การเพาะพันธุ์ ปลาตะเพียน และ ปลาน้ำจืด
เดือน กุมภาพันธ์ เดือนนี้ถึงจะเป็นเดือนแห่งความรัก แต่ก็เป็นเดือนที่ฟาร์มเพาะพันธุ์ ปลาน้ำจืด หลายๆฟาร์ม ตั้งหน้าตั้งตารอกันมาอย่างยาวนาน เพราะถือได้ว่าเป็น “ฤดูกาลทอง” สำหรับกลุ่มผู้ประกอบการที่ดำเนินกิจการเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืดทุกๆ ที่ทั่วประเทศ เพราะเป็นช่วงที่อุณหภูมิเริ่มสูงขึ้น ทำให้เหมาะสมต่อการเพาะพันธุ์เป็นอย่างมาก
จึงไม่ต้องสงสัยเลย ถ้าหลายๆ ฟาร์มจะเริ่มจัดเตรียมที่ทางเพื่อให้พร้อมสำหรับเพาะพันธุ์ลูกปลาในเดือนๆ นี้ ดังนั้น ทีมงานนิตยสารสัตว์น้ำ จึงไม่รอช้าที่จะพาผู้อ่านทุกท่าน ไปพบกับเกษตรในจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ประกอบกิจการเพาะพันธุ์ ปลาน้ำจืด ที่ประสบความสำเร็จ และสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้ จนถึงทุกวันนี้…”ไพรพันธุ์ปลา” แห่งอำเภอสุวรรณภูมิ
คุณบุญมี เหล็กศรี เกษตรกรในเขตพื้นที่ บ้านหนองบั่ว ต.ช้างเผือก อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ที่แต่เดิมนั้นประกอบอาชีพทำนามาก่อน แต่ประสบปัญหาขาดทุน จนไม่สามารถปลูกข้าวต่อไปได้ คุณบุญมีจึงมีความคิดที่จะทดลองประกอบธุรกิจการเพาะลูกปลาขาย โดยได้ศึกษาหาข้อมูลในการดำเนินกิจการต่างๆ มากมาย
และยังได้รับคำชี้แนะจาก “ผู้ใหญ่สุข” หรือ คุณชนะชัย ผู้บุกเบิกเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดใน อ.สุวรรณภูมิ โดยได้ให้ความรู้และเทคนิคต่างๆในการเพาะพันธุ์และ อนุบาลลูกปลาน้ำจืด
การเพาะเลี้ยงและจำหน่ายลูกปลาในกลุ่มปลาน้ำจืด
จนในปัจจุบันคุณบุญมีประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพ และเป็นเจ้าของฟาร์มเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดที่มีชื่อเสียงรายหนึ่งในจังหวัดร้อยเอ็ด ที่ดำเนินกิจการภายใต้ชื่อ “ไพรพันธุ์ปลา” โดยมีพื้นที่อยู่ทั้งหมด 15 ไร่ และได้ทำควบคู่ไปกับการปลูกยาง ซึ่งแบ่งมาอีก 12 ไร่ โดยอนาคตยังมีแผนที่จะปลูกมันสำปะหลังในร่องสวนยางอีกด้วย
โดยทางไพรพันธุ์ปลาจะเน้นเพาะเลี้ยง และจำหน่ายลูกปลา ในกลุ่ม ปลาน้ำจืด คือ ปลาตะเพียน ปลาไน ปลายี่สก และปลานิล ซึ่งส่วนใหญ่จะรับลูกปลามาคัดเป็นพ่อแม่พันธุ์ เพื่อเพาะลูกพันธุ์ ตะเพียน ปลายี่สก และปลานวลจันทร์
การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ พ่อแม่พันธุ์ ดูยังไง เอาตัวไหนดี?
การคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์จะดูที่บริเวณอวัยวะเพศเริ่มมีน้ำเชื้อไหลออกมา จึงจะสามารถนำไปใช้ได้ ส่วนตัวเมียบริเวณท้องจะมีลักษณะอูมใหญ่กว่าปกติ อย่างนั้นจึงจะสามารถใช้ได้เช่นกัน ปริมาณพ่อแม่พันธุ์ที่ใช้ใน 1 บ่อ จะใช้พ่อแม่พันธุ์รวมประมาณ 10 กิโลกรัม หรือ ใช้ปลาขนาด 3-4 ตัว/กิโลกรัม รวมแล้วประมาณ 30 ตัว
ซึ่งถ้าเป็น ปลาตะเพียน จะใช้ตัวผู้ 3 ตัว ต่อตัวเมีย 2 ตัว หรือบางครั้งจะใช้ตัวผู้ 2 ตัว ต่อตัวเมีย 2 ตัว แล้วแต่ฤดูกาล
การเพาะพันธุ์ และอนุบาลลูกปลา หัวใจสำคัญของฟาร์มเพาะเลี้ยง
เมื่อคัดเอาพ่อแม่พันธุ์ขึ้นมาแล้วจะนำมาฉีดฮอร์โมนตอนช่วงหัวค่ำ และในช่วงเช้าไข่ก็จะเริ่มออก แล้วจึงนำพ่อแม่พันธุ์ไปใส่ในบ่อเดิม ซึ่งการเพาะพันธุ์จะเพาะในบ่อปูน ขนาด 1 เมตร x 2 เมตร และลึกประมาณ 60 เซนติเมตร และจะกางกระชังเอาไว้ในบ่ออีกทีหนึ่ง เพื่อให้ง่ายต่อการเก็บผลผลิต
หลังจากแม่ปลาฟักไข่ออกมาแล้วจะให้ออกซิเจนลงในบ่อ แล้วปล่อยไว้ประมาณ 1 วัน พอถึงช่วงเย็นลูกปลาก็จะเริ่มเป็นตัว ซึ่งต่อการเพาะหนึ่งครั้งจะได้ลูกปลาประมาณ 3 แสน ถึง 4 แสนตัว และเมื่อถึงช่วงเช้าของอีกวันหนึ่งก็จะเริ่มให้ไข่ไก่จำนวน 3 มื้อ /วัน และจะให้ไปเป็นเวลา 3 วัน
ซึ่งวิธีการให้จะนำไข่ตอกใส่ผ้าขาวบาง แล้วค่อยๆ บีบให้ไข่ออกมา ลูกปลาก็จะมารุมกิน และในแต่ละวันจะมีการเปลี่ยนถ่ายน้ำอยู่เสมอ โดยจะใช้แหล่งน้ำจากธรรมชาติสูบขึ้นมาแล้วผ่านใยกรองก่อน เพื่อป้องกันศัตรูของลูกปลา และป้องกันดินตะกอน เมื่ออนุบาลผ่านไปได้ 3 วัน จะย้ายลูกปลาลงในบ่อดินขนาด 1 งาน
โดยจะนำลูกปลาใส่ถุงแล้วอัดด้วยออกซิเจน แล้วค่อยนำไปปล่อยในบ่อ เพื่อไม่ให้ลูกปลาได้รับความเสียหาย หลังจากนั้นจะเริ่มให้อาหารเป็นไข่ต้มผสมกับน้ำ แล้วสาดรอบบ่อวันละ 2 เวลา เช้า-เย็น เป็นเวลา 4-5 วัน จึงจะเริ่มเปลี่ยนอาหารเป็น รำอ่อน โดยจะให้ เช้า-เย็น เช่นกัน และจะให้ไปจนกว่าจะเริ่มเห็นลูกปลาเป็นตัวชัดเจนยิ่งขึ้น
หลังจากนั้นจึงจะเปลี่ยนไปให้อาหารเม็ด โดยจะมีวิธีการเตรียม คือ นำไปแช่น้ำก่อน 30 นาที แล้วปั้นเป็นก้อนใหญ่ๆ จากนั้นจึงจะนำไปหว่านรอบบ่อต่อไป ซึ่งการขุนลูกปลาจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน จนได้ลูกปลาไซส์ใบมะขาม จึงจะสามารถนำลูกปลาขายได้
ในส่วนของการเพาะพันธุ์ลูกปลาไนนั้นจะมีกรรมวิธีที่แตกต่างออกไปเล็กน้อยจาก ปลาตะเพียน คือ ในกระชังที่เพาะต้องมีรังเชือกฟางสำหรับให้ไข่ติด เพราะลักษณะไข่ของปลาไนนั้นจะเป็นไข่ติด ทำให้ต้องสร้างเชือกฟางเอาไว้สำหรับเป็นรังให้ไข่ยึดติดได้ ซึ่งในส่วนของการอนุบาลและการให้อาหารจะใช้วิธีเดียวกันกับการอนุบาลลูกปลาตะเพียน
ลูกพันธุ์ปลาตะเพียนขายดีที่สุด
เมื่อมีรายการสั่งซื้อลูกค้าเข้ามา ทางฟาร์มก็จะดักปลาโดยใช้อวนลากขึ้นมา แล้วนำมาพักใส่ไว้ในกระชังที่ปักเอาไว้ในบ่อ เมื่อใกล้ถึงวันที่ลูกค้าจะมาเอา จึงจะย้ายมาใส่ไว้ในบ่อปูน แล้วทำการแพ็คส่งต่อไป ซึ่งลูกปลาของทางฟาร์มจะขายอยู่ ในราคาตัวละ 10 – 20 สตางค์ และส่วนใหญ่แล้วลูกค้าจะมารับเองที่บ่อ
ซึ่งลูกค้าของทางฟาร์มส่วนใหญ่จะมีทั้งชาวบ้านในบริเวณ รถเร่ขายลูกปลา หน่วยงานราชการ อบต.ในพื้นที่ และ กรมประมง ซึ่งจะมีปริมาณการสั่งซื้ออยู่ที่ 10,000 – 60,000 ตัว/ครั้ง ซึ่งลูกปลาที่ขายดีที่สุดจะเป็นลูกปลาตะเพียน ซึ่งในแต่ละเดือนนั้นคุณบุญมีสามารถทำรายได้จากการเพาะพันธุ์ลูกปลาถึง 100,000 บาท/เดือน
ช่วงไหนควรสั่งลูกปลาจากทางฟาร์ม?
เนื่องจากน้ำที่ใช้ภายในฟาร์มจะเป็นน้ำจากคลองสาธารณะ ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องความสะอาดของน้ำ แต่จะมีในช่วงฤดูแล้งที่ขาดแคลนน้ำ ทำให้ทางฟาร์มไม่สามารถเพาะพันธุ์ลูกปลาได้ตลอดทั้งปี ในแต่ละครั้งที่เพาะพันธุ์ลูกปลาจึงต้องเพาะเอาไว้ให้เต็มทุกบ่อ ส่วนช่วงที่เริ่มเพาะพันธุ์ลูกปลานั้นจะเริ่มในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม และสามารถออกจำหน่ายได้ในช่วงพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ซึ่งเป็นฤดูฝน และเป็นช่วงที่ลูกปลาขายดีที่สุด
หากเกษตรกรท่านใดมีความสนใจจะสั่งซื้อลูกพันธุ์ ปลาน้ำจืด คุณภาพจาก ไพรพันธุ์ปลา หรือต้องการสอบถามข้อมูลในเรื่องของเทคนิคการเลี้ยง และการอนุบาล สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณบุญมี เหล็กศรี 164 ม.5 บ้านหนองบั่ว ต.ช้างเผือก อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด 45130 หรือ เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ 085-7623043