามารถออกแบบและเลือกวัสดุที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าได้ เพราะทางบริษัทฯเราจะมีแบบมาตรฐานของโรงเรือนให้ลูกค้าได้เลือก ซึ่งทางบริษัทฯ จะช่วยลูกค้าในการบริหารงานก่อสร้าง ทำให้ลูกค้าสามารถควบคุมงบประมาณได้” ดร.สิวะ เปิดเผยถึงเป้าหมายของบริษัทฯ
สาเหตุที่บริษัทฯโฟกัสงานก่อสร้าในภาคเกษตรมากกว่าภาคอื่น เนื่องมาจาก คุณสิวะเห็นว่าภาคเกษตรกรรมมีการเติบโตในทุกๆปี สืบเนื่องมาจากประชากรมนุษย์ในโลกนี้มีการขยายตัวมากขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงกับการขยายตัวในการบริโภคสินค้าในภาคเกษตรกรรมซึ่งทำให้ตลาดสามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง เพราะฉะนั้นจึงมองตลาดทางด้านการเกษตรเป็นหลัก เมื่อถามถึงจุดเด่นของบริษัทฯ ก็ได้รับคำตอบว่าปกติบริษัทรับเหมาก่อสร้างส่วนใหญ่จะให้บริการด้านการก่อสร้างเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีบริการการออกแบบ ซึ่งทำให้เกษตรกรต้องจ้างบริษัทสำหรับออกแบบ รวมทั้งต้องจ้างที่ปรึกษามาควบคุมงานก่อสร้าง ซึ่งทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนนี้พอสมควร และยังต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อจ้างผู้รับเหมาก่อสร้างอีก ทำให้เกษตรกรเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลามากในการทำงาน แต่บริษัทฯ สามารถให้บริการในส่วนนี้ทั้งหมด ทำให้มีข้อดี คือ ระยะเวลาในการก่อสร้างรวดเร็ว ประหยัดค่าใช้จ่ายในการออกแบบและได้โรงเรือนที่มีคุณภาพ เพื่อให้เกษตรกรสามารถใช้เวลาในการดูแลฟาร์มมากขึ้น ซึ่งมาตรฐานในการควบคุมงานของบริษัทฯนั้นจะใช้การบริหารจัดการด้วยระะบบ 8M ซึ่งประกอบด้วย
- MAN (บุคลากร) บุคลากรที่ต้องใช้ในงานก่อสร้างทั้งหมด
- MATERIALS (วัสดุ) วัสดุต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ในงานก่อสร้าง
- MACHINE (เครื่องจักร) เครื่องจักรต่างๆที่จำเป็นต้องใช้ในงานก่อสร้าง
- MONEY (เงิน) การบริหารจัดการงบประมาณและระบยบัญชี
- MANAGEMENT (การบริหารจัดการ) การบริหารงานจัดการงานก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนงาน
- MONITORING (การตรวจสอบ) การตรวจสอบการบริหารจัดการ
- MOTIVATION (การจูงใจ) การจูงใจในการทำงานให้ประสบความสำเร็จ
- METHOD (วิธีการทำงาน) วิธีการทำงานก่อสร้างให้ได้มาตรฐานตามหลักวิศวกรรม
โดยทางบริษัทฯจะยึดถือหลัก 8M เพื่อให้มั่นใจว่างานก่อสร้างของบริษัทฯได้มาตรฐานและคุณภาพ ส่งมอบงานได้ตามแผนงานที่กำหนด
จุดเด่นของโรงเรือนน็อคดาวน์
โรงเรือนน็อคดาวน์ เป็นเทคโนโลยีงานก่อสร้างที่ทางบริษัทฯคิดค้นขึ้นมาใหม่โดยผสมผสานแนวคิดของงานก่อสร้างในระบบหล่อในที่และระบบชิ้นส่วนสำเร็จรูป เพื่อให้ลูกค้าได้โรงเรือนที่ดีมีคุณภาพในราคาที่สมเหตุสมผลและตอบโจทย์ลูกค้าในทุกระดับ ทั้งเกษตรกรระดับใหญ่จนถึงเกษตรกรรายย่อย ซึ่งรูปแบบที่ทางลูกค้าต้องการนั้นทางบริษัทฯได้มีการดีไซน์โรงเรือนน็อคดาวน์อยู่หลายแบบเพื่อความเหมาะสมในส่วนงบประมาณและความต้องการของลูกค้า โดยปัจจุบันลูกค้าของบริษัทฯส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มบริษัทด้านเกษตรอุตสาหกรรมที่มีขนาดท็อปเท็นของประเทศ ในส่วนของลูกค้ารายย่อยซึ่งยังไม่ได้เป็นลูกค้าของบริษัทนั้น สาเหตุมาจากที่ทางบริษัทฯต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการก่อสร้าง เช่น ค่าวิศวกรและทีมงานควบคุมงาน ค่าขนย้ายที่พักและออฟฟิตชั่วคราว และค่าดำเนินการต่างๆ ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะส่งผลต่อค่าก่อสร้างรวมพอสมควรและลูกค้าจำเป็นจะต้องเป็นคนจ่าย และส่งผลให้ลูกค้าที่สร้างโรงเรือนในจำนวนน้อยจะไม่คุ้ม เช่น มีงบประมาณในการขนย้าย 1,000,000 บาท ถ้าเกษตรกรต้องการทำโรงเรือน 10 หลัง ก็จะมีค่าเคลื่อนย้ายเป็นหลังๆละ 100,000 บาท ถ้าทำ 20 หลัง ก็จะเหลือหลังละ 50,000 บาท แต่ถ้าเกษตรกรทำ 2 หลัง เฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่หลังละ 500,000 บาท หรือถ้าค่าขนย้าย 500,000 บาท สร้าง 2 โรงเรือน เฉลี่ยจะอยู่ที่หลังละ 250,000 บาท ในส่วนต่างนี้ทำให้ทางบริษัทฯไม่สามารถแข่งขันกับผู้รับเหมาในท้องถิ่นได้ ดังนั้นจึงได้มีแนวคิดทำโรงเรือนน็อคดาวน์ ซึ่งยังไม่มีบริษัทไทยทำตลาดในประเทศไทย
ลักษณะของโรงเรือนน็อคดาวน์ ปกติโรงเรือนจะแบ่งเป็น 2 ส่วน
ส่วนที่ 1 คืองานส่วนล่าง ซึ่งประกอบด้วยงานก่อสร้างตั้งแต่บนดินลงไปถึงใต้ดินซึ่งประกอบด้วย ฐานราก ตอม่อ คาน ผนังด้านข้าง พื้นคอนกรีต พื้นทางเท้า ซึ่งเป็นงานคอนกรีตเป็นส่วนมาก
ส่วนที่ 2 จะเป็นงานส่วนบน ซึ่งนับตั้งแต่พื้นดินขึ้นมาถึงส่วนหลังคาโรงเรือน ซึ่งประกอบด้วย เสา โครงหลังคา หลังคา ฝ้า ผนังด้านข้าง
ซึ่งปกติทางบริษัทฯจะรับเหมาก่อสร้างจะทำทั้งหมด ทั้งส่วนที่ 1 และส่วนที่ 2 แต่ในส่วนโรงเรือนน็อคดาวน์ที่บริษัทฯตั้งใจจะเปิดตลาดนั้นจะเป็นส่วนวัสดุทั้งหมดของส่วนที่สอง(งานส่วนบน) เพราะวัสดุที่เราเลือกนำมาใช้ในโรงเรือนน็อคดาวน์นั้นเป็นวัสดุที่ดีมีคุณภาพ โดย โครงหลังคาและเสาจะใช้เหล็กชุบกัลวาไนท์ซึ่งมีความคงทนต่อการผุกร่อนได้ดีกว่าเหล็กชุบสี ตัวหลังคาและฝ้าเป็นเมทัลชีทหรือแผ่น Insulation ที่คงทนสามารถในการเป็นฉนวนกันความร้อนได้ดี ซึ่งทำให้โรงเรือนของเรานั้นมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน และทางบริษัทฯจะมีการตรวจสอบคุณภาพของสินค้าทุกชิ้นก่อนการจัดส่ง เพื่อให้มั่นใจว่าลูกค้าได้รับสินค้าที่ได้มาตรฐาน ซึ่งวิธีการนี้สามารถขจัดปัญหาเรื่อง เหล็กที่ใช้อาจจะไม่ถูกตรงตามสเป็ค หรือเหล็กน้ำหนักไม่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อของโครงสร้างของโรงเรือน คือ ไม่สามารถรับแรงได้ตามการคำนวณตามหลังวิศวกรรม ซึ่งบริษัทฯเราจะเน้นเรื่องมาตรฐานโรงเรือนต้องมีรายการคำนวณเพื่อให้ความมั่นใจแก่เกษตรกรว่าต้องได้โรงเรือนที่มีคุณภาพ
“ผมไม่เชื่อว่าบริษัทฯผมจะซื้อเหล็กแพงกว่าคนอื่น เพราะเราซื้อวัสดุในจำนวนที่มากซึ่งทำให้ได้ราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด ผมมองว่าลูกค้าทุกคนก็อยากได้ของที่ดี มีคุณภาพ ใช้งานได้นานนับ 10-20 ปี โดยที่ไม่ต้องไปซ่อมบ่อยๆ เพราะในการซ่อมแต่ละครั้งต้องมีการปิดโรงเรือน หยุดการเลี้ยง ทำให้สูญเสียเวลาและรายได้ หรือในขณะที่เลี้ยงสัตว์อยู่ โรงเรือนเกิดมีปัญหาขึ้น อาจส่งผลต่อสัตว์ที่เลี้ยงได้” ดร.สิวะ ให้ความเห็น
โรงเรือนน็อคดาวน์ของบริษัทฯนั้นจะดำเนินการจัดส่งไปให้กับเกษตรกรโดยที่เกษตรกรสามารถจ้างผู้รับเหมาท้องถิ่นที่รู้จักกันหรือเคยใช้บริการมาดำเนินการติดตั้งโดยที่ทางบริษัทฯจะมีการจัดอบรมและมีคู่มือการติดตั้งให้แก่ทีมงานที่จะมาติดตั้ง รวมถึงงานก่อสร้างส่วนล่าง (ใต้ดิน) บริษัทฯจะมีแบบก่อสร้างที่ผ่านการคำนวณตามหลังวิศวกรรม ซึ่งผู้รับเหมาท้องถิ่นสามารถทำงานได้ทันทีตามแบบ ยิ่งกว่านั้นทางบริษัทฯจะแนบ BOQ (Bill of Quantities) ซึ่งจะมีการระบุถึงปริมาณของวัสดุต้องใช้ปูน เหล็ก เท่าไหร่ และคำนวณจำนวนคนงานที่จะต้องใช้ รวมถึงเครื่องมือ อุปกรณ์ เครื่องจักร ว่าต้องใช้อะไรบ้าง เพื่อให้งานก่อสร้างเสร็จสิ้นตามแผนงาน ยิ่งไปกว่านั้นลูกค้าจะได้รับแผนการก่อสร้างและแผนการติดตั้ง
โรงเรือนน็อคดาวน์ เพื่อที่จะสามารถควบคุมงานให้เสร็จได้ตามกำหนด ซึ่งในส่วนของโรงเรือนน็อคดาวน์นั้นสามารถติดตั้งเสร็จสิ้นภายใน 30 วันต่อโรงเรือน
โรงเรือนน็อคดาวน์ของจะตัดปัญหาในเรื่องการสูญเสียในระหว่างการก่อสร้าง เช่น จำนวนเหล็กเหลือหรือการตัด ขนาดเหล็กผิด เพราะทางบริษัทฯตัดความยาวของชิ้นส่วนทุกชิ้นให้ตามขนาดของโครงสร้างของโรงเรือน ซึ่งผู้รับเหมาสามารถนำชิ้นส่วนไปประกอบได้ทันที ทำให้ลดค่าใช้จ่ายซ้ำซ้อนในการสั่งวัสดุ โดยวัสดุที่บริษัทฯเลือกใช้ในการผลิตโรงเรือนน็อคดาวน์จะประกอบด้วยวัสดุทั้งในประเทศและต่างประเทศ ได้มาตรฐาน เช่น เมทัลชีทที่ทางบริษัทฯเลือกใช้จะเป็นของ Blue Scope ซึ่งมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ในปีนี้ทางบริษัทฯจะขยายตลาดโรงเรือนน็อคดาวน์ให้มีชื่อเสียงในประเทศไทย เพราะเมื่อ 2-3 ปีที่แล้ว บริษัทฯได้เน้นการขายผลิตภัณฑ์ตัวนี้ในการส่งออกในต่างประเทศ รวมถึงประเทศในแถบ AEC เช่น ฟิลิปปินล์ สปป.ลาว พม่า กัมพูชา และศรีลังกา เป็นต้น โดยจะมีทั้งโรงเรือนเลี้ยงไก่ และโรงเรือนเลี้ยงสุกร ซึ่งในปีนี้ทางบริษัทฯ จึงมีความตั้งใจที่จะทำตลาดโรงเรือนน็อคดาวน์ในประเทศเพื่อให้เกษตรกรไทยได้ใช้โรงเรือนที่ดีมีคุณภาพ คุ้มค่า ใช้เวลาในการก่อสร้างรวดเร็ว ซึ่งเกษตกรต่างประเทศได้ให้การตอบรับที่ดีซึ่งเป็นสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่าคุณภาพของสินค้าของบริษัทฯได้รับการยอมรับ แม้ว่าในต่างประเทศจะมีอุปสรรคในเรื่องของการสื่อสารกันลำบาก และคุณภาพแรงงาน บริษัทฯก็ยังสามารถทำได้สำเร็จ ทางเราจึงเชื่อว่าตลาดในประเทศไทยจะต้องประสบความสำเร็จเช่นเดียวกัน และสามารถให้การบริการเกษตกรได้อย่างทั่วถึงตามสโลแกนของบริษัทฯ “เป็นหนึ่งในหัวใจลูกค้า”
โรงเรือนเลี้ยงสัตว์น็อคดาวน์สามารถช่วยในเรื่อง 1. ตัดปัญหาในเรื่องของจำนวนแรงงานเนื่องจากการติดตั้งใช้แรงงานน้อยกว่าการติดตั้งด้วยการเชื่อม 2. ตัดปัญหาเรื่องฝีมือแรงงาน ซึ่งผู้รับเหมาทั่วไปนั้นจะมีฝีมือในด้านความเป็นช่างที่ไม่เท่าเทียมกัน ซึ่งทางบริษัทฯได้ทำโรงเรือนน็อคดาวน์เพื่อตัดความเสี่ยงเรื่องฝีมือของช่าง ยกตัวอย่าง การเชื่อมเหล็ก ช่างที่เชื่อมดี รอยเชื่อมสวย เก็บสี ทำสี ได้ดี เมื่อทางฟาร์มจ้างช่างที่ใช้ประจำก็จะรู้ฝีมือ แต่ถ้าหากต้องการขยายงานเพิ่มจำเป็นต้องจ้างช่างอีกชุดหนึ่งเข้ามาช่วย เราก็ไม่แน่ใจว่าฝีมือของช่างจะได้มาตรฐานดีหรือไม่ ซึ่งโรงเรือนของบริษัทฯจะใช้การเชื่อมต่อของโครงสร้างด้วยน็อตและสกรูในการเชื่อมต่อซึ่งตัดปัญหาเรื่องฝีมือแรงงาน ยิ่งไปกว่านั้นส่วนโครงเหล็กกัลวาไนซ์ของบริษัทฯจะตัดปัญหาการทาสี การเก็บสี ซึ่งช่างบางคนทาหนา ทาบาง ไม่เท่ากัน เพราะเหล็กชุบกัลวาไนซ์จะดำเนินการเคลือบมาจากโรงงานซึ่งได้มตารฐานสากล 3. การันตีในเรื่องความรวดเร็วในการจัดส่งและการประกอบติดตั้งเสร็จภายใน 30 วัน/1 โรงเรือน โดยบริษัทฯจะจัดส่งอุปกรณ์ที่ใช้ในการติดตั้งมาให้ เช่น น็อต สกรู และมีแบบก่อสร้างซึ่งมีรายละเอียดการติดตั้งทุกจุดว่าจะติดตั้งอย่างไร ทำให้ผู้รับเหมาสามารถติดตั้งได้อย่างรวดเร็ว
โรงเรือนสำเร็จรูป(Knockdown)นั้น ทางบริษัทฯได้แบ่งโรงเรือนออกเป็น 4 รูปแบบ คือ
- Standard: ตัวเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการโรงเรือนที่มีฟังชั่นการใช้งานครบถ้วนด้วยราคาที่ประหยัดที่สุด
- Silver: ตัวเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการโรงเรือนที่มีคุณภาพดีและมีฟังชั่นการใช้งานที่ครบถ้วน ราคาคุ้มค่า
- Gold: ตัวเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการโรงเรือนที่มีคุณภาพดียิ่งขึ้นและอายุการใช้งานยาวนานขึ้นและมีฟังชั่นการใช้งานที่ดียิ่งขึ้นครบถ้วน
- Platinum: ตัวเลือกสำหรับลูกค้าที่ต้องการโรงเรือน Hi-end ที่มีคุณภาพ, อายุการใช้งาน, และฟังชั่นการใช้งานที่ดีที่สุด โดยเฉพาะการป้องกันความร้อนที่ดีที่สุดของโรงเรือน
ด้านการตลาด ทางบริษัทฯจะไม่ขายผ่านเอเยนต์ เลือกที่จะทำการตลาดด้วยตัวเอง เพราะงานก่อสร้างเป็นงานละเอียดอ่อน ซึ่งถ้าขายผ่านตัวแทน ทางบริษัทฯเกรงว่าการบริการหลังการขายอาจจะไม่ดีเท่าที่ควร ดังสโลแกนของบริษัทฯที่ว่า “เป็นหนึ่งในหัวใจลูกค้า” ซึ่งหมายถึงการบริการของบริษัทฯจะต้องดีที่สุด ซึ่งปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่ที่ใช้สินค้าของบริษัทฯจะกลับมาใช้อีกเกือบทุกราย เช่น ลูกค้าเก่าที่ต้องการขยายฟาร์ม ซึ่งลูกค้าจะคิดถึงทีมบิลท์เป็นอันดับแรก
ซึ่งเกณฑ์ในการตั้งราคาสินค้าของบริษัทฯ จะดูราคาจากราคาของต้นทุนของวัสดุที่ใช้ในการผลิตและราคาของอุปกรณ์ที่ใช้ โดยจะเซ็ทราคาขายเป็นตารางเมตร เพื่อให้การเสนอราคาเป็นได้ง่าย
จุดแข็งทางการตลาด สำหรับในประเทศไทยนั้นยังไม่น่ากลัว เพราะบริษัทฯเป็นบริษัทสัญชาติไทยเจ้าแรกที่พัฒนาผลิตภัณฑ์โรงเรือนน็อคดาวน์ขึ้นมา ซึ่งคู่แข่งจะเป็นโรงเรือนที่นำเข้าจากต่างประเทศ อย่างไรก็ตามเราเชื่อว่าการบริการของเราสามารถสู้กับคู่แข่งรายอื่นได้แน่นอน เนื่องมาจาก ประสบการณ์ของทีมงานของเรา รวมทั้งการประสานงานและการสื่อสารซึ่งสามารถพูดคุยโดยใช้ภาษาเดียวกัน ซึ่งทำให้ปัญหาเรื่องความเข้าใจผิดในการติดตั้งไม่มี แตกต่างจากคู่แข่งจากต่างประเทศ ซึ่งเวลาเขามาติดตั้งอย่างน้อยคนที่มาตรวจงานก็ต้องเป็นคนต่างชาติ ทำให้การสื่อสารก็อาจจะลำบาก และเรื่องราคาโรงเรือนของบริษัทฯจะสมเหตุสมผลและไม่มีทางที่จะแพงกว่าของต่างประเทศแน่นอนเนื่องมาจากทางบริษัทฯไม่มีค่าใช้จ่ายด้านภาษีนำเข้า
การเจาะกลุ่มลูกค้าจะมีด้วยกัน 2 ทาง คือ จะให้พนักงานเข้าไปหาลูกค้าโดยตรง และในขณะเดียวกันจะใช้การลงโฆษณาและการออกบูธในงานประชุม หรือ งานสมาคม ด้านการเกษตร และอีกทางหนึ่งจะมาจากปากต่อปาก คือ การแนะนำจากเกษตรกรที่ใช้งานโรงเรือนน็อคดาวน์ของบริษัทฯและบอกต่อเกษตรกรรายอื่นต่อไป
การเติบโตของบริษัทฯจะเพิ่มขึ้น 5-10% ของทุกๆ ปี
เป้าหมายที่วางไว้ คือ ต้องการจะเปิดตัวโรงเรือนน็อคดาวน์ในประเทศให้ติดตลาดในประเทศ โดยได้วางเป้าหมายไว้ที่ 30% ของตลาดในประเทศ ซึ่งเรามีความมั่นใจว่าจะสามารถขายผลิตภัณฑ์ของเราได้ตามเป้าหมายนี้ในปีแรก
ในกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของบริษัทฯนั้นจะครอบคลุมลูกค้าในทุกระดับตั้งแต่ขนาดเล็กจนถึงลูกค้าขนาดใหญ่ เช่นลูกค้าที่เข้าคอนแทรคฟาร์มมิ่งกับบริษัทรายใหญ่และกลุ่มเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์แบบอิสระ รวมถึงลูกค้าในรูปแบบเจ้าของฟาร์มขนาดกลางถึงใหญ่ ในส่วนช่องทางการค้าในต่างประเทศ ทางบริษัทฯจะใช้กลุ่มลูกค้าเดิมที่ทางบริษัทฯได้ขายสินค้าให้เป็นฐานในการขยายตลาด โดยใช้การแนะนำจากลูกค้าสู่ลูกค้า รวมทั้งติดต่อลูกค้าผ่านบริษัทในประเทศที่ไปลงทุนทำฟาร์มเช่าอยู่ต่างประเทศ
การขยายตัวมองมองว่าเป็นเรื่องดี เพราะถ้ามองภาพรวมของเศรษฐกิจในประเทศจะไม่ได้ดีมาก หรือถดถอยลง แต่ภาคการเกษตรจะเติบโตไปได้อย่างมั่นคง โดยไม่ถดถอยเหมือนเศรษฐกิจ แต่จะขยายมากหรือขยายน้อยก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาอีกที ตราบใดที่ประชากรยังเพิ่มขึ้นทุกปี ภาคเกษตรก็ยังสามารถเติบโตได้เรื่อยๆ และในปัจจุบันประเทศไทยได้รับโควต้าการส่งออกเนื้อสัตว์ไปยังต่างประเทศมากขึ้นซึ่งส่งผลในการขยายตัวของภาคเกษตรกรรม
โปรโมชั่นสำหรับลูกค้า เนื่องจากลูกค้ากลุ่มเกษตรจะรู้จักในชื่อเสียงของบริษัทฯอยู่แล้ว ในการทำโปรโมชั่นนั้น “ผมคิดว่าโปรโมชั่นที่ดีที่สุด คือการเสนอโรงเรือนน็อคดาวน์ที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมกับลูกค้า”
ช่องทางในการติดต่อกับทางบริษัทฯได้ทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ www.teambuilt.co.th หรือสามารถติดต่อทางเบอร์โทรศัพท์ของบริษัทฯ 02-711-5464-6
“ฝากผลิตภัณฑ์ใหม่ของ บริษัท ทีมบิลท์ จำกัด ในส่วนของโรงเรือนน็อคดาวน์อยากให้เป็นทางเลือกใหม่ให้กับเกษตรกรได้ลองใช้งาน ซึ่งเรารับประกันว่าเกษตรกรต้องได้ของใหม่ ของดี มีมาตรฐาน ในราคาที่แข่งขันได้”
สอบถามรายละเอียดได้ที่ บริษัท ทีมบิลท์ จำกัด ติดต่อ คุณสิวะ ชัยวิจิตมลากูล 555/36-39 อาคารเอส เอส พี ทาวเวอร์ ชั้น 16 ซ.สุขุมวิท 63 (เอกมัย) แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนากรุงเพทฯ 10110 โทร. (02) 711-5464-6 แฟกซ์ (02) 711-5467
[wpdevart_like_box profile_id=”1414452475453135″ connections=”show” width=”300″ height=”220″ header=”big” cover_photo=”show” locale=”th_TH”]