การ เลี้ยงปลากะพงในบ่อดิน
“ปลากะพงขาว” เป็นปลาที่พบมากในแหล่งน้ำกร่อย เป็นปลาที่นิยมของนักตกปลา เนื่องจากเนื้อปลามีรสชาติอร่อย สีเนื้อขาวสวย แน่น เป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ปลากะพงธรรมชาติมีราคาขายค่อนข้างสูง แต่ในปัจจุบันเกษตรกรสามารถเลี้ยงปลากะพงขาวในบ่อเลี้ยงได้ สร้างอาชีพ สร้างรายได้ ที่ยั่งยืน เลี้ยงครอบครัวได้เป็นอย่างดี
ลักษณะของปลากะพงขาว
ปลากะพงขาวที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาดนั้น ส่วนใหญ่เป็นปลาที่มาจากการเลี้ยงบริเวณปากแม่น้ำ ซึ่งปัญหาของการเลี้ยงปลาแม่น้ำ คือ เกษตรกรมักเจอปัญหาเรื่องคุณภาพน้ำ ทำให้ตัวปลามีสีขาวซีด เนื้อยุ่ย เวลาขึ้นปลาจะมีเกล็ดหลุดออกมาเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ตัวปลาเป็นแผลง่าย ทำให้คุณภาพปลาลดลง เกษตรกรก็มักจะถูกพ่อค้ากดราคารับซื้อ ซึ่งเป็นปัญหาที่แก้ไม่ตก
บริษัท อะเมซอน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด จำหน่ายอาหารปลากะพง ยี่ห้อ “ยูนิ-เพรสซิเดนท์”
นิตยสารสัตว์น้ำมองเห็นความสำคัญของปัญหาปลากะพงไทย จึงลงพื้นที่พูดคุยกับ Mr.Edmond Lai ผู้บริหาร “บริษัท อะเมซอน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” ผู้จัดจำหน่ายอาหารปลาและกุ้ง ภายใต้แบรนด์ “Uni-president” ได้พูดคุยถึงเรื่องแนวทางการเลี้ยงปลากะพงขาวในประเทศไทยให้ได้คุณภาพ โดย Mr.Edmond Lai มองว่าภาคเกษตรของไทย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมสัตว์น้ำนั้น เป็นอุตสาหกรรมที่ค่อนข้างใหญ่ สร้างมูลค่าทางการเงินให้เกษตรกรได้ค่อนข้างสูง ด้วยเหตุนี้ตนในฐานะผู้นำเข้าอาหารปลาต้องการเห็นปลากะพงไทยมีคุณภาพ สามารถส่งออกไปตลาดโลกได้ จึงนำความรู้การเลี้ยงปลากะพงแบบหนาแน่นของประเทศไต้หวันมาทดลองเลี้ยงในเมืองไทย เพื่อทดสอบว่าหากเลี้ยงปลากะพงขาวแบบหนาแน่นในไทยแล้วจะประสบความสำเร็จเหมือนประเทศไต้หวันหรือไม่ เพราะปัจจุบันประเทศไต้หวัน คือ ประเทศที่ส่งออกปลากะพงขาวเป็นอันดับหนึ่งของโลกนั่นเอง
สภาพพื้นที่เลี้ยงปลากะพงขาว
ด้วยเหตุนี้ Mr.Edmond Lai จึงสร้างฟาร์มเลี้ยงปลากะพงขึ้น ที่ ต.ยี่สาร อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม พื้นที่ขนาด 100 ไร่ มีบ่อเลี้ยงทั้งหมด 15 บ่อ รวมบ่อพักน้ำ โดยจะมีการลงลูกปลาหมุนเวียนเพื่อให้มีผลผลิตปลาทั้งปี ฟาร์มปลากะพงฟาร์มนี้ใช้วิธีการบริหารจัดการฟาร์มเหมือนฟาร์มปลากะพงที่ประเทศไต้หวันทุกอย่าง โดยเน้นการเลี้ยงปลาแบบหนาแน่น อัตรา 30,000-40,000 ตัว /บ่อ เลี้ยงขนาด 2 ไร่ เน้นการให้ออกซิเจนตลอดเวลา โดยการใช้เครื่องตีน้ำคุณภาพ นำเข้าจากต่างประเทศ และให้อาหารปลากะพงคุณภาพ แบรนด์ “Uni-president” ในการเลี้ยง
หลังจากที่ลงปลารอบแรกไปแล้ว เมื่อจับขึ้นมาปรากฏว่าจับปลาได้น้ำหนักมากถึง 10 กว่าตัน สร้างกำไรได้เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว จากการเลี้ยงแบบทั่วไปไม่หนาแน่น เมื่อเทียบกับต้นทุนในการเลี้ยงแล้วถือว่าลดต้นทุนการเลี้ยงได้พอสมควรประมาณ 5-10% ต่อรอบ (เมื่อนับเป็นมูลค่าตัวเงินอยู่ที่หลักหมื่นบาท) อีกทั้งปลาที่จับยังได้คุณภาพ ทรงสวย น้ำหนักดี ได้ขนาด 700-800 กรัม ซึ่งเป็นขนาดที่ตลาดต้องการ
Mr.Edmond Lai ยอมรับว่า การที่จะเลี้ยงปลากะพงขาวให้ได้คุณภาพนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินความสามารถ เพียงแต่เกษตรกรจะต้องรู้จักปลา รู้จักธรรมชาติของปลา และเน้นการใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาใช้ในฟาร์ม ที่สำคัญ คือ การจัดการฟาร์มที่ได้คุณภาพ โดยเฉพาะเรื่องอาหารปลา ต้องใช้อาหารที่มีโปรตีนสูง FCR ต่ำ อย่าง อาหารปลา แบรนด์ “Uni-president” ที่มีโปรตีนสูงถึง 44-43% ไม่มีส่วนผสมของสารเคมี ปลอดภัย และยังมีสัดส่วนของปลาป่นค่อนข้างสูงกว่าอาหารปลาทั่วไป ส่งผลให้ปลาโตเร็ว ได้ขนาดตามที่ต้องการ ขายได้ราคาสูงอีกด้วย
ด้วยคุณภาพของอาหารปลา Mr.Edmond Lai จึงนำเข้าอาหารปลากะพง “Uni-president” มาจำหน่าย เป็นตัวแทนเพียงเจ้าเดียวของไทย โดยตั้งบริษัทขึ้นมาทำตลาดในประเทศไทย ภายใต้ชื่อ “บริษัท อะเมซอน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด” เพื่อจำหน่ายอาหารปลากะพงขาวคุณภาพดี ปลอดสารเคมี และยังมีอาหารสัตว์น้ำอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย
หลังจากที่เปิดตัวสินค้าไปแล้วนั้น เกษตรกรที่ซื้ออาหารปลากะพง แบรนด์ “Uni-president” ไปใช้เลี้ยง ก็บอกว่าอาหารมีคุณภาพดี ปลาโตแข็งแรง สมบูรณ์ ตามความต้องการ เวลาขึ้นปลาจะสังเกตเห็นมีเกล็ดปลาหลุดร่วงค่อนข้างน้อย ทำให้ได้ตัวปลาที่สวย เมื่อเปิดดูเนื้อปลาจะเห็นว่าเนื้อมีสีขาวสวย เหนียวแน่น จับเป็นก้อน ไม่ยุ่ย นอกจากเนื้อและลักษณะทรงปลาที่สวยแล้ว ปลาที่กินอาหาร แบรนด์ “Uni-president” นั้น หนังปลาจะออกสีเหลืองทอง เนื่องจากอาหารที่ปลากินนั้นอุดมไปด้วยโปรตีน ซึ่งลักษณะสีปลาจะคล้ายกับปลากะพงธรรมชาติที่มีสีเหลืองทอง สันจะเห็นเป็นสีดำ หรือเทาดำชัดเจน ซึ่งทางบริษัทรับประกันว่าอาหารที่จำหน่ายให้เกษตรกรไปเลี้ยงปลากะพงนั้นปลอดภัย ไม่มีสารเคมีเจือปน วัตถุดิบในอาหารใช้สมุนไพรธรรมชาติ โปรตีนสูง เลี้ยงแล้วปลาโตดี โตไว สามารถเลี้ยงในอัตราความหนาแน่นที่สูงได้ จับขายได้น้ำหนักและราคา
การเตรียมบ่อเลี้ยงปลากะพงขาว
เริ่มจากการเตรียมบ่อ โดยการปรับหน้าดินและยกคันบ่อขึ้น พื้นที่บ่อขนาด 1-2 ไร่ ฆ่าเชื้อบริเวณพื้นบ่อด้วยกากชาและปูนขาวเพื่อฆ่าศัตรูที่อยู่ในดิน และไข่ปลาที่จะฟักเป็นตัวมาแย่งอาหารปลากะพงขาวกิน ใช้เวลาตากบ่อประมาณ 10 วัน ในระหว่างนี้จะมีการทรีตน้ำเพื่อเตรียมนำน้ำเข้าบ่อ
ติดตั้งเครื่องตีน้ำ 3 รูปแบบ
การเตรียมน้ำเข้าบ่อจะทำการทรีตน้ำเป็นเวลา 3 วัน ก่อนนำลูกปลาลงปล่อย น้ำที่ใช้เลี้ยงมาจากคลองที่ทำการขุดลอกเข้ามาใช้ภายในฟาร์มเลี้ยง ความลึกของน้ำที่ใช้เลี้ยงอยู่ที่ 1.5 เมตร ซึ่งเหมาะสมที่สุด หลังจากนั้นติดตั้งเครื่องตีน้ำภายในบ่อ มากสุด 10 เครื่อง ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของปลา โดยฟาร์มตัวอย่างของบริษัทนั้นจะติดเครื่องตีน้ำทั้งหมด 3 รูปแบบ คือ
แบบที่ 1 “เครื่องตีน้ำแบบ 4 ใบพัด” จะติดตั้งจำนวน 6 เครื่อง/บ่อ เพื่อสร้างให้น้ำไหลหมุนเป็นวงกลมไปรอบๆ บ่อ เพื่อฝึกให้ปลาว่ายทวนน้ำตลอดเวลา จะทำให้ปลาแข็งแรง
แบบที่ 2 “เครื่องตีน้ำที่ทำงานคล้ายคลึงกับน้ำพุ” จำนวน 1 เครื่อง ทำงานโดยดูดน้ำจากก้นบ่อขึ้นมาเหมือนน้ำพุ เพื่อช่วยไม่ให้ตะกอนกองรวมกันที่ก้นบ่อ และช่วยให้น้ำได้สลับชั้นกัน เพื่อปรับอุณหภูมิภายในน้ำไปในตัว ซึ่งอุณหภูมิในน้ำที่เหมาะสมที่สุดอยู่ที่ 28-30 องศา อีกทั้งการสลับน้ำจากก้นบ่อขึ้นมาจะทำให้เชื้อแบคทีเรียต่างๆ ที่อยู่ในน้ำลึก เมื่อขึ้นมาผิวน้ำจะถูกความร้อนจากแสงแดดเผาตายหมด ซึ่งจะทำให้น้ำได้คุณภาพที่ดียิ่งขึ้น ลดการเพาะเชื้อโรคในน้ำได้ดี
แบบที่ 3 “เครื่องสร้างน้ำให้เป็นคลื่นทะเล” โดยการดูดน้ำจากด้านล่างแล้วผลักน้ำออกไปด้านข้างเพื่อให้เกิดคลื่นน้ำทางฟาร์มใช้เครื่องตีน้ำแบบนี้เพราะต้องการให้ปลาได้ออกกำลังกาย และเพื่อแลกเปลี่ยนอุณหภูมิของน้ำภายในบ่อเลี้ยง ช่วยให้ปลาไม่เครียด กินอาหารดี และโตไว
การคัดเลือกลูกพันธุ์ปลากะพง
เมื่อเตรียมบ่อทรีตน้ำเสร็จแล้ว ก็มาถึงขั้นตอนการลงลูกปลา ทางฟาร์มจะคัดเลือกลูกพันธุ์ปลากะพงที่แข็งแรง เพราะลูกพันธุ์ที่แข็งแรงจะส่งผลให้ปลาเลี้ยงง่าย โตดี ก่อนนำลูกปลาลงบ่อทำการฆ่าเชื้อลูกปลาโดยการเตรียมถัง ใส่น้ำ 500 L. และฟอร์มาลีน 40 CC. ลงไป จากนั้นแกะถุงลูกปลาปล่อยลงตะกร้าเอาน้ำทิ้ง และนำตะกร้าที่มีลูกปลากะพงขาวไปจุ่มลงในถังน้ำยาเป็นเวลา 30 วินาที แล้วปล่อยลงในคอกเลี้ยงที่เป็นวงกลม เพื่อสอนให้ลูกปลากินอาหารเม็ดเป็นเวลา 7 วัน ก่อนปล่อยลงสู่บ่อใหญ่ ที่มีการแบ่งคอกออกเป็น 3 ส่วน ด้วยตาข่ายไนลอนตาถี่ เพื่อฝึกปลาให้คุ้นเคยกับการให้อาหารและการว่ายน้ำ หลังจากนั้น 90 วัน นำคอกออก ปล่อยให้ปลาว่ายน้ำได้ทั้งบ่อ
การให้อาหารปลากะพงขาว
ขั้นตอนการให้อาหาร ทางฟาร์มจะใช้อาหารปลากะพงขาว แบรนด์ “Uni-president” ทุกเบอร์ในการเลี้ยงปลาแต่ละรุ่น โดยจะให้อาหารวันละ 2 มื้อ ช่วงเช้า และช่วงเย็น ในแต่ละมื้อจะให้อาหารจนกว่าปลาจะอิ่ม อัตราการแลกเนื้อของปลาที่ฟาร์มจะอยู่ที่ 1.15% ไม่เกิน 1.25% ในแต่ละรอบที่เลี้ยงต่อไปจนครบ 135 วัน จึงจับขายสู่ตลาด อัตราการปล่อยอยู่ที่ 30,000-40,000 ตัวต่อบ่อ 2 ไร่ ขนาดปลาที่จับอยู่ที่ 800 กรัม/ตัว เป็นปลาไซส์ทั้งหมด ซึ่งขายได้ราคาอยู่ที่กิโลกรัมละ 115 บาท
การบริหารจัดการ เลี้ยงปลากะพงในบ่อดิน
โรคที่พบในปลากะพงขาวที่ทางฟาร์มมักพบเจอเป็นจำพวกปรสิตทั่วไป เช่น ปลิงใส หนอนสมอ เห็บระฆัง ซึ่งมาจากน้ำเป็นหลัก แต่ทางฟาร์มจะเน้นการแก้ไขที่ต้นเหตุด้วยการฆ่าเชื้อตั้งแต่เริ่มเตรียมบ่อ และสูบน้ำเข้าบ่อ เมื่อนำน้ำเข้าสู่บ่อก็มีทรีตน้ำเพื่อฆ่าเชื้อก่อน ทางฟาร์มจะไม่เน้นแก้ไขทุกอย่างที่ปลายเหตุ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อปลารุ่นต่อๆ ไป และทางฟาร์มยังมีการสุ่มตรวจคุณภาพปลาทุกๆ 2 อาทิตย์ เพื่อดูลักษณะของปลา ขนาดปลา และรูปลักษณ์ของปลา ภายในบ่อเลี้ยงว่ามีโรค หรือมีความผิดปกติของปลาหรือไม่ เพื่อหาวิธีแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นๆ นั่นเอง
เทคนิคสำคัญที่จะทำให้การเลี้ยงปลากะพงขาวความหนาแน่นที่สูงให้ประสบผลสำเร็จได้ต้องมี 3 ข้อหลักๆ
1.“ลูกพันธุ์ที่ดี” ต้องมีขนาดตัวเท่ากัน แข็งแรง พร้อมปล่อยลงสู่บ่อเลี้ยงได้
2.“คุณภาพน้ำ” ที่ต้องมีการดูแลให้ทั่วถึง น้ำต้องหมุนเวียนเร็ว ห้ามมีของเสียกองบริเวณพื้นบ่อ เพราะนั่นคือการทำให้เกิดแอมโมเนียที่เป็นตัวร้ายทำให้ปลาตายได้ทั้งบ่อ
3.“อาหารที่ใช้เลี้ยง” ต้องมีโปรตีนสูง FCR ต่ำ สามารถใช้ในการเลี้ยงปลาที่ความหนาแน่นสูงได้
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายปลากะพงขาว ทั้งในและต่างประเทศ
ปลากะพงขาวของทางฟาร์มนอกจากขายในประเทศเองแล้วยังมีการส่งออกประเทศต่างๆ ในแถบเอเชีย และประเทศใกล้เคียง เช่น จีน ฟิลิปปินส์ พม่า ออสเตรเลีย และสิงคโปร์ และในอนาคตทางฟาร์มมีแผนที่จะทำการวางระบบน้ำหมุนเวียนภายในฟาร์ม โดยจะขุดคลองปล่อยน้ำเข้า แล้วปล่อยสาหร่ายลงไปช่วยในเรื่องการบำบัดน้ำ พร้อมปล่อยปลาให้ช่วยกำจัดศัตรูของลูกปลาด้วย นอกจากนี้ยังได้เตรียมทำบ่อเลี้ยงกุ้งขาวแวนนาไม พื้นที่ขนาด 50 ไร่ เลี้ยงโดยเน้นการใช้อาหาร แบรนด์ “Uni-president” ในการเลี้ยง และยังมีแผนที่จะทำการเพาะลูกปลากะพงขาวที่มีความแข็งแรง คุณภาพดีขึ้น มาใช้เลี้ยงภายในฟาร์มเองอีกด้วย เพราะบางช่วงลูกปลาที่สั่งเข้ามาไม่เพียงพอต่อการเลี้ยง ด้วยเหตุนี้ทางบริษัทจึงมีความคิดที่จะนำพ่อแม่พันธุ์ปลามาผสมเพื่อผลิตลูกพันธุ์ปลากะพงขาวเอง
ในปัจจุบันเกษตรกรมีการผลิตปลากะพงขาวมากขึ้น อาจทำให้ราคาปลากะพงขาวตกลง แต่ปลาของทางฟาร์มเป็นปลาที่มีคุณภาพ ลำตัวสีทองมาจากการกินอาหารที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ เนื้อปลาที่ได้มีความแน่น เนื้อขาว เนื้อมีรสชาติหวาน ไม่มีกลิ่นคาว หรือกลิ่นสาบ ทำให้ราคาไม่ตกลง ราคาคงที่ เทียบเท่าต่างประเทศ
ฝากถึงเกษตรกรผู้สนใจ เลี้ยงปลากะพงในบ่อดิน และผู้บริโภคปลากะพงขาว
สุดท้ายนี้ทาง Mr. Edmond Lai อยากให้เกษตรกรและผู้บริโภคได้รู้ว่า“ปลากะพงขาวไม่ได้ขาวไปหมดทั้งตัว อาหารที่ให้กินไม่มีสารเคมีเจือปน ทำให้ปลากะพงขาวที่เลี้ยงตัวจะเป็นสีเหลืองทองคล้ายคลึงธรรมชาติ แต่เนื้อข้างในของปลานั้นเป็นสีขาวนวลสวย และรสชาติดี
อีกอย่างอยากให้เกษตรกรเปิดใจเรียนรู้การเลี้ยงปลากะพงขาวที่มีความหนาแน่นสูง ในพื้นที่บ่อ 2 ไร่ การวางระบบน้ำโดยการขุดคลองปล่อยน้ำเข้า แล้วเลี้ยงสาหร่ายเพื่อช่วยในการบำบัดน้ำ และติดตั้งเครื่องตีน้ำภายในบ่อเลี้ยง 24 ชั่วโมง ช่วยให้ปลาแข็งแรง และลดปัญหาการเกิดน้ำเสียภายในบ่อด้วย ในตอนแรกอาจจะลงทุนสูง แต่ผลผลิตที่ได้คุ้มต่อการลงทุนแน่นอน”
สนใจอาหารปลากะพงขาวเกรดคุณภาพ มีส่วนผสมจากธรรมชาติ โปรตีนสูง
ติดต่อได้ที่ บริษัท อะเมซอน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
ที่อยู่ 89/7 หมู่ 2 ต.กาหลง อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 74000
โทร.091-740-0584 คุณอัลเบิร์ต, 083-247-4400 คุณโอ๊ต เลี้ยงปลากระพงในบ่อดิน เลี้ยงปลากระพงในบ่อดิน