ฟาร์มโคนมบุญชู เลี้ยงโคนมด้วยความใส่ใจ แปรรูปน้ำนมดิบจำหน่าย ภายใต้แบรนด์ “เด็กขายนม”
คุณบุษบง งีสันเทียะ หรือ น้องแจง เกษตรกรคนรุ่นใหม่ Young Smart Farmer ที่ได้กลับมาต่อยอดและพัฒนาการดูแลจัดการฟาร์มโคนมที่บ้าน ฟาร์มโคนมบุญชู หลังจากตนเรียนจบ และเพิ่มมูลค่าน้ำนมดิบที่ฟาร์มโดยการแปรรูป และจำหน่าย ภายใต้แบรนด์ “เด็กขายนม”
“ฟาร์มโคนมบุญชูตอนนี้เข้าสู่ปีที่ 5 แล้วซึ่งแต่เดิมคุณพ่อเคยทำมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ได้เลิกทำไป แล้วหันมาทำไร่อ้อยแทน แต่ก็ประสบกับปัญหาภัยแล้ง จึงมองหาอาชีพใหม่ เมื่อเราเรียนจบจึงได้ช่วยคุณพ่อกลับมาเริ่มต้นทำฟาร์มโคนมใหม่อีกครั้งหนึ่ง” น้องแจงกล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟาร์ม
การแปรรูปน้ำนมดิบ
ส่วนเรื่องการแปรรูปนั้นได้เริ่มมาทำหลังจากทำฟาร์มได้ประมาณหนึ่งปี เมื่อคุณภาพน้ำนมที่ฟาร์มเริ่มนิ่งแล้ว จึงมีการแบ่งน้ำนมดิบมาแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าผลผลิต โดยแบ่งมาประมาณ 5-10% ของผลผลิตทั้งหมด โดยจะเน้นแปรรูปตามออเดอร์ที่สั่งเข้า เพื่อความสดใหม่ของสินค้า
ปัจจุบันทางฟาร์มมีแม่โครีดนมอยู่ทั้งหมด 20 ตัว น้ำนมดิบที่นำมาแปรรูปนั้นจะเลือกใช้นมที่รีดในมื้อเย็น เพราะคุณภาพน้ำนมในมื้อเย็นจะเข้มข้นกว่านมมื้อเช้า เนื่องจากแม่โคจะให้ปริมาณน้ำนมดิบในมื้อเย็นน้อยกว่ามื้อเช้า และนำมาแปรรูปในช่วงเย็นเป็นต้นไป เพื่อนำส่งตามออเดอร์ของรอบเช้าในวันถัดไป
การบริหารจัดการฟาร์มวัว
สำหรับการดูแลจัดการในแต่ละวันนั้น ในตอนเช้าจะมีการเตรียมอาหาร และรีดนม ซึ่งปัจจัยหลักของการดูแลจัดการที่สำคัญ คือ ขั้นตอนการรีดนม ตั้งแต่การล้างเต้าให้สะอาดเพื่อป้องกันการเกิดเต้านมอักเสบ ซึ่งขั้นตอนก่อนรีดนมของฟาร์มที่แตกต่าง คือ จะมีการใช้น้ำยาจุ่มเต้าทั้งก่อนและหลังรีดนม เพื่อเป็นการฆ่าเชื้อสองรอบ
โดยการใช้น้ำยาจุ่มเต้าที่ฟาร์มจะใช้การสเปรย์ นอกจากจะช่วยให้ประหยัดน้ำยาแล้ว ยังลดการปนเปื้อนเชื้อเต้านมอักเสบสู่ตัวอื่น หรือเต้าอื่นอีกด้วย และอีกเรื่องที่ทางฟาร์มให้ความสำคัญ คือ เรื่องความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นคอก ถังนม หรืออุปกรณ์ต่างๆ จะล้างให้สะอาด และทุกๆ 7 วัน ทางฟาร์มจะทำการล้างอุปกรณ์ล็อตใหญ่ ด้วยการแช่กรดโซดาไฟในอุปกรณ์รีดนมที่ทำจากยาง และแช่กรดฟอสฟอริกในอุปกรณ์รีดนมที่ทำจากสแตนเลสเพื่อฆ่าเชื้อตามหลักการ
“แต่ก่อนที่ฟาร์มเคยมีปัญหาเรื่องเต้านมอักเสบ ทำให้ราคาน้ำนมดิบที่ได้ลดลง เราจึงหันมาใส่ใจในเรื่องความสะอาดและการจัดการฟาร์มมากขึ้น อาจจะทำให้เสียเวลาเพิ่มขึ้น แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่ได้ตอบแทนนั้นคุ้มค่า เมื่อเรามีการจัดการที่ดี ใส่ใจในทุกขั้นตอน ทำให้น้ำนมดิบเรามีคุณภาพ ผลตอบแทนที่ได้ก็ดีขึ้น” น้องแจงกล่าวถึงความสำคัญของการจัดการฟาร์ม
ในส่วนของการจัดการคอกนั้นก็สำคัญ ต้องให้คอกสะอาดและแห้ง หากโคนอนที่นอนแฉะๆ ทำให้เต้านมสกปรก จะทำให้เพิ่มงานในส่วนของการล้างเต้านมโคนานขึ้น และมีโอกาสสูงมากที่จะมีเชื้อโรคเข้าสู่หัวนม ทางฟาร์มจึงมีการดันมูลโคออกทุกวัน และคำนวณปริมาณพื้นที่คอกให้เหมาะสมกับจำนวนโค
สำหรับวัสดุปูรองนั้น แต่เดิมทางฟาร์มเคยใช้แกลบ แต่มีไม่เพียงพอ จึงเปลี่ยนมาใช้ขี้เลื่อย แต่ในพื้นที่หาขี้เลื่อยได้ยาก ปัจจุบันจึงเปลี่ยนมาใช้ฟาง ซึ่งสามารถตอบโจทย์ได้เหมือนกัน ตอนนี้ทางฟาร์มจะสั่งฟางมา 2 เกรด อย่างดี เอาไว้สำหรับให้โคกิน ส่วนอีกเกรดใช้สำหรับปูรองพื้นคอกโค
การให้อาหารวัว
ส่วนอาหารข้นจะใช้เป็นอาหารสำเร็จรูป มีการคำนวณปริมาณการให้ที่เหมาะสมกับแม่โคแต่ละตัว โดยคำนวณจากปริมาณน้ำนมดิบของโค เพื่อให้แม่โคได้รับปริมาณสารอาหารที่เหมาะสม ซึ่งจะคำนึงถึงในเรื่องของสุขภาพโค และคุณภาพน้ำนมดิบ เป็นหลัก
อาหารข้นนั้นสารอาหารหลัก คือ โปรตีน หากให้มากเกินความจำเป็นจะเป็นการเพิ่มต้นทุน ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและคุณภาพน้ำนมดิบ ส่วนอาหารหยาบจะมีผลต่อไขมันนม เนื้อนม จึงต้องมีการคำนวณสูตรอาหารให้สมดุลและเหมาะสมกับโค
“อาหารหยาบที่ฟาร์มจะให้เป็นข้าวโพดหมัก เพราะข้าวโพดหมักจะช่วยให้นมยืน อย่างเช่น วัวเคยให้นม 20กิโลกรัม อาจจะมีต่ำลงบ้าง แต่ปริมาณน้ำนมที่ได้จะไม่ลดลงเร็วเกินไป ปริมาณน้ำนมจะยืนอยู่ประมาณ 16-17 กิโลกรัม ได้นานขึ้น และอาจมีให้เสริมพวกหญ้าและฟาง” น้องแจงให้ความเห็นเพิ่มเติมถึงวัตถุดิบอาหารหยาบที่เลือก
ปัญหาและอุปสรรคภายในฟาร์มวัว
สำหรับปัญหาเรื่องสภาพภูมิอากาศ จะเป็นปัญหาในช่วงหน้าร้อน เพราะโดยพื้นฐานสายพันธุ์ของโคนมมาจากต่างประเทศจะชอบอากาศเย็นมากกว่า ทางฟาร์มจึงมีการจัดการคอกให้โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก โดยออกแบบหลังคาให้เป็นจั่วสองชั้นเพื่อให้อากาศถ่ายเท และในช่วงที่อากาศร้อนมากๆ ที่ฟาร์มจะมีติดสปริงเกลอร์บนหลังคาเพื่อช่วยระบายความร้อน
นอกจากนี้มูลโคที่ได้ทางฟาร์มมีการนำมากองทิ้งไว้ให้ย่อยสลาย 3-4 เดือน จากนั้นจะนำมาร่อนเอาแต่มูลโค แล้วมาขายเป็นกิโลกรัม แต่ด้วยความที่ตัวน้องแจงอยู่ในกลุ่มเกษตรอินทรีย์ จึงมีแนวคิดที่จะทำปุ๋ยหมักแบบไม่พลิกกลับกองขาย เพื่อเพิ่มมูลค่าอีกช่องทางหนึ่ง
เป้าหมายในอนาคต
เมื่อถามถึงเป้าหมายต่อไปในอนาคต น้องแจงเปิดเผยว่า “สำหรับเป้าหมายในอนาคต ในส่วนของแม่โครีดนมอยากให้มีจำนวนที่คงที่ มีหมุนเวียนใช้ในฟาร์มอย่างสม่ำเสมอ ไม่เยอะหรือน้อยเกินไป ประมาณ 20-25 แม่รีด ส่วนการแปรรูปนั้นก็ยังคงเน้นทำตามออเดอร์ และอยากทำฟาร์มเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เป็นคาเฟ่เล็กๆ ให้คนมาท่องเที่ยว ได้ทำความรู้จักฟาร์มของเรา มาดูว่าฟาร์มโคนมของเราใส่ใจในรายละเอียดทุกขั้นตอนการผลิต เพื่อให้ได้น้ำนมดิบที่มีคุณภาพสู่ผู้บริโภค”
หากผู้อ่านท่านใดสนใจผลิตภัณฑ์แปรรูปฟาร์มโคนมบุญชู สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เฟสบุ๊ค เด็กขายนม – Boonchu Dairy Farm
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก คุณบุษบง งีสันเทียะ หรือ น้องแจง 84 ม.11 หมู่บ้านร่องหอย ต.สระกรวด อำเภอศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์