การเลี้ยงสัตว์น้ำทุกชนิด สิ่งสำคัญที่ลืมไม่ได้ คือ คุณภาพของลูกพันธุ์ที่นำมาใช้ เพราะลูกพันธุ์ คือ ปัจจัยสำคัญในการกำหนดผลกำไร หรือขาดทุน ในการเลี้ยง ทีมงานสัตว์น้ำขอนำพาทุกท่านมารู้จักกับฟาร์มอนุบาลลูกปลากะพงคุณภาพ ที่มีประสบการณ์กว่า 30 ปี ตั้งแต่รุ่นพ่อสู่รุ่นลูก ที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง เพื่อคุณภาพของลูกปลาที่ดี อย่างเช่น สุรัตน์ฟาร์ม
การเพาะเลี้ยงปลากะพงขาว
“สุรัตน์ฟาร์ม” ฟาร์มอนุบาลลูกปลากะพงคุณภาพ ที่เน้นผลิตลูกปลาขนาด 3-5 นิ้ว ป้อนตลาดทั้งในและต่างประเทศ ไม่ต่ำกว่า 2 ล้านตัว/เดือน ที่ปัจจุบันทายาทรุ่นที่ 2 คุณพงษ์พันธุ์ หิรัญญากร หรือ คุณเล็ก มาบริหารดูแลจัดการฟาร์มนานกว่า 10 ปี พร้อมทั้งพัฒนาและต่อยอดธุรกิจให้เจริญเติบโต จนเป็นที่นิยมของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ ด้วยคุณภาพของลูกปลาที่พัฒนามาอย่างไม่หยุดยั้ง
“แม้ผมจะทำต่อจากคุณพ่อมาได้ 10 ปี แต่ตัวผมเองอยู่กับปลากะพงมาตั้งแต่เด็กๆ เลย ผมโตขึ้นมาก็เห็นคุณพ่อทำฟาร์มปลากะพงเลย เพราะเป็นอาชีพที่คุณพ่อสร้างไว้ ผมจึงอยากต่อยอดสิ่งที่คุณพ่อสร้างไว้ และพัฒนาต่อไปให้ดียิ่งขึ้น” คุณเล็กเผยถึงแรงบันดาลใจในการต่อยอดธุรกิจ
การอนุบาลลูกปลากะพงขาว
หากย้อนกลับไปสมัยก่อน การอนุบาลลูกปลากะพงขาว เกษตรกรมักจะเลี้ยงด้วยการให้เหยื่อสดเป็นหลัก จนเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา เริ่มมีสูตรอาหารเม็ดสำหรับปลากะพงเข้ามามากขึ้น เกษตรกรที่เลี้ยงปลาเนื้อเริ่มปรับเปลี่ยนหันมาใช้อาหารเม็ดมากขึ้น เพราะจัดการง่าย น้ำไม่เสีย ซึ่งส่งผลให้ฟาร์มอนุบาลลูกปลา อย่าง “สุรัตน์ฟาร์ม” ซึ่งคุณเล็กดูแลอยู่ขณะนั้น ต้องปรับเปลี่ยนวิธีการอนุบาล เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดปลายทาง
“ปลาเล็กสมัยนั้นยังกินอาหารเม็ดไม่เป็น เพราะแต่ก่อนให้อาหารสดกัน พอตลาดเริ่มเปลี่ยน ผมก็ต้องมาหัดเอง ฝึกเม็ดเอง พอฝึกไปได้สักระยะ การพัฒนาของอ่างปูน ปลานิ้วครึ่งเขาพัฒนาฝึกเม็ดได้ ผมก็เริ่มเอาปลาจากตรงนั้นมาต่อยอดเป็น 3-5 นิ้ว อีกที”
นอกจากการพัฒนาปรับปรุงวิธีการเลี้ยงแล้ว ด้านคุณเล็กได้พัฒนาวิธีการส่งลูกปลา จากแบบถุงเป็นแบบถัง เพราะช่วยให้สะดวกยิ่งขึ้น ขนส่งได้เยอะ ลูกปลาแข็งแรง อัตราการรอดดีกว่า ลดต้นทุนในการขนย้าย และยังช่วยลดปริมาณขยะที่เกิดจากการใช้ถุงอีกด้วย
นอกจากคุณเล็กได้ส่งออกไปต่างประเทศเพื่อขยายกลุ่มลูกค้าให้มากขึ้น มีโบรกเกอร์มาจับ เอเย่นต์ที่หาดใหญ่จะสั่งจองเข้ามา ส่วนใหญ่ถ้าส่งออกมาเลเซีย จะใช้ขนาด 3 นิ้ว แต่ถ้าในประเทศ จะเน้นขนาด 4 นิ้วขึ้นไป
ปัจจุบันทางฟาร์มมีอ่างอนุบาลทั้งหมด 20 อ่าง ขนาด 3×3 เมตร เอาไว้สำหรับพักลูกปลา ส่วนบ่อดินมีพื้นที่กว่า 40ไร่ แบ่งเป็น 15 บ่อเลี้ยง บ่อละ 1-2 ไร่ โดยทางฟาร์มจะนำปลาขนาด 1.5 นิ้ว มาลงบ่อดิน และชำให้ลูกปลาโต 3-5 นิ้ว ตามที่ลูกค้าต้องการ
การคัดเลือกปลาตุ้ม ฉบับสุรัตน์ฟาร์ม
อันดับแรก คือ ลูกปลาต้องไม่พิการ เหงือกฉีก ดูรูปทรง ความยาว ต่อมาจะดูการกินอาหารของแต่ละชุดว่ากินเก่งหรือไม่ เรื่องการกินเป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าปลากินไม่เก่ง มันจะทำให้ปลาที่เอามาส่งลูกค้าก็จะกินไม่เก่งตามไปด้วย
เพราะฉะนั้นต้องคัดลูกปลาที่มีความดุ ความเก่ง ในการกินอาหาร ก็จะพยายามคัดที่เป็นรุ่นปลาหัว เพราะเวลาส่งลูกค้าในประเทศ จะมีความดุ ความโตที่แตกต่างจากปลาหาง ที่สำคัญต้องเลือกคุณภาพของฟาร์ม ว่ามีระบบการจัดการฟาร์มอย่างไรบ้าง ฟาร์มต้องมีคุณภาพ ลูกปลาไซซ์เสมอ ปลาสวย ที่สำคัญไม่ติดเชื้อ
เมื่อลูกปลามาถึงทางฟาร์มจะนำมาฆ่าเชื้อลูกปลา ผ่านฟอร์มาลีนที่ขอบบ่อ เพื่อฆ่าปรสิตที่เกาะมากับตัวลูกปลา จากนั้นก็ปล่อยปลาลงบ่อดิน ขนาด 1-2 ไร่ จะลงลูกปลาไม่เกิน 5หมื่น-1 แสนตัว ให้อาหารวันละ 3 มื้อ เลี้ยงนาน 25 วัน ลูกปลาก็จะได้ขนาด 3 นิ้ว โดยเฉลี่ย แต่ถ้าลูกค้าอยากได้ไซซ์ใหญ่กว่านี้ก็ขุนต่อให้ได้ โดยลูกค้าที่จะต้องสั่งจองล่วงหน้า 20-30 วัน เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับทำปลาคุณภาพ
เทคนิคการเพาะเลี้ยงปลากะพง
สำหรับเทคนิคการผลิตลูกปลาให้ไซซ์เสมอนั้น คุณเล็กได้เผยว่า ต้องเริ่มจากระบบการจัดการในการล้อมคอกลูกปลา ทางฟาร์มจะมี 2 คอก อันนี้สำคัญมาก อายุในการเปิดคอก ถ้าเปิดเร็วไป ปลาก็จะกระจายในพื้นที่ที่กว้างเกินไป จะกินอาหารไม่ทัน จะเกิดการแตกไซซ์ได้ ดังนั้นขึ้นอยู่กับการจัดการของบ่อเลี้ยง
และลูกปลาก็มีส่วนสำคัญ ถ้าลูกปลาฝึกมากินอาหารไม่ดี ก็จะเกิดการแตกไซซ์ และ เกิดอาการรอดต่ำ ส่วนขนาดของคอกก็มีส่วนสำคัญ คอกแรกจะมีขนาด 6×6 เมตร จะปล่อยลูกปลาหนาแน่น 5 หมื่นตัว โดยจะเลี้ยงในคอกนานไม่เกิน 7 วัน จากนั้นจะยกผ้าขึ้น เพื่อให้ลูกปลาว่ายออกไปคอกที่ 2 ที่มีขนาด 15×15 เมตร จะอยู่ในคอกอีกไม่เกิน 1 อาทิตย์ ซึ่งในคอกที่ 2 นี้ ทางฟาร์มจะคอยสังเกตการกิน หากปลากินเก่ง กินดุ เวลาเรียกจะว่ายมาแทบทั้งหมด หากปลาที่เลี้ยงลักษณะดังนี้ อาจจะยกผ้าขึ้นก่อน 7 วันได้ เพราะปลาโตดี กินเก่งแล้ว นั่นเอง
“เวลาจะให้อาหาร เราจะเคาะเรียกดูว่าปลามาตามที่เราเรียกมั๊ย ถ้ามาก็ดูว่ามาหมดมั๊ย รู้ที่กินอาหารมั้ย ถ้าดูแล้วมันได้ ก็จะเริ่มดึงผ้าขึ้นให้มันออกกระจายตัว เราจะไม่กักไว้จนครบ จะดูหน้างานเอา ต้องสังเกตการกินอาหารแต่ละรอบ ถ้าคนที่มีประสบการณ์น้อย เห็นว่าปลามากินอาหาร แล้วเปิดล้อมเลย จะเห็นว่าปลาอัตราการรอดต่ำ และปลาแตกไซซ์ค่อนข้างสูง เพราะปลาพวกนี้จะกินกัน เพราะนิสัยปลาพวกนี้จะดุ แล้วฟาร์มเราจะคัดลูกปลาหัวๆ มาลง ปลามันจะมีความดุมาก ถ้าอาหารไม่ถึง ปลาจะกินกันเอง จะทำให้อัตรารอดต่ำ” คุณเล็กเผยเพิ่มเติมถึงเทคนิคลดการแตกไซซ์
จุดแข็งของทางฟาร์มที่ทำให้อยู่ได้มาถึง 30 ปี นอกจากลูกปลาไม่แตกไซซ์แล้ว การได้ลูกปลาไซซ์ที่ต่างกันรับประกันว่าไม่มีไซซ์เล็กกว่าที่สั่งแน่นอน และลูกค้ายังสามารถเลือกได้ว่าต้องการให้อนุบาลลูกปลาด้วยน้ำความเค็มระดับไหน
โดยตอนอนุบาลในบ่อดินจะเป็นน้ำจืด โซนฟาร์มจะเป็นน้ำความเค็มระดับ 5-10 แต้ม แต่ก่อนนำมาพักในบ่อปูน ลูกปลาต้องผ่านความเค็ม 20 แต้มก่อน เพราะลูกปลาเมื่อขึ้นจากบ่อดินมาจะมีความเพลีย อาจไม่แข็งแรง ทางฟาร์มจึงต้องนำมาผ่านความเค็มสูงให้ได้รับแร่ธาตุ จะช่วยให้ลูกปลาปรับตัวได้ไว ก่อนนำมาปรับตามความต้องการของลูกค้า
“เรารับประกันเลยว่าถ้าลูกค้าสั่งปลาไซซ์ 3นิ้ว จะไม่ได้ลูกปลาเล็กกว่า 3 นิ้ว ปนไปแน่นอน จะได้ขนาด 3นิ้วขึ้นไป และลูกปลาที่ส่งไปจะมีอัตราการรอดสูง ส่วนการอนุบาลลูกปลานั้นจะแล้วแต่ออเดอร์ลูกค้า ถ้าโซนเค็มเราก็จะปรับความเค็มให้ ถ้าโซนจืดเราก็จะทำน้ำจืด แล้วแต่ความเค็มของแต่ละพื้นที่” คุณเล็กยืนยันคุณภาพของลูกปลา
การบริหารจัดการบ่อปลากะพง
นอกจากนี้ทางฟาร์มยังมีมาตรฐานฟาร์ม GMP ทะเบียนฟาร์ม ใบส่งออก และการสุ่มตรวจโรคจากเชื้อไวรัสต่างๆ โดยกรมประมง เพื่อเป็นตัวการันตีให้ลูกค้ามั่นใจได้ในคุณภาพของสินค้า และการส่งออก ส่วนราคาลูกปลาจะอยู่ที่นิ้วละ 1.50 บาท แล้วแต่พื้นที่ในการจัดส่ง
ส่วนการบริการหลังการขายนั้น สำหรับลูกปลาที่ซื้อจากฟาร์มนับตั้งแต่วันลงลูกปลา ในประเทศจะรับประกันอยู่ที่ 5 วัน ถ้ามีความเสียหายทางฟาร์มจะมีการเคลมให้ หรือหลังจาก 5 วัน ทางฟาร์มก็จะมีการโทรถามลูกค้าตลอดว่ามีเสียหายหรือไม่ และคอยแนะนำอยู่ตลอดเวลา
สำหรับสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลกระทบกับผู้เลี้ยงปลากะพงเนื้อเป็นอย่างมาก เมื่อถามผลกระทบสำหรับผู้เลี้ยงลูกปลากะพงคุณเล็กเผยว่า “สำหรับลูกปลากะพงก็ได้รับผลกระทบเหมือนกัน ยิ่งโควิดรอบ 3 นี้ ปัญหาค่อนข้างสาหัส รอบที่ 1 กับ 2 ว่าแย่แล้ว รอบที่ 3 แย่กว่า เพราะมันดูรุนแรงกว่า ตลาดที่จะรองรับปลาปิด พอตลาดปิด ถามว่าเกษตรกรที่เลี้ยงไซซ์ไว้บริโภคจะไปไหนได้ เมื่อตลาดปิด ตอนนี้สินค้าเลยค้างอยู่ที่บ่อค่อนข้างเยอะมาก แล้วปลายิ่งเลี้ยงนานมันก็จะโตข้ามไซซ์ที่แม่ค้าต้องการ ก็จะหลุดไซซ์ พอหลุด ราคาก็ร่วง เพราะปลามันโตเกินไซซ์”
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่าย ปลากะพงขาว
ในด้านการตลาด ทางฟาร์มจะรับทำตามออเดอร์ที่สั่งเข้ามา ช่วงนี้ก็จะมีออเดอร์เข้ามาน้อยลง จากที่เคยผลิต 2 ล้านตัว/เดือน ตอนนี้ลดลงมาเหลือ 1 ล้านตัว/เดือน ถือว่ายอดยังดี เพราะทางฟาร์มส่งออกมาเลเซีย และ กัมพูชา อีกด้วย
เมื่อถามถึงความยากของการเพาะลูกปลากะพง คุณเล็กได้เผยว่าอยู่ที่สภาพอากาศ เพราะลูกปลากะพงจะมีการเจริญเติบโตได้ดีในช่วงหน้าร้อน เพาะพันธุ์ติดค่อนข้างง่าย มีความแข็งแรง และอัตราการเกิดโรคต่ำ ส่วนในช่วงหน้าฝนยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี แต่หน้าหนาวปลากะพงจะไม่ชอบ ส่วนในช่วงหน้าหนาวจึงต้องเติมแร่ธาตุ หรือเคมีบางชนิด ที่สามารถทดแทนเกลือได้ เติมลงไปในน้ำเพื่อให้น้ำจืด มีความเค็ม มีแร่ธาตุ ขึ้นมาบ้าง ปลาจะได้รับแร่ธาตุเพื่อไปสร้างภูมิคุ้มกันได้
สุดท้ายคุณเล็กได้ฝากให้กำลังใจถึงเกษตรกรคนเลี้ยงปลากะพงในช่วงนี้ว่า“ตอนนี้ก็ต้องทำใจไปก่อน เพราะระบบเศรษฐกิจ สภาวะต่างๆ ที่ต้องมาเจอช่วงโควิด ทุกอาชีพก็ได้รับผลกระทบเหมือนกันหมด ไม่ใช่เฉพาะปลากะพง ก็อยากให้เกษตรกรทุกคนสู้กันต่อไป”
สนใจสั่งซื้อลูกปลากะพง ติดต่อ สายด่วน 081-726-3841 / 061-876-6888 คุณเล็ก Google : สุรัตน์ฟาร์มพันธุ์ปลากะพงขาว