ด้วยสภาพเศรษฐกิจของไทยที่ไม่สู้ดีนัก ตัวเลือกระหว่างทำงานออฟฟิศกับทำธุรกิจตัวเอง เชื่อว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่ยากเลยสำหรับคนที่มีทางเลือก เมื่อคุณมีโอกาสจงอย่าปล่อยให้โอกาสคุณเสียไป ดังเช่น สามสาวพี่น้องที่ผันตัวเองจากการเป็นลูกจ้างเข้าสู่อาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงไก่เนื้อ จนปัจจุบันสามารถมีความสุขกับการใช้ชีวิตในแบบที่เป็นเกษตรกรไทยได้ การเลี้ยงไก่เนื้อแบบประกันราคา
จุดเริ่มต้นการเลี้ยงไก่เนื้อ
จุดเริ่มต้นที่น่าสนใจคือ คุณคุณารัตน์ รสชุ่ม (คุณกุ้ง) พี่สาวคนโต แต่ก่อนเป็นเสมียนอยู่กาญจนาอาหารสัตว์ วันหนึ่งได้รู้จากกำนันท่านหนึ่งว่าทาง บริษัท ไทยฟู้ดส์ จำกัด กำลังมองหาลูกเล้าอยู่ พอดีกับช่วงนั้นพ่อแม่ก็ประกอบอาชีพตัดไม้ ซึ่งต้องอยู่กลางแดดนานๆ และที่บ้านก็ยังพอมีเงินก้อนอยู่ จึงลงทุนเงินก้อนนั้นกับทางไทยฟู้ดส์ โดยทางไทยฟู้ดส์เข้ามาจัดการทุกอย่างเองทั้งระบบ มีสัตวแพทย์เข้ามาดูแลและสอนการเลี้ยงไก่ให้ด้วย
คุณกุ้งเปิดใจว่า ได้เริ่มเดินเอกสารทำประชาวิจารณ์ มีเนื้อที่ประมาณ 16 ไร่ เลี้ยงไก่แบบราคาประกันกับไทยฟู้ดส์ ก่อนหน้านี้เริ่มเข้าไปศึกษากับผู้ที่เลี้ยงมาก่อนประมาณ 3-4 เดือน
คุณกุ้งเริ่มเลี้ยงมาตั้งแต่ปี 2556 โดยคนที่เลี้ยงเป็นหลัก คือ คุณพ่อ กับคุณแม่ ส่วนตัวคุณกุ้งเองส่วนใหญ่จะจัดการเรื่องเอกสารเป็นหลักมากกว่า ฟาร์มชื่อ สรวิชญ์ฟาร์ม เเรกเริ่มมี 2 หลัง หลังละ 20,000 ตัว ปัจจุบันขยายเป็น 3 หลังแล้ว หลังที่ 3 มีไก่ 18,000 ตัว เลี้ยงทั้งหมดในระบบอีแวป
คุณกุ้งยอมรับว่า “การเลี้ยงไก่เนื้อไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มันไม่ใช่แค่ให้อาหารแล้วมันก็โตๆ ขึ้น เพราะทุกขั้นตอนต้องมาจากการเอาใจใส่ ตั้งแต่การลงลูกไก่ ไปจนถึงจับไก่ แต่มันก็ไม่ได้ยากเกินไปหากเราตั้งใจที่จะทำจริงๆ”
สภาพพื้นที่เลี้ยงไก่เนื้อ
ต่อมา คือ คุณพิมพ์ชนก ขาวสะอาด (คุณออย) ลูกสาวคนกลาง เรียนจบทางด้านครุศาสตร์ สาขาเอกคอม แต่ก่อนเป็นพนักงานราชการครู เป็นครูอ.ส.ม.มาก่อน ทำไปได้ระยะหนึ่งคุณออยก็เริ่มมองเห็นว่าพ่อแม่ก็เริ่มแก่ตัวลง และวันหนึ่งที่ท่านไม่สามารถทำได้ไหวแล้วใครจะทำแทนท่านได้ จึงตัดสินใจลาออกจากงาน ออกมาช่วยพ่อแม่เลี้ยงไก่อย่างถาวร โดยตั้งชื่อฟาร์มว่า กุลิสราฟาร์ม
คุณออยยังเปิดใจกับทีมข่าวสัตว์บกว่า “ทุกคนก็มีเป้าหมายเป็นของตัวเอง ถึงแม้การเป็นครูมันจะเป็นความฝัน แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งเราก็ต้องเลือกว่าเราจะเอาอะไรระหว่างความเป็นจริงกับความฝัน โดยวันนี้เราเลือกที่จะเดินตามความมั่นคงและความฝันด้วย เพราะในใจเราก็จะตั้งเป้าไว้ว่าอยากจะมีอะไร อยากจะมีรถ มีบ้าน มีกิจการเป็นของตัวเอง โดยที่ไม่เป็นลูกจ้างใคร โดยตอนแรกคิดว่าการเลี้ยงไก่ต้องน่าเบื่อแน่ๆ เลย แต่ความจริงมันไม่ใช่เลย เรามันเจอปัญหาหลายเรื่อง ทำให้ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา”
ปัจจุบันคุณออยเข้ามาเลี้ยงไก่มา 2-3 ปีแล้ว โดยเลี้ยงแบบประกันราคากับทางบิ๊กฟู้ดส์ เลี้ยงทั้งหมด 2 หลัง หลังละ 18,000 ตัว ลักษณะการเลี้ยงจะเป็นการเลี้ยงแบบระบบพ่อแม่ส่งต่อมายังลูก ด้วยความที่ไม่ได้จบทางสายตรงมาทำให้ต้องอาศัยการศึกษาเพิ่มเติมจากผู้ที่เคยเลี้ยง และอาศัยประสบการณ์ตรงจากการได้ฝึกเลี้ยงด้วยตัวเองมา คุณออยยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “รุ่นแรกๆ พ่อแม่จะเข้ามาเทรนด์ให้ก่อน ด้วยความที่ท่านทำงานด้านนี้มานานทำให้มีความถนัดกันคนละด้าน โดยคุณพ่อจะเก่งในเรื่องการสังเกตไก่ ส่วนคุณแม่จะเก่งในเรื่องการเลี้ยง ท่านเข้ามาเลี้ยงคู่ไปกับเราช่วง 1-2 รุ่นแรก พอรุ่นที่ 3-4 ก็เริ่มมาดูบ้าง ไม่มาดูบ้าง พอรุ่นที่ 5 ก็ปล่อยเลย”
การเลี้ยงไก่เนื้อแบบประกันราคา
น้องคนสุดท้อง คือ คุณอินทุอร ขาวสะอาด (คุณอร) เรียนจบปริญญาตรีในด้านสาธารณสุขมาได้ประมาณ 2 ปี ตอนแรกเป็นลูกจ้างราชการอยู่ที่อนามัยแห่งหนึ่ง เนื่องด้วยชีวิตของคนที่เป็นลูกจ้างก็ต้องมีโดนด่า โดนว่าบ้าง และการทำงานที่ถึงแม้จะทุ่มเทแรงกาย แรงใจ ไปเท่าไร แต่มันก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรกลับมาเลย ทำให้คุณอรเองผันชีวิตตัวเองลาออกจากงาน และมาเริ่มเลี้ยงไก่โดยใช้เครดิตการกู้เงินกับทางธนาคารกรุงไทยจำกัด (มหาชน) ของคุณแม่ที่ดีมาตลอด ทำเรื่องยื่นเอกสารเสนอการทำฟาร์มใหม่ในชื่อฟาร์มว่า อินทุอรฟาร์ม
เลี้ยงไก่ในระบบอีแวปทั้งหมด 2 หลัง หลังละ 20,000 ตัว เลี้ยงเป็นแบบประกันราคากับทางบิ๊กฟู้ดส์ คุณอรเปิดใจว่า “ตนก็กังวลเพราะไม่ได้จบสายตรงมาจะเลี้ยงได้ไหม และเพิ่งเข้ามาเริ่มเลี้ยงโดยมีพี่ออยคอยมาช่วยดูแลให้คำแนะนำต่างๆ ทำให้รู้สึกสบายใจขึ้น และรู้สึกว่าการเลี้ยงไก่นั้นไม่ยาก แค่ต้องรู้จักใส่ใจรายละเอียดต่างๆ เท่านั้น”
การบำรุงดูแลรักษาไก่เนื้อ
การเลี้ยงไก่เนื้อในปัจจุบันไม่ใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาเร่งกันแล้ว ที่ฟาร์มแห่งนี้ก็เช่นกัน โดยการเลี้ยงจะแบ่งออกตามช่วงอายุของไก่ อายุของไก่จะเป็นตัวกำหนดอาหาร ความเร็วลม ความชื้น การระบายอากาศ และทางบริษัทก็เข้ามาช่วยจัดการเรื่องสูตรอาหารอยู่แล้ว มีการเสริมวิตามินต่างๆ ตามที่สัตวแพทย์เป็นผู้กำหนดทุกประการ เพราะสุดท้ายก่อนจับขายต้องมีการส่งตรวจพิสูจน์ซากทุกครั้ง ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจได้แน่นอน
แล้วไก่มันโตได้ยังไง คำตอบคือ โปรแกรมแสง คุณออยให้ข้อมูลที่น่าสนใจกับทีมข่าวว่า ถ้าไก่ไม่ได้รับการพักผ่อนเลยนั้น ถือว่ามีความผิดทางพรบ.กรมควบคุมสัตว์ เพราะสิ่งมีชีวิตบนโลกใบนี้ยังคงต้องการการพักผ่อน เนื่องจากเวลานอนร่างกายจะใช้ช่วงเวลานั้นในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอฟื้นฟูตัวเอง ในไก่ก็เช่นกัน การปรับโปรแกรมแสงจะปรับตามน้ำหนักไก่ที่เปลี่ยนแปลงไปจากการสุ่มไก่ทุก 7 วัน ถ้าหลังไก่อายุ 14 วัน น้ำหนักของไก่อยู่ในเกณฑ์ที่ตั้งเป้าแล้ว จะมีการกำหนดโปรแกรมแสงให้มืดมากขึ้น เพื่อให้ไก่พักผ่อน ให้ขาแข็งแรง เนื่องจากพันธุ์ไก่ที่เลี้ยงเป็นพันธุ์คอปป์ ซึ่งพันธุ์นี้จะมีส่วนของเนื้อหน้าอกที่เยอะ แต่ขาไม่แข็งแรง ทำให้ช่วยลดปัญหาเรื่องขาได้มากเลย
คุณจำเป็นต้องรู้การเจริญเติบโตของไก่ด้วย เช่น ในไก่เล็ก สิ่งสำคัญ คือ ต้องขยายกระเพาะก่อนเพื่อให้กินได้ดีเมื่อโตขึ้น ไก่ช่วงกลางจะต้องดูเรื่องโครงสร้างเป็นสำคัญ ขา ความสูง เพศ “เราเลี้ยงไก่คละเพศซึ่งจะรู้สึกว่ามันเลี้ยงยากมาก เพราะว่าไก่คละเพศตัวผู้จะโตกว่าตัวเมีย ตัวเมียจะโตไม่ทัน ซึ่งจะเกิดปัญหาเมื่อตั้งไลน์อาหารและน้ำ นี่คือปัญหาที่เราต้องจัดการ” คุณออยได้กล่าวไว้
การสุ่มชั่งน้ำหนักไก่อาทิตย์ละ 1 ครั้งๆ ละ 30 ตัว วิธีสุ่ม คือ สุ่มหัว กลาง และท้ายโรงเรือน และต้องไม่เข้าข้างตัวเองตอนชั่ง โดยเฉลี่ยสูงสุดวันละ 1 ขีด ถ้าช่วงอายุ 37-38 วัน ที่แรงลมไม่มากพอจะทำให้น้ำหนักไก่ไม่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้น้ำหนักไก่ไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ ที่สำคัญ คือ หลังสุ่มน้ำหนักแล้วจะทำให้รู้ถึงการเจริญเติบโตของไก่ ทำให้สามารถปรับไลน์อาหารและน้ำได้ด้วย เพื่อให้ทุกตัวได้รับอาหารใกล้เคียงกันทุกตัว
ปัญหาและอุปสรรคสำหรับโรงเรือนไก่เนื้อ
ไก่เนื้อสามารถแยกเพศไก่ได้ที่อายุ 14 วันขึ้นไป โดยไก่ตัวเมียจะมีลักษณะหางจะยาวกว่า หน้าซีด ตัวผู้จะกลมใหญ่ มีหงอนสีแดง แต่ลักษณะดังกล่าวจะแสดงเด่นชัดขึ้นเมื่ออายุ 21 วัน
สามสาวพี่น้องบอกตรงกันว่าไม่สามารถแยกเพศไก่ในโรงเรือนหนึ่งได้ เพราะมีจำนวนไก่มากเกินไป และไม่มีคนงานเพียงพอที่จะแยกทั้ง 2 ฟาร์ม ไม่มีการจ้างแรงงานเลี้ยงเลย เป็นการจัดการกันเองทั้งหมด ยกเว้นทางอินทุอรฟาร์มที่มีการจ้างแรงงานเลี้ยงเพียง 1 คน เท่านั้น จ้างเป็นแบบรายเดือนๆ ละ 10,000 บาท พร้อมสวัสดิการให้ข้าวสาร เงินสมทบต่างๆ เป็นต้น
คุณออยกล่าวเกี่ยวกับการคละเพศไก่เนื้อว่า ลูกไก่ที่นำมาส่งในแต่ละรอบการเลี้ยง เปอร์เซ็นต์ที่พบเพศผู้และเพศเมียไม่เท่ากันเลย ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศในช่วงนั้น เช่น ช่วงที่อากาศร้อนจัดจะได้ไก่เพศผู้มากกว่าเพศเมีย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องดีถ้าเพศผู้มาก เพราะไก่เพศผู้จะมีเปอร์เซ็นต์การตายสูงกว่าเพศเมีย เนื่องจากเมื่ออากาศร้อนไก่จะช็อกได้ง่ายกว่า ด้วยรูปแบบการเลี้ยงที่ไม่มีการกั้นบล็อกเพื่อป้องกันปัญหาในเรื่องตีนด้าน ทางคุณออยเคยกันแบ่งเป็น 3 บล็อกแล้ว พบว่าไก่จะมาออกันเพื่อหาลม กลายเป็นว่าทุกช่องที่กั้นไก่เกิดตีนด้านเกือบทั้งโรงเรือน ซึ่งถ้าหากไม่กั้นเลยจะทำให้ไก่ไปรวมกันแค่จุดเดียว ไม่หลายจุดเหมือนกับตอนกั้นบล็อก ลดปัญหาการเกิดตีนด้านได้ในระดับที่รับได้
การให้อาหารไก่เนื้อ
ในเรื่องอาหารแต่ละช่วงอายุจะแตกต่างกัน โดยทางบริษัทจะเป็นคนจัดสูตรอาหารมาให้ และจะมีการให้อาหารเสริมในแบบเฉพาะของแต่ละบริษัทที่ต่างกันไป ผู้เลี้ยงทำหน้าที่เพียงแค่ให้อาหารตามที่สัตวแพทย์ส่งเสริมแนะนำ และมีการเดินไล่ไก่ให้ลุกขึ้นมากินอาหาร โดยเฉพาะเวลาไก่มีขนาดใหญ่ คนเลี้ยงทุกคนจะประสบปัญหาไก่ไม่ค่อยลุกมากินอาหาร มันจะนอนกินแทน จุดนี้เองที่จะทำให้เกิดปัญหาเรื่องข้อด้านขึ้น เมื่อจับขายจะถูกตัดราคาในเรื่องนี้ด้วย แต่การไล่ก็มีข้อเสียหากคุณทำผิดจังหวะ หากไล่มากไปไก่กินมากไป ผลที่ได้ คือ น๊อตอาหาร แต่ถ้าเราไล่ถูกจังหวะ ถูกช่วง เวลาไก่จะโตดี สัมพันธ์กับช่วงอายุ
การจัดการภายในโรงเรือนระบบปิดนั้นควบคุมได้ง่าย เพียงแค่รู้จักไก่เท่านั้น ในช่วงไก่เล็กมีความต้องการความอบอุ่น มีการกกไฟในช่วง 7-9 วันแรกหลังลงไก่ ขึ้นกับอุณหภูมิภายนอกโรงเรือนด้วย นอกจากนี้ต้องสังเกตการกระจายตัวของลูกไก่ร่วมด้วย ความเร็วลมต่ำ เมื่ออายุมากขึ้น ไก่ใหญ่ขึ้น ต้องมีการระบายอากาศมากขึ้น ความเร็วลมเพิ่มขึ้น ในส่วนอุณหภูมิอิงตามอายุไก่ และสภาพอากาศรอบโรงเรือน คุณออยยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การเจริญเติบโตของไก่ในช่วงอายุ 35 วันขึ้นไปนั้นสำคัญมาก จะเป็นช่วงที่ไก่เริ่มมีอัตราการแลกเนื้อ (FCR) โดยเอาอาหารที่กินเข้าไปมาเปลี่ยนเป็นน้ำหนัก
ข้อควรระวัง คือ ในช่วงอากาศที่ร้อนจัด หากมีการปล่อยน้ำที่แผ่นรังผึ้งมากเกินไป จะทำให้อากาศถ่ายเทได้ไม่สะดวก ไก่ตายได้ง่าย ดังนั้นไม่ว่าจะทำการเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตาม ต้องคอยเดินดูการเปลี่ยนแปลงนั้นด้วย เพื่อป้องกันการสูญเสีย ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้แค่พริบตาเดียวจริง คำกล่าวเตือนจากคุณออย
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายไก่เนื้อ
ในรอบการเลี้ยงไก่เนื้อของทางบริษัทไทยฟู้ดส์นั้นอยู่ที่ประมาณ 40-42 วัน น้ำหนักที่จับขายเฉลี่ยประมาณ 2.6 กก. ภายใต้ราคาประกัน 37 บาท แต่การตรวจของไทยฟู้ดส์จะค่อนข้างละเอียด จำเป็นต้องมีการดูแลที่ดีมาก สุดท้ายได้กำไรประมาณตัวละ 12 บาท
คุณกุ้งยังเปิดใจถึงทางบริษัทไทยฟู้ดส์ว่า “ต้องขอบคุณทางบริษัท ไทยฟู้ดส์ ที่ให้โอกาสและดูแลเรามาตั้งแต่ต้น ทั้งส่งทีมนักวิชาการเข้ามาช่วยเหลือตลอด ขอให้ทางบริษัทดำเนินธุรกิจเจริญมากขึ้น ส่งออกได้มากขึ้น เกษตรกรก็จะสบายขึ้น และราคาประกันก็ขยับมากขึ้นด้วย”
ในรอบการเลี้ยงไก่เนื้อของทางบริษัท บิ๊กฟู้ดส์ นั้นอยู่ที่ประมาณ 38-39 วัน น้ำหนักที่จับขายประมาณ 2.6 กก. ภายใต้ราคาประกันที่ 32 บาท หลังจากหักทุนทุกอย่างออกแล้วเหลือกำไรตัวละ 9-20 บาท แล้วแต่น้ำหนักไก่และราคาในช่วงนั้นๆ
อย่างไรก็ดีคุณออยและคุณอรยังบอกสาเหตุที่เลือกเลี้ยงไก่กับทางบิ๊กฟู้ดส์ เพราะนสพ.สุริยาวุฒิ ละออง ที่ให้การดูแลดีมาก ถึงแม้ในช่วงอารมณ์ไม่ปกติคุณหมอก็ยังนิ่งและรับฟัง หากมีปัญหาสามารถติดต่อคุณหมอได้ตลอดเวลา ทางบริษัทมีการจ่ายเงินเข้าตรงตามที่กำหนด ถึงแม้จะไม่มีโบนัสในการเลี้ยงก็ตาม “ต้องขอบคุณบริษัท บิ๊กฟู้ดส์ ที่ให้โอกาสเรา แต่ก็อยากให้เข้ามาดูและเพิ่มราคาประกันให้บ้าง ซึ่งราคานับวันยิ่งลดลงเรื่อยๆ ถึงแม้จะมีการชั่งหน้าเล้าก่อนมันก็ยังลดลงไปหน่อย อยากให้มีการเพิ่มราคากันบ้าง” จากใจเกษตรกรสาวถึงทางบริษัท
การบริหารจัดการโรงเรือนไก่เนื้อ
หลังจากจับไก่เสร็จจะมีการนำขี้ไก่และแกลบออกทั้งหมด แล้วฉีดล้างทำความสะอาดพื้นโรงเรือนด้วยผงซักฟอก ฉีดล้างด้วยน้ำสะอาด ตามด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อของทางบริษัท ปิดอบเพื่อฆ่าเชื้อซ้ำอีกครั้ง หลังจากนั้นนำแกลบมาใส่ประมาณ 6 ตันต่อหนึ่งโรงเรือน ใส่อุปกรณ์การกก ใส่รางอาหาร แล้วปิดฆ่าเชื้ออีกหนึ่งรอบ พักเล้าประมาณ 30 วัน ระหว่างทำการฆ่าเชื้อและพักเล้าต้องถ่ายรูปส่งให้ทางกรมปศุสัตว์อยู่สม่ำเสมอ ช่วงเวลาที่เหลือจะเคลียร์พื้นที่บริเวณรอบโรงเรือนให้สะอาดและเรียบร้อย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับลงไก่ครั้งต่อไป
นอกจากนี้คุณกุ้งยังเปิดใจว่าทางฟาร์มเรา 3 คน ยังไม่เคยเจอปัญหาเรื่องโรคเลย เนื่องจากช่วงเวลาที่เลี้ยงไก่ผู้เลี้ยงต้องไม่ออกไปไหนเลย ไม่มีการกินไก่หรือไข่ ไม่มีการออกไปเดินตลาด เพื่อป้องกันโรคที่จะติดมากับตัวเรา จะสามารถออกไปได้เฉพาะช่วงปิดเล้าเท่านั้น
แนวโน้มในอนาคต
คุณกุ้งมีแผนที่จะขยายธุรกิจฟาร์มให้มากขึ้น และยังคงมั่นใจที่จะเลี้ยงคู่ไปกับทางไทยฟู้ดส์เหมือนเดิม เพราะจุดเริ่มต้นของธุรกิจมาจากโอกาสที่ได้รับจากทางไทยฟู้ดส์ ที่มีทุกวันนี้ได้ก็เพราะไทยฟู้ดส์ ต้องให้เกียรติบริษัท ทางด้านคุณออยและคุณอรก็คิดจะเพิ่มจำนวนโรงเรือนให้มากขึ้น ถึงแม้จะเลี้ยงกับทางบริษัท บิ๊กฟู้ดส์ แต่อนาคตก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ เพราะสุดท้ายทุกคนเองก็ต้องอยากได้ที่มันมากกว่าอยู่แล้ว
ในบางครั้งการเริ่มต้นทำฟาร์มก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มันคงจะดีกว่าถ้าจะมีเพื่อนคู่คิดที่อยู่คู่กันไปกับเรา คอยช่วยเหลือส่งเสริมในเรื่องต่างๆ ให้คำแนะนำที่ดี นำองค์ความรู้ใหม่เข้ามาให้เกษตรกรได้รับรู้ “คุณแม่จะพูดเสมอว่าถ้าบริษัทอยู่ไม่ได้เราก็อยู่ไม่ได้ ดังนั้นเขาต้องอยู่ได้ก่อนจึงจะสามารถทำให้เราอยู่ได้” เสียงจากคุณออยที่เข้าใจระบบการเลี้ยงแบบคอนแทรคฟาร์มมิ่ง
ฝากถึงผู้ที่สนใจ การเลี้ยงไก่เนื้อแบบประกันราคา
“ถ้าคุณคิดที่จะเลี้ยงไก่แล้วคุณต้องกล้าที่จะเสี่ยง กล้าได้ กล้าเสีย การลงทุนคือความเสี่ยงอยู่แล้ว เราต้องมาลงมือทำเองกับมือ ท้อได้แต่ห้ามถอย ท้ายที่สุดเราก็จะมีอาชีพที่เป็นของเราเองโดยไม่ต้องเป็นลูกน้องใคร” คำกล่าวจากใจคุณกุ้งถึงคนที่คิดจะทำอาชีพนี้
อยากให้ทางภาครัฐเห็นใจเกษตรกรไทยมากกว่านี้ การทำฟาร์มย่อมมีต้นทุนที่สูง และใช่ว่าจะได้กำไรมากมาย สุดท้ายเป็นเกษตรกรเองที่เสียภาษีมากกว่าคนธรรมดา ทั้งภาษีโรงเรือน ค่าไฟฟ้าต่อรอบการเลี้ยงที่สูงมาก มีโครงการบัตรคนจน แต่เกษตรกรรายย่อยก็ไม่ถูกจัดอยู่ในกลุ่มนั้น ความจริงทางภาครัฐควรเปิดสิทธิ์ให้เกษตรกรบ้าง “ขอเเค่เพียงส่วนลดค่าไฟฟ้าเพียงแค่ร้อยละ 5 บาท เนื่องจากหนึ่งรอบการเลี้ยงค่าไฟเกือบแสนบาท ส่วนลดเพียงเท่านี้เกษตรกรก็สามารถนำไปจ่ายค่าเรียนบุตร ค่าเสื่อมโรงเรือน และอุปกรณ์ต่างๆ ได้แล้ว” คุณออยกล่าวเปิดใจ
สุดท้ายคุณอรยังฝากข้อคิดดีๆ ไว้ให้กับคนรุ่นใหม่ด้วยว่า “ระหว่างการทำงานออฟฟิศกับการเลี้ยงแบบนี้มีความแตกต่างกันมาก แต่ทุกอย่างทุกอาชีพก็ขึ้นอยู่กับความตั้งใจของตัวเอง ผลที่ออกมาจะได้มากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับความใส่ใจของเราเอง ไม่จำเป็นว่าต้องจบอะไรมา ขอแค่เราใส่ใจ พร้อมที่จะเรียนรู้เท่านั้น ทุกอย่างก็เกิดขึ้นได้”
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก
คุณคุณารัตน์ รสชุ่ม (เจ้าของสรวิชญ์ฟาร์ม)
คุณพิมพ์ชนก ขาวสะอาด (เจ้าของกุลิสราฟาร์ม)
คุณอินทุอร ขาวสะอาด (เจ้าของอินทุอรฟาร์ม)
เลขที่ 9/2 หมู่ 5 ต.ทุ่งหลวง อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี 70140
โทร.085-4420-1503 (คุณกุ้ง), 093-065-0650 (คุณอร)