การเลี้ยงปลาสลิด
เมื่อนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามามีบทบาทในการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมากขึ้น การพัฒนาไม่ว่าจะเป็นวิธีการเพาะพันธุ์ปลา รูปแบบการเลี้ยงที่หลากหลาย การย่นระยะเวลาการเลี้ยงให้สั้นลง การเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น ล้วนเป็นที่มาของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ที่มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจอาหาร เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออก โดยมีสายการผลิตด้านอุตสาหกรรมการเกษตรครบวงจรมากว่า 4 ทศวรรษ
นวัตกรรมใหม่เกิดขึ้น เพราะบริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) ต้องการถ่ายทอดข้อมูลเพื่อพัฒนาการเลี้ยงของเกษตรกร ในการใช้ อาหารปลาสลิดเม็ดลอย น้ำเลี้ยงปลาสลิด ฉีกกฎการเลี้ยงแบบเดิมๆ ที่ใช้อาหารเม็ดชนิดจม เพราะการเลี้ยงปลาสลิดใช้ระยะเวลา 12-13 เดือน ถึงจะจับผลผลิตขนาด 5 ตัว/กก. จำหน่าย และนั่นคือ รูปแบบเดิมๆ ของ คุณเสียง จันทร์ศร กับการเลี้ยงปลาสลิด 3 บ่อ โดยการใช้อาหารเม็ดชนิดจม
คุณเสียงกล่าวว่า เมื่อก่อนใช้อาหารเม็ดจมเลี้ยง แต่เมื่อมีนวัตกรรมใหม่ อาหารปลาสลิดเม็ดลอย น้ำของเบทาโกรเข้ามา เกิดความคิดอยากลองดูบ้าง คือ เม็ดอาหารมันจมบ้าง ไม่จมบ้าง แต่พอเปลี่ยนเป็น อาหารปลาสลิดเม็ดลอย แล้วดีกว่า ประสบความสำเร็จดี ต้นทุนค่าอาหารลดลง ระยะเวลาการเลี้ยงสั้นลง จาก 12-13 เดือน ลดเหลือ 10 เดือน ได้ปลาสลิดขนาด 5 ตัว/กก. ปัจจุบันคุณเสียงเลี้ยงปลาสลิดด้วยกัน 3 บ่อ ขนาด 40 ไร่, 16 ไร่ และ 25 ไร่ ใน จ.สมุทรสาครและขยายพื้นที่เลี้ยงให้กับลูกลูกชายอีกส่วนหนึ่ง
สภาพพื้นที่เลี้ยงปลาสลิด
ลักษณะพ่อแม่พันธุ์ที่ดีจะคัดเลือกจากบ่อเลี้ยงใกล้เคียง โดยจะใช้พ่อแม่พันธุ์ที่มีอายุตั้งแต่ 7 เดือนขึ้นไป รูปร่างสวย ได้น้ำหนัก และไม่ใช่พ่อแม่พันธุ์จากบ่อเดียวกัน เพื่อป้องกันปัญหาการเกิดเลือดชิด
การเลี้ยงปลาสลิดโดยส่วนมากแล้วเกษตรกรจะนิยมเพาะพันธุ์ในบ่อเลี้ยงเลย โดยการลดขนาดบ่อเพาะ ภายในบ่อเลี้ยงประมาณ 2×3 เมตร คล้ายหลุมพราง เลี้ยงพ่อแม่พันธุ์ให้สมบูรณ์เพศ ก่อนเพิ่มระดับน้ำเข้ามาให้ท่วมบ่อเลี้ยงประมาณ 90 เซนติเมตร เกิดการผสมพันธุ์กันเอง ในอัตรา ปล่อยพ่อแม่พันธุ์ 100 กิโลกรัม/บ่อ 40 ไร่
บ่อที่ผ่านการเลี้ยงมาแล้วจะทำการลอกเลน คัดบ่อ จากนั้นจะตากบ่อนาน 1 เดือน หรือเดือนกว่าๆ ขึ้นอยู่กับความพร้อมของแม่ปลาแต่ละรอบ จากนั้นเติมน้ำเข้าบ่อให้ท่วมแม่ปลา เกิดการผสมพันธุ์ วางไข่ และก่อหวอด ใช้ระยะเวลาประมาณ 2 เดือน จะรู้ว่าปลาในบ่อหนาแน่น หรืออัตรารอดเหมาะสมต่อบ่อหรือไม่ ถ้าแน่นมากไปจะต้องย้ายออก
หลักการนี้จะใช้ประสบการณ์ประเมิน เพราะการเพาะพันธุ์ปลาสลิดที่ปล่อยลงไปแต่ละรอบจะขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ความพร้อมพ่อแม่พันธุ์ การจัดการบ่อเลี้ยง และอัตรารอดของลูกปลา
การให้ อาหารปลาสลิดเม็ดลอย จาก บริษัท เบทาโกร จำกัด
นอกจาก อาหารปลาสลิดเม็ดลอย น้ำที่ใช้เป็นอาหารเลี้ยงปลาสลิดแล้ว ระหว่างช่วงการเตรียมบ่อ หญ้าที่เกิดขึ้น คุณเสียงจะตัดเป็นร่องคล้ายกระดานหมากรุก เพื่อให้หญ้าย่อยสลายเกิดเป็นอาหารธรรมชาติ จำพวกไรแดง เป็นอาหารลูกปลาวัยอ่อน ส่วนหญ้าที่ไม่ได้ตัด เป็นที่อำพรางตัวของไข่
อาหารเลี้ยงปลาสลิดจากแต่ก่อนใช้อาหารเม็ดจม แล้วเปลี่ยนมาใช้ อาหารปลาสลิดเม็ดลอย น้ำ คุณเสียงกล่าวว่าเรื่องของอาหารเป็นเรื่องสำคัญมาก คือ ต้นทุน กำไร เขาอยู่ที่อาหาร ถ้าอาหารที่กินแล้วปลาโต ต้นทุนเราก็จะต่ำ เราก็จะได้กำไรมาก
แต่ถ้าอาหารไม่มีคุณภาพ ต้นทุนเราก็จะสูง ทำให้เราขาดทุนได้ง่ายๆ เมื่อก่อนปีที่ผ่านๆ มาก็ขาดทุนเป็นหลักล้าน พอเปลี่ยนมาในอาหารเม็ดลอยของเบทาโกรได้กำไรมากขึ้นถึง 2 ล้านกว่าบาท ตอนที่จับปลาคิดว่าน่าจะได้ 450-480 หาบ โดยประเมินจากอาหารที่ให้ปลากิน พอจับจริงได้ปลา 507 หาบ
การให้อาหารจะทำล้อมวางไว้เป็นจุด โดยเฉลี่ย 2-3 ล้อม/ไร่ ความลึกของล้อมลงไปในน้ำประมาณ 30-50 เซนติเมตร
ล้อม คือ จุดหว่านอาหารลงไป เป็นการป้องกันไม่ให้อาหารกระจายออก ปลาจะเข้ามากินอาหารในล้อม คนเลี้ยงสามารถเช็คอาหารได้ว่าปลากินอาหารหมดหรือเหลือ ภายในระยะเวลาที่กำหนด เพื่อป้องกันอาหารโอเวอร์เกินไป
ปริมาณการให้อาหาร เริ่มจากการสุ่มจากการกิน จากน้อยๆ ค่อยๆ เพิ่มเป็นอาหาร 10 กิโลกรัม 20 กิโลกรัม 2 กระสอบ 3 กระสอบ ให้ดูที่ตัวปลาว่าจะให้มากหรือน้อย ปรับเพิ่มปริมาณไปเรื่อยๆ แต่ถ้าช่วงฝนตกปลาจะไม่ค่อยกินอาหาร การให้อาหารจะปรับลดปริมาณลดลง
หลังจากที่เปลี่ยนมาใช้อาหารเม็ดลอย สิ่งที่สังเกตเห็น คือ การโตของปลา จากรอบที่ผ่านมาปลา 140 วัน ได้ขนาด 12 ตัว/กก. ถือว่าโตดีมาก ถ้าปลายังโตอย่างต่อเนื่อง 170 วัน คาดว่าปลาจะได้ไซส์ 9 ตัว/กก. ถ้ากินอาหารจมจะใช้เวลาประมาณ 8-9 เดือน เท่ากับตอนนี้เราย่นเวลาการเลี้ยงไป 2 เดือน ทำให้การเลี้ยงรอบนี้เรามั่นใจขึ้น กล้าขุนอาหารให้เร็วขึ้น พอขุนได้เร็วขึ้น ปลาได้กินอาหารเร็วขึ้น ปลาก็โตเร็วขึ้น เป็นผลงานที่น่าพอใจ คุณเสียงกล่าว
การจับปลาสลิด
ความสำเร็จของคนเลี้ยงวัดผลกันตอนจับผลผลิต การเพาะพันธุ์ปลาสลิด เกษตรกรไม่สามารถประเมินอัตราการเฉลี่ยต่อไร่ได้ แต่จะวัดประเมินจากปริมาณอาหารที่ให้ปลากิน FCR สมมติ เราคาดหวังไว้ว่า FCR ประมาณ 1.7 จากอาหารที่กินประมาณ 4.5-4.8 ตัน รอบการเลี้ยงที่ผ่านมาจับผลผลิตได้ 507 หาบ (1 หาบ = 1 ตัน) เป็นเพราะการจัดการดี อาหารดี ทำให้ FCR ดีกว่าที่เราคาดหวังไว้ ผลผลิตเลยออกมาดี ได้ผลตอบแทน 2 ล้านกว่าบาท
ต้นทุนถ้าคิดว่าอาหารจมจะอยู่ประมาณ 500,000 บาท/ปลา 100 หาบ ต้นทุนประมาณ 60-70 บาท/กก. แต่เมื่อเปลี่ยนมาใช้อาหารเม็ดลอยน้ำ ต้นทุนลดลงเหลือ 48 บาท/กก. หรือประมาณ 300,000 บาท/ปลา 100 หาบ
ข้อดีของอาหารเม็ดลอยน้ำ
1.ประหยัดเวลาในการให้อาหาร
2.น้ำไม่เสีย เพราะอาหารหมด หรือไม่หมดเลย เห็นง่าย ต้นทุนในการจัดการลดลง
3.ปลาโตเร็วขึ้น ย่นระยะเวลาในการเลี้ยงลดลง 2 เดือน
4.ต้นทุนลดลง ประหยัดอาหาร ประหยัดค่าน้ำมันในการเปลี่ยนถ่ายน้ำ
5.ระยะเวลาการเลี้ยงปลาสั้นลง เหลือ 9 เดือน/รอบ
6.ของเสียสะสมพื้นบ่อน้อย พื้นบ่อไม่เน่าเสีย ไม่ต้องเสียเงินทำพื้นบ่อใหม่
จุดเด่นของอาหารเม็ดลอยน้ำ
การเลี้ยงปลาสลิดอย่างที่ทราบกันดีในเรื่องของอาหารที่ใช้เลี้ยงปลาจะต้องลงทุนในปริมาณมาก หลักล้านบาท/บ่อ
เกษตรกรคนเลี้ยงปลาจำเป็นต้องพึ่งพาสหกรณ์ และสหกรณ์ก็ให้ความร่วมมือดี
เบทาโกรต้องขอบคุณสหกรณ์ เพราะเริ่มแรกเลยเราเข้าไปนำเสนอให้สหกรณ์ก่อน แนะนำอาหารของเรา เนื่องจากอาหารของเราเป็นอาหารเม็ดลอย ไม่มีใครเชื่อว่าอาหารเม็ดลอยจะใช้กับปลาสลิดได้ ทีมงานใช้เวลาเปลี่ยนความคิดตรงนี้เกือบ 2 ปี กว่าเกษตรกรจะยอมรับ
ทีมงานเข้าไปพูดคุยกับสหกรณ์ถึงนวัตกรรมของอาหารเม็ดลอย จะทำให้ปลาโตเร็วขึ้น และทำให้ต้นทุนลดต่ำลง เกษตรกรจัดการง่ายขึ้น ทางสหกรณ์เบิกทางให้กับบริษัทเบทาโกร โดยการแนะนำเกษตรกรที่มีความสนใจ และมีศักยภาพที่พร้อมจะเปิดโอกาสให้เบทาโกรเข้าหา
วันแรกที่ทีมงานเข้าสหกรณ์ คำถามแรกที่ผู้จัดการสหกรณ์ถาม คือ อาหารของเบทาโกรแตกต่างกับคู่แข่งอย่างไร? สิ่งไหนที่เกษตรกรจะได้บ้าง สหกรณ์มีความเป็นห่วงเกษตรกรโดยตรง และเมื่อสหกรณ์รู้จักอาหารเบทาโกรมากขึ้น เห็นประโยชน์ที่สามารถผลักดันให้สมาชิกมีอาชีพที่มั่นคงขึ้น สามารถสร้างรายได้มากขึ้น นั่นหมายความว่า
สิ่งที่สหกรณ์ได้รับ ต้นทุนที่สมาชิกลงทุนไปให้กับเกษตรกรทั้งหมด นั่นคือ ผลประโยชน์ที่ได้กลับมาตรงนี้ เป็นเหมือน นโยบายของเบทาโกรและสหกรณ์สอดคล้องกัน คือ ต้องการช่วยเหลือเกษตรกรให้มีรายได้อย่างยั่งยืน ทางสหกรณ์จึงเปิดโอกาส และสนับสนุนให้กับ บริษัท เบทาโกร
เบทาโกรมีความมั่นใจ เพราะสิ่งหนึ่งที่เรามุ่งมั่น คือ คุณภาพ คือ นวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนการผลิต ฝ่ายวิชาการ ฝ่ายขาย และการตลาด หรือทุกภาคส่วน รวมถึงหน่วยงานจัดหาแหล่งวัตถุดิบที่นำมาผลิตให้กับลูกค้าทุกแบรนด์ ไม่เฉพาะแค่ปลาสลิด บริษัทยังมีอาหารปลานิล ปลาช่อน ปลาดุก และกบ อาหารปลาทุกแบรนด์
ในเรื่องของการสรรหา และทำให้กับเกษตรกรลดต้นทุนได้ บริษัทพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้หยุดแค่นี้ บริษัทยังคงพัฒนาต่อไปว่าจะทำอย่างไรให้อาหาร 1 เม็ด ต่อปลา 1 ตัว กินเข้าไปแล้วเจริญเติบโต
โดยทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องร่วมมือกัน เพื่อให้คุณภาพออกมาเป็นสินค้าที่พร้อมส่งมอบกับเกษตรกรนำไปใช้ ไม่เฉพาะแค่ลูกค้าที่จะได้ประโยชน์ เรายังคำนึงถึง สิ่งแวดล้อมด้วยว่าจะทำอย่างไรให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ไม่ทำให้น้ำเสีย ตรงนี้เป็นสิ่งที่ผู้บริหารให้ความสำคัญ เพื่อต่อยอดทุกอย่างให้สอดคล้องกัน
ฝากถึงเกษตรกรที่สนใจ อาหารปลาสลิดเม็ดลอย
สำหรับเกษตรกรที่มีผลการเลี้ยงที่ยังไม่ประสบผลสำเร็จ ยังไม่น่าพึงพอใจ ลองเปิดใจหันมาใช้อาหารเม็ดลอยน้ำของเบทาโกร แล้วจะรู้ว่าการเลี้ยงปลาสลิดนั้นไม่ใช่เรื่องยาก มีกำไรมากขึ้น ทุกความเปลี่ยนแปลงอยู่ที่การเปิดใจยอมรับสิ่งใหม่ๆ เพื่อทุกอย่างจะได้ดีขึ้น
จากที่เคยเป็นหนี้สินเยอะแยะ หลังจากเปิดใจยอมรับอาหารเม็ดลอยของเบทาโกร ลูกค้าสามารถปลดหนี้ได้ คุณเสียงกล่าวสั้นๆ ว่าพอใจมาก สุดยอดจริงๆ ถ้าให้เอ่ย 3 คำสั้นๆ สำหรับเบทาโกร “สุดยอดมาก ของเขาดี ปลดหนี้ได้”
จากคำยืนยันของผู้ใช้จริง เกษตรกรผู้เลี้ยงปลาสลิด หรือผู้ที่สนใจต้องการเปลี่ยนแปลง หรือยกระดับคุณภาพการเลี้ยงปลาสลิด และต้องการทดลองใช้อาหารเม็ดลอยน้ำ นวัตกรรมใหม่ของ บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ คุณน้ำหวาน 08-4387-5839 ฝ่ายการตลาด หรือคุณบุญสิน 089-976-6872 ฝ่ายขาย