ปลานิลเป็นปลาน้ำจืดเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทั้งในและนอกประเทศ เพราะสามารถเลี้ยงได้ทุกภูมิภาคของประเทศ เจริญเติบโตได้ดี เนื้อมีรสชาติดี รวมถึงราคาที่เข้าถึงผู้บริโภคทุกระดับ ตลอดจนมีหน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชนเข้ามาร่วมปรับปรุงพัฒนาสายพันธุ์ตลอดเวลา จนทำให้ปลานิลเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคมากขึ้น เห็นได้จากปลานิลหาซื้อง่าย มีจำหน่ายทั่วไปตามซุปเปอร์มาเก็ต ห้างสรรพสินค้า และส่งออกไปยังต่างประเทศ
การเพาะเลี้ยงปลานิลของเกษตรกรส่วนใหญ่นิยมใช้ลูกพันธุ์จากแหล่งเพาะพันธุ์ที่มีคุณภาพ เพื่อความสะดวก ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก โดยเฉพาะการเพาะลูกพันธุ์ที่ต้องอาศัยความชำนาญ ผ่านการอนุบาลมาแล้วระดับหนึ่ง นำมาเลี้ยงต่อใช้ระยะเวลาประมาณ 8 เดือน ก่อนจับขายป้อนสู่ตลาด ดังนั้นแหล่งพันธุ์ปลาจึงมีความสำคัญมากต่อการเลี้ยงปลานิลให้ประสบความสำเร็จ มีส่วนช่วยในเรื่องระยะเวลาของการเลี้ยงให้สั้นลง และลดต้นทุนการผลิต
ทีมงานนิตยสารสัตว์น้ำได้ออกเดินทางมายังอำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี มีรอยต่อกับจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่เป็นแหล่งใหญ่ของพันธุ์ปลาในภาคกลาง เต็มไปด้วยฟาร์มมาตรฐาน มีคุณภาพ อยู่ทั่วแทบทุกพื้นที่ หนึ่งในนั้นก็คือ “กัญญาลักษณ์พันธุ์ปลา” ที่เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาในพื้นที่คงจะรู้จักกันอย่างดี
การเพาะพันธุ์ปลานิล และปลาหมอไทย
กัญญาลักษณ์พันธุ์ปลาอยู่ที่ตำบลท่าข้าม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี บริหารงานโดย คุณธนโชค (แกะ) และคุณจรวยพร (รวย) พวงมาลา 2 สามีภรรยา เป็นฟาร์มพันธุ์ปลาน้ำจืด หลักๆ ก็เป็นปลานิล ตามมาด้วยปลาตะเพียน ปลายี่สก ปลาจีน และที่กำลังเป็นกระแส คือ “ปลาหมอไทย” มีพื้นที่กว่า 200 ไร่ กระจายทั่วตำบลท่าข้าม พื้นที่ส่วนใหญ่จะเช่าแบบรายปี แหล่งน้ำที่ใช้เลี้ยงมาจากคลองชลประทาน
เริ่มจากพื้นฐานทางบ้านของคุณธนโชคประกอบอาชีพเพาะเลี้ยงปลาน้ำจืดอยู่ก่อนแล้ว คลุกคลีมาตั้งแต่เด็กๆ ช่วยเลี้ยงปลากับครอบครัวอยู่หลายปี จนเกิดเป็นความรู้ ความชำนาญ ระดับหนึ่ง ต่อมาคุณธนโชคได้ตามมาช่วยพี่ชายที่มาเปิดฟาร์มพันธุ์ปลาที่จังหวัดชลบุรี ช่วยพี่ชายเลี้ยงปลาเกือบ 10 ปี ทำให้เริ่มเห็นช่องทางและโอกาสของธุรกิจนี้ที่มีความเป็นไปได้ มีความต้องการสูงของเกษตรกร เนื่องจากแหล่งพันธุ์ปลายังไม่มากมายนัก บวกกับประสบการณ์ที่สั่งสมมากว่า 20 ปี เมื่อเกิดความพร้อมเต็มที่
จึงตัดสินใจออกมาเปิดฟาร์มเป็นของตนเอง ภายใต้ชื่อกัญญาลักษณ์พันธุ์ปลา ที่มาจากชื่อลูกสาว โดยกัญญาลักษณ์พันธุ์ปลาถือว่าเป็นฟาร์มปลาน้ำจืดแห่งแรกของพื้นที่ตำบลท่าข้าม สร้างความศรัทธาให้แก่เกษตรกรจำนวนมากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
ปลานิลจิตรลดา4 มาจากการคัดเลือกและพัฒนาสายพันธุ์ปลานิล GIFT รุ่นที่ 9 ของหน่วยงาน world fish ใช้วิธีการประเมินจากค่าการผสมพันธุ์ของน้ำหนักจำนวน 2 ชั่วอายุ มีลักษณะเด่น คือ ส่วนหัวเล็ก ลำตัวกว้าง สันหนา มีเนื้อมาก ให้ผลผลิตสูงกว่า โครงสร้างใหญ่กว่าปลานิลปกติถึง 30% เมื่ออายุได้ 6-8 เดือน น้ำหนัก 500-800 กรัม เลี้ยงในน้ำกร่อยได้ไม่เกิน 5 ppt. วางไข่ได้ทั้งปีเฉลี่ย 200-1,000 ฟอง ต่อครั้ง
สภาพพื้นที่เพาะเลี้ยง ปลานิลจิตรลดา4
เริ่มจากการเตรียมบ่อ คุณธนโชคจะใช้บ่อดินขนาด 3 ไร่ ตากบ่อประมาณ 3 วัน จากนั้นใช้ปูนขาวผสมกับด่างทับทิม 3 กก. ละลายน้ำ สาดให้ทั่วบ่อ จากนั้นปล่อยน้ำเข้าให้ได้ 1.5 เมตร พักน้ำไว้ประมาณ 3 วัน ต่อด้วยการทำอาหารธรรมชาติ โดยใช้ปุ๋ยยูเรีย 10 กิโลกรัม กับมูลไก่ 30 กก. ปล่อยทิ้งไว้ 2 วัน จะมีแพลงก์ตอนเกิดขึ้น
เมื่อน้ำเป็นสีเขียวอ่อนก็สามารถปล่อยพ่อแม่พันธุ์ลงได้เลย อัตราการปล่อยอยู่ 500 ตัว/ไร่ ใช้แม่ 5 ตัว ต่อพ่อ 1 ตัว โดยพ่อแม่พันธุ์ที่คุณธนโชคใช้อายุ 1 ปี น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม ปล่อยให้ผสมกันตามธรรมชาติ จากนั้นอีก 15 วัน จะเริ่มทำการเคาะไข่ โดยจะเคาะอาทิตย์ละครั้ง ภายใน 1 เดือน ได้ 4 ครั้ง เคาะไข่ครั้งแรกจะได้ไข่ไม่มาก เพราะแม่ปลายังไม่ชิน
แต่หลังจากนั้นครั้งต่อไปจะได้ไข่มากขึ้นเรื่อยๆ การปล่อยผสมพันธุ์ของปลานิลทำได้ตลอดทั้งปี ส่วนใหญ่จะเริ่มทำช่วงเดือนมีนาคม เพราะสภาพอากาศดี หลีกเลี่ยงหน้าหนาว โดยพ่อแม่พันธุ์ 1 ชุด ของคุณธนโชค จะใช้ไม่เกิน 8 เดือน เพราะไม่ต้องการให้ปลาโทรมเร็ว โดยปลาที่ถูกคัดทิ้ง คุณธนโชคจะเลี้ยงต่อเป็นปลาธรรมดาต่อไป
การคัดไข่ ปลานิลจิตรลดา4
เมื่อได้ไข่ปลามาแล้ว ของคุณธนโชคจะคัดละเอียดถึง 8 ระยะ ดังนี้
ระยะที่ 1 ไข่สีเหลืองเป็นเม็ดธรรมดา
ระยะที่ 2 เริ่มเห็นจุดสีดำในไข่
ระยะที่ 3 เห็นตาและเส้นสันหลัง
ระยะที่ 4 มีหางออกมานิดหน่อย นิ่ง
ระยะที่ 5 หางยาวขึ้น เริ่มดิ้น
ระยะที่ 6 เริ่มว่ายน้ำได้
ระยะที่ 7 ว่ายน้ำเก่ง แต่ไข่แดงยังอยู่
ระยะที่ 8 พัฒนาจากระยะที่ 7 1 วัน เหลือไข่แดงน้อยมาก
แยกเลี้ยงในอ่างที่เตรียม โดยให้ออกซิเจนตลอดเวลา เมื่อได้ไข่ปลาระยะที่ 8 จะอนุบาลไว้ 1 คืน โดยไม่ต้องให้อาหาร เตรียมลงกระชังในเช้าวันถัดไป คุณธนโชคกล่าวว่าการคัดไข่ถึง 8 ระยะ จะทำให้ลูกปลามีการเจริญเติบโตใกล้เคียงกัน มีขนาดสม่ำเสมอ สามารถใช้ประโยชน์จากอาหารได้เท่ากัน ส่งผลต่อการแปลงเพศ มีเปอร์เซ็นต์ติดสูง
การอนุบาลลูกปลานิล
เมื่อได้ลูกปลาจะนำมาเลี้ยงในกระชังขนาด 2×5 เมตร ระดับน้ำประมาณ 1 เมตร ปล่อย 20,000 ตัว เริ่มให้อาหารตั้งแต่วันแรก เป็นอาหารกุ้งเบอร์ 0 แบบผง ผสมกับฮอร์โมนแปลงเพศ ให้กินวันละ 5 มื้อ ทุกๆ 2 ชั่วโมง ตั้งแต่ 8 โมงเช้า ถึง 4 โมงเย็น กินติดต่อกันทุกวัน จนได้อายุ 25 วัน หรือกินจนกว่าจะจับขาย จะได้ลูกปลาแปลงเพศขนาด 2-3 เซนติเมตร ราคาอยู่ที่ตัวละ 35 สตางค์
ส่วนลูกปลาธรรมดาราคาตัวละ 6 สตางค์ สำหรับฮอร์โมนที่ใช้ คือ 17 alpha methyl testosterone เป็นฮอร์โมนเพศผู้ โดยใน ปลานิลจิตรลดา4 เพศผู้จะเจริญเติบโตดีกว่าเพศเมีย ตัวใหญ่กว่า มีปริมาณเนื้อมากกว่า เกษตรกรจึงนิยมเลี้ยง ปลานิลจิตรลดา4 แปลงเพศ เพราะได้ผลผลิตที่มากกว่า โดยฮอร์โมนเพศผู้ 1 ขวด ผสมกับ ethyl alcohol 10 ลิตร ใช้ผสมอาหารในอัตราส่วน 800 ml. ต่ออาหาร 5 กก. อัตราการแปลงเพศติดของลูกปลาเมื่ออายุได้ 25 วัน มีสูงถึง 95%
การเพาะพันธุ์ ปลานิลจิตรลดา4
คุณธนโชคให้ความสำคัญในการเลือก ปลานิลจิตรลดา4 ที่จะใช้เป็นพ่อแม่พันธุ์ โดยจะไปซื้อลูกปลานิลด้วยตนเองจากศูนย์วิจัยและทดสอบสัตว์น้ำปทุมธานี คลอง 5 จะคัดลูก ปลานิลจิตรลดา4 อายุเดือนเศษ ขนาดประมาณ 2-3 เซนติเมตร แบบคละเพศ นำมาเลี้ยงรวมกันในบ่อดิน ให้กินอาหารปลาดุกวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น จนได้อายุประมาณ 5 เดือน จะเริ่มคัดเพศ แยกเลี้ยงกันคนละบ่อ
เมื่อ ปลานิลจิตรลดา4 อายุ 5 เดือน สามารถแยกเพศได้แล้ว ดูจากลักษณะสี และรูปร่าง ลำตัว ลดปัญหาการผสมก่อนถึงเวลา เพื่อรักษาสภาพร่างกายของปลาไม่ให้โทรมเร็ว พร้อมทั้งลดความหนาแน่นภายในบ่อ ช่วยให้พ่อแม่ปลามีการเจริญเติบโตที่เร็วขึ้น นำมาขุนต่ออีก 6 เดือน ระหว่างนี้มีการเสริมด้วยวิตามินเพื่อบำรุงระบบสืบพันธุ์
ส่วนเรื่องน้ำมีการดูแลอยู่ตลอด ทั้งการถ่ายเปลี่ยนน้ำอยู่เสมอ และใช้ด่างทับทิมกับเกลือหว่านใส่บ่อทุกอาทิตย์เพื่อป้องกันโรค อายุของ ปลานิลจิตรลดา4 ตอนนี้จะอยู่ 11 เดือน ถือว่าพร้อมแล้วที่จะทำการผสมพันธุ์ โดยช่วงนี้ก่อนผสมจะลดอาหาร ปลานิลจิตรลดา4 เหลือวันละครั้ง ให้กินช่วง 5 โมงเย็น เพื่อรักษารูปร่าง ปลานิลจิตรลดา4 ไม่ให้อ้วนเกินไป จะทำให้ได้ปริมาณไข่น้อย
ลักษณะเด่นของปลาหมอสายพันธุ์ชุมพร 1
เป็นปลาน้องใหม่ของกัญญาลักษณ์พันธุ์ปลา เพิ่งเลี้ยงไปได้ 3 รุ่น ที่ถือว่ากำลังมาแรงในพื้นที่ภาคกลาง คือ “ปลาหมอสายพันธุ์ชุมพร 1” เป็นปลาหมอไทยสายพันธุ์ใหม่ โตเร็วกว่าปกติ ตัวใหญ่ยักษ์หนักกว่าเดิมมากกว่า 70% มีลักษณะหัวเล็ก ลำตัวแบนและหนา มีปริมาณเนื้อเยอะ สามารถเลี้ยงได้ ทั้งบ่อปูน บ่อดิน และกระชัง
ใช้เวลาเลี้ยงแค่ 4 เดือน ก็ขายได้ ขนาด 7 ตัว ต่อกิโลกรัม ราคาดี เป็นปลาที่เลี้ยงแบบหนาแน่นได้ ทนทานต่อสภาพแวดล้อม และคุณภาพน้ำที่เปลี่ยนไป ตัวเมียจะโตกว่าตัวผู้มาก เกษตรกรจึงนิยมเลี้ยงแบบแปลงเพศเพื่อเพิ่มผลผลิต ปลาหมอสายพันธุ์ชุมพร 1 เกิดจากการรวบรวมคัดเลือกจากแหล่งต่างๆ เข้ามาปรับปรุงสายพันธุ์ โดยศูนย์วิจัยและพัฒนาสัตว์น้ำชุมพร มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง จนเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่
การเพาะพันธุ์ปลาหมอ
คุณธนโชคไม่ได้ใช้พ่อแม่พันธุ์ที่มาจากภาคอีสาน หรือภาคกลาง แต่จะใช้พ่อแม่พันธุ์จากชุมพร โดยการสั่งตรงไปยังทีมงานเจ้าของพื้นที่เลย จะใช้ปลาหมออายุ 7 เดือน ทั้งตัวผู้ ตัวเมีย ขนาด 3-4 ตัว ต่อกิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 150 บาท มาเลี้ยงรอไว้ในกระชังแบบแยกเพศ ประมาณเดือนเศษๆ เพื่อให้ปลาได้ปรับตัว และมีความพร้อมในการผสมพันธุ์
จะเริ่มทำการผสมเมื่อปลาหมอมีอายุได้ 8 เดือนขึ้นไป จะเริ่มจากคัดปลาหมอพ่อแม่พันธุ์อายุ 8 เดือนขึ้นไป ฉีดยากระตุ้นให้ผสมพันธุ์ โดยใช้ซูพรีแฟคผสมกับโมทิเลียม 1 เม็ด ปริมาณยารวม 10 ไมโครกรัม เข้าที่กล้ามเนื้อตรงโคนครีบหลัง ให้ทั้งตัวผู้ และตัวเมีย โดยจะฉีดให้ช่วงเย็นประมาณ 6 โมงเย็น จากนั้นปล่อยลงอ่างปูน 2×3 เมตร ระดับน้ำประมาณ 60 เซนติเมตร สามารถปล่อยได้ 20 แม่ สัดส่วนตัวเมีย 1 ตัว ต่อตัวผู้ 2 ตัว ปลาจะผสมกัน และวางไข่ภายใน 13 ชั่วโมง
ไข่จะลอยเหนือผิวน้ำ ทำการจับพ่อแม่พันธุ์ออก ปล่อยให้ไข่อยู่ในอ่างปูน ไข่จะฟักเป็นลูกปลาหมดภายใน 4 วัน อนุบาลต่อประมาณ 4-5 วัน ไม่ต้องให้อาหาร โดยรอให้ลูกปลาให้ไข่แดงให้หมดค่อยย้ายลงบ่อดิน โดยแม่ปลา 1 ตัว จะให้ไข่ได้ถึง 20,000 ฟอง การผสมพันธุ์ของปลาหมอทำได้เกือบตลอดทั้งปี แต่จะให้ได้มาก และมีอัตรารอดดี จะต้องเป็นช่วงหน้าฝน
การอนุบาลลูกปลาหมอ
เมื่อลูกปลาอายุได้ประมาณ 5 วัน จะนำมาเลี้ยงต่อในบ่อดิน ซึ่งจะต่างกับ ปลานิลจิตรลดา4 ที่อยู่ในกระชัง เพราะลูกปลาที่ได้มีขนาดเล็กเท่าเส้นด้าย ปล่อยเลี้ยงในบ่อดินจะเติบโต และอัตรารอดดีกว่า อัตราการปล่อยไร่ละ 200,000 ตัว ให้กินอาหารกุ้งเบอร์ 0 แบบผง ผสมกับฮอร์โมน 17 beta estradiol ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศเมีย ให้วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ทุกวันติดต่อกัน 21 วัน จะได้ลูกปลาเพศเมียอายุประมาณ 1 เดือน ขนาดประมาณ 2 เซนติเมตร ราคาตัวละ 65-80 สตางค์
โดยฮอร์โมนเพศเมียที่ใช้มีส่วนผสม คือ ฮอร์โมน 1 ขวด ผสมกับ ethyl alcohol 10 ลิตร นำไปผสมในอาหาร ในสัดส่วน 60 ml. ต่ออาหาร 1 กิโลกรัม เปอร์เซ็นต์การแปลงเพศอยู่ที่ 70% คุณธนโชคกล่าวว่าปลาหมอระยะที่กินฮอร์โมนจะเลี้ยงยาก ตายง่าย การสูญเสียประมาณครึ่งต่อครึ่ง แต่ถ้าผ่านไปได้ก็ไม่ต้องห่วงแล้ว เลี้ยงได้แน่นอน ในช่วงที่กินฮอร์โมนจะให้ยาอ๊อกซี่เตตร้าไซคลินผสมในอาหารให้ลูกปลากินติดต่อกัน 3 วัน ให้กินเป็นช่วงๆ เพื่อป้องกันโรค และให้ลูกปลาแข็งแรง
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายปลานิล และปลาหมอชุมพร 1
การเพาะลูกพันธุ์ปลาน้ำจืดของกัญญาลักษณ์พันธุ์ปลา ถ้าเป็นปลาแปลงเพศจะเพาะตามออเดอร์เป็นหลัก เพราะใช้ต้นทุนสูง หากเป็นปลาน้ำจืดทั่วไป มีการเพาะอยู่ตลอด มีจำหน่ายทั้งปี หรือบางทีคุณธนโชคจะอ่านอนาคตทิศทางราคาปลาไว้ล่วงหน้า ทำให้รู้ว่าช่วงไหนตลาดปลาชนิดนั้นราคาดี เกษตรกรต้องการมาก ก็ลงมือเพาะรอไว้ล่วงหน้าได้เลย ถึงเวลาเกษตรกรจะเข้ามาหาเราเอง เพราะปัจจุบันการตัดสินใจเลี้ยงปลาจะมีการตลาดเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ เป็นหน้าที่ของฟาร์มเพาะที่จะต้องตามความคิดของลูกค้าให้ทัน จะได้ไม่เข้าเนื้อตนเอง
กัญญาลักษณ์พันธุ์ปลาชื่อนี้การันตีถึงมืออาชีพด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี มีลูกค้าทั้งใหม่และเก่าที่ยังแวะเวียนมาใช้บริการอย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ติดใจในคุณภาพชนิดดิ้นไม่หลุด ส่วนหน้าใหม่ครั้งต่อไปก็ไม่พลาดที่จะกลับมาเยือนที่นี่ใหม่ด้วยตัวเลือกที่มีมากมาย
วงการนี้ไม่ดีจริงอยู่ยาก แต่ไม่ใช่กับกัญญาลักษณ์พันธุ์ปลาที่ยืนหยัดด้วยคุณภาพ และความจริงใจกว่า 8 ปี ได้พิสูจน์จากผลงานยอดจำหน่าย ปลานิลจิตรลดา4 แปลงเพศเดือนละเกือบ 10 ล้านตัว ปลาน้ำจืดทั่วไปรวมกัน 20 ล้านตัว ส่วนปลาหมอชุมพร 1 เพิ่งทำได้ 3 รุ่น ออกเดือนละเป็นแสนตัว จนเป็นที่รู้กันดีของเกษตรกรในพื้นที่ และพื้นที่ใกล้เคียง
คุณปุน ประพันธุมุนี เลี้ยงปลานิล เนื้อที่ 200 ไร่ จ.ชลบุรี
คุณปุน ประพันธุมุนี เจ้าของบ่อปลาเบญจพรรณกว่า 200 ไร่ เป็นการเลี้ยงปลาบ่อขนาดใหญ่ ใน อ.พานทอง จ.ชลบุรี การปล่อยลูกปลาจะเน้นการปล่อย ปลานิลเป็นหลัก ซึ่งปลาจะติดดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับสภาวะความสมดุล และที่ขาดไม่ได้ คือ คุณภาพ ที่มาของลูกปลา
คุณปุนกล่าวว่า ตนเองลงลูกปลาทีหนึ่งใช้หลักแสนตัว/บ่อ การจัดหาลูกปลาจะนึกถึงและดิ่งตรงมาที่ กัญญาลักษณ์พันธุ์ปลา เพราะเป็นฟาร์มที่ทำมานาน ใช้ลูกปลาที่นี่แทบจะทุกครั้ง มาฟาร์มเดียวได้ลูกพันธุ์ปลากลับไปทุกชนิด นอกเสียจากว่าที่ฟาร์มนี้ไม่มี คุณปุนถึงจะใช้บริการฟาร์มอื่น
การให้อาหาร ปลานิลจิตรลดา4
การเลี้ยงปลาเบญจพรรณในช่วง 2 เดือนแรก จะให้กินรำละเอียด จากนั้นไปจะเน้นการทำน้ำเขียว และเสริมอาหารเม็ดสำเร็จรูป จะพิเศษเพิ่มขึ้นในช่วงท้ายจะให้อาหารเม็ดมากขึ้น เพราะต้องเร่งการเจริญเติบโตให้ปลาได้น้ำหนัก ระยะเวลาการเลี้ยงจะขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดรับซื้อ ราคา และเงินลงทุนประมาณ 8-10 เดือน
ผลผลิตที่ได้จะอยู่ประมาณไร่ละ 1 ตัน ขึ้นอยู่กับขนาดของบ่อ และอัตราการรอด โดยเฉลี่ยแล้วจับปลาทีหนึ่งจะได้ผลผลิตประมาณ 30-50 ตัน ราคาจำหน่ายขึ้นอยู่กับตลาดรับซื้อในแต่ละช่วง
ฝากถึงเกษตรกรที่สนใจลูกพันธุ์ ปลานิลจิตรลดา4 และปลาหมอไทย
คุณปุนกล่าวเสริมตอนท้ายอีกว่า ถ้าได้ปลาที่นี่ทุกรอบก็ดี เพราะปลาแข็งแรง โตดี ราคาไม่สูง เป็นเพราะตนมาซื้อจากฟาร์มเพาะโดยตรง การันตีได้ว่าลูกปลาโต แข็งแรง และได้ของแถมกลับไปทุกรอบ หากเกษตรกรท่านใดต้องการคำยืนยันจากคุณปุน ติดต่อสอบถามได้ที่ 114 หมู่ 5 ต.หน้าประดู่ อ.พานทอง จ.ชลบุรี
สำหรับเกษตรกรที่กำลังมองหาลูกพันธุ์ปลาน้ำจืดคุณภาพ สายพันธุ์ดี เลี้ยงง่าย โตไว สามารถแวะเวียนมาได้ที่ กัญญาลักษณ์พันธุ์ปลา 97/1 หมู่ 7 ตำบลท่าข้าม อำเภอพนัสนิคม จังหวัดชลบุรี หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่
คุณธนโชค พวงมาลา (แกะ) โทร.08-1981-2097, คุณจรวยพร พวงมาลา (รวย) โทร.08-6351-3725 ทั้ง 2 ท่าน ยินดีให้บริการในบรรยากาศเป็นกันเอง