เลี้ยงปลานิล สุรพลฟาร์ม ยืนยัน กำไร 100% ใช้อาหาร โยซ่า-ฟิช ของ กรุ๊ฟเน็ตฯ
การทำเกษตรแบบผสมผสาน ที่มีทั้งการเพาะปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ หรือการประมง ผสมผสานเข้าด้วยกัน ซึ่งการทำการเกษตรในรูปแบบดังกล่าวมีข้อดีที่สำคัญ คือ ช่วยลดความเสี่ยงจากการทำธุรกิจเพียงอย่างเดียว มีผลผลิต และผลตอบแทนจากหลายช่องทาง เหมือนกับเกษตรกรท่านนี้ที่มีการทำประมงแบบผสมผสาน ด้วยเลี้ยงปลานิล ควบคู่กับการเลี้ยงกุ้งขาวและกุ้งก้ามกราม
คุณพล เจ้าของสุรพลฟาร์ม เกษตรกรคนเลี้ยงปลานิล และกุ้ง ที่มีประสบการณ์การเลี้ยงมานานกว่า 25 ปี เริ่มต้นเลี้ยงปลานิล ครั้งแรกที่ จ.สมุทรปราการ เพียง 3 บ่อ แต่ด้วยราคาปลาที่ดี บวกกับการเลี้ยงที่ดี มีแต่กำไร ทำให้คุณพลเริ่มขยับขยายพื้นที่เลี้ยงมากขึ้น
เลี้ยงปลานิล และกุ้ง
และในปัจจุบันมาเปิดบ่อเลี้ยงที่ จ.ราชบุรี เป็นหลัก โดยให้เหตุผลว่า “จ.สมุทรปราการ พื้นที่เลี้ยงมีน้อย ขยับขยายบ่อเพิ่มไม่ได้ เพราะเราเลี้ยงบ่อใหญ่ 10 ไร่ขึ้นไป บวกกับสภาพน้ำ สภาพอากาศ ที่แย่ลง การเลี้ยงก็เลี้ยงยากขึ้น เราก็เริ่มมองหาที่เลี้ยงใหม่ ก็มาได้ที่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ที่มีสภาพแวดล้อมดี มีน้ำที่ดีตลอดทั้งปี เราก็เริ่มเลี้ยง และขยายฟาร์มที่นี่ จาก 1 – 2 บ่อ ก็ขยายมากขึ้น เป็น 10 กว่าบ่อ ในปัจจุบัน ที่มีทั้งบ่อกุ้ง และบ่อปลา”
สภาพพื้นที่ เลี้ยงปลานิล และกุ้ง
ปัจจุบันสุรพลฟาร์มมีพื้นที่เลี้ยงปลานิล กุ้งขาววานาไม และก้ามกราม 200 ไร่ แบ่งเป็นบ่อปลา 7 บ่อ และบ่อกุ้ง 8 บ่อ ในส่วนของบ่อกุ้งมีการเลี้ยงผสม ทั้งกุ้งขาวและกุ้งก้ามกราม เพื่อสร้างรายได้หมุนเวียนในบ่อ สำหรับปลานิลจะเน้นเลี้ยงปลานิล หมันสายพันธุ์จาก “มานิตย์ฟาร์ม”โดยเลือกลงลูกปลาที่มีขนาดใบมะขามมาอนุบาลในบ่อดินประมาณ 3 – 4 เดือน อัตรา 6 – หมื่นตัว/บ่อ
การอนุบาลลูกปลานิล
คุณพลได้เผยเทคนิคการอนุบาลให้ลูกปลาติดดี โดยเน้นการเลือกใช้อาหารปลาที่มีคุณภาพ อย่างแบรนด์ “โยซ่า-ฟิช” จากบริษัท กรุ๊ฟเน็ต เม็ทดิชิน จำกัด ที่มีโปรตีนสูงถึง 30 ควบคู่กับการให้รำข้าว สลับมื้อกัน คุณพลยืนยันว่าอาหารปลา “โยซ่า-ฟิช” จะช่วยให้ลูกปลาสร้างเนื้อเร็ว แข็งแรง บวกกับสายพันธุ์ปลาที่ถูกพัฒนาให้โตเร็ว ทำให้ลูกปลาที่อนุบาลใช้ระยะเวลาในการเลี้ยงค่อนข้างสั้น เพียง 3 – 4 เดือน ก็จะได้ไซซ์ปลาขนาด 6 – 10 ตัว/กก.
ที่สำคัญการอนุบาลในระบบที่ไม่หนาแน่นเกินไปจะช่วยให้ลูกปลาไม่แตกไซซ์ ตัวเสมอกัน “ผมโชคดีที่บ่อเลี้ยงอยู่ตรงนี้ ตรงที่มีพร้อมทั้งแหล่งน้ำที่สะอาด ไหลมาจากเขื่อนกาญจนบุรี มีใช้ตลอดทั้งปี น้ำเราไม่เคยขาด เรื่องของดินก็เป็นดินที่ดี เหมาะสมกับการเลี้ยงปลา/กุ้ง”
การให้อาหารลูกปลานิล
เมื่อลูกปลาที่อนุบาลได้ขนาดตามต้องการแล้ว คุณพลจะให้คนงานมาลากปลาแล้วเอาไปขุนในบ่อเลี้ยง บ่อใหญ่ขนาด 10 ไร่ขึ้นไป เลี้ยงต่อไปอีกประมาณ 4 – 5 เดือน ก็จะได้ปลาขนาด 1 – 1.2 กก. ตามที่ตลาดต้องการ ซึ่งเทคนิคการขุนที่ทำให้ปลามีขนาดสม่ำเสมอ ตัวไม่แตกไซส์ คือ เน้นปล่อยปลาบางๆ เฉลี่ยไร่ละ 1,000 ตัว ให้อาหารตามโปรแกรม โดยเลือกใช้อาหารแบรนด์ “โยซ่า-ฟิช” เช่นเดิม และคอยดูการกินอาหารของปลา ถ้ากินหมดไวก็เพิ่มอาหารให้ แต่จะระวังไม่ให้เยอะเกินไปจนอาหารเหลือ
การบริหารจัดการบ่อกุ้งและปลา
ส่วนเรื่องโรคต่างๆ คุณพลบอกว่าไม่มีปัญหา เพราะมีการจัดการที่ดี เลี้ยงแบบไม่หนาแน่น น้ำมีคุณภาพดี และเปิดเครื่องตีน้ำให้ด้วย รวมทั้งมีการเลี้ยงกุ้งขาวผสม เพื่อเพิ่มผลพลอยได้ โดยจะปล่อยกุ้งขาวประมาณ 1,000 ตัว/ไร่ พร้อมกับปลา แล้วเลี้ยงแบบธรรมชาติ จะดักออกทุก 2 เดือน แล้วก็ปล่อยใส่ใหม่ ซึ่งการเลี้ยงกุ้งรวมกับปลาไม่ได้ส่งผลกระทบกับปลาที่เลี้ยง และในเรื่องตลาดจะมีแพมารับที่หน้าบ่อ ราคาในช่วงนี้อยู่ที่ประมาณ 40 กว่าบาท
เพราะคุณภาพน้ำที่ดี และการจัดการที่ดี จึงทำให้ที่ฟาร์มไม่จำเป็นต้องให้แร่ธาตุหรืออาหารเสริม ให้แค่อาหารที่วางไว้ตามโปรแกรมเท่านั้น เมื่อถามว่าหัวใจสำคัญของเลี้ยงปลานิล คืออะไร คุณพลได้ให้เหตุผลว่า “การเลี้ยงแบบพอดี ปล่อยปลาไม่หนาแน่นจนเกินไป ทำให้มีการจัดการง่าย ไม่มีปัญหาในการเลี้ยง ไม่เจอปลาน็อคระหว่างจับ” เมื่อก่อนคุณพลเคยเลี้ยงปลาแบบแน่นเกินไป 30 ไร่ ลงปลาประมาณ 2 แสนตัว ทำให้เกิดปัญหาปลาน็อค ตายยกบ่อ
ข้อดีของอาหาร “โยซ่า-ฟิช”
คุณพลได้เผยว่าอาหารปลาแบรนด์ “โยซ่า-ฟิช” จาก บริษัท กรุ๊ฟเน็ต เม็ทดิชิน จำกัด เมื่อให้ปลากินแล้ว ปลาโตดี มีสุขภาพแข็งแรง เกล็ดแข็ง เดือนหนึ่งโตได้ประมาณ 2 ขีด ทางฟาร์มจะให้อาหาร 3 เวลา เช้า กลางวัน และเย็น เมื่อให้แล้วจะสังเกตเลยว่าปลาโตเร็วขึ้น และมีสุขภาพแข็งแรง และพนักงานบริการที่ดีมาดูแลแนะนำอย่างสม่ำเสมอ ด้วยเหตุผลทั้งหมดจึงทำให้สุรพลฟาร์มเลือกใช้อาหาร “โยซ่า-ฟิช” มานานหลายปี และยังแนะนำให้ญาติพี่น้องหันมาใช้ เพราะตนใช้แล้วปลาโตดี แข็งแรง เห็นผลชัดเจน
ปัญหาและอุปสรรคการเลี้ยงกุ้งขาวและกุ้งก้ามกราม
ส่วนการเลี้ยงกุ้งนั้น คุณพลจะเลี้ยงแบบผสมทั้งกุ้งขาวและกุ้งก้ามกราม โดยให้เหตุผลว่า“ถ้าเริ่มเลี้ยงแบบบางๆ มันก็สามารถอยู่ด้วยกันได้ เราจะไม่เลี้ยงหนาแน่น โดยกุ้งขาวจะลงเป็นกุ้งพี กุ้งก้ามกรามจะลงเป็นกุ้งชำ โดยจะชำกุ้งเอง ใช้เวลาอนุบาลประมาณ 2 – 3 เดือน จะได้ไซส์ 200ตัว /กิโลกรัม”
นอกจากนี้ปัญหาเรื่องขี้ขาวในกุ้ง ทางฟาร์มนานๆ จะเจอ เพราะมีการดูแลจัดการที่ดี แต่หากเจอ วิธีแก้ไข คือ วิดออก หรือปล่อยไปเลย เพราะมีกุ้งก้ามกรามอยู่ การเลี้ยงแบบผสมผสานช่วยลดความเสี่ยงในการทำธุรกิจได้ และประสบการณ์การเลี้ยงปลาและกุ้งมากว่า 25 ปี ทำให้ไม่มีปัญหาในการเลี้ยงกุ้ง และการที่เลี้ยงปลาควบคู่กับการเลี้ยงกุ้งก็ไม่มีอะไรยากไปกว่ากัน
กุ้งขาววานาไมปล่อย 1 หมื่นตัว/ไร่ ส่วนก้ามกราม 100 กิโลกรัม/10 ไร่ เลี้ยงในบ่อดินทั้งหมด ซึ่งการเลี้ยงกุ้งในบ่อดินนั้นเป็นเรื่องยาก เพราะมักจะเจอปัญหาของเสีย เรื่องแอมโมเนีย และดินเน่า แต่ทางฟาร์มไม่มีปัญหา เพราะมีการปล่อยแบบบาง ใช้ระยะเวลาขุนประมาณ 4 เดือน เท่านั้น
ฝากถึงเกษตรกรผู้ เลี้ยงปลานิล และกุ้ง
สุดท้ายคุณพลได้ฝากทิ้งท้ายถึงเกษตรกรคนเลี้ยงปลาและกุ้งว่า “การเลี้ยงสัตว์แบบผสมผสานเป็นอีกทางเลือกที่ดี เพราะนอกจากจะลดความเสี่ยงจากการเลี้ยงอย่างเดียวแล้ว ยังทำให้ได้ผลผลิตหลายช่องทาง และการเลี้ยงที่ดีควรปล่อยแบบบาง จะช่วยให้การจัดการง่าย ไม่เจอปัญหาในระหว่างเลี้ยง”
สนใจอาหารกุ้ง-ปลา ติดต่อได้ที่ บริษัท กรุ๊ฟเน็ต เม็ทดิชิน จำกัด 99/13 หมู่ 1 ซอยม่วงสกุล 2 ต.นาดี อ.เมือง จ.สมุทรสาคร 74000 โทร : 034-832-064, 034-466-179, www.groupnetmedicin.com