ถ้าพูดถึงการเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไมในบ่อดินให้ได้กุ้งที่มีคุณภาพ ต้องมองกันลึกลงไปถึงกระบวนการเลี้ยง ระบบการจัดการภายในบ่อต้องมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก สารปรับสภาพน้ำ
การเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม
เพราะสิ่งสำคัญสำหรับการเลี้ยงบ่อดิน คือ เรื่อง“คุณภาพน้ำ” ที่ส่งผลมาจากของเสียพื้นบ่อ ถ้าไม่มีระบบการจัดการที่ดีจะส่งผลทำให้คุณภาพน้ำภายในบ่อแย่ จากนั้นจะกระทบต่อสุขภาพของกุ้งทั้งหมด ทำให้เกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งขาวในปัจจุบัน ต่างหาตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพเข้ามาจัดการในส่วนนี้ เพื่อให้กุ้งภายในบ่อมีสุขภาพดีที่สุด
สภาพพื้นที่เลี้ยงกุ้ง
ทีมงาน นิตยสารสัตว์น้ำ พาท่านมากันที่อำเภอแกลง จังหวัดระยอง เพื่อเยี่ยมชมฟาร์มเลี้ยงกุ้งขาวบ่อดิน ที่มีการจัดการได้มาตรฐาน สามารถผลิตกุ้งขาวคุณภาพส่งท้องตลาดได้อย่างต่อเนื่อง เปิดตัว คุณณัฎฐี กนกทิพย์พรชัย หรือคุณโอ๋ ผู้เพาะเลี้ยงกุ้งขาวฝีมือดีที่ได้รับการถ่ายทอดอาชีพนี้จากรุ่นคุณพ่อ คุณแม่ ที่เลี้ยงกุ้งกันมากว่า 40 ปี
ปัจจุบันคุณโอ๋ได้เข้ามาสานต่อจนสามารถขยายฟาร์มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และผลิตกุ้งขาวที่มีคุณภาพตอบโจทย์ตลาด จนมีแม่ค้าต้องการเป็นจำนวนมาก ฟาร์มบ่อเลี้ยงกุ้งกว่า 30 บ่อ พร้อมด้วยบ่อพักน้ำที่เพียงพอต่อการใช้เลี้ยงกุ้งของฟาร์มนี้ อีกทั้งนอกจากทำฟาร์มเลี้ยงกุ้งขาวแล้ว ยังเปิดแพรับซื้อกุ้งจากเกษตรกรพร้อมทีมจับกุ้ง และยังเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับการเลี้ยงกุ้งอีกด้วย
ด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้คุณโอ๋สามารถเลี้ยงได้อย่างไม่ยากนัก สังเกตจากกระบวนการเลี้ยงที่ค่อนข้างเอาใจใส่ดูแลอย่างใกล้ชิด จึงสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ทำให้ทางฟาร์มเจอปัญหาน้อยมาก เพราะใส่ใจทุกๆ ขั้นตอน ตั้งแต่การคัดเลือกลูกพันธุ์กุ้งขาวจากแหล่งที่มีคุณภาพ มีความน่าเชื่อถือ ผ่านมาตรฐานของกรมประมง ที่สำคัญต้องผ่านการตรวจหาเชื้อโรคมาแล้ว โดยปัจจุบันทางฟาร์มเลือกลูกกุ้งจาก “ซุปเปอร์พีฟาร์ม” เป็นหลัก และลูกกุ้งค่ายอื่นๆ บ้างในบางครั้ง
นอกจากลูกกุ้งแล้ว คุณโอ๋เน้นปัจจัยสำคัญของการผลิตกุ้งที่บ่งบอกถึงกำไร หรือขาดทุน คือ “อาหาร” โดยตนจะเลือกใช้อาหารจากการเปรียบเทียบหลายๆ สูตร หลายๆ ยี่ห้อ โดยจะเก็บผลจากการทดลองมาวิเคราะห์จนมั่นใจ “เพราะอาหารกุ้งบางยี่ห้อ FCR ต่ำ ถึง 0.75 ก็มี บางทีกินอาหาร 1.7 ตัน ได้กุ้งทั้งหมด 2 ตัน ก็มี โดยส่วนมากคนเลี้ยงกุ้งกำไรจะอยู่ที่อาหาร และส่วนใหญ่จะหมดไปกับอุปกรณ์ที่ทำบ่อเยอะ พวกการลงทุนพีอี ใบพัด อย่างที่ฟาร์มจะไม่ใส่อุปกรณ์พวกนี้เยอะ เพราะเวลาที่เราพักบ่อ หรือหยุดเลี้ยงช่วงโรคระบาด อุปกรณ์พวกนี้มันจะเสียหายเยอะ เพราะที่นี่เป็นน้ำเค็มด้วย”
การบริหารจัดการบ่อกุ้ง
ปัจจุบันทางฟาร์มลงกุ้งขาวแวนนาไมแบบเหมาะสม ไม่หนาแน่น และไม่บางเกินไป อยู่ที่ประมาณ 150,000 ตัว/ไร่ เนื่องจากที่ฟาร์มจะไม่เน้นใส่แขนเครื่องตีน้ำเยอะ แต่ยังคงให้ออกซิเจนในน้ำพอเหมาะกับกุ้งภายในบ่อ โดยบ่อเลี้ยงลึกประมาณ 1.2-1.5 เมตร เติมน้ำเต็มบ่อ
“การให้ออกซิเจนของฟาร์มเราอาจจะไม่ดีเท่าที่อื่น แต่ในการดูแลกุ้งของเรา เราไม่แพ้ใคร เราจะรู้ว่ากุ้งช่วงนี้เป็นอย่างไร ดูจากอาหาร น้ำหนักกุ้ง กุ้งหนัก 1 ตัน ก็ไม่กินอาหารเกิน 1 ตัน อาหาร 10 ตัน กุ้งในบ่อก็ไม่เกิน 8 ตัน อะไรประมาณนี้ เวลาเลี้ยงกุ้งเราจะเอาตัวกุ้งกับอาหารมาคำนวณ ตัวอย่าง ในบ่อมีกุ้ง 3 แสนตัว ถ้าติด 100% จะมีกุ้งประมาณ 3 ตัน แต่ถ้าอาหารเริ่มเปลี่ยน จากกินมาก มากินน้อย เราก็จะรู้ว่ากุ้งเริ่มป่วย
เราก็จะเร่งหาสาเหตุ และรีบแก้ปัญหา และนำปัญหามาคำนวณว่าถ้าแก้ไขมันจะคุ้มกับค่าใช้จ่ายมั๊ย ถ้าคุ้มราคากุ้งได้ เราก็จะเสี่ยงรักษา แต่ถ้าคิดแล้วไม่คุ้ม ผมก็จับเลย ได้มาก ได้น้อย แต่ขอให้ได้กำไร หมื่น สองหมื่น ผมก็จับ อีกอย่างเรามีรถตู้เย็นวิ่งเองด้วย เราก็ไปส่งมหาชัยเองได้ แต่ถ้าเป็นเกษตรกรรายย่อยอื่นๆ เขาอาจจะไม่จับ เพราะแค่ค่าแรงคนงานก็ไม่คุ้มแล้ว”
โดยปกติทางฟาร์มใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงกุ้งประมาณ 90 วัน ได้ไซซ์ 40 ตัว/กิโลกรัม ในช่วง 1-2 เดือนแรก ช่วงนี้กุ้งอาจมีปัญหา ต้องใส่ใจดูแลอย่างใกล้ชิด เพราะแรกๆ อาจมีโอกาสเกิดโรค EMS หรือโรคขี้ขาวได้ ช่วงนี้ขี้ขาวมาเร็ว แค่ 20 กว่าวัน อาจเกิดขึ้นแล้ว ช่วง 1-2 เดือน จึงต้องดูเรื่องน้ำเป็นหลัก ต้องควบคุมไม่ให้น้ำเข้มเยอะ และไม่ให้คุณภาพน้ำต่ำ
โดยทางฟาร์มจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เข้ามาช่วยจัดการคุณภาพน้ำจากผู้ผลิตปัจจัยสำหรับสัตว์น้ำที่มีคุณภาพ อย่าง “บริษัท เอเอเอ อกริเทค แอนด์ อควาคัลเจอร์ (ประเทศไทย) จำกัด” โดยเป็นผู้ผลิตปัจจัยเสริมสำหรับสัตว์น้ำที่ได้มาตรฐานสากล
การใช้สารปรับสภาพน้ำในบ่อกุ้ง
โดยผลิตภัณฑ์ที่เลือกใช้จะมีหลากหลายตัว อาทิ “ซีโอไลท์ แท้ 100% ชนิดผง” ซึ่งจะใช้ในช่วงการเตรียมบ่อ และระหว่างเลี้ยง เพื่อลดแอมโมเนีย,ไฮโดรเจนซัลไฟด์ ช่วยย่อยสลายโลหะหนัก และสารพิษต่างๆ และยังช่วยรักษาระดับคุณภาพน้ำอีกด้วย ที่สำคัญซีโอไลท์ของบริษัทยังเป็นซีโอไลท์แท้ 100% นำเข้าจากประเทศอินโดนีเซียโดยตรง เป็นสารประเภท “อะลูมิโนซิลิเกต” จากหินภูเขาไฟ ประกอบด้วยแร่มอร์ดิไนต์และคลินอพทิโลไลท์ มีคุณสมบัติในการดูดซึมและจับสารพิษของเสียในบ่อได้เป็นอย่างดี
ควบคู่กับการใช้จุลินทรีย์ชนิดเข้มข้น “การ์นูแบค” ที่ช่วยกำจัดของเสีย กำจัดแอมโมเนียในน้ำ ด้วยจุลินทรีย์เข้มข้น และเอนไซม์หลากหลายชนิด อัตราการใช้เพียง 10 เม็ด/ไร่ ผลที่ได้ คือ คุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยงดีขึ้น ลดแอมโมเนีย ลดไนเตรท ลดไนไตรท์ ที่สำคัญใช้ในปริมาณที่น้อย แต่เห็นผลจริง
คุณสมบัติของ สารปรับสภาพน้ำ
“ด้วยส่วนตัวที่ผมเป็นคนชอบการค้นคว้าหาความรู้ ท่องโลกอินเตอร์เน็ตไปเรื่อย จนมาพบผลิตภัณฑ์ของบริษัท เอเอเอ อกริเทค แอนด์ อควาคัลเจอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็สนใจ โดยเฉพาะตัวซีโอไลท์ ผมก็ทดลองสั่งมาใช้ในบ่อของเรา พอใช้ไปแล้วก็รู้สึกว่าตัวผลิตภัณฑ์ใช้ดี เหมาะสมกับพื้นที่ กับสภาพบ่อของเรา ทำให้คุณภาพน้ำที่เลี้ยงกุ้งออกมาดี
ปัญหาเรื่องของเสียบูมในบ่อเราถือว่าน้อยครั้งมาก ตั้งแต่ใช้ผลิตภัณฑ์ตัวนี้มา เมื่อซีโอไลท์ทดสอบแล้วผ่านเราก็ลองนำตัวอื่นๆ เอาใช้ด้วย สั่ง “การ์นูแบค” มาใช้ควบคู่กัน ก็ถือว่าดีนะ อยู่ในระดับที่พอใจ น้ำออกมาดี ไม่ล้ม ของเสียน้อย กุ้งแข็งแรง แค่นี้ผมคนเลี้ยงก็พอใจแล้ว ที่เรากล้าพูดเพราะเราใช้จริง แล้วมันดีจริง ไม่งั้นคงไม่ลงทุนซื้อมาใช้
อีกปราการ คือ ผลิตภัณฑ์ของบริษัทนี้ ราคาย่อมเยา เข้าถึงง่าย จับต้องได้ ไม่ถูกแล้วก็ไม่แพงจนเกินไป พอเราใช้ดี ก็เริ่มมีคนถามใช้อะไรเลี้ยงกุ้ง ผมก็บอกนะไม่ปิด มาของซื้อผมก็แบ่งขายด้วย ก็อยากให้เกษตรกรด้วยกันได้ผลผลิตกุ้งที่มีคุณภาพ เลี้ยงแล้วไม่ขาดทุน เพราะการเลี้ยงกุ้งลงทุนสูง ถ้าเลี้ยงไม่รอด บางคนหมดตัวเลยก็มีให้เห็นกัน” คุณโอ๋อธิบายถึงที่มาของผลิตภัณฑ์
อีกหนึ่งส่วนที่สำคัญ คือ การเป็นตัวแทนจำหน่าย เพราะเมื่อใช้แล้วเห็นผลจริง เกษตรกรรายอื่นๆ ต่างสนใจที่จะอยากใช้ตาม จึงได้เริ่มเป็นตัวแทนนำผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์น้ำเข้ามาจำหน่ายเพิ่มขึ้นจากที่ใช้เอง คุณโอ๋ เล่าให้ฟังว่า “เริ่มขายมาได้ปีกว่า แต่ก่อนใช้ไม่เป็น เพราะไม่ค่อยได้ศึกษา จะใช้แค่พวกปูนขาว แคลเซียม จะอาศัยยาฆ่าเชื้อแล้วก็ตีน้ำ พวกอาหารเสริมพวกนี้ไม่ได้ใช้หรอก
แต่ตอนหลังลูกค้าที่เราไปจับกุ้งให้อยากใช้ แล้วก็มีบางตัวที่เราสนใจก็ใช้ด้วย โดยหลักเกณฑ์การเลือกปัจจัยการผลิตต้องดูว่าใช้แล้วได้ผลหรือไม่ ใส่ลงไปแล้วผลตอบแทนคุ้มหรือไม่ ต้องสังเกตว่าใส่แล้วได้ผลตามที่เขาโฆษณาไว้หรือเปล่า ถ้าเราใช้แล้วไม่สังเกตมันจะเป็นการเพิ่มต้นทุนไปเปล่าๆ”
ฝากถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง
สุดท้ายนี้คุณโอ๋ฝากถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งในช่วงร้อนเข้าฝนไว้ว่า “ควรใส่พวกแร่ธาตุ ปูนขาว ยาฆ่าเชื้อ รอบบ่อ และต้องดูแลช่วงเวลาลอกคราบ ใส่พวกแร่ธาตุ แคลเซียม โพแทสเซียม ช่วยช่วงนี้ แล้วก็ระวังโรคที่จะมากับฝน แล้วช่วงนี้อากาศเปลี่ยน ระวังเรื่องน้ำ อยากให้ทุกคนพึ่งตัวเองก่อนอันดับแรก
คนเลี้ยงกุ้งที่หลงทางมีเยอะ ไปฟังคนเลี้ยงกุ้งเจ้านั้นมาก็อีกแบบหนึ่ง เจ้านั้นก็อีกแบบหนึ่ง เพราะว่าบ่อกุ้งเราแต่ละพื้นที่มันไม่เหมือนกัน ทั้งกรวด หิน ทราย หรือลูกรัง มันไม่เหมือนกัน จะไปทำตามแบบคนอื่นก็ไม่ได้ บางทีบ่อเราน้ำเข้ม น้ำเขาดีอยู่แล้ว ไปใส่ตามเขา น้ำเราดรอปกุ้งเราตาย เพราะฉะนั้นเราต้องรู้พื้นที่ตัวเองก่อนว่าเป็นยังไง จึงจะเลี้ยงกุ้งได้สำเร็จ”
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายสารปรับสภาพน้ำ
นอกจากผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่คุณโอ๋ได้ใช้ในบ่อกุ้งของตนแล้ว สินค้าของบริษัท เอเอเอ อกริเทค แอนด์ อควาคัลเจอร์ฯ ยังมีอีกหลากหลายกลุ่ม เช่น กลุ่มปรับปรุงคุณภาพน้ำ ความหนืดของน้ำ เช่น Toxin Clear รวมถึง วิตามิน โปรไบโอติก พรีมิกซ์ และอาหารเสริมต่างๆ ที่บริษัทคิดค้นและผลิตออกมาให้ได้คุณภาพ สามารถตอบโจทย์การใช้ของเกษตรกรได้มากที่สุด
อีกทั้งบริษัทมีความเชี่ยวชาญการผลิตปัจจัยเหล่านี้ ด้วยประสบการณ์กว่า 20 ปี จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ 60-70% ของบริษัทถูกส่งออกไปขายยังต่างประเทศเป็นหลัก ยิ่งทำให้เกษตรกรมั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ของบริษัทที่ใช้อยู่นั้นได้คุณภาพมาตรฐานการส่งออก
ขอบคุณข้อมูลเกษตรกร คุณณัฎฐี กนกทิพย์พรชัย โทร.081-7230039 คุณโอ๋ ที่ตั้งฟาร์ม 75/9 หมู่ 9 ตำบลเนินฆ้อ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง
ติดต่อสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์ บริษัท เอเอเอ อกริเทค แอนด์ อควาคัลเจอร์ (ประเทศไทย) จำกัด เลขที่ 27/44 หมู่ 3 ถนนเทศบาล 6 ตำบลบางโพธิ์เหนือ อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี โทร.02-5931481 สายด่วน 086-3286666 www.aaathailand.com, Facebook : ซีโอไลท์ จุลินทรีย์ กำจัดแอมโมเนีย ไนไตรท์ ในบ่อกุ้ง บ่อปลา
