ปัจจุบันธุรกิจการเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการจัดการที่ง่าย ลงทุนไม่สูงมาก โดยเฉพาะฟาร์มที่ไม่ได้ทำการเพาะขยายพันธุ์เอง ดังนั้นสิ่งที่เป็นปัญหาตามมาของฟาร์มเหล่านี้ คือ “คุณภาพ” ของลูกปลาที่ไม่นิ่ง ส่งผลให้ลูกค้าที่ซื้อลูกปลาไปแล้ว ได้ลูกปลาที่ไม่มีคุณภาพ อ่อนแอ ไม่แข็งแรง และสุดท้าย คือ ปลาต้องตายลง วิธีเพาะพันธุ์ปลา
ซึ่งความมักง่ายของฟาร์มเหล่านี้สร้างผลกระทบให้กับฟาร์มเพาะมาตรฐานอีกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นการเลือกซื้อ ลูกปลาที่ดีที่สุด เกษตรกรควรเลือกซื้อลูกปลาจากฟาร์มที่มีการเพาะขยายพันธุ์ขึ้นเอง เพราะจะได้ลูกพันธุ์ปลาที่มีคุณภาพ แข็งแรง สมบูรณ์ มากที่สุดนั่นเอง
การเพาะเลี้ยงปลาน้ำจืด
ดังเช่น ฟาร์มที่เราจะแนะนำในฉบับนี้ เป็นฟาร์มเพาะขยายพันธุ์ปลาน้ำจืดหลากหลายสายพันธุ์ ที่สำคัญทางฟาร์มเน้นการอนุบาลดูแลพ่อแม่พันธุ์เอง และผสมพันธุ์เอง เพื่อให้ได้ลูกปลาที่ดี มีคุณภาพ ก่อนส่งต่อให้กับเกษตรกรต่อไปในอนาคต
ฟาร์มแห่งนี้มีชื่อว่า “โจพันธุ์ปลา” เพียงได้ยินชื่อก็รู้ถึงคุณภาพของลูกปลาแล้ว มีการบริหารงานโดย คุณนาวิน พิมพ์พยอม หรือพี่โจ ผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการเพาะพันธุ์ปลามากว่า 30 ปี “โจพันธุ์ปลา” ตั้งอยู่ที่ 11/1 ม.10 ต.เกรียงไกร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ เป็นฟาร์มเพาะขยายพันธุ์ปลาน้ำจืดหลากหลายชนิด มีพื้นที่เพาะเลี้ยงอนุบาล ลูกปลากว่า 10 ไร่ โดยทางฟาร์มมีกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศอย่างหนาแน่น มีออเดอร์ลูกปลากว่า 3-4 ล้านตัว/เดือน
แต่ในปัจจุบันคุณโจยอมรับว่าตลาดลูกปลาเริ่มอิ่มตัว ส่วนหนึ่งเกิดจากฟาร์มเพาะขยายตัวเพิ่มมากขึ้น ฐานลูกค้ายัง เท่าเดิม ทำให้เกิดการกระจายรายได้ไปในหลากหลายช่องทาง แต่ถ้ามองในแง่บวก ภาวะแบบนี้ฟาร์มที่อยู่รอดได้นั้นต้องเป็นฟาร์มที่มีคุณภาพ โดยคุณโจจะเน้นการขายลูกพันธุ์ปลาที่มีคุณภาพ และบริการลูกค้าให้ได้รับความพึงพอใจมากที่สุด
ซึ่งเกษตรกรที่ซื้อลูกพันธุ์ไปจากทางฟาร์มจะต้องเป็นลูกปลาที่ดี มีคุณภาพ มากที่สุด เพราะคุณโจหวังว่าเกษตรกรจะต้องเป็นผู้ที่ได้กำไรสูงสุด โดยก่อนขายปลาออกไปนั้นคุณโจจะพักลูกปลาในอ่างให้นานที่สุด ให้เห็นว่าลูกปลาแข็งแรงก่อนจึงจะจับขาย ในส่วนเรื่องการบริการคุณโจจะตระหนักเสมอว่าจะต้องซื่อสัตย์และซื่อตรงต่อลูกค้า
ทั้งในเรื่องของจำนวนปลา และขนาดปลา เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเกษตรกรผู้นำไปเลี้ยงต่อ รวมถึงเรื่องการบริการหลังการขาย หรือเป็นที่ปรึกษาให้กับเกษตรกรผู้ประสบปัญหาในการเลี้ยง ซึ่งทางฟาร์มจะคอยช่วยเหลือทุกเรื่องเสมอ เป็นจุดศูนย์รวมข้อมูลปัญหาและวิธีการแก้ไขปัญหาเพื่อให้เกษตรกรอยู่รอด
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายปลาน้ำจืด
นอกจากการดูแลลูกค้าหลังการขายแล้วนั้น ขณะนี้ฟาร์มเพาะแต่ละฟาร์มต้องพยายามดิ้นรน หรือหาช่องทางต่อยอดธุรกิจให้สามารถเดินต่อไปได้ ซึ่ง “โจพันธุ์ปลา” เอง ก็คือ 1 ในฟาร์มเพาะเหล่านั้นที่ต้องหารายได้เพิ่มมากขึ้น จึงทำให้วันนี้นอกจากการผลิตปลาเพื่อจำหน่ายในประเทศแล้ว โจพันธุ์ปลายังเปิดรับออเดอร์เพื่อส่งขายไปยังประเทศต่างๆ ในอาเซียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
มีทั้งเอกสารรับรองมาตรฐานฟาร์ม (GAP) รวมถึงหนังสือสำคัญการขึ้นทะเบียนสถานประกอบการรวบรวมสัตว์น้ำเพื่อการส่งออก ซึ่งชนิดปลาที่ตลาดเพื่อนบ้านต้องการเป็นหลัก คือ ปลากดคัง ปลาช่อน ปลาหมอ และปลาชนิดอื่นๆ อีกมากมาย
แต่ชนิดปลาที่เป็นตัวหลักและตัวเด่นในขณะนี้คงหนีไม่พ้น “ปลากดคัง” ถึงแม้ว่าราคาปลาเนื้อจะตกลงมาบ้าง แต่ความต้องการผลผลิตก็ยังหนาแน่นเช่นเดิม ปลากดคังเป็นปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง อยู่ในวงศ์ปลากด (Bagridae) ที่มีขนาดโตเต็มที่ราว 1.5 เมตร หนักได้ถึง 100 กิโลกรัม แต่ที่พบโดยเฉลี่ยจะมีขนาดประมาณ 50-60 เซนติเมตร ลำตัวมีสีเทาอ่อนอมฟ้า หรือเขียวมะกอก ท้องสีจาง ครีบหางและครีบอื่นๆ มีสีแดงสด หรือสีส้มสด ไม่มีแถบขาวบนขอบ ครีบหางส่วนบนเหมือนปลากดชนิดอื่นๆ พบในแม่น้ำของไทยทุกภาค และในแหล่งน้ำนิ่งขนาดใหญ่ นิยมนำมาบริโภคโดยการปรุงสด ลวก จิ้ม หรือยำ มีราคาค่อนข้างแพง มีการเพาะเลี้ยงเป็นกระชังอยู่ริมแม่น้ำสายใหญ่บางสาย และยังเลี้ยงเป็นปลาสวยงามได้อีกด้วย
วิธีเพาะพันธุ์ปลา กดคัง
ตลาดปลากดคังเป็นตลาดที่ยังเปิดกว้าง ที่ความต้องการผลผลิตเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับโจพันธุ์ปลา ที่ทางฟาร์มมีการเพาะขยายพันธุ์ปลากดคังมานานหลายปี รวมถึงมีบ่อเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์โดยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันทางฟาร์มมีพ่อแม่พันธุ์ปลากดคังกว่า 500 ตัว โดยมีการคัดสายพันธุ์ที่หลากหลายเพื่อป้องกันการเกิดเลือดชิด โดยจะใช้ปลาจากหลากหลายแหล่งน้ำนำมาไขว้ผสมพันธุ์กัน
โดยแม่พันธุ์จะต้องมีความสมบูรณ์ ตัวใหญ่ น้ำหนัก 3-4 กิโลกรัม/ตัวขึ้นไป นำมาเลี้ยงดูแลในบ่อดินต่อ โดยใช้อาหารเม็ดสำเร็จรูปในการเลี้ยง ซึ่งอาหารเม็ดนี้จะต้องมีโปรตีน 42% ขึ้นไป พร้อมกับให้วิตามินและอาหารเสริม เพื่อความสมบูรณ์ของพ่อแม่พันธุ์ ระยะเวลาในการเลี้ยงนาน 3-4 ปีขึ้นไป ก็จะได้พ่อแม่พันธุ์ปลากดคังที่พร้อมผสมพันธุ์
การอนุบาลลูกปลากดคัง
เมื่อปลาผสมพันธุ์ได้ไข่ออกมาแล้ว ทางฟาร์มจะนำไข่มาอนุบาลในอ่างปูนต่อ โดยในช่วงแรกจะให้ไรแดงสดเป็นอาหารของลูกปลา เมื่อครบ 20 วัน จะเริ่มฝึกให้ลูกปลากินอาหารเม็ด โดยในช่วงแรกจะนำอาหารเม็ดมาผสมกับไรแดงไปก่อน (อาหารปั้น) แล้วค่อยๆ ลดสัดส่วนของไรแดงลงเรื่อยๆ จนสามารถกินอาหารเม็ดได้ 100%
เมื่อลูกปลามีขนาด 1 นิ้ว ก็จะสามารถกินอาหารเม็ดได้ 100% โดยทางฟาร์มมีลูกปลาจำหน่ายหลากหลายขนาด ตั้งแต่ 1 นิ้ว 2 นิ้ว 3 นิ้ว 4 นิ้ว หรือสูงถึง 5 นิ้ว แต่หากลูกค้าต้องการปลาใหญ่กว่านี้ ทางฟาร์มก็ยินดีเลี้ยงให้ได้ตามขนาดที่ต้องการ โดยจะมีราคาขายอยู่ที่นิ้วละ 1 บาท เท่านั้น
หากเกษตรกรสนใจนำปลากดคังไปเลี้ยง ในเบื้องต้นจะต้องเตรียมบ่อ เตรียมน้ำ ก่อน โดยการปรับพื้นบ่อ สาดปูนเพื่อฆ่าเชื้อ และเติมน้ำสูง 1.5-2 เมตร ทิ้งไว้ 3-5 วัน แล้วจึงลงลูกปลาอัตรา 3,000 ตัว/ไร่ ให้อาหารเม็ดโปรตีนสูงตลอดระยะเวลาในการเลี้ยง เลี้ยงนานประมาณ 8 เดือน ถึง 1 ปี ก็จะได้ปลาเนื้อคุณภาพออกจำหน่าย
การเพาะพันธุ์ปลาน้ำจืดหลากหลายชนิด
ปัจจุบัน “โจพันธุ์ปลา” นอกจากผลิตลูกพันธุ์ปลาทั่วไปตามที่ตลาดต้องการแล้วนั้น ยังได้เพาะขยายพันธุ์ปลาน้ำจืดบางชนิดที่มีราคาสูง อาทิ เช่น ปลากะโห้ไทย ปลาบึก เป็นต้น เนื่องจากจะมีตลาดเฉพาะกลุ่มที่มีความต้องการผลผลิตปลาเหล่านี้เป็นจำนวนมาก เพราะปลาเหล่านี้สามารถเลี้ยงเป็นปลาสวยงามได้ โดยเฉพาะในต่างประเทศที่มีความสนใจเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ลูกปลาเหล่านี้มีราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง มีทั้งการเพาะขยายพันธุ์ยังทำได้ค่อนข้างยาก ต้องใช้ความชำนาญเป็นพิเศษนั่นเอง
เกษตรกรท่านใดสนใจลูกพันธุ์ปลาน้ำจืดคุณภาพหลากหลายชนิด สามารถติดต่อโดยตรงได้ที่ คุณนาวิน พิมพ์พะยอม หรือคุณโจ โทร : 081-6059736, 081-727-7439 คุณหน่อง หรือเข้าไปศึกษาดูข้อมูลความเคลื่อนไหวของฟาร์ม ได้ที่ Facebook : จำหน่ายพันธุ์ปลาน้ำจืดทุกชนิด “โจพันธุ์ปลา แหล่งผลิตลูกปลาคุณภาพ นครสวรรค์” หรือเข้ามาเยี่ยมชมฟาร์มได้ที่ 11/1 ม.10 ต.เกรียงไกร อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 60000
อ้างอิง : นิตยสารสัตว์น้ำ ฉบับที่ 359