การเพาะ เลี้ยงปูนิ่ม
“ปู” หรืออีกหนึ่งสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่น่าจับตามอง สามารถสร้างรายได้ให้เกษตรกรได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ หากมีการบริหารจัดการมาตรฐานฟาร์มและการเพาะเลี้ยงที่ดี โดยปูเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคเป็นจำนวนมากในหลากหลายๆ ประเทศ โดยนิยมนำไปบริโภคทั้งปรุงสดและแปรรูปในอุตสาหกรรมธุรกิจอาหาร ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกที่สูง ส่วนประเทศไทยการบริโภคปูยังถือว่าค่อนข้างน้อย ผลผลิตที่ออกมาส่วนใหญ่จึงส่งขายไปยังประเทศเพื่อนบ้านเป็นหลัก โดยปัจจุบันภาครัฐรวมถึงหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้มีการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกษตรกรทำฟาร์มเพาะเลี้ยงปู เลี้ยงปูนิ่ม กันมากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่แถบชายฝั่งทะเลทั้งหมด
ทั้งนี้ก็เพื่อให้เป็นประโยชน์ต่อการศึกษาและถ่ายทอดความรู้สู่เกษตรกรที่สนใจเลี้ยงปูให้ขยายเป็นวงกว้างต่อไปในอนาคต
ในส่วนภาคเอกชนได้มีหลายองค์กรที่ร่วมส่งเสริมให้เกษตรกรหันมาเพาะเลี้ยงปูอย่างจริงจังกันมากขึ้น โดยพร้อมสนับสนุนในเรื่องของผลิตภัณฑ์อาหารปูที่ได้คุณภาพ
การผลิตและจำหน่ายอาหารปู “โปรฟีด”
โดยหนึ่งในองค์กรภาคเอกชนที่ได้ช่วยเหลือและผลักดันเกษตรกรผู้เลี้ยงปูในประเทศไทย คือ บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ โดยมุ่งเน้นพัฒนาอาหารสัตว์น้ำที่ได้คุณภาพ เพื่อตอบโจทย์การเลี้ยงสัตว์น้ำให้กับเกษตรกรให้มีผลผลิตที่ได้คุณภาพจำหน่ายออกสู่ตลาด สร้างกำไรงาม
คุณบรรลือศักร โสรัจจากิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไทยยูเนี่ยน ได้ส่งเสริมเกษตรกรไทยให้เพาะเลี้ยงปูมากขึ้น ด้วยปูเป็นสัตว์น้ำเศรษฐกิจ มูลค่าการตลาดค่อนข้างสูง อีกทั้งผลผลิตยังเป็นที่ต้องการของตลาด โดยเฉพาะ “ปูนิ่ม” ที่ตลาดต่างประเทศมีการบริโภคสูงมาก ยกตัวอย่าง ประเทศในอาเซียน ได้แก่ ประเทศเวียดนาม ที่ประกาศรับซื้อในปริมาณพอสมควร อีกทั้งในปัจจุบันภาวะราคากุ้งตกต่ำ ซึ่งทางบริษัทมองว่าหากจะหวังให้ราคากุ้งกลับมาดีดังเช่นในอดีตคงเป็นเรื่องยาก
ดังนั้นการส่งเสริมสัตว์น้ำชนิดใหม่ อย่าง “ปู” จึงเป็นทางเลือกให้เกษตรกรที่ดี นอกจากนี้ปูยังเป็นสัตว์น้ำที่เลี้ยงง่าย ใกล้เคียงกับการเลี้ยงกุ้ง แต่การบริหารจัดการไม่ยุ่งยาก เพียงเกษตรกรมีความรู้ ความเข้าใจ และเอาใจใส่ดูแลที่เหมาะสม เพียงเท่านี้ก็จะได้ผลผลิตปูที่มีคุณภาพออกจำหน่าย
ในส่วนบทบาทหน้าที่ของไทยยูเนี่ยน ซึ่งแน่นอนว่ามุ่งเน้นเรื่องการวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์น้ำ ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึง คือ ‘อาหารปู’ โดยคุณบรรลือศักรกล่าวว่าบริษัทฯ ได้มีการศึกษาเก็บข้อมูลและพัฒนาอาหารสำหรับใช้เพาะเลี้ยงปูให้ได้คุณภาพและเหมาะสมมาตลอดระยะเวลาหลายปี ซึ่งในระหว่างการศึกษานั้น ทางบริษัทได้ทดลองผลิตอาหารปูออกมาหลากหลายสูตรนำไปให้เกษตรกรทดลองใช้เลี้ยงจริง จากนั้นจึงค่อยๆ ปรับสูตรให้มีความเหมาะสมมากขึ้น จนกระทั่งปัจจุบันได้สูตรอาหารปูที่มาตรฐาน มีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมกับปู สามารถทดแทนอาหารสดได้เป็นอย่างดี สังเกตได้จากปูที่เกษตรกรเลี้ยง เมื่อถึงเวลาให้อาหาร ปูจะกินเก่ง ลอกคราบได้เร็วขึ้น ย่นระยะเวลาเลี้ยง และมีน้ำหนักตรงตามความต้องการตลาด
อีกทั้งผลิตภัณฑ์อาหารดังกล่าวช่วยตอบโจทย์ความสะดวก รวดเร็ว เกษตรกรนำไปใช้งานง่าย ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับ อาหารสด หรือเหยื่อปลาสด/ปลาป่น ที่ต้องนำมาจัดเตรียม นำมาผสม ซึ่งมีขั้นตอนและวิธีการที่ค่อนข้างยุ่งยาก และต้องใช้เวลา
“ไทยยูเนี่ยนเราเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาอาหารสัตว์น้ำ แต่ขณะเดียวกันเราก็ต้องพึ่งพาเกษตรกร เพราะเขามีความชำนาญและประสบการณ์การเลี้ยงสัตว์น้ำ ยกตัวอย่าง การวิจัยพัฒนาอาหารปู เกิดขึ้นเพราะเรามองเห็นโอกาสในตลาดซื้อขายปู ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยปูยังมีผู้เพาะเลี้ยงน้อยในประเทศไทย แต่มีความต้องการบริโภคสูงโดยเฉพาะในต่างประเทศ
ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงความเชื่อและความคิดของเกษตรกรให้หันมาใช้อาหารปูสำเร็จรูปนั้นทำได้ยาก ทว่าเป็นเป้าหมายที่บริษัทฯ มุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำ โดยบริษัทฯ พยายามเข้าหาเกษตรกร โดยเข้าไปพูดคุยแนะนำให้เกษตรกรรู้ว่าบริษัทเราพัฒนาและผลิตอาหารปูคุณภาพ โดยนำตัวอย่างไปให้ดู แล้วมอบอาหารให้เกษตรกรเพื่อใช้ทดลองใช้จริง ซึ่งบริษัทฯ ร่วมสังเกตการเปลี่ยนแปลง เก็บข้อมูล และติดตามผล จนกระทั่งปัจจุบันเราได้พัฒนาสูตรอาหารปูที่ได้มาตรฐาน เป็นที่พอใจของเกษตรกรแล้ว คุณบรรลือศักรให้ความเห็นและได้ให้แนวทางการพัฒนาว่า ถ้าจะให้การเลี้ยงปูมีความยั่งยืน ต้องมีโรงเพาะฟักลูกปูภาคเอกชน ภายใต้การส่งเสริมจากกรมประมง”
ข้อดีของอาหารปู โปรฟีด ของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับ ผลิตภัณฑ์อาหารปู ภายใต้ผู้ผลิตและจำหน่าย ไทยยูเนี่ยน ปัจจุบันเป็นสูตรอาหารสำหรับปู 100% ภายใต้ชื่อ “โปรฟีด” ซึ่งได้รับการวิจัยพัฒนามาจากอาหารปลาทะเล หรืออาหารสด ที่เกษตรกรเคยใช้นั่นเอง ทว่าการใช้อาหารสดมีข้อเสียหลายอย่าง เช่น มีราคาจำหน่ายค่อนข้างสูง และวัตถุดิบมักจะขาดตลาด โดยเฉพาะช่วงฤดูมรสุมชาวประมงเดินเรือไม่ได้ ทำให้เกษตรกรขาดวัตถุดิบนำมาเลี้ยงปู
แต่สำหรับผลิตภัณฑ์อาหารปู ภายใต้ผู้ผลิตและจำหน่าย ไทยยูเนี่ยนนั้น เป็นสูตรที่ได้รับการวิจัยพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ผ่านการทดสอบในฟาร์มของบริษัท เมื่อมั่นใจจึงให้เกษตรกรผู้เลี้ยงปู ตัวจริง เสียงจริง ทดลองใช้
- สูตรเดียว ได้มาตรฐาน มีเบอร์ 1-4 โดยให้ตามโปรแกรม และระยะการเลี้ยงปู
- ส่วนผสมครบถ้วน ได้แก่ โปรตีน 40% แร่ธาตุและแคลเซียม เสริมสร้างเนื้อและกระดองปูให้สมบูรณ์แข็งแรง
- อาหารได้รับการพัฒนาสูตรให้มีกลิ่นหอม ดึงดูดพฤติกรรมปูให้สนใจและกินเก่ง ลักษณะเป็นเม็ด เกษตรกรใช้งานง่าย ไม่ต้องผสมอะไรอีก หว่านลงบ่อได้ทันที โดยให้ปริมาณน้อยได้
- ราคาจำหน่ายย่อมเยา วัตถุดิบไม่ขาด สูตรคงที่ได้มาตรฐาน
ต้นทุนใกล้เคียงกับอาหารสด แต่การใช้งานง่าย ปูกินเก่ง โตไว เนื้อแน่น ลอกคราบเร็วขึ้น ย่นเวลาการเลี้ยง จับขายได้เร็วขึ้น และไม่ทำให้คุณภาพน้ำเน่าเสีย
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารปู
ด้านการตลาด ปัจจุบันผลิตภัณฑ์อาหารปู ภายใต้ผู้ผลิตและจำหน่าย ของไทยยูเนี่ยน ทำการตลาดอย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางสื่อทั้งออฟไลน์และออนไลน์ พร้อมกับสร้างฐานลูกค้ารายใหม่ๆ โดยสร้างทีมขาย ทีมการตลาด เข้าหาลูกค้า เกษตรกร และร้านค้า ที่พร้อมเป็นตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ทั้งนี้บริษัทฯ พร้อมเปิดรับลูกค้าซึ่งเป็นเกษตรกรที่สนใจอยากเพาะเลี้ยงปู โดยบริษัทฯ มีข้อมูลงานวิชาการ มีผลิตภัณฑ์อาหารปูที่มีคุณภาพ รวมถึงมีแหล่งพันธุ์ปูแนะนำให้เกษตรกรที่สนใจ
ทั้งนี้ข้อสำคัญที่อยากฝากบอกเกษตรกร คือ การเลี้ยงปูต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้นค่อนข้างสูง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเกษตรกรจะเริ่มเลี้ยงปูจำนวน 10,000 ตัว อาจต้องใช้เงินทุนเริ่มต้น 500,000 บาท แต่การันตีว่าลงทุนครั้งแรกหนักแค่ครั้งเดียว เมื่อเกษตรกรเลี้ยงจนอยู่ตัวแล้วสักระยะจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าในระยะยาวอย่างแน่นอน ซึ่งหากเกษตรกรท่านใดสนใจติดต่อสอบถามเข้ามาหาบริษัทฯ ได้โดยตรง
จุดเริ่มต้นการเพาะ เลี้ยงปูนิ่ม
คุณปกรณ์ อนันต์สุข หรือโจ้ เจ้าของ MD ฟาร์ม และ 2 ด้าร์ ฟาร์ม คือ อีกหนึ่งต้นแบบเกษตรกรเพาะ เลี้ยงปูนิ่ม ที่วันนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างสูง จากการศึกษาวิธีการเพาะเลี้ยงมาร่วม 10 ปี จนกระทั่งตกผลึกและลงมือสร้างฟาร์มหรือบ่อ เลี้ยงปูนิ่ม อย่างจริงจัง เมื่อ 3-4 ปีมานี้ โดยประสบความสำเร็จจากการหาตลาดส่งออก มีออเดอร์ส่งออกต่างประเทศ (เวียดนาม) อย่างต่อเนื่อง ราคาดีมาก เฉลี่ยราคา 440-500 บาท/กิโลกรัม
คุณโจ้เล่าให้ฟังว่า แต่ก่อนเริ่มต้นจากการเป็นพ่อค้าคนกลางรับซื้อผลผลิตปูนิ่มจากพี่น้องเกษตรกรส่งขายให้กับตลาดรับซื้ออีกทอดหนึ่ง ต่อมาเมื่อตลาดมีความต้องการที่สูงขึ้น และผลผลิตจากพี่น้องเกษตรกรไม่เพียงพอต่อความต้องการ ทำให้คุณโจ้ตัดสินใจ เลี้ยงปูนิ่ม เอง เพื่อเพิ่มผลผลิตป้อนเข้าสู่ตลาด
ทั้งนี้ด้วยความที่คุณโจ้คร่ำหวอดอยู่ในตลาดสัตว์น้ำและปูนิ่ม จึงมองเห็นโอกาสและเริ่มศึกษาการเพาะเลี้ยงปูนิ่มอย่างจริงจังและเจาะลึกด้วยตัวเองซึ่งใช้เวลาเกือบ 14 ปี จนกระทั่งแตกฉานความรู้ และเมื่อมีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งองค์ความรู้ การหาตลาด เงินทุน ฯลฯ
จึงสร้างบ่อเพาะเลี้ยงปูนิ่มของตัวเองขึ้นมาด้วยงบลงทุนกว่า 4 ล้านบาท ซึ่งคุณโจ้สามารถคืนทุนในระยะเวลาเพียง 6 เดือนเท่านั้น ด้วยประสบการณ์และองค์ความรู้ประกอบกับการวางแผนที่ดี จึงทำให้คุณโจ้ประสบความสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกที่เลี้ยง ซึ่งปัจจุบันคุณโจ้สามารถสร้างฟาร์ม เลี้ยงปูนิ่ม ได้ถึง 3 ฟาร์ม มีผลผลิตปูนิ่มกว่า 200,000 ตัว และภายในสิ้นปี 2562 นี้จะขยายเพิ่มอีก 100,000 ตัว รวมเป็น 300,000 ตัว
เทคนิคเลี้ยงปูนิ่มให้ประสบความสำเร็จแบบฉบับ “มืออาชีพ”
คุณโจ้ได้อธิบายขั้นตอนการ เลี้ยงปูนิ่ม แบบคร่าวๆ ให้ทีมงานฟังว่า ก่อนที่จะลงลูกปู สิ่งแรกที่เกษตรกรต้องทำก่อน คือ การเลือกพื้นที่ตั้งของฟาร์ม เนื่องจาก “ปูนิ่ม” เป็นสัตว์น้ำเค็ม ดังนั้นที่ตั้งฟาร์มจะต้องใกล้กับชายฝั่งน้ำเค็มเพื่อง่ายต่อการจัดการน้ำ เมื่อได้ที่ตั้งแล้ว จะเริ่มทำบ่อ โดยบ่อเลี้ยงปูนิ่มจะมีรูปแบบบ่อเหมือนการเลี้ยงกุ้งทุกประการ โดยจะต้องมีการตรวจวัดค่าน้ำ ตรวจวัดดิน เช็คอัลคาไลน์ ให้เหมาะสม โดยน้ำที่เลี้ยงจะต้องมีความเค็ม 30-40 ppt. ใช้เวลาในการทรีตน้ำประมาณ 7-10 วัน ในช่วงนี้คนงานจะเริ่มทำแพเลี้ยงปู โดยใช้กล่องสำหรับ เลี้ยงปูนิ่ม นำมาสานต่อกันเป็นแพผูกมัดกับท่อ PVC โดยให้กล่องเลี้ยงปูจมน้ำไปครึ่งกล่อง โดยพื้นที่ 1 ไร่ สามารถเลี้ยงปูได้สูงถึง 10,000 ตัว
เมื่อเตรียมน้ำและอุปกรณ์เรียบร้อยแล้วจะเริ่มลงลูกปู โดยลูกปูที่คุณโจ้ใช้เป็นลูกปูที่นำเข้ามาจากประเทศอินเดีย ซึ่งเป็นลูกปูธรรมชาติ เพศผู้และกระเทย ขนาดน้ำหนัก 50-100 กรัม/ตัว ประมาณ 16-17 ตัว/กก.-10 ตัว/กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 175 บาท นำมาเลี้ยงในกล่อง.หลังจากนั้น 1-2 วัน คอยให้อาหารวันละครั้ง เมื่อปูได้สารอาหารเต็มที่จะทยอยลอกคราบ ซึ่งคนงานจะต้องคอยเช็คปูทุกๆ 4 ชม. เพื่อนำปูนิ่มขึ้นมาแช่น้ำจืดแล้วเก็บใส่ตะกร้าเตรียมส่งขาย
ปัญหาและอุปสรรคของการเลี้ยงปูนิ่ม
ในช่วงแรกของการ เลี้ยงปูนิ่ม คุณโจ้ยอมรับว่าตนใช้อาหารสด (ปลาเป็ด)ในการเลี้ยงปูมาโดยตลอด เนื่องจากสมัยนั้นยังไม่มีอาหารสำเร็จรูป ซึ่งมักพบปัญหากวนใจมาตลอด เช่น อาหารสดขาดช่วง ส่งผลให้ปูลอกคราบช้า หรือลอกคราบไม่ออก อีกทั้งการจัดการที่ยุ่งยากของอาหารสด และการใช้อาหารสดให้ปูกินมักทำให้คุณภาพน้ำในบ่อเลี้ยงเน่าเสียจากการตกค้างของอาหารก้นบ่อ ที่สำคัญปัจจุบันเรือไทยออกจับปลาได้ลดน้อยลง ส่งผลให้แพปลาหันไปใช้ปลาจากประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น ซึ่งปลาเหล่านี้จะเป็นปลาที่ถูกดอง “ฟอร์มาลีน” มาแล้ว เมื่อคุณโจ้นำมาให้ปูกินส่งผลให้ปูอ่อนแอ และค่อยๆ ทยอยตาย ซึ่งเป็นปัญหาที่คุณโจ้แก้ไม่ตก
การให้อาหารปู “โปรฟีด”
จนกระทั่งได้มารู้จักกับ “อาหารปูทะเลโปรฟีด” ของ บ.ไทยยูเนี่ยน ผ่าน Facebook จึงได้เข้าไปศึกษาและสอบถามคุณสมบัติผลิตภัณฑ์อาหารปูกับทางบริษัท ซึ่งทางบริษัทได้ให้พนักงานเข้ามาอธิบายรายละเอียดและคุณภาพของอาหารปูถึงฟาร์ม ประกอบกับตนอยากทดลองอะไรแปลกใหม่ จึงเริ่มสั่งอาหารไปครั้งแรกประมาณ 10 กระสอบ ทดลองให้ปูกิน ซึ่งในช่วงแรกต้องยอมรับว่าปูยังกินอาหารเม็ดได้น้อย ซึ่งคุณโจ้ได้สะท้อนปัญหากลับไปยังผู้ผลิต และ ไทยยูเนี่ยนก็ไม่ได้เพิกเฉย ได้แก้ไข ปรับปรุง และพัฒนาสูตรอาหารปูมาหลากหลายสูตร จนกระทั่งมาเป็นสูตรมาตรฐานในทุกวันนี้
โดยสิ่งที่เห็นเด่นชัด คือ
- ปูปรับตัวได้เร็ว กินอาหารได้ทันที ไม่ต้องผสมเหยื่อสดในช่วงแรก
- ตัวเม็ดอาหารจะมีกลิ่นหอมเชิญชวนให้ปูมากิน
- การจัดการง่าย ลดต้นทุนเรื่องน้ำแข็ง ไม่ต้องตระเตรียมวัตถุดิบอื่นมาผสมเหมือนกับการให้อาหารสด
- ประหยัดเวลาการทำงานของลูกน้อง เมื่อเทียมกับช่วงให้เหยื่อสด คนงานจะใช้เวลาในการให้อาหารนานถึง 4 ชม. แต่หลังจากเปลี่ยนมาใช้อาหารปูทะเลโปรฟีด คนงานใช้เวลาลดน้อยลงเหลือเพียง 2 ชม. เท่านั้น ทำให้คนงานสามารถมีเวลาไปทำงานอย่างอื่นได้เพิ่มขึ้น ที่สำคัญเมื่อปูกินอาหารไปแล้วช่วยกระตุ้นการลอกคราบได้เป็นอย่างดี
- อัตราการตายของปูลดน้อยลง 50%
- ปูลอกคราบดีกว่าเดิม, น้ำไม่เสีย, ปูเนื้อแน่น, ย่นระยะเวลาในการเลี้ยงให้สั้นลง
- ธาตุอาหารครบถ้วน อาหาร 1 เม็ด ปูกินและให้พลังงานได้นาน 3-4 วัน โดยไม่ต้องให้ซ้ำ
วิธีการเริ่มเลี้ยงปูนิ่ม
–หาตลาดให้ได้เสียก่อน โดยเกษตรกรควรทราบว่าเมืองไทยนิยมบริโภคแค่ช่วงเทศกาล ดังนั้นตลาดส่งออกจึงน่าสนใจกว่า
–หาบ่อ โดยสามารถเลี้ยงได้ทั้งบ่อดินและซีเมนต์ และคุณภาพน้ำต้องเหมาะสม โดยคุณภาพน้ำยิ่งเค็มยิ่งดี หากล่อง (ตะกร้าเลี้ยง) ให้เหมาะสมกับจำนวนลูกปูที่อนุบาล
–หากลุ่ม/พันธมิตร โดยการมีพาร์ทเนอร์ จะทำให้เกษตรกรเติบโตในอาชีพนี้ได้อย่างยาวนาน
“ปูนิ่มเป็นสัตว์ที่เลี้ยงไม่ยาก แต่ก็ไม่ง่าย เกษตรกรต้องเอาใจใส่ดูแล โดยเฉพาะเรื่องน้ำ ซึ่งปูนิ่มจะมีโรคเฉพาะ ที่เรียกว่า “โรคถั่วงอก” ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงของน้ำแบบกะทันหัน ซึ่งวิธีแก้ไข คือ หากวันใดสังเกตว่าน้ำเริ่มเปลี่ยน หรือมีฝนตกหนัก ช่วงนี้จะต้องคอยเติมแร่ธาตุรวมเพื่อให้ปูมีความสมบูรณ์ แข็งแรง มากที่สุด และทุกๆ 4 วัน ควรถ่ายเทน้ำใหม่เข้าบ่อเพื่อเพิ่มแร่ธาตุธรรมชาติให้กับปู ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการลอกคราบได้อีกด้วย สำคัญ คือ เรื่อง ออกซิเจน โดยที่ฟาร์มจะใช้ซุปเปอร์ชาร์จ ให้อากาศใต้น้ำ แทนการใช้เครื่องตีน้ำ” คุณโจ้กล่าว
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายปูนิ่ม ทั้งในและต่างประเทศ
ปัจจุบันคุณโจ้ผลิตปูนิ่มส่งขายปริมาณ 20 ตัน/เดือน และยังเปิดรับซื้อผลผลิตปูนิ่มในราคากิโลกรัมละ 380 บาท ส่งออกไปเวียดนามอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันมีออเดอร์ส่งออกค่อนข้างสูง โดยคุณโจ้มีเกษตรกรในเครือข่ายที่ผลิตปูนิ่มให้มากถึง 8 ฟาร์ม เลยทีเดียว
เมื่อถามถึงเป้าหมายต่อไป โดยคุณโจ้ เปิดเผยว่าอนาคตมีแนวคิดเปิด Shop จำหน่ายอาหารทะเล เช่น จำหน่ายปูนิ่ม ปูไข่ ปูเนื้อ ปูแม่น้ำ ฯลฯ โดยปูไข่ และปูเนื้อ เน้นขายส่งเมืองไทย เพราะบ้านเรานิยมบริโภค ซึ่งวางแผนว่าภายในปลายปีนี้น่าจะเปิด Shop ได้ในพื้นที่ อ.เมือง จ.จันทบุรี โดยมั่นใจว่าหากภาครัฐช่วยส่งเสริม ผลักดันเกษตรกรไทยในการเพาะเลี้ยงปูนิ่มอย่างต่อเนื่องและมีมาตรฐาน ปูนิ่มจะกลายเป็นอีกหนึ่งสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ที่มีอนาคตไกลแน่นอน
ฝากถึงเกษตรกรที่สนใจ เลี้ยงปูนิ่ม
“ผมขอกล่าวฝากถึงเกษตรกรที่สนใจ เลี้ยงปูนิ่ม ผมบอกเลยว่าอนาคตปูนิ่มยังไปได้อีกเป็น 20-30 ปี หรืออาจจะตลอดไป ดังนั้นการเลือกใช้ผลิตภัณฑ์อาหาร โดยเกษตรกรแต่ละคนความคิดไม่เหมือนกัน แต่สำหรับเกษตรกรที่พร้อมเปิดใจยอมรับที่จะปรับเปลี่ยนตัวเอง ผมยินดีให้คำปรึกษา ทั้งในเรื่องเทคนิคการเลี้ยง และการให้อาหารปูนิ่ม โดยส่วนตัวผมเป็นคนตรงๆ ผลิตภัณฑ์อะไรที่ใช้ดีเราก็บอกต่อว่าดี ผลิตภัณฑ์อะไรที่ใช้ไม่ดี เราก็บอกตามความจริง
เพราะส่วนตัวผมก็ลงทุนทำฟาร์มปู มีมูลค่าคิดเป็นจำนวนเงินก็ไม่น้อย ซึ่งถ้าเราเอาของไม่ดีเข้ามาใช้ในฟาร์ม ก็เท่ากับว่าที่ลงทุนมาเสียหายทั้งหมด ซึ่งผมคงไม่ทุบหม้อข้าวตัวเองอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารของไทยยูเนี่ยน นับว่าดีจริงและมีคุณภาพ ผมถึงได้กล้าใช้ และกล้าการันตีบอกต่อพี่น้องทุกท่านครับ” คุณโจ้กล่าวฝากในตอนท้าย
ขอขอบคุณข้อมูล คุณปกรณ์ อนันต์สุข เจ้าของ MD ฟาร์ม และ 2 ด้าร์ ฟาร์ม โทร : 095-8793991
สนใจสอบถามข้อมูลการเลี้ยงปู หรือเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารปูสำเร็จรูป ติดต่อ บริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) โทร : 034-417-222, 086-171-3402 (หนุ่ย) หรือเข้าไปศึกษาข้อมูลตัวอย่างการใช้อาหารปูทะเลโปรฟีด ได้ที่ เพจเฟสบุ๊ค : อาหารปู โปรฟีด ไทยยูเนี่ยน
อ้างอิง : นิตยสารสัตว์น้ำ ฉบับที่ 262/2562