พูดถึงการเลี้ยงปลาผสมกับกุ้งในยุค 4.0 การเลี้ยงปลานิลเป็นปลาเศรษฐกิจที่มีคุณค่าหลายๆ ด้าน ทั้งเลี้ยงเพื่อบริโภค หรือเลี้ยงเพื่อเป็นอาชีพ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นด้านไหนต่างก็มีประโยชน์ต่อเกษตรกรไทยแทบทั้งสิ้น จึงทำให้ปลาชนิดนี้ได้รับความนิยม และเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย รวมไปถึงประเทศเพื่อนบ้าน อย่าง ลาว และพม่า ที่ได้นำปลาตัวนี้ไปเลี้ยงในประเทศของตัวเอง วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม
เพราะนอกจากจะเลี้ยงง่าย โตไว และสามารถเพาะพันธุ์ได้อย่างต่อเนื่อง ยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค และบรรดาร้านอาหารต่างๆ อุตสาหกรรมการเพาะเลี้ยงปลานิลของไทยนั้นมีเกษตรกรหันมาเพาะเลี้ยงปลานิลมากขึ้น ทำให้ปลานิลราคาตกลงมาพอสมควร ทำให้เกษตรกรหันมาเลี้ยงปลาร่วมกับกุ้ง
นิตยสารสัตว์น้ำฉบับเดือนเมษายนนี้ จะพาทุกท่านไปรู้จัก เผือกเจริญฟาร์ม จะสัมภาษณ์ถึงรายละเอียดว่าเผือกเจริญฟาร์มเป็นอีกหนึ่งฟาร์มที่หันมาเลี้ยงกุ้ง 70 % และปลา 30 % ซึ่งเป็นการเลี้ยงแบบเกษตร 4.0 นั่นเอง เผือกเจริญฟาร์มของ คุณอำนาจ บุญสวัสดิ์ หรือคุณเผือก มีความมุ่งมั่นจะผลิตปลานิลที่มีคุณภาพอันดับต้นๆ ของประเทศ เพราะเมื่ออายุ 14 ปี
เริ่มต้นจากการชำลูกปลา จากไซส์ใบมะขามขึ้นมาเป็นปลา 30-35 ตัว/กิโลกรัม เพื่อจำหน่าย เรียนรู้วิธีการและเทคนิคต่างๆ ด้วยตนเอง และเปิดกิจการแรกบริเวณ อ.บางแพ จ.ราชบุรี บนพื้นที่ 30 ไร่ และได้พัฒนาการอนุบาลและระบบการเลี้ยงขึ้นมา
จนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า 20 ปี และได้ขยายกิจการมาอยู่ในนครปฐม โดยมีพื้นที่เลี้ยงทั้งหมดกว่า 150 ไร่ และสามารถอนุบาลลูกปลานิลจำหน่ายได้ถึงเดือนละ 400,000 ตัว นอกจากนี้ยังได้ขยายธุรกิจมาผลิตและจำหน่ายกุ้งก้ามกรามอีกด้วย
สภาพพื้นที่บ่อเลี้ยงกุ้งก้ามกรามผสมปลานิล
คุณเผือกเปิดเผยว่า ตนเลี้ยงผ่านมา 2-3 ครอก ที่เลี้ยงอยู่ตอนนี้ คือ ครอกที่ 4 การเลี้ยงเพื่อพัฒนา คือ พื้นที่บ่อ 8 ไร่ จะใช้ตาข่ายกั้นไว้ 1 ไร่ เอาปลาลงไปที่กั้นไว้ ปล่อยกุ้งลงไป 400,000 ตัว ในพื้นที่ 8 ไร่ อีก 1 ไร่ ก็ใส่ปลาลงไป เลี้ยงปลาปนกับกุ้ง ตนได้พัฒนาการเลี้ยงเพื่อให้เกษตรกรมีเงินกันทุกคน
ทุกวันนี้ปลานิลก็ราคาตกต่ำมาก พยายามเลี้ยงปลานิลน้อยลง ส่วนมากจะเลี้ยงกุ้งผสมปลานิล แล้วใช้ตาข่ายฝังดินลงไป 20 เซนติเมตร ใช้ตาข่ายความสูง 2 เมตร น้ำลึก 1.50-1.80 เมตร ลงเลี้ยงลูกกุ้ง 400,000 ตัว ได้ผลผลิต 2.5 ตัน ถ้าหากได้กิโลกรัม 80-100 บาท ก็ได้คืนกำไรแล้ว
เพราะว่ากุ้งไม่ได้กินอาหารเม็ด ให้กุ้งกินอาหารก้นโม่ และขี้ปลานิล เพราะปลานิลขับถ่ายอยู่ตลอด การเลี้ยงปลานิลไม่ต้องให้กินแบบอิ่ม หรือเต็มที่ ปลานิลจะรับสารอาหารโปรตีนแบบไม่ได้อยู่ในท้อง คือ ถ่ายไว พยายามเลี้ยงให้พอดี คือ อย่าให้เม็ดอาหารอยู่ในท้อง ถ้าปลานิลถ่ายออกก็จะไม่ได้โปรตีนที่วางสเป็คไว้
เปิดสูตรการทำ หัวเชื้อจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง ใช้เอง
อีกอย่างการเลี้ยงในระบบแบบนี้ต้องเลี้ยงน้อยๆ เลี้ยงดีๆ จึงคิดค้นการใช้จุลินทรีย์ ไม่ว่าจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง หรือจุลินทรีย์ที่ปรุงอาหาร ให้กินอย่างทุกวันนี้ จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงตัวนี้จะทำหน้าที่เก็บของเสียในพื้นบ่อ แอมโมเนีย ไนไตรท์ ทำให้น้ำโปร่ง น้ำจะไม่เขียว ตัวนี้จะใช้ได้ดีมาก
ทางฟาร์มแนะนำให้เกษตรกรลองใช้กันดู
- ใช้ถังขาวขนาด 30 ลิตร
- ไข่ 5 ใบ
- น้ำปลา 10 ช้อน
- ผงชูรส 1 ช้อน
ตีให้เข้ากัน แล้วใส่ลงไปในถัง 30 ลิตร ใส่น้ำให้เต็ม แล้วปิดฝา และตาก 10-15 วัน ดูน้ำแดง ยิ่งแดงยิ่งดี และใช้ระบบต่อเชื้อ 30 ลิตร เทลงไปแค่ 29 ลิตร เก็บเอาไว้ 1 ลิตร เพื่อที่จะเอาไว้ทำใหม่
เอาไข่ใส่ 5 ใบ ต่อเชื้อ น้ำปลา 10 ช้อน ผงชูรส 1 ช้อน ใส่ในถัง 30 ลิตร ที่เหลือจุลินทรีย์ไว้ตากแดด 7-15 วัน ใช้ต่อได้ ถ้าน้ำไม่แดงใช้ไม่ได้ เพราะว่าเกิดเป็นสีน้ำข้าวเททิ้งได้ เนื่องจากมีพิษแน่นอน
ส่วนจุลินทรีย์สังเคราะห์แสงตัวนี้สามารถสืบค้นได้ทางอินเตอร์เน็ตได้ มีหลายๆ อย่าง คือ มีทั้งพืช มีทั้งสัตว์ในน้ำ หากฉีดพืชก็ผลผลิตดก ใบเขียว คือ การประหยัดต้นทุน ให้เกษตรกรทำ และลองใช้กันดู ใช้ได้ดี ได้ผลและบอกต่อ นี่คือจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง
การจำหน่ายปลานิลและกุ้งก้ามกราม
คุณเผือกเปิดเผยว่าคิดถึงจุดตรงที่ว่าในพื้นที่ของสมุทรสาคร นครปฐม ราชบุรี บ้านโป่ง แถวกำแพงแสน เวลานั้นก็คือ เกษตรกรมี 5 ไร่ 20 ไร่ คือ จะไม่ชำลูกกุ้งไว้เอง จะซื้อตลอด คือ ไซส์กุ้ง P อัตราการรอด กุ้ง 1,000,000 ตัว จะได้น้ำหนักกุ้งอยู่ที่ 3.5 ตัน/ 1 รุ่น ใช้ระยะเวลาอยู่ที่ 3 เดือน
ตนจึงปิดบ่อใช้ในพื้นที่ 200 ไร่ ทำกุ้งไปแล้ว 140 ไร่ ที่เหลือทำปลานิล เพราะปลานิลจะทิ้งไม่ได้ คือ ลูกค้ามีโทรเข้ามาถามเรื่อยๆ เพราะว่าทางฟาร์มทำในระบบยุคใหม่ คือ ยุคเกษตร 4.0
ปลานิลตอนนี้ที่มียอดไม่เกิน 60,000 ตัว/เดือน ตอนนี้ลดราคาให้ลูกค้าต่ำกว่าเรทที่ขาย คือ ตัวละ 4 บาท ไซส์ 30-35 ตัว/กิโลกรัม ก็จะมีรายได้ 240,000 บาท/เดือน ถ้าลดต้นทุนออก คือ ใช้อาหารที่ถูกลง คือ ปลา 100,000 ตัว จะใช้อาหาร 150 ลูก/ 1 รุ่น ก็จะมีรายได้มากขึ้น
ส่วนลูกกุ้งก้ามกรามชำ คือ กุ้ง P ตอนนี้สามารถซื้อในราคาที่ต่ำ ต่อรองได้ คือ ใช้เยอะ ใช้เงินสด ในพื้นที่ภาคกลางไม่มีใครที่ว่าใส่ได้เยอะขนาดนี้ คือ เนื้อที่ 8 ไร่ ใส่ 1,000,000 ตัว ไม่มีใครทำแน่นอน ส่วนมากพื้นที่ในภาคกลางจะใส่ไม่เกิน 400,000 ตัว
คุณเผือกให้ความเห็นว่าเพราะสามารถเลือกสายพันธุ์ได้ การจัดการ การดูแล ตอนนี้เริ่มพัฒนาไปเพาะเอง คือ แม่พันธุ์อยู่ที่ 18-23 ตัว/กิโลกรัม ไข่เต็มท้อง จะไม่มีกุ้งขาวลงไปปนในแม่กุ้งที่ชำไว้ เพาะลูกกุ้งได้ ก็ลดต้นทุน จากเคยซื้ออยู่ 7 ตัน ก็จะเหลืออยู่ 3 ตัน อัตราการติดของกุ้งชำ 1,000,000 ตัว เลี้ยงเป็นกุ้งเนื้อได้ 3.5 ตัน หรือ 70-75% ดีกว่าเลี้ยงปลา ผลงาน 7 เดือน ไซส์ 8-10 ตัว/กิโลกรัม และต้องดูในพื้นที่รอบนอกว่ามีตายหรือไม่
ถ้าเอาของทางฟาร์มไปแล้วตาย เอาในบ่อไป อย่างเช่น เอาปลาจากฟาร์มไป 10 คน ตาย 3 คน อีก 7 คน ไม่ตาย ต้องพิจารณาดูว่าเราจะต้องทำแบบไหน ถ้าเอาปลาไป 10 คน ไม่ตาย 7 เราก็ต้องยอม ยอมตรงที่ว่าจากเคยขายกิโลกรัมละ 220 บาท ให้เหลืออยู่ที่กิโลกรัมละ 150 บาท ให้ลูกค้า แล้วอีกอย่างหนึ่งถ้าเราไม่ทำระบบนี้ ไม่มีใครกล้าที่จะรับประกันในการตายได้ เพราะว่าเดี๋ยวนี้โลกมันเปลี่ยนไป 3 ฤดู
การให้อาหารปลานิล
คุณเผือกเปิดเผยว่าแนวคิดที่ว่าหากราคาปลาไม่ดี จึงเลี้ยงปลาน้อยลง ด้วยการเลี้ยงกุ้งผสมปลาในบ่อเดียวกัน การเลี้ยงกุ้งหากปลายังไม่ได้ แต่ลากกุ้งก่อน 2 เดือน 20 วัน ลากก่อนได้ 2.5 ตัน และก็ทำล้อมใหม่ ปล่อยลงไปใหม่อีกรุ่นหนึ่ง
พออีกรุ่นหนึ่งก็จะได้อยู่ 4 ขีด-ครึ่งกิโลกรัม รุ่นที่ 2 จนกว่าจะได้จับ คือ กุ้งรอบ 2 ก็จะได้อีก 1.5-2 ตัน คือ การพัฒนาขึ้นมา เมื่อก่อนบ่อ 8 ไร่ ไปเลี้ยงปลาแบบเต็มๆ การส่งออกราคาตกต่ำมาก ไม่คุ้มกับทุนที่จะให้กินอาหารลูกละ 380 บาท มาพัฒนาในฟาร์มให้ดีขึ้น จึงทำเป็นตัวอย่างให้ดูว่าเลี้ยงอย่างนี้ได้จริง คนอื่นก็จะได้ทำตาม จะไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น
หากเกษตรกรสนใจ คิดง่ายๆ คือ ปลาเป็นทุน กุ้งเป็นกำไร ปลา 1 ไร่ เลี้ยง 3,000 ตัว กินอาหารอยู่ที่ 15 ถุง ปลาไซส์ 30 ตัว/กิโลกรัม ถึง 50 ถุงแน่นอน ถึงได้มาพัฒนาเป็นเกษตร 4.0 เพราะว่าเลี้ยงปลาน้อยลง แล้วเลี้ยงกุ้งเป็นส่วนมาก
จุลินทรีย์อีกตัวที่ผสมอาหารให้กินทุกวัน แนวความคิด คือ การใช้ดีบอกต่อ ตอนนี้มีการทดลองลงไปแล้ว ผ่านฤดูร้อน ผสมอาหารให้กินทุกวัน ใส่กระชัง 7×15 เมตร ใส่ปลาไป 3,300 ตัว ตอนนั้นใช้ 30-35 ตัว/กิโลกรัม จุลินทรีย์ตัวนี้ คือ ใช้บอกต่อ คือ ให้อาหารผสมให้หมาดๆ แล้วทิ้งไว้ให้ซึมเข้าไปในเนื้ออาหาร
ตัวนี้ คือ จุลินทรีย์ให้ปลากินแล้วแข็งแรง ใช้กับน้ำตาล 20 ลิตร สับปะรด 20 กิโลกรัม และ ยาคูลท์ 1 โหล ใส่ถัง 200 ลิตร และปิดฝาให้แน่น ทิ้งไว้ 15 วัน ใช้ได้นาน สามารถใช้ได้ทั้งกุ้งและปลา
เป็นแนวคิดเกษตรยุค 4.0 ถ้าไม่ใช้ในระบบนี้อยู่ไม่รอดแน่นอน คุณเผือกบอกว่าใช้ก็บอกต่อ ลองทำในฟาร์มดูก่อน คือ ถ้าเกษตรกรอยากจะลองทำดู ก็ลองทำตามสูตรที่แนะนำ ลองดูแล้วเห็นผลจริงก็ใช้ต่อไป
การชำกุ้งก้ามกรามและ วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม
เลี้ยงกุ้งก้ามกรามชำ 200 ตัว กิโลกรัมละ 200 บาท เอามาขุนเลี้ยง 120 วัน เพื่อมาเลี้ยงเป็นกุ้งใหญ่ในเนื้อที่บ่อ 10 ไร่ ต้องใส่กุ้งอยู่ที่ 6,000 ตัวต่อ 1 ไร่ กุ้งขาวไม่เกิน 250,000 ตัว คือ ลูกค้าประสบความสำเร็จ คือ บ่อหนึ่งประมาณ 700,000 บาท ต่อบ่อ 10 ไร่ และกุ้ง P
ทางฟาร์มได้ทำการเพาะเอง ใช้ลูกไรทะเลเลี้ยง เพราะมีโปรตีนสูงมาก เปรียบเทียบเหมือนกับเด็ก ว่าทำไมต้องกินซีรีแล็ค เพื่อบำรุงสมอง โครงสร้างกระดูก จะคล้ายๆ กัน สัตว์ก็ต้องใช้ของดีที่มาให้กุ้งหรือปลากิน ลูกไรทะเลโดยได้จ้างฟาร์มอื่นเลี้ยง เพราะควบคุมได้ ประมาณ 10,000 บาท/ลัง 1 ลัง มี 12 กิโลกรัม และกุ้งที่ใช้ไรน้ำเค็มเลี้ยงจะโตตอนท้าย เอามาลงบ่อดิน วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม
ตอนที่คว่ำแล้วต้องมาใช้อาหารโปรตีน 57 น้ำหนักตอนกินตั้งแต่ลงบ่อดิน คือ ไม่เกิน 20 กิโลกรัมต่อกุ้ง 1,000,000 ตัว และมาอยู่ที่ 42 โปรตีน ผลดี คือ การลอกคราบ การกระตุ้น ตัวนี้จะลอกคราบไว และสร้างเปลือกใหม่ได้ไว ถึงระยะเวลา 2 เดือน 20 วัน เป็นตัวที่มีโครงสร้างบำรุงหลายๆ อย่าง มาเลือกใช้ว่าตัวไหนถูก
แต่ทางฟาร์มใช้โปรตีน 42 ต่อเนื้อบ่อ 7-8 ไร่ ใส่กุ้งไป 1,000,000 ตัว จะใช้เกล็ดอยู่ที่ประมาณ 15 กระสอบ และใส่ถ่านดำอีก 40 กระสอบ ก็จะเป็น 42 โปรตีน กลับมาใช้เป็นตัวนี้ เพราะโครงสร้างได้แล้วทั้งหมดทุกอย่าง หนึ่งกระสอบมี 25 กิโลกรัม ตอนลูกค้านำไปเลี้ยงต่อ ได้กินอาหารตัวที่ได้โปรตีนต่ำกว่า เลี้ยงยังไงก็โต แต่ต้องอยู่ในระยะเวลา 120 วัน โตแน่นอน ทำน้อยๆ แต่ทำดีๆ ได้แน่นอน
การเลี้ยงกุ้งชำทางภาคอีสานแพงกว่าภาคกลาง
คุณเผือกกล่าวว่าตอนนี้ตนไม่รู้ว่าที่อื่นเป็นแบบไหน แต่รู้ว่ามีการเลี้ยงกุ้งชำทางภาคอีสานแพงกว่าภาคกลาง ทางภาคอีสานขายอยู่ตัวละ 2 บาท เพราะอาจจะติดเรื่องค่าขนส่ง การชำติดน้อย อย่างกุ้งเป็นหลังขาว เป็นกุ้งติดเชื้อ ไม่ใช่ลำไส้คด ตัวที่เหลือเป็นกุ้งดี
ใช้ทฤษฎีเกลือจิ้มเกลือ คือ กุ้งอยู่ในน้ำ 30 แต้ม ตั้งแต่อยู่ในอ่าง และมาปรับจืด จะผิดอยู่ที่อากาศ คือ ตอนฝนตก พอฝนตกจะอยู่ในพื้นที่หนาแน่น พอลงบ่อดิน หันมาใช้เกษตรยุค 4.0 ใช้ทฤษฎีเกลือจิ้มเกลือ คือ ใช้น้ำเค็มผสมกับอาหารให้กินในระยะเวลา 7 วัน เลี้ยงเช้า – เย็น 3 มื้อ หลังจาก 7 วันแล้ว ไปช้อนดูว่ามีกุ้งหลังขาวหรือไม่ ถ้าไม่มีคือผ่าน ทุกอย่างมีทางแก้
อยากฝากถึงเกษตรกร อยากให้ใช้จุลินทรีย์ส่วนมาก ไม่อยากให้ซื้อของแพงมาใช้กัน อยากให้ใช้ของถูก ใช้ถัง 30 ลิตร ลงทุนเพียง 50 บาท หากไปซื้อร้านอย่างน้อย 600-700 บาท ถ้าหากไม่ทำในระบบนี้อาจจะไม่รอด เพราะสมัยนี้มีเชื้อโรคเยอะ คือ เป็นการใช้จุลินทรีย์เพื่อยับยั้งเชื้อโรค ฤดูเดี๋ยวนี้ก็เป็น 3 ฤดู อยากให้เกษตรกรมั่นใจว่าเราใช้ของดี เลี้ยงยังไงก็โตแน่นอน วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม
การจัดการบ่อเลี้ยงกุ้งผสมปลานิล
การเลี้ยงแบบเกษตร 4.0 คือ ต้องใช้ปลาไซส์ที่อย่าให้ลอดตาข่ายดำ ไม่ให้ไปกินกุ้งที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของตาข่าย การเลี้ยงต้องให้ปลาอิ่มอยู่ตลอด จะได้ไม่ไล่กินกุ้ง คือ ใช้กระชังแขวนเลี้ยง ถ้าเกิดไปกินในกระชัง อาหารจะค่อยๆ ร่วง และแห้งลงไปเรื่อยๆ คือ การเลี้ยงแบบพัฒนาในระบบเกษตร 4.0 คือ ใช้ปลาค่อนข้างที่จะตัวใหญ่ จะเป็นตาข่ายพลาสติกที่หัวนิ้วโป้งสามารถลอดได้ หากไม่มีปลาใหญ่ใช้ลูกปลาเล็ก คือ ไซส์ 30-35 ตัว/กิโลกรัม ไปใส่แทน
พอทำลูกปลาไว้แล้ว ตั้งใจเอาไว้ใส่บ่อผสมกุ้งในบ่อนี้ อย่างปลาไซส์ 30-35 ตัว/กิโลกรัม ถ้าในพื้นที่ 1 ไร่ ใส่ในจำนวนอยู่ที่ 3,000 ตัว อย่าเกิน เพราะจะเกิดการเปลืองอาหาร เวลาตอนเลี้ยงปลา 3,000 ตัว
เหมาะกับคนที่ทุนน้อย หรือพูดง่ายๆ คือ มีเงิน 100,000 บาท ทำระบบนี้ได้เลย ทำแล้วประสบความสำเร็จแน่นอน ลงทุน 100,000 บาท จะได้ประมาณ 300,000 บาท ทำให้เกษตรกรดูเป็นตัวอย่าง มีการแนะนำการเลี้ยงให้ ไม่คิดค่าสอน เพราะเต็มใจทำให้เกษตรกรดู
ระบบการเลี้ยงปลาแบบสมัยก่อนกับสมัยนี้เหมือนกัน การเลี้ยงระบบนี้ต้องมีเครื่องตีน้ำ ถ้าไม่มีเครื่องตีน้ำน็อคแน่นอน บ่อ 8 ไร่ ใช้เครื่องตีน้ำประมาณ 3 ตัว จะตีไปกลับก็ได้ หรือจะตีแขนเดียวก็ได้ พื้นที่ล้อมไว้ 1 ไร่ ใช้ระบบออโต้ฟีด (Auto Feed) หากขยันไม่ต้องใช้ก็ได้ ใช้อาหารที่ลดต้นทุน คือ กระสอบละ 250 บาท คือ อาหารก้นโม่ เพื่อเอามาเลี้ยงปลาเล็ก เป็นแบบประหยัดต้นทุน เพราะว่าทุกวันนี้หาของที่มาประหยัดต้นทุน ถ้าหากไม่ประหยัดต้นทุนไม่รอดแน่นอน วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม
อาหารก้นโม่ที่เลี้ยงลงไปจะใส่กระชังแขวน ปลานิลจะมากินในกระชังที่แขวนไว้ เวลานั้นกุ้งก็จะกินทั้งขี้ปลานิล และอาหารร่วง ใบข้าว และข้าวโพด สิ่งที่ลงจากกระชังลงไป คือ กุ้งเก็บกิน แล้วใช้อาหารเม็ดมาเสริม ช่วงจังหวะที่อาหารก้นโม่หมดกระชังที่ใส่ไว้ คือ กำหนดไว้วันละ 4 กระสอบ ใช้อาหารเม็ดเลี้ยงวันละ 2 กระสอบ ใช้เครื่องก็ได้ ใช้มือหว่านก็ได้
การเพิ่มออกซิเจนในน้ำให้กุ้ง
การปล่อยหลุมท่อ หรือปล่อยน้ำครึ่งบ่อ ใช้เกลือ ใช้แร่ธาตุ เพื่อไปปรับในน้ำ เพื่อจะให้เข้ากับตัวกุ้ง และค่อยๆ เติมน้ำไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเต็มบ่อ แต่ต้องมีเครื่องตีน้ำ 1 ตัว เพื่อจะให้เพิ่มออกซิเจนในน้ำ และเพิ่มพวกแร่ธาตุ เพื่อให้ลอกคราบได้ไว เพราะสัญชาตญานกุ้งก้ามกราม P การลอกคราบไวกว่าตอนที่เจริญเติบโตอายุเดือนครึ่งขึ้นไป คือ จากทุก 7 วัน วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม
แต่ก็มีอีกกรณีหนึ่งว่าการปล่อยหนาแน่นไม่จำเป็นต้องลอกคราบ จะลอกคราบอยู่เสมอ ตัวที่ลอกคราบเวลาเพิ่มแร่ธาตุหรือเพิ่มปูนเพื่อให้สีน้ำโปร่ง เปลือกจะแข็งตัวได้ไว ตัวไหนที่แข็งแรงกว่าจะไม่มากวน หรือกินตัวที่แข็งแรงกว่า พอเลี้ยงได้ 20 วัน ใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเข้ามาปรับ pH ไนไตรท์ สารแอมโมเนียก้นบ่อ ของเสีย พวกอาหาร ขี้กุ้ง เพื่อยับยั้งเชื้อโรคที่อยู่ในน้ำ หรืออยู่ในพื้นดิน สิ่งอื่นๆ อีกหลายอย่าง การใช้แร่ธาตุสังเคราะห์แสงใส่ทุก 7 วัน
หลังจาก 20 วันขึ้นไป จะเพิ่มใบพัดไปทีละตัวจนกว่าออกซิเจนจะเพียงพอในน้ำ ใช้จุลินทรีย์สังเคราะห์แสงเข้าไป ใช้แบบผสมผสานจุลินทรีย์ที่ถ่ายออกไป ปลากินแล้วขี้ไป ถ่ายไป จุลินทรีย์ออกมาจากลำไส้ปลาอยู่แล้ว ตัวที่รับ คือ กุ้งที่อยู่ในบ่อเดียวกันกับปลา จะได้ในจุลินทรีย์อีกทีหนึ่ง
อย่างที่ลูกค้าอยู่ที่ตลาดจะพูดถึงบ่อ 5 ไร่ ใส่ปลาไป 1,000 ตัว กันพื้นที่ไว้อยู่ที่ 1 งาน 3 เดือน 20 วัน จับ 55 ตัว/กิโลกรัม ใส่กุ้ง 300,000 ตัว คือ เลี้ยงแบบพัฒนา ตีน้ำแบบบ่อพัฒนา ปลาที่ลงไปก็คือ ใส่ในล้อมที่ 1 งาน ของบ่อ 5 ไร่ และพื้นที่บ่อ 10 ไร่ ปล่อยกุ้งไป 2,100,000 ตัว
การคำนวณอาหาร
คำนวณอาหาร คือ ตอนนี้กุ้งกินอาหารไป 5 ตัน เกือบ 6 ตัน ในระยะเวลา 2 เดือน 25 วัน กุ้งในบ่อ 4.5 ตัน แน่นอน คำนวณจากอาหารแล้วเป็นการสรุปแห้ง คือ ตรงนี้ 4.5 ตัน ลงทุนไปแล้ว 450,000 บาท คือ ในราคากิโลกรัมละ 200 บาท พอผ่านไป 28 วันไปแล้ว เติมน้ำอีกประมาณ 5 วัน แล้วเติมน้ำอีก 3 วัน เติมระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง เติมทุกวัน เพื่อจะให้กุ้งลอกคราบได้ดี เหมือนการเปลี่ยนน้ำ
การถ่ายน้ำมีอยู่แล้ว จะมีการถ่ายน้ำอยู่ประมาณ 3 ครั้ง ไล่น้ำอยู่ 3 วัน คือ ปล่อยน้ำทิ้งท้าย และสูบเข้าทางหัว เพื่อจะไล่น้ำเสียทิ้งออกไป ตรงนี้จะเป็นกุ้งก้ามกรามไม่มีความเค็มแล้ว เพราะว่าไม่ใช่กุ้งขาว อีกอย่างหนึ่งค่าน้ำมองด้วยตาเปล่าไม่มีการวัด มองจากสีน้ำ และอาศัยความชำนาญ ใส่เวลา 20.00 น. บ่อ 10 ไร่ ที่ 8 กระสอบ แร่ธาตุสีส้ม 5 กระสอบ หว่านคนละวัน คือ วันต่อมาน้ำโปร่ง ทิ้งไว้ 5 วัน และหว่านอีกครั้งหนึ่ง ดูกุ้งว่าการลอกคราบมีคราบลอยให้เห็นหรือไม่
การลอกคราบเพื่อที่จะเห็นคราบกุ้ง ให้ออกซิเจนแค่ตัวเดียว เพื่อที่จะให้คราบลอยขึ้นมาให้เห็น แต่การลอกคราบตอนนี้ออกซิเจนดึงน้ำจึงหมุนเวียนตลอด คือ คราบไม่ขึ้นมาให้เห็น สัญชาตญาณของกุ้งก้ามกรามจะกินเปลือกเข้าไปเอง เพื่อจะไปเพิ่มแร่ธาตุของตัวกุ้งเอง
ส่วนกุ้งขาวหากมีการลอกคราบเห็นเปลือกแสดงว่ากุ้งไม่สบาย ต้องการที่จะจับแล้ว คือ เหตุการณ์ของกุ้งขาว แต่กุ้งก้ามกรามจะกินคราบถ้าเป็นตัวเล็ก อย่างกุ้งก้ามกรามชำกินหมดแน่นอน คือ ไม่มีให้เห็น เช่น ที่เอากุ้งไป คือ 2 เดือน 20 วัน เอาไปเลี้ยงอีก 120 วัน จะได้ 8 ตัว/กิโลกรัม-10 ตัว/กิโลกรัม แน่นอน เพราะกุ้งจะกินไรน้ำเค็ม และกินอาหาร 57 โปรตีนมาก่อน
และมากิน 42 โปรตีน ลูกค้ามาซื้อไปเลี้ยงต่ออีก 120 วัน และใช้จุลินทรีย์เข้าไปปรับ คือ กินอาหารดีตั้งแต่แรกเริ่ม คุณเผือกเปิดเผยว่าเลี้ยงยังไงก็โต ไม่ต้องกังวล ให้นึกถึงตอนที่เลี้ยง และอยากได้ของดี เมื่อส่งต่อไม่อยากให้มีคำพูดที่เสียหาย วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม
ด้านตลาดกุ้งและปลานิล
อยู่ในพื้นที่ภาคกลางเป็นส่วนมาก เช่น องครักษ์ ฉะเชิงเทรา ลูกค้าพึงพอใจ เหมือนว่าการขายไม่ละทิ้ง ติดตามผลงานก่อนจับว่าโตจริงหรือไม่ มีการประสานงานอยู่กับเจ้าของบ่ออยู่ตลอด หากลูกค้าในพื้นที่ ถ้าไกลจะมีรถขนส่งให้ เช่น หนองคาย ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ และภาคกลาง พื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์จะเลี้ยงเพียง 1/4 ของภาคกลาง
การจับกุ้งใหญ่ไม่จับเหมือนภาคกลาง จับแบบกุ้งรวม คือ จับตัวผู้ ตัวเมีย รวม คัดไซส์ค่อนข้างที่จะเสมอ ไม่เหมือนภาคกลาง คือ ไซส์ 8 ตัว/กิโลกรัม 10 ตัว/กิโลกรัม จะอยู่ที่ 480 บาท
คุณเผือกกล่าวว่าต้องปรับตัวให้เข้ากับวิกฤตที่โดนมา คือ จากเคยขายปลาแบบเดือนหนึ่งหลักแสนบาท สองแสนบาท หรือสามแสนบาท แต่ก็มาลง แต่ก็ไม่ต่ำเกินไป พยายามเป็นแนวคิด คือ เกษตร 4.0 คือ เลี้ยงปลาน้อยลง เลี้ยงกุ้งมากขึ้น จะบอกว่ากุ้งกินขี้ปลานิลยังไงก็โต วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม วิธีการเลี้ยงกุ้งก้ามกราม
สุดท้ายนี้หากเกษตรกรท่านใดสนใจสอบถามข้อมูลการเลี้ยง หรือสั่งซื้อปลานิล และกุ้งก้ามกรามชำ จาก เผือกเจริญฟาร์ม สามารถติดต่อได้ที่ คุณอำนาจ บุญสวัสดิ์ 55 ม.4 ต.คอนคา อ.บางแพ จ.ราชบุรี 70160 โทร.089-548-9994