“เสี่ยเบิร์ด” หากพูดถึงชื่อนี้คนในวงการกุ้งต้องรู้จักเป็นอย่างดี โดยเฉพาะวงการของ “กุ้งก้ามกราม” เพราะเขาคนนี้ คือ เจ้าของพันธุ์กุ้งก้ามกรามคุณภาพ ภายใต้แบรนด์ “เสี่ยเบิร์ดบางพลี ก้ามกรามรุ่น” ซึ่งผลงานพันธุ์กุ้งของเขานั้นได้ประจักษ์เห็นชัดในวันนี้แล้วว่าไม่ธรรมดา ด้วยคุณภาพของสายพันธุ์ที่แข็งแรง โตเร็ว เลี้ยงง่าย และที่สำคัญปลอดโรค ซึ่งนี่คือจุดเด่นของพันธุ์กุ้งจาก ฟาร์มอนุบาลลูกกุ้ง แห่งนี้ จนเป็นที่ยอมรับจากเกษตรกรบ่อกุ้งทั่วสารทิศ
การทำ ฟาร์มอนุบาลลูกกุ้ง
แต่ในวันนี้เสี่ยเบิร์ดได้กระโดดเข้ามาในวงการของ “กุ้งขาว” ในฐานะของ “เนอสเซอรี่” ฟาร์มอนุบาลลูกกุ้ง ที่ได้มือเพาะอันดับต้นๆ ของวงการ อย่าง “พี่แดง” เข้ามาดูแลลูกกุ้งของทางฟาร์ม เพื่อให้ได้ลูกกุ้งที่มีคุณภาพ ออกสู่ฟาร์มกุ้งต่างๆ ทั่วประเทศ
เสี่ยเบิร์ดยอมรับกับทีมงานว่า ที่ผ่านมาตนไม่คิดว่าจะมาทำธุรกิจเกี่ยวกับกุ้งขาว แต่ด้วยความพร้อมในหลายๆ ด้าน บวกกับกระแสเรียกร้องจากลูกค้า และที่สำคัญ คือ ได้มือเพาะอันดับต้นๆ อย่าง พี่แดง เข้ามาช่วยงาน จึงทำให้เสี่ยเบิร์ดไม่ลังเลที่จะหันมาจับธุรกิจกุ้งขาวอีกตัว
“เอาตรงๆ นะทุกวันนี้เฉพาะกุ้งก้ามกราม ฟาร์มเราก็ผลิตไม่ทันอยู่แล้ว ทั้งกุ้ง P และกุ้งชำ แต่ด้วยจังหวะที่พี่แดงเข้ามาพอดี ซึ่งแกเก่งในเรื่องของกุ้งขาว ดังนั้นเราก็ไม่รีรอ เพราะส่วนใหญ่แล้วลูกค้าที่ซื้อกุ้งก้ามกรามจากฟาร์มเราไปเขาก็อยากได้กุ้งขาวด้วย เพราะเขาเลี้ยงคู่กัน ก็มีคนบอกว่าเยอะ ว่าให้ทำ จนได้จังหวะก็ลงมือเลย ทั้งๆ ที่ยังไม่มีหน้าบ่ออนุบาลเลยนะ จนมาเจอบ่อนี้ก็ขอเซ้งเขามาอีกที ในราคา 70,000 บาท พอได้บ่อก็ลง นอเพลียสเลย ซึ่งฟาร์มเรามี “คอนเนคชั่น” กับฟาร์มเพาะทางภาคใต้ จังหวัดสงขลา และจังหวัดนครศรีธรรมราช อยู่แล้ว ก็ติดต่อนำนอเพลียสเขามาใช้” เสี่ยเบิร์ดกล่าวถึงจุดเริ่มต้นของฟาร์มกุ้งขาว
สายพันธุ์กุ้งขาว
ต้องยอมรับว่าปัจจุบันสายพันธุ์กุ้งขาวในบ้านเรามีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ แต่ที่นิยมในท้องตลาดส่วนใหญ่จะเป็นกุ้งสายพันธุ์นอก และสายพันธุ์ไขว้ ซึ่งจะมีความแข็งแรง และทนทานต่อโรคได้ดี ซึ่งเสี่ยเบิร์ดก็ไม่มองข้ามจุดนี้ เพราะลูกกุ้งที่ได้คุณภาพ เลี้ยงแล้วแข็งแรง โตไว ขยับไซส์เร็ว มาจากพ่อ-แม่พันธุ์กุ้งที่ได้คุณภาพ สายพันธุ์ดี
โดยฟาร์มเสี่ยเบิร์ดนั้นเน้นใช้กุ้งแม่นอก สายพันธุ์ OPF 13-14 ตัว/กิโลกรัม นำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ ที่มีจุดเด่น คือ แข็งแรง ทนทาน โตเร็ว อัตราการรอดสูง เลี้ยงง่าย เข้ากับสภาพอากาศเมืองไทยมากที่สุด นำมาเพาะพันธุ์ในโรงเพาะที่ได้มาตรฐานตามที่กรมประมงกำหนด ที่สำคัญแม่สายพันธุ์นี้จะใช้ระยะเวลาในการวางไข่ 3 เดือน 1 เดือน และสลัดไข่ได้ 2 ครั้งเท่านั้น เท่ากับว่าแม่กุ้งรุ่นนี้จะสลัดไข่เพียง 6 ครั้งเท่านั้น จากนั้นต้องขายทิ้ง เพราะไข่รุ่นถัดไปจะไม่มีคุณภาพแล้ว จนได้นอเพลียสที่ได้คุณภาพ แข็งแรง สมบูรณ์ ออกมาสู่โลกภายนอก
การบริหารจัดการบ่อเลี้ยงกุ้ง
เมื่อแม่กุ้งสลัดไข่ออกมาแล้ว หลังจากที่โรงเพาะได้นอเพลียสมาแล้ว เมื่อนอเพลียสแข็งแรงจะทำการมาให้ทางเสี่ยเบิร์ด โดยขนส่งผ่านทางเครื่องบินเพื่อย่นระยะเวลาในการเดินทาง และลดความช้ำของนอเพลียส โดยก่อนส่งนอเพลียสนั้น ทางฟาร์มเสี่ยเบิร์ดจะต้องทำการเตรียมบ่อ และเตรียมน้ำ โดยทำความสะอาดบ่อให้มากที่สุด ซึ่งฟาร์มนี้มีบ่ออนุบาลทั้งหมด 25 บ่อ
จากนั้นจะเริ่มเตรียมน้ำโดยซื้อน้ำเค็มมาพักไว้ที่บ่อพัก ซึ่งทางฟาร์มจะใช้ความเค็มประมาณ 30 ppt. ในการอนุบาลนอเพลียส จากนั้นตี “คลอรีน” ในบ่อพักน้ำ เพื่อฆ่าเชื้อโรคประมาณ 3-5 วัน จากนั้นจึงปรุงนี้เสริมแร่ธาตุที่สำคัญ และไม่ลืมที่จะวัดค่าพีเอส และอัลคาไลน์ ให้เหมาะสม จากนั้นรอลงนอเพลียส โดย 1 บ่อเลี้ยง จะลงลูกกุ้งประมาณ 7-8 แสนตัว ให้อาหารวันละ 6 มื้อ เน้นการให้อาร์ทีเมียเป็นหลัก เพื่อให้ลูกกุ้งเข้าระยะและแข็งแรงมากที่สุด
“ฟาร์มเรากล้าการันตีว่าเราไม่ใช้ไรน้ำจืดในการเลี้ยงกุ้งเด็ดขาด เราจะใช้ “อาร์ทีเมีย” ให้ลูกกุ้งกินเท่านั้นตลอดระยะเวลาในการเลี้ยง ถามว่าต้นทุนสูงไหม แน่นอนว่าสูง เพราะอาร์ทีเมียกระป๋องเท่าไรในวงการก็รู้กันอยู่ แต่ทำไมต้องให้ ก็เพื่อให้ลูกกุ้งเราแข็งแรง โตเร็ว ตัวสวย เพราะเราเห็นจากกุ้งก้ามกรามที่เราเลี้ยงอยู่ พอกุ้งกินแล้วมันดี กุ้งแข็งแรง อัตราการรอดสูง มันก็คุ้มค่าที่จะลงทุน แล้วที่สำคัญเราไม่โกงลูกค้า”
การอนุบาลกุ้งขาวและกุ้งก้ามกราม
“ในการเลี้ยงกุ้ง ถ้าให้เปรียบเทียบระหว่างกุ้งขาวและกุ้งก้ามกราม ผมมองว่ากุ้งขาวเลี้ยงง่ายกว่าเยอะ เพราะมันจะมาเป็นลำดับ คือ เข้าซูเอีย 1-2-3 จากนั้นเข้าไมซีด 1-2-3 แล้วก็เข้า P แล้ว พอเข้า P แล้วก็นับวันออกได้เลย แต่กุ้งก้ามกรามมันนับวันออกไม่ได้ บางทีนับได้ แต่พอถึงวันกุ้งกลับคว่ำไม่หมด มันก็ต้องเลื่อนออกไปอีก แล้วที่สำคัญ คือ ก้ามกรามกินเวลาในการอนุบาลมากกว่ากุ้งขาวค่อนข้างเยอะ แต่กุ้งขาวที่ผมทำอนุบาลแค่ 17-18 วัน ก็ขายหมดแล้วนะ เข้า P11-12 แล้ว
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับนอเพลียสที่ใช้ด้วย ถ้า นอเพลียสดี ที่เหลือก็ง่ายแล้ว ดังนั้นผมจึงใส่ใจในการคัดเลือกสายพันธุ์นอเพลียสให้มากที่สุด นอเพลียสที่ใช้จะต้องเป็นนอเพลียสที่แข็งแรงมากที่สุด เพราะเราขายกุ้งไม่ใช่ขายแค่วันนี้ พรุ่งนี้ เราต้องขายไปอีกนาน เพราะมันคืออาชีพของเรา ดังนั้นเราจะต้องนึกถึงลูกค้าที่ซื้อกุ้งจากฟาร์มเราไปด้วย เพราะถ้าลูกกุ้งที่ออกไปดี ลูกค้าเลี้ยงแล้วได้ผลกำไรดี เขาก็กลับมาหาเราอีก แต่ไม่ใช่แค่เขาคนเดียวแล้ว อาจจะมีบ่อข้างๆ บ่อใกล้เคียงเขา หันมาซื้อลูกกุ้งจากเราเพิ่มด้วย”
การจำหน่ายกุ้งขาว
“รอบที่แล้วกุ้งขาวผมไม่พอขายนะ ขาดไป 3 แสนกว่า แต่ผมก็ไม่เคยคิดที่จะหาจับกุ้งบ่ออื่นมาขายในนามเรา เพราะเราไม่รู้ว่าลูกกุ้งเขาเลี้ยงยังไง ให้อาหารยังไง สายพันธุ์ดีจริงหรือไม่ เพราะฉะนั้นเราไม่เห็นแก่เงินเล็กๆ น้อยๆ แล้วต้องมาคอยเก็บงานตามทีหลังถ้าลูกกุ้งมีปัญหา ฟาร์มเลือกที่จะบอกลูกค้าไปเลยว่ากุ้งไม่พอ กุ้งหมด จะได้อีกทีเมื่อไร วันไหน นัดกันไปเลย ถ้าจะเสียก็ขอให้เสียที่กุ้งเรา ดีกว่าไปเสียที่กุ้งคนอื่นแล้วมาตีแบรนด์เรา เพราะมันไม่คุ้ม”
ชุดแรกออกวันที่ 17 ม.ค. เลี้ยงระยะเวลาแค่ 20 กว่าวัน ลูกกุ้งโตเท่ากับเลี้ยงประมาณ 1 เดือนครึ่งแล้ว ที่รู้เพราะว่าทางฟาร์มเราเก็บไว้เลี้ยงที่บ่อดินของเราเองด้วย เพื่อดูการเจริญเติบโตของกุ้งแต่ละชุด เพื่อคอยจดรายละเอียดการพัฒนาของตัวกุ้ง และนำไปเปรียบเทียบกับที่ลูกค้าเลี้ยง แล้วตอนนี้ลูกค้ากุ้งชุดแรกที่ซื้อไปก็กลับมาจองรุ่นถัดไปอีก เพราะผลงานเขาเห็นในบ่อเลี้ยงแล้วว่าโตเร็ว แข็งแรง ขนาดไหน เพราะทางฟาร์มไม่ได้มาพูดลอยๆ แต่มีผลงานให้เห็นและพิสูจน์ด้วยตัวเอง
ฝากถึงเกษตรกรและผู้สนใจเลี้ยงกุ้ง
ในการเลี้ยงกุ้ง ผมในฐานะของต้นน้ำในอุตสาหกรรมนี้ อยากจะบอกว่าการเป็นเกษตรกรเลี้ยงกุ้งไม่ได้ง่ายเหมือนแต่ก่อน เพราะสภาพสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไป สายพันธุ์กุ้งที่เปลี่ยนไป วิธีการเลี้ยงที่เปลี่ยนไป หรือแม้แต่ตลาดปลายทางก็ยังเปลี่ยน ดังนั้นก่อนที่จะลงมือทำให้คิดเยอะๆ สิ่งแรกที่ต้องคิดถึง คือ ตลาดปลายทาง เลี้ยงแล้วจะไปขายให้ใคร ขายที่ไหน ขายอย่างไร
ถ้ามีตลาดแล้วค่อยมาคิดถึงต้นทุนหลักในการเลี้ยงกุ้ง คือ “ลูกพันธุ์” และ “อาหาร” ต้องคัดเลือกลูกพันธุ์ที่สายพันธุ์ดี แข็งแรง เลี้ยงง่าย โตวัย อัตราการรอดสูง เพราะนั่นหมายถึงผลกำไรที่จะได้กลับคืนมาในอนาคต และอีกสิ่งที่ทิ้งไม่ได้เลยเรื่องของ “อาหาร” เพราะปัจจุบันในท้องตลาดมีอาหารกุ้งมากมายหลากหลายแบรนด์ให้เลือกซื้อหา ซึ่งแตกต่างกันทั้งคุณภาพและราคา โดยเฉพาะ “ราคา” ที่เกษตรกรบางท่านสนใจเรื่องราคามากกว่าคุณภาพของอาหาร
ซึ่งจริงๆ แล้วควรจะมองที่ “คุณภาพ” เป็นที่ตั้ง และความเหมาะสมต่อชนิดกุ้งที่เลี้ยง โดยเฉพาะเกษตรกรที่เลี้ยงกุ้งไซส์ใหญ่จะต้องมีการเลือกใช้อาหารที่ถูกต้องและเหมาะสม มีอัตราโปรตีนที่เป็นประโยชน์ต่อตัวกุ้ง กุ้งสามารถนำอาหารที่กินมาใช้ประโยชน์ในการเจริญเติบโตได้อย่างเต็มที่ เพื่อผลผลิตที่ดีในอนาคตนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้เสี่ยเบิร์ดได้จับมือกับ บริษัท กรุ๊ปเน็ต เม็ทดิชิน จำกัด ร่วมกันผลิตอาหารสั่งตัดสูตรเฉพาะกุ้งขาวและกุ้งก้ามกราม ซึ่งเป็นสูตรที่มีการปรับเปลี่ยนส่วนประกอบอาหารให้กุ้งสามารถใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด โดยเน้นโปรตีนกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ เมื่อกุ้งกินแล้วจะมีการเจริญเติบโตที่ดี ตัวโต ตัวสวย เปลือกแข็ง ที่สำคัญ ราคาสามารถจับต้องได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องควบคู่กับการดูแลของเกษตรกร และสายพันธุ์กุ้งที่ได้มาตรฐานอีกด้วยสนใจสั่งซื้อกุ้งก้ามกรามชำ ลูกกุ้งก้ามกราม และลูกกุ้งขาว แม่นอก ติดต่อได้ที่ เสี่ยเบิร์ด โทร : 085-2233-283 มีบริการส่งทั่วประเทศ พร้อมปรับน้ำและลองน้ำฟรี ตามที่ต้องการ