เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวอย่างเต็มตัวแล้วสำหรับประเทศไทย แน่นอนว่าธุรกิจทางด้านการเลี้ยงและเพาะพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ ต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะด้วยอุณหภูมิที่ลดต่ำลง ทำให้สัตว์น้ำบางชนิดไม่สามารถเพาะพันธุ์ได้ อีกทั้งยังส่งผลให้การเจริญเติบโตในช่วงที่อุณหภูมิลดต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด เกษตรกรจึงต้องพยายามคิดหาวิธีการเพื่อให้สามารถเลี้ยงสัตว์น้ำผ่านช่วงฤดูหนาวที่ต้องเจอทุกๆ ปีเช่นนี้ให้ได้
ทีมงานจะขอพาทุกท่านไปยังฟาร์มเพาะพันธุ์กบ ที่สามารถเพาะพันธุ์ลูกกบขายได้ แม้จะเป็นช่วงฤดูหนาว กับปราโมทย์ฟาร์ม ในจังหวัดนครสวรรค์ ที่ได้พัฒนาเทคนิคการเลี้ยง รวมถึงการคัดเลือกสายพันธุ์ เพื่อให้ได้ลูกพันธุ์กบที่มีคุณภาพ และสามารถนำไปเลี้ยงได้ผลกำไรดี ซึ่งฟาร์มแห่งนี้อยู่ภายใต้การบริหารจัดการของ คุณปราโมทย์ อินทฤทธิ์ เกษตรกรอายุน้อย ที่ผันตัวเองจากวิถีชีวิตคนเมืองมาสร้างตัวเริ่มต้นใหม่
จนมีฟาร์มเพาะพันธุ์กบเป็นของตัวเอง และเป็นที่รู้จักของบรรดาเกษตรกรผู้เลี้ยงกบในวงการเป็นอย่างดี การันตีด้วยรางวัล “แม่พันธุ์กบสวยงาม อันดับ 1” ของนครสวรรค์ จนวันนี้มียอดจำหน่ายลูกพันธุ์มากถึง 200,000 ตัวต่อเดือน
จุดเริ่มต้นการเลี้ยงกบ
คุณปราโมทย์เล่าถึงที่มาว่า เดิมทีตนเองนั้นอาศัยอยู่ในกรุงเทพมหานคร และเมื่อเรียนจบชั้น ม.6 ชีวิตได้พลิกผัน ไม่มีเงินมากพอที่จะสามารถเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย บวกกับสภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้น ทำให้ตนเองและครอบครัวจึงตัดสินใจย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ ซึ่งพ่อของคุณปราโมทย์ได้มาซื้อที่ดินทิ้งเอาไว้ และเริ่มสร้างเนื้อสร้างตัวตั้งแต่อายุ 18 ปี โดยเริ่มจากการรับจ้างทำไร่ ทำสวน และเช่าที่ปลูกข้าวโพดหวาน แต่ก็ต้องพบกับวิกฤตน้ำท่วม จึงทำให้ผลผลิตเสียหาย
จนสุดท้ายคุณปราโมทย์ได้มีโอกาสเรียนรู้การเพาะพันธุ์กบจากผู้ใหญ่บ้านที่ตนเองได้ไปรับจ้างทำงานอยู่ โดยได้ไปดูงานและฟาร์มจากเกษตรกรายอื่นๆ จึงทำให้เห็นลู่ทางการทำธุรกิจ บวกกับได้รับคำแนะนำ เทคนิค รวมถึงพ่อแม่พันธุ์ ที่ได้รับการสนับสนุนจากหลายๆ คนในวงการ โดยได้กบสายพันธุ์บลูฟล้อค และกบนา มาใช้สำหรับผสมพันธุ์ ช่วงแรกนั้นยังถือว่าไม่สำเร็จ เพราะกบไม่ยอมผสมพันธุ์กัน
ตนจึงได้เปลี่ยนมาใช้สายพันธุ์กบจาน จาก จ.เชียงราย แทน จึงสามารถเพาะพันธุ์ได้ประสบผลสำเร็จ และค่อยๆ พัฒนาเทคนิคการเพาะพันธุ์จนสามารถผลิตลูกพันธุ์กบได้ต่อเนื่อง ซึ่งช่วงแรกคุณปราโมทย์อาศัยการจำหน่ายให้กับเกษตรกรในพื้นที่ และพ่อค้า แม่ค้า ที่จะนำไปขายต่อ จนเริ่มมีชื่อเสียง
พูดถึงกันปากต่อปากของกลุ่มผู้เลี้ยงกบในวงการ ทำให้มียอดการสั่งซื้อจากทั่วประเทศเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังได้ใช้การโปรโมทฟาร์มของตัวเองผ่านสื่อออนไลน์ อย่าง เว็บไซต์ และเฟสบุ๊ค มีลูกค้าติดต่อซื้อขายลูกพันธุ์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง จนปัจจุบันทางฟาร์มสามารถสร้างรายได้จากการขายลูกกบได้มากถึง 100,000 บาท/เดือน
การเพาะพันธุ์กบ
ในการเลี้ยงและบำรุงพ่อแม่พันธุ์ของทางฟาร์ม จะเลี้ยงพ่อแม่พันธุ์กบแยกกันระหว่างตัวผู้และตัวเมีย โดยจะเลี้ยงไว้ในรองปูนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1.2 เมตร วางซ้อนกันสามชั้น โดยรองปูน 1 บ่อ จะใส่พ่อแม่พันธุ์กบบ่อละ 50-60 ตัว ในส่วนของอาหารจะใช้อาหารเม็ดผสมกับวิตามินรวม และมีการให้แมลงและอาหารสดให้เสริมเป็นช่วงๆ และให้ยาถ่ายพยาธิเดือนละครั้ง เพราะในการขุนและบำรุงมีการให้อาหารสด
ทำให้มีพยาธิเข้าไปอยู่ในตัวกบได้ นอกจากการให้อาหารแล้ว ระหว่างเลี้ยงจะต้องมีการถ่ายน้ำทุกวัน เพื่อป้องกันการเกิดโรค และจะช่วยให้พ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ มีความสมบูรณ์ แข็งแรง พร้อมสำหรับนำไปผสมพันธุ์
เมื่อถึงช่วงที่จะผสมพันธุ์จะต้องมาทำการตรวจสอบพ่อแม่พันธุ์ในบ่อ โดยพ่อพันธุ์ตรงคางจะมีลักษณะใส ตรงส่วนนิ้วโป้งจะมีลักษณะสากขึ้นมากกว่าปกติ และเมื่อนำนิ้วสอดเข้าไปตรงกลางระหว่างขาจะมีการกอดรัดแน่น แสดงว่ากบตัวนั้นมีความพร้อมที่จะผสมพันธุ์เต็มที่แล้ว
ในส่วนของตัวเมียจะสามารถดูได้ หากตัวเมียพร้อมผสมพันธุ์แล้วจะเริ่มมีพุงออกด้านข้าง เมื่อลูบบริเวณข้างลำตัวผิวจะค่อนข้างสาก เท่ากับกระดาษทรายเบอร์ 2 แสดงว่าพร้อมผสมพันธุ์แล้ว แต่ก่อนที่จะนำพ่อแม่พันธุ์ลงบ่อจะต้องเตรียมและทำความสะอาดบ่อก่อน โดยการแช่ด้วยด่างทับทิมเป็นเวลา 1 ชั่วโมง จากนั้นจึงปล่อยน้ำออก แล้วชะล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่ง จึงจะนำน้ำใหม่เข้าบ่อสำหรับเพาะพันธุ์ต่อไปได้
โดยบ่อที่ใช้จะเป็นบ่อขนาด 4×5 เมตร สูง 1 เมตร ใช้กบตัวเมีย 40-50 ตัว และกบตัวผู้ 45-55 ตัว ต่อรอบ โดยระดับน้ำในบ่อที่เหมาะสมสำหรับการเพาะพันธุ์จะต้องดูจากขนาดของกบที่ใช้ ซึ่งการเติมน้ำจะต้องเติมให้สูงเพียงครึ่งลำตัวของกบ เพราะหากสูงเกินไปจะทำให้กบหยั่งขาไม่ถึง และจะทำให้ไข่ออกมาได้ไม่ดี ใช้เวลาเพียง 8 ชั่วโมง
กบก็จะเริ่มขับไข่ออกมา พอประมาณ 9-10 โมงเช้า ก็สามารถนำพ่อแม่พันธุ์ออกไปพักได้ โดยจะต้องนำไปพักแยกกัน ระหว่างตัวผู้ ตัวเมีย และแยกไว้ต่างหาก จากพ่อแม่พันธุ์ที่ยังไม่ได้นำไปเพาะพันธุ์ โดยจะพักไว้ประมาณ 7-8 วัน จึงจะสามารถนำมารวมกับพ่อแม่พันธุ์กบตัวอื่นๆได้ ปล่อยไข่ไว้อีก 5-6 ชั่วโมง ไข่ก็จะเริ่มฟักเป็นตัว แต่ถ้าเป็นช่วงที่สภาพอากาศมีอุณหภูมิค่อนข้างสูง ไข่จะยิ่งฟักออกมาเร็วขึ้นกว่าปกติ
การให้อาหารลูกกบ
จากนั้นปล่อยเอาไว้ 2 วัน ให้ลูกกบกินถุงไข่ที่ติดมาจนเกือบหมด จึงจะสามารถเริ่มให้อาหารได้ โดยจะใช้เป็นอาหารเม็ดไฮเกรดตั้งแต่เริ่มต้น โดยจะต้องมีการนำมาผสมกับจุลินทรีย์ ซึ่งจะช่วยในระบบการย่อยของกบ ซึ่งจะช่วยป้องกันไม่ให้กบเกิดอาการท้องอืด และตัวบวม อาหารแต่ละครั้งจะให้ครั้งละไม่มาก โดยดูจนกว่ากบจะกินหมด จึงจะให้เพิ่มได้ ไม่เช่นนั้นอาหารจะอืด และทำให้น้ำเสีย
การอนุบาลลูกกบ
เลี้ยงจนครบ 7 วัน จึงจะนำไปอนุบาลต่อในกระชังขนาด 5×6 เมตร ที่กางไว้ในบ่อดิน เพื่อให้กบได้กินอาหารธรรมชาติ โดยจะลงลูกอ๊อด 20,000 ตัว/กระชัง ซึ่งในบ่อดินนี้จะต้องมีการหมุนเวียนน้ำใหม่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันน้ำเน่าเสีย เลี้ยงไปจนครบ 20 วัน จากลูกอ๊อดจะกลายเป็นลูกกบลักษณะสมบูรณ์
จากนั้นจึงจะนำขึ้นมาคัดขนาด และพักในบ่อปูน โดยใช้เวลาพัก 4-5 วัน ก็สามารถจำหน่ายได้ทันที ซึ่งในแต่ละรอบนั้นทางฟาร์มจะสามารถผลิตลูกกบได้อยู่ที่ 1-2 แสนตัว/รอบ ผลิตลูกกบได้ตลอดทั้งปี
เทคนิคการ เพาะลูกกบ ผ่านหนาว
เทคนิคที่ทางฟาร์มใช้ คือ การปรับอุณหภูมิในบ่อพ่อแม่พันธุ์ โดยจะใช้การแขวนหลอดไฟ ขนาด 400 W. เพื่อปรับอุณหภูมิภายในบ่อ เพื่อละลายไขมันของกบ เพราะปกติในช่วงฤดูหนาวกบจะเก็บสะสมไขมัน และทำให้กบไข่ได้ยากกว่าช่วงอื่นๆ โดยอุณหภูมิภายในบ่อจะอยู่ที่ 30-34 องศาเซลเซียส และจะใช้วิธีการขุนบำรุง และให้อาหารเช่นเดียวกันกับวิธีปกติ ซึ่งวิธีดังกล่าวจะทำให้กบมีความพร้อมสำหรับผสมพันธุ์เหมือนช่วงฤดูกาลปกติ
เนื่องจากเทคนิคการเพาะพันธุ์ในช่วงฤดูหนาวนั้นอาจจะสามารถเพาะพันธุ์ได้ แต่ไม่สามารถผลิตลูกกบได้มากเท่ากับช่วงฤดูปกติ จึงทำให้ไม่เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร ทำให้คุณปราโมทย์ต้องสร้างกลุ่มเครือข่ายสำหรับผลิตลูกกบ โดยใช้เทคนิคและสายพันธุ์เหมือนๆ กัน เพื่อให้ได้กบที่มีคุณภาพเสมอกัน
โดยเครือข่ายลูกบ่อของคุณปราโมทย์นี้จะกระจายกันอยู่ทั่วทุกภาค ทั้งภาคอีสาน ภาคกลาง และภาคใต้ เพราะสภาพอากาศของแต่ละภาคนั้นจะมีความแตกต่างกัน ซึ่งมีความเหมาะสมสำหรับเพาะพันธุ์กบมากน้อยต่างกันออกไป โดยคุณปราโมทย์จะเข้าไปสอนเทคนิคและวิธีการเพาะพันธุ์ให้กับเครือข่าย และเมื่อผลิตลูกกบได้ ทางฟาร์มก็จะรับซื้อลูกกบกลับทั้งหมด จึงทำให้เครือข่ายของปราโมทย์ฟาร์มกบนี้มีความแข็งแรง และสามารถผลิตลูกกบจำหน่ายให้เกษตรกรได้ตลอดทั้งปี
การจำหน่ายกบ
นอกจากจำหน่ายลูกกบแล้ว ทางฟาร์มยังมีบริการรับซื้อกบเนื้อคืนกลับจากฟาร์มเลี้ยงที่ใช้ลูกกบของทางฟาร์ม ซึ่งราคาอาจจะต่ำกว่าราคาตลาด แต่ทางฟาร์มยินดีช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่มีตลาดรองรับ เพื่อให้สามารถเลี้ยงกบได้อย่างยั่งยืน ซึ่งทางฟาร์มจะมีโปรแกรมการเลี้ยงแนะนำให้กับลูกค้าด้วย ซึ่งจะช่วยให้เกษตรกรสามารถเลี้ยงได้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี
ด้านตลาดกบ
การขนส่งกบให้กับลูกค้า ทางฟาร์มจะเดินทางไปส่งให้ด้วยตัวเองทั้งหมด โดยจะอาศัยการแพ็คใส่ถุงพลาสติก และบรรจุบนรถกระบะ โดยทางฟาร์มจะคิดค่าจัดส่งตามระยะทาง นอกจากจำหน่ายในประเทศแล้ว ปัจจุบันทางฟาร์มยังได้เริ่มทำตลาดไปยังพม่า ที่มีปริมาณการรับซื้อเป็นปริมาณมาก และให้ราคารับซื้อดีกว่าประเทศไทย โดยอยู่ที่ตัวละ 2-3 บาท ไม่เหมือนในไทยที่ราคาจะอยู่ที่ตัวละ 1-2 บาท เท่านั้น
หากเกษตรกรท่านใดมีความสนใจติดต่อสอบถามข้อมูลด้านการเลี้ยงกบ หรือต้องการสั่งซื้อลูกพันธุ์
กบ จากทางปราโมทย์ฟาร์ม สามารถติดต่อได้ที่ 08-3957-4928 หรือ Facebook : ปราโมทย์ฟาร์ม 90 ม.5 ต.โกรกพระ อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ เพาะลูกกบ เพาะลูกกบ เพาะลูกกบ เพาะลูกกบ เพาะลูกกบ เพาะลูกกบ