Suzuki Fish Farm อนุบาล ลูกพันธุ์ ปลากะพงขาว ฝึกอาหารเม็ด ปลอดยา
ปัจจุบันจะเห็นว่าผู้บริโภคหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น เน้นวัตถุดิบที่สด สะอาด ปลอดสารพิษ รวมไปถึงการรณรงค์ของภาครัฐในการลดใช้สารเคมีในการทำเกษตร เนื่องจากมีการตรวจพบสารเคมีตกค้างในพืชผลทางการเกษตร รวมไปถึงผลผลิตสัตว์น้ำ โดยเฉพาะกุ้งและปลาบางชนิด
ส่งผลให้ผลผลิตต่างๆ เหล่านี้ไม่สามารถส่งออกไปขายยังต่างประเทศได้ จึงทำให้ราคาผลผลิตตกต่ำลง สร้างความเดือดร้อนให้เกษตรกรเป็นอย่างมาก เพราะมีต้นทุนการผลิตที่สูง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสัตว์น้ำ ซึ่งต้นทุนหลักของการผลิตคงจะหนีไม่พ้นเรื่อง “ลูกพันธุ์”และ “อาหาร”
ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญของการผลิตสัตว์น้ำเลยก็ว่าได้ แต่การผลิตสัตว์น้ำปลอดภัย ไร้สารเคมี สิ่งแรกที่เกษตรกรต้องเริ่ม คือ การคัดเลือกลูกพันธุ์ที่สมบูรณ์ แข็งแรง และสิ่งสำคัญ คือ ปลอดสารเคมี เพื่อตอบโจทย์การเลี้ยงในระบบการลดใช้ยาปฏิชีวนะ
การเพาะเลี้ยงปลากะพงขาว
นิตยสารสัตว์น้ำฉบับนี้ พาทุกท่านมาบุกแหล่งเพาะลูกพันธุ์ปลากะพงขาวแห่งใหญ่ของประเทศไทย ณ ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา เราเดินทางเพื่อมาพบกับ คุณนพพร รวงผึ้ง เจ้าของฟาร์มเพาะลูกปลากะพงขาว ภายใต้แบรนด์ “Suzuki Fish Farm” (ป๊อปฟาร์มปลากะพงขาวอาหารเม็ด) ที่เน้นการดูแลอนุบาลลูกปลาแบบชีวภาพ ลดการใช้สารเคมีและยาปฏิชีวนะ เพื่อส่งต่อลูกพันธุ์ปลาที่แข็งแรง สมบูรณ์ มีคุณภาพ ให้กับเกษตรกรผู้เลี้ยง
Suzuki Fish Farm (ป๊อปฟาร์มปลากะพงขาวอาหารเม็ด) ดำเนินธุรกิจอนุบาล และฝึกอาหารเม็ด ลูกพันธุ์ปลากะพงขาว ย่านบางปะกง
คุณป๊อปได้เข้ามาสานต่อกิจการฟาร์มของพี่สาว โดยเข้ามาพัฒนาและปรับปรุงฟาร์ม พร้อมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับลูกค้า โดยสิ่งที่คุณป๊อปให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการปรับปรุงฟาร์ม คือ การขอมาตรฐานฟาร์ม จากหน่วยงานภาครัฐ เช่น ใบมาตรฐาน GAP, มาตรฐานฟาร์ม, ใบเกิดสัตว์น้ำ, ใบตรวจโรค เป็นต้น
เนื่องจากคุณป๊อปมองว่ามาตรฐานฟาร์มเหล่านี้จะทำให้ลูกค้ามั่นใจในคุณภาพของลูกปลาได้ อีกทั้งยังเป็นโอกาสสำหรับการผลิตลูกปลาเพื่อการส่งออกโดยเฉพาะ รวมไปถึงการพัฒนาการอนุบาลปลากะพงให้มีคุณภาพมากขึ้น โดยการลดใช้ยาปฏิชีวนะ เน้นการดูแลแบบชีวภาพ ยึดหลัก “ความจริงใจ ซื่อสัตย์ ให้คำปรึกษาลูกค้าเสมือนเป็นเจ้าของเอง” เป็นคติประจำของฟาร์ม ที่มา/การจัดการลูกปลากะพงขาวคุณภาพสู่มือลูกค้า
การบริหารจัดการบ่อปลากะพง
การดูแลเอาใจใส่ในทุกกระบวนการเพาะเลี้ยง ตั้งแต่รับลูกปลาจนกระทั่งจับขาย จะนำมาซึ่งปลาคุณภาพดี อัตราการเจริญเติบโตดี อัตราการเลี้ยงรอดสูง เริ่มตั้งแต่การเตรียมบ่อก่อนนำลูกปลามาอนุบาล โดยมีการเตรียมน้ำสะอาดล่วงหน้าเป็นเวลา 5 วัน ทางฟาร์มใช้น้ำประปามาพักระเหยคลอรีนไว้ 1 วัน มีการใช้น้ำหมัก EM สูตรของฟาร์มกับด่างทับทิมเพื่อปรับสภาพน้ำ ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ และลดจำนวนแบคทีเรียก่อโรคลง วัดค่าความเค็มอยู่ระหว่าง 5-7 ppt.
บางครั้งมีการซื้อน้ำจากบ่อพักนาเกลือในราคา 700 บาท ทางฟาร์มรับลูกปลาตุ้มที่อายุได้ 12 วันหลังฟัก ในช่วง 3 วันแรกต้องมีการดูแลในเรื่องอุณหภูมิและอาหารเป็นพิเศษ เพราะลูกปลานั้นยังไม่แข็งแรงหากเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันจะทำให้ปลาช็อคได้ง่าย
ในเรื่องอุณหภูมิน้ำช่วง 3 วันแรกควรอยู่ที่ 30-35ºC เนื่องจากลูกปลาเจริญเติบโตได้ดีที่น้ำอุ่น แต่ไม่ร้อนจัด โดยคุณป๊อปจะนำพลาสติกใสมาปิดล้อมฟาร์มเพื่อรักษาอุณหภูมิภายใน แล้วค่อยปรับอุณหภูมิเพิ่มขึ้นตามการเจริญเติบโตของปลา และในทุกๆ วันจะทำการเปลี่ยนถ่ายน้ำอ่างปลาวันละ 2 ครั้ง คือ ช่วงเช้า และช่วงเย็น เติมน้ำหมัก EM ลงในน้ำทุกวันๆละ 5 ครั้ง ในปริมาณ 1 ช้อนโต๊ะ/ครั้ง เริ่มตั้งแต่เวลา 6.00 น., 9.00 น., 13.00 น., 15.00 น. แล้วทำการเปลี่ยนน้ำใหม่ 1 ครั้ง จึงใส่น้ำหมักครั้งสุดท้าย
ต่อมาช่วง 6-7 วันแรก จะเป็นการเลี้ยงในบ่อน้ำเค็ม มีการวัดค่าความเป็นกรด-ด่างของน้ำ (pH) ทุกวัน วันละ 2 ครั้ง คือ เวลา 05.00 น. ควรมีค่า pH 8 เวลา 19.00 น. ควรมีค่า pH 7.5 นอกจากนี้ยังต้องมีการปรับสภาพน้ำจากน้ำเค็มเป็นน้ำจืด ทางฟาร์มจะค่อยปรับเปลี่ยนโดยผสมน้ำเค็มกับน้ำจืดตามสัดส่วนที่ฟาร์มกำหนดจนครบวันที่ 7 น้ำที่ใช้เลี้ยงจะเปลี่ยนเป็นน้ำจืดแบบ 100% และช่วงนี้จะต้องเฝ้าระวังเรื่องแบคทีเรียในน้ำเป็นสำคัญ หากพบปลามีลักษณะผอมแห้ง แสดงว่ามีการติดเชื้อ ต้องรีบทำการเปลี่ยนน้ำทันที
การให้อาหารปลากะพงขาว
ในเรื่องอาหารเนื่องจากปลากะพงขาวมีนิสัยชอบหากินเป็นกลุ่ม ดังนั้นการให้อาหารจึงต้องให้แน่ใจว่าปลาทุกตัวได้รับอาหาร มิเช่นนั้นจะเกิดการแตกไซส์ปลาขึ้น ซึ่งจะทำให้ยากต่อการจัดการในอนาคตต่อไป โดยในช่วง 7 วันแรก ทางฟาร์มจะให้ไรอาร์ทีเมีย เมื่อลูกปลาโตได้สักระยะจึงจะให้ ไรน้ำจืดเป็นอาหารของลูกปลา
หลังจากนั้นจะค่อยๆ ผสมอาหารเม็ดให้ลูกปลาเริ่มฝึกกิน จนครบ 15 วัน ลูกปลาจะกินอาหารเม็ดได้ 100% แม้ปลากะพงจะใช้เวลาในการเลี้ยงเพียงแค่ 30-45 วัน แต่ทุก 3 วัน ต้องมีการคัดไซส์ปลา เพื่อป้องกันการแตกไซส์ และการแย่งอาหาร
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่าย ปลากะพงขาว
คุณป๊อปยังกล่าวถึงมุมมองการเลี้ยงปลากะพงขาว ซึ่งประเทศไทยมีกำลังการผลิตที่สูงเฉลี่ย 10 ล้านตัว แต่อัตราการบริโภคของประเทศได้แค่ 10 ตัน/วันเท่านั้น ถึงแม้เนื้อปลากะพงขาวจะเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้น แต่ราคาปลากะพงขาวที่รับซื้อก็ยังคงมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ผู้เลี้ยงจึงต้องคอยตามความเคลื่อนไหวของตลาดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อวางแผนการเลี้ยงในแต่ละรอบการเลี้ยง จะนำมาซึ่งผลกำไรที่มากที่สุด
และหากประเทศไทยมีการส่งออกปลากะพงขาวมากกว่านี้ น่าจะช่วยเกษตรกรผู้เลี้ยงในเรื่องราคาได้มาก เพราะแต่ก่อนประเทศไทยส่งออกปลากะพงขาวให้มาเลเซีย แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว มาเลเซียพัฒนาจนสามารถเพาะเลี้ยงปลากะพงได้เองโดยไม่ต้องสั่งซื้อจากประเทศไทยอีก
ฝากถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงปลากะพงขาว
สุดท้ายคุณป๊อปยังฝากถึงเกษตรกรผู้เลี้ยงทุกคนว่า ถึงแม้เศรษฐกิจในช่วงนี้จะไม่ดี แต่ทุกฟาร์มควรรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานและคุณภาพในการเลี้ยงปลากะพงขาว โดยที่ต้องใช้ยาปฏิชีวนะให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อต่อสู้กับตลาดโลก ซึ่งการลดใช้ยาปฏิชีวนะนี้ต้องมีการร่วมมือกันของทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ และเกษตรกร ซึ่งเป็นทั้งผู้เพาะพันธุ์ขาย และผู้เลี้ยง ต้องมีจิตสำนึกต่อสังคม เพื่อรักษาสมดุลความหลากหลายทางธรรมชาติ
หากคุณสนใจเลี้ยงลูกพันธุ์ปลากะพงขาวออแกนิค ปลอดสารตกค้างในตัวปลา สามารถติดต่อเข้ามาได้ที่ Suzuki Fish Farm โทร : 094-412-6599, เฟสบุ๊ค : Suzuki Fish Farm 33/1 หมู่ 6 ถ.สุขุมวิทสายเก่า ซ.จันทร์เกษม ต.สองคลอง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา 24130