ยอมรับกันมากขึ้นว่า การเพาะเลี้ยงกุ้ง และ สัตว์น้ำ ด้วยการทำให้สัตว์มี ภูมิคุ้มกันโรค ดีกว่าการรักษาโรค
การลงทุนสร้างภูมิคุ้มกัน เป็นความฉลาด เพราะไม่ประมาท นอกจากสัตว์ปราศจากโรครุมเร้าแล้ว ยังทำให้สัตว์แข็งแรง โตเร็ว ตอบโจทย์ทางธุรกิจชัดเจน
การพุ่งขึ้นของกระแสดังกล่าว ทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจสัตว์น้ำเร่งวิจัยและพัฒนาด้านไบโอเทค เจาะลึกเข้าไปหา โปรไบโอติก ที่มีประสิทธิภาพในการสร้างภูมิคุ้มกันในกุ้ง
การใช้สารสกัดชีวภาพสร้างภูมิคุ้มกันในกุ้ง
1 ในนั้น ได้แก่ เภสัชกรชานนท์ ระวังเหตุ ที่มียุทธศาสตร์การนำพืชและสมุนไพรมาร่วมวิจัยกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อนำพฤกษเคมีมาประยุกต์ใช้ร่วมกับอาหารให้กุ้งกิน
โดยเริ่มจากการนำ “ยีสต์” สายพันธุ์แซคคาโรไมซิส ซีรีวิซิอี มาสกัดเพื่อเอา สารเบตากลูแคน มาใช้ โดยร่วมกับ สวทช.
สารเบตากลูแคน ทั่วโลกรู้จักดีว่ามันสร้างภูมิคุ้มกันให้สัตว์ และ มนุษย์
ต้องยอมรับว่า เภสัชกรชานนท์ ระวังเหตุ ศิษย์เก่าจุฬาฯ ด้านเภสัชศาสตร์ ปี 37 เป็นคนรอบเรียนรู้สมุนไพร ประกอบกับมารดา คือ นางปาณวรรณ ระวังเหตุ เป็นเกษตรกรคนเก่งของฉะเชิงเทรา บริหารงานปลูกพืช 500 ไร่ ในพนมสารคาม เป็นตัวอย่างของเกษตรกร และได้รับรางวัลแม่ตัวอย่างแห่งชาติด้านเกษตร ปี 46
คุณชานนท์เป็นลูกที่รับมรดกความแข็งแกร่งจากแม่มาโดยตรง และอดีต ก็คือ พนักงานอันดับ 1 ด้านการขายของ บริษัท อีส เอเชียติกฯ อังกฤษ จึงรู้เรื่องยาเป็นอย่างดี แต่ในที่สุดก็ต้องลาออกมาช่วยคุณแม่ทำเกษตร โดยการจัดตั้ง หจก.พืชยาไทยอุตสาหกรรม ที่ตัวเมืองพนมสารคาม ในปี 2547 ต่อมาได้ตั้ง บริษัท ไทยเฮิร์บ เทค จำกัด ผลิตน้ำมันหอมระเหย ไล่ / กำจัดแมลง
ที่เป็นบทบาทสำคัญ คือ การร่วมมือกับ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เพื่อนำงานวิจัย โลชั่น ขมิ้นชัน กันยุง และอาหารเสริมยีสต์ สำหรับกุ้ง มาขยายผลในทางธุรกิจจนสำเร็จ กระทั่งทุกวันนี้
การวิจัย พัฒนา อาหารเสริมใน สัตว์ และ พืช
การเดินหน้าวิจัย / พัฒนา อุตสาหกรรมอาหารเสริมในสัตว์ ทั้งสัตว์น้ำ / สัตว์บก และพืช ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน คุณชานนท์ได้จดทะเบียน บริษัท ยีสต์ มาสเตอร์ จำกัด และ บริษัท ยีสต์เตอร์ฟาร์ม จำกัด เพื่อให้งานเป็นระบบ สอดรับกับภารกิจมากขึ้น
พืชหลายตัว เช่น สับปะรด ขมิ้นชัน และ แก่นตะวัน ถูกนำมาวิจัย / พัฒนา นำสารสำคัญมาเป็นอาหารเสริม ภายใต้แบรนด์ในช่วงเวลากว่า 1 ทศวรรษ ของยีสต์ มาสเตอร์
ช่วงเวลาดังกล่าว คุณชานนท์ใช้จุดแข็งการเป็นนักวิจัยและพัฒนาเข้าร่วมโครงการของรัฐและเอกชนหลายโครงการ เช่น ศูนย์บ่มเพาะธุรกิจเทคโนโลยี สวทช. โครงการ START UP VOUCHER 2560 จนได้ทุน 8 แสนบาท พร้อมยอดขาย 5 ล้านบาท และนำโครงการนวัตกรรมไปประกวดงาน SILE 2017 ที่เกาหลีใต้ ได้เหรียญทองแดง ปี 61 เข้าร่วมโครงการ BIO BASED และได้รับทุนเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์สารสกัดจากเนื้อติดเปลือกสับปะรด 1 แสนบาท จนเกิดผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ NACID LIQUID NACIDPOWDER และ DIGEST BROM ในสัตว์บก และได้นำโครงการไปประกวดมาเลเซียได้รางวัลเหรียญทองแดง
ปี 62 ได้พรีเซนต์ให้กลุ่มผู้ร่วมทุนในสิงคโปร์ มีบริษัท UMG สนใจ ต่อมาได้รับทุน START UP VOUCHER 2562 จำนวน 8 แสนบาท ทำวิดีโอ 3 ภาษา (ไทย จีน อังกฤษ) เสนอตลาดต่างประเทศ และเกษตรกรไทยและเทศ จนได้รับการตอบรับที่ดี จนยอดขายทะลุ 5 ล้านบาท ปี 2563 เข้าร่วมโครงการวิจัย พัฒนา และวิศวกรรม กับ สวทช. และเอกชน ได้รับเงิน 2.24 ล้านบาท ดอกเบี้ยต่ำ
นอกจากนี้ทางยีสต์ มาสเตอร์ ได้ลงทุนด้านกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และให้ได้มาตรฐาน GMP เช่น โรงอบพลังงานและอาทิตย์ โดยได้งบจากกระทรวงพลังงาน และได้นำเข้าเครื่องจักรจากจีน เป็นเครื่องมิกเซอร์ ไฮสปีด มิกเซอร์ เครื่องบด เครื่องร่อน และเครื่องบรรจุ และได้ร่วมทุนกับ บริษัท UMG เมื่อเดือนสิงหาคม 2563 รวม 9 ล้านบาท โดย UMG จะทำยอดขาย 20 ล้านบาท/ปี นอกจากนี้ ยีสต์ มาสเตอร์ ได้ร่วมกับบริษัทด้านซัพพลายเออร์เพื่อจะขายกว่า 50 ตัน/ปี และในปีนี้จะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 30 ล้านบาท
“80% เป็นพวกของแห้ง สารสกัดต่างๆ เช่น เบต้า แซค พลัส เป็นแบบผงใช้ในกุ้ง ผลิตภัณฑ์จากสารสกัดสับปะรด ทั้งเหลว และผง เราพัฒนาให้ง่ายต่อการจัดเก็บ การขนส่ง และการใช้งาน ได้เพิ่มเทคโนโลยีบางตัวเข้าไปในผลิตภัณฑ์ เพื่อเพิ่มความคงตัวของสารสำคัญ” คุณชานนท์เปิดเผยถึงบทบาทของโรงงานใหม่ ที่ต่อยอดมาจากโรงงานเก่า สำหรับเตรียมวัตถุดิบขั้นต้น
เพื่อให้ยีสต์สกัดมีฤทธิ์มากขึ้น คุณชานนท์ได้นำงานวิจัยร่วมสกัด สารอินนูลิน และ สารโอลิโกแซคคาไรด์ จากพืชหัว “แก่นตะวัน” มาใช้ร่วมกับยีสต์สกัด เพื่อให้เชื้อไบโอติกเติบโตเร็วขึ้น เปิดตลาดใน แบรนด์ “เบต้า แซค พลัส” ใช้ในการเลี้ยงกุ้ง และ ปลา เพื่อให้ต้านทานโรคต่างๆ หากเกษตรกรใช้มากขึ้น ก็ไม่ต้องห่วงว่าแก่นตะวันไม่พอ เพราะบริษัทปลูกเองใกล้ๆ กับโรงงาน และที่เพชรบูรณ์เป็นที่ราบสูง เพื่อศึกษาเปรียบเทียบทั้ง 2 รูปแบบ
จุดเด่นของ เบต้า โค้ท เบต้า แซค พลัส เนซิด พาวเดอร์
ผลิตภัณฑ์ตัวแรกที่มาจากยีสต์ คือ เบต้า โค้ท เหลวข้น ใช้กลิ่นปลาผสม ใช้ในกุ้งเดือนแรก ร่วมกับเบต้า แซค พลัส “การใช้ร่วมกัน ทั้งผงและเหลว เพื่อควบคุมเชื้อวิบริโอไม่ให้บูม” คุณชานนท์ให้ความเห็นถึงประสิทธิภาพของ 2 ผลิตภัณฑ์
ในการเลี้ยงกุ้ง “ระบบย่อย” อาหารก็เป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้น ยีสต์ มาสเตอร์ และภาคีวิจัย ได้ศึกษาเนื้อที่เปลือกสับปะรด พบว่า มีกรดอินทรีย์ และ เอนไซม์ จึงได้สกัดเอาสารดังกล่าว ทั้งผงและเหลว มาใช้เป็นอาหารเสริม แบรนด์ เนซิด ซึ่งคุณชานนท์กล่าวว่า “ทางโรงงานได้ปรับปรุงกระบวนการผลิต ตั้งแต่เรื่องการได้มาซึ่งวัตถุดิบ เรื่องการเก็บรักษาวัตถุดิบ การควบคุมสารสำคัญ มีการนำเทคโนโลยีใหม่ อย่าง โพลิเมอร์ เพิ่มความคงตัวของสารสำคัญในการสกัดเอนไซม์ และ กรดอินทรีย์” ซึ่งคุณชานนท์มั่นใจว่า ถ้าระบบการย่อยดี อาหารดูดซึมได้ดี ขี้กุ้งน้อย ไม่ส่งผลเสียต่อคุณภาพน้ำ เชื้อก่อโรคก็ไม่บูม
ทั้ง เบต้า แซค พลัส และ เนซิด พาวเดอร์ ก็จะถูกวิจัยเพื่อหาข้อมูลเชิงลึก แล้วส่งตีพิมพ์วารสารต่างประเทศ แล้วหาข้อมูลต่อ เพื่อตอบคำถามให้ผู้เลี้ยงกุ้งในต่างประเทศว่าเราตอบสนองด้วยกลไกอะไร เนื่องจากสินค้าเราเป็นผลิตภัณฑ์ไบโอเทค ต้องใช้หลายๆ ศาสตร์มาร่วมกัน เพื่อไปทดแทนกลุ่มเคมีต่างๆ
แม้ว่าผลิตภัณฑ์ต่างๆ จะตอบโจทย์การสร้างภูมิคุ้มกันในกุ้ง แต่ถ้าเป็นโรคกระทบต่อลำไส้ ยีสต์ มาสเตอร์ จึงต้องนำสารสกัดจาก ขมิ้นชัน ข่า และ กระเจี๊ยบแดง มาใช้ในการลดการอักเสบ และฟื้นฟูลำไส้กุ้ง ภายใต้แบรนด์ เทอแบค 15 แน่นอนไวรัสตัวแดงดวงขาวก็ยังระบาดอยู่บ้างในบางเวลา
ดังนั้นผลิตภัณฑ์ที่มาจากสาหร่ายสไปรูลิน่า และ วิตามิน ถูกผลิตขึ้นในแบรนด์ สไปซี่ นั่นเอง แต่ถ้าติดเชื้อวิบริโอก็ต้องใช้ยาแรง ดังนั้น ยีสต์ มาสเตอร์ ได้ร่วมกับกระทรวงวิทย์ ได้ร่วมกันวิจัยนำสารสกัดจากใบพลู ตะไคร้ และ กระเทียม ให้กุ้งกิน 7 วัน ในแบรนด์ VIBIO BLOC
ประเภทผลิตภัณฑ์ที่ใช้เลี้ยงกุ้ง
ในเรื่องการเลี้ยงกุ้งนั้น ยีสต์ มาสเตอร์ ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ โดยวางผลิตภัณฑ์เป็น 2 ระยะ
เฟสแรก เลี้ยงกุ้งให้รอดจะต้องทำอย่างไร??
ดังนั้น 1-2 เดือนแรก ของกุ้ง จะเน้นผลิตภัณฑ์เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค เช่น เบต้า แซค พลัส กับ สไปซี่ ร่วมกับยีสต์ ป้องกัน EMS และวิบริโอ
เฟส 2 เป็นระยะอีก 2 เดือน จับกุ้ง ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้กุ้งได้น้ำหนัก เช่น เบต้า โค้ท อย่างต่อเนื่อง เป็นต้น
จะเห็นได้ว่า ยีสต์ มาสเตอร์ วันนี้ ได้วางผลิตภัณฑ์ทางวิทยาศาสตร์ แนวโปรไบโอติก สร้างภูมิคุ้มกันเป็นหลัก และเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์แนวรักษา เพื่อทดแทนเคมีภัณฑ์นั่นเอง
อ้างอิง : นิตยสารสัตว์น้ำ ฉบับที่ 381
