ปทุมธานี จังหวัดที่ไม่ใกล้ ไม่ไกล จากเมืองหลวง มีความเจริญเติบโตของสังคมเมืองอย่างต่อเนื่อง แต่ท่านทราบหรือไม่ว่า จังหวัดแหล่งนี้มีพื้นที่ปลูกข้าวและทำเกษตรเป็นจำนวนมาก และหนึ่งในอาชีพเกษตรสัตว์น้ำที่เราจะนำเสนอกัน นั่นคือ “บึงทองฟาร์ม” ฟาร์มอนุบาลและเพาะเลี้ยงลูก ปลานิลหมัน 100% ดำเนินธุรกิจโดย คุณธนชัย สะอาดมานะธรรม
จุดเริ่มต้นการเพาะเลี้ยงปลานิล
บึงทองฟาร์มแห่งนี้ดำเนินธุรกิจมากว่า 25 ปี ล้มลุกคลุกคลานมาก็ไม่น้อย แต่ด้วยความไม่ย่อท้อของคุณธนชัย จึงทำให้บึงทองฟาร์มแข็งแกร่งอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ แถมยังมีลูกค้าเจ้าประจำสั่งลูกปลาไม่ขาดสาย ทำให้ปัจจุบันทางฟาร์มต้องผลิตลูกปลาป้อนตลาดกว่า 1 – 2 ล้านตัว / เดือน
เดิมทีคุณธนชัย อดีตคือ ช่างใหญ่รับเหมาก่อสร้าง มีชื่อเสียง สร้างฐานะได้ดีเลยทีเดียว จนเมื่อเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ธุรกิจเดินต่อไม่ไหว จึงตัดใจยุติบทบาทช่างก่อสร้าง เริ่มมองหาอาชีพใหม่ แต่ในความโชคร้ายยังมีโชคดี ที่ได้เพื่อนทำงานในกรมประมง ชักชวนให้หันมาทำบ่อเลี้ยงปลานิล เพราะเป็นชนิดปลาที่ เลี้ยงง่าย โตไว ขายได้ราคา
เมื่อมองเห็นลู่ทาง คุณธนชัยไม่รอช้าลงทุนเช่าที่กว่า 100 ไร่ เลี้ยงปลานิลสายพันธุ์จิตรลดา แต่เจ๊งไม่เป็นท่า ขาดทุนนับล้าน เพราะคุณภาพของลูกพันธุ์ปลาที่ ไม่แข็งแรง เลี้ยงไม่รอด แต่คุณธนชัยไม่ยอมแพ้ รวบรวมเงินทุนก้อนสุดท้าย ลงทุนศึกษาเรื่องการเพาะพันธุ์ปลานิล และสร้างบึงทองฟาร์มขึ้นมา เพื่อเพาะพันธุ์ปลานิล โดยตั้งใจผลิตเพื่อใช้เอง
เทคนิคการเพาะลูกปลา ฉบับบึงทองฟาร์ม
ปัจจุบันบึงทองฟาร์มได้พัฒนาสายพันธุ์ปลานิลมาเป็นรุ่น F15 มีจุดเด่น คือ โคนหางใหญ่ สันหลังหนา โตไว โดยเฉลี่ยใช้เวลาเลี้ยง 8 เดือน หากเลี้ยงด้วยอาหารเม็ดจะได้ไซซ์ขนาด 2 ตัว / กิโลกรัม แต่ถ้าเลี้ยงด้วย ขนมปัง และ มูลไก่ จะใช้เวลา 10 เดือน – 1 ปี
ต้องเริ่มจากการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์ให้มีคุณภาพ ไม่มีปัญหาเรื่องเลือดชิด แม่พันธุ์สั่งจากกรมประมง ฟาร์มที่ นครราชสีมา อุตรดิตถ์ นำมาเลี้ยง 1 ปี พออายุครบปี ก็นำมาเลี้ยงบนบ่อปูน พ่อแม่พันธุ์ที่คัดขึ้นมาจะมีน้ำหนัก 3 – 4 ตัว / กิโลกรัม จากนั้นนำมาผสมแบบสลับสายพันธุ์ แม่พันธุ์อุตรดิตถ์ผสมกับพ่อพันธุ์ของที่ฟาร์ม พ่อพันธุ์อุตรดิตถ์ผสมกับแม่พันธุ์ของนครฯ
“ในระยะเวลา 1 ปี การเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์จะได้ขนาดที่เล็กกว่าปลาเนื้อ เพราะถ้าปลามีขนาดใหญ่ จะทำให้การเก็บไข่ยาก สำหรับพ่อแม่พันธุ์เราเพียงต้องการให้อายุปลาถึงวัยที่เหมาะสม หากใช้พ่อแม่พันธุ์ที่อายุน้อยจะส่งผลต่อลูกปลาที่เกษตรกรนำไปเลี้ยงต่อ” คุณธนชัยให้ความเห็นเพิ่มเติมถึงการคัดเลือกพ่อแม่พันธุ์
เมื่อจับพ่อแม่พันธุ์มาผสมกันแล้ว การเก็บไข่ก็จะแล้วแต่ช่วง หากเป็นหน้าฝนจะใช้เวลาประมาณ 7 – 10 วัน (แล้วแต่ช่วงสภาพอากาศ) หลังจากเก็บไข่แล้วจะทำการล้างบ่อปูน และบำรุงพ่อแม่พันธุ์ ก่อนนำไปใส่ไว้บ่อเดิม แล้วขุนให้กินอาหารผสมฮอร์โมน
“เมื่อเก็บไข่เสร็จ เราก็ต้องบำรุงแม่พันธุ์ให้ดี เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสร้างไข่รอบต่อไป ให้อาหารวันละมื้อเพื่อคุมไม่ให้แม่พันธุ์โตเกินไป และเสริมโปรตีน แคลเซียม วิตามิน ขุนไปได้ประมาณ 7 -10 วัน แล้วแต่ช่วง แม่พันธุ์ก็จะเริ่มให้ไข่อีกรอบ” คุณธนชัยเผยถึงเทคนิคการบำรุงแม่พันธุ์
จากนั้นจะนำไข่ปลาไปลงโหลประมาณ 7 วัน เมื่อเริ่มออกเป็นตัวจะนำลงไปในถาด และเริ่มให้กินฮอร์โมน 28 วัน ให้วันละ 4 มื้อ ทุกๆ 4 ชั่วโมง ใช้ระยะเวลาเพาะลูกปลาประมาณ 1 เดือน ลูกปลาที่ได้จะเป็นไซซ์ใบมะขาม สำหรับลูกค้าที่ต้องการปลานิ้ว ทางฟาร์มก็มีบริการทำให้ แต่ต้องมีการสั่งล่วงหน้า
พ่อแม่พันธุ์ฟาร์มจะปลดเมื่อเลี้ยงได้ประมาณ 1 ปีครึ่ง จะปลดทั้งชุด ภายในบ่อเดียวกันจะมีการจัดการให้พ่อแม่พันธุ์เข้าเลี้ยงพร้อมกันทั้งบ่อ และเมื่อครบกำหนดปลดก็จะปลดพร้อมกันออกไปทั้งบ่อ ซึ่งจะทำให้เกิดความสะดวกในด้าน การจัดการ การให้อาหาร และ การควบคุมป้องกันโรค
การเลี้ยงปลานิลผสมผสานปลาดุกอุย (ปลาดุกนา)
นอกจากปลานิลแล้ว ปัจจุบันทางบึงทองฟาร์มได้มีการเพาะพันธุ์ปลาดุกอุย (ปลาดุกนา) เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งชนิด เพื่อให้เกษตรกรที่ซื้อลูกปลานิลนำไปเลี้ยงควบคู่กัน เพราะแต่ก่อนลูกค้าที่ซื้อปลานิลไปเลี้ยง จะซื้อกุ้งขาวไปเลี้ยงปน บางรอบก็ได้กำไร บางรอบลงไปก็ตายหมด ทำให้ขาดทุน
“เมื่อก่อนปลาดุกอุยจะมาจากบางบ่อ แต่ปัจจุบันพื้นที่บริเวณบางบ่อเจริญขึ้น ทำให้ปลาดุกอุยเริ่มหายาก และตอนนี้ปลาดุกบิ๊กอุยมีคนต้องใช้เยอะ ผมจึงได้ทดลองเพาะดู และเลี้ยงควบคู่กับปลานิล ใช้เวลาทดลองถึง 1 ปี จึงจะประสบความสำเร็จ แล้วจึงแนะนำให้ลูกค้าเลี้ยงปลาดุกอุย (ปลาดุกนา) ควบคู่กับปลานิลแทนกุ้ง”
โดยจะปล่อยปลาดุกอุย (ปลาดุกนา) และ ปลานิล เลี้ยงรวมกันแทนการปล่อยกุ้ง ปลาดุกอุย (ปลาดุกนา) มีอัตราการปล่อย 300 ตัว / ไร่ ส่วนปลานิลจะปล่อยตามสูตรที่เลี้ยงมา 2,500 – 3,000 ตัว / ไร่ ใช้ระยะเวลาเลี้ยงเท่ากัน
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่าย ปลานิล
เมื่อถามถึงจุดเด่นของบึงทางฟาร์ม คุณธนชัยได้เผยว่า “เพราะเราใส่ใจ และ เน้นคุณภาพ ที่มีการคัดเลือกตั้งแต่ พ่อแม่พันธุ์ การดูแลจัดการที่ดี การให้อาหารที่มีคุณภาพ ตลอดจนการเพาะลูกปลา มีการพัฒนาและคัดเลือกสายพันธุ์ทุกๆ ปี เพื่อให้ได้สายพันธุ์ที่ตอบโจทย์ลูกค้า”
ราคาลูกปลาตอนนี้ที่ทางฟาร์มขายเริ่มที่ 30 – 35 สตางค์ / ตัว เป็นไซซ์ใบมะขาม แต่จะไม่แนะนำให้ลูกค้าใช้ เพราะมีขนาดเล็กเกินไป จากประสบการณ์ ปลานิลต้องเลี้ยงบ่อใหญ่ๆ พอเวลาวิดบ่อ ถ้าไม่มีลูกน้องจับปลา มีปลาช่อนหลงเหลือเยอะ จะทำให้ปล่อยปลานิลไม่ค่อยติด ส่วนใหญ่จะแนะนำให้ไปใช้ลูกปลาขนาดใบแค ตัวละ 35 สตางค์
ฝากถึงเกษตรกรคนเลี้ยงปลา
คุณธนชัยได้ฝากทิ้งท้ายถึงเกษตรกรคนเลี้ยงปลาในช่วงนี้ว่า “ถ้าหากเป็นคนเพาะ ก็ขอให้ซื่อตรงกับลูกค้า ถ้าหากเป็นคนเลี้ยง ก็ขอให้ใจเย็นๆ เพราะช่วงนี้เศรษฐกิจค่อนข้างแย่ จากประสบการณ์ที่เลี้ยงปลามากว่า 25 ปี ต้องบอกว่าปีนี้เป็นช่วงที่แย่ที่สุด ขอให้เกษตรกรคนเลี้ยงปลาเนื้อใจเย็นๆ และอดทนผ่านไปให้ได้”
ขอขอบคุณข้อมูล คุณธนชัย สะอาดมานะธรรม สนใจสั่งซื้อลูกปลานิล / ปลาดุกอุย (ปลาดุกนา) โทร.099-033-4749