จันทาฟาร์ม เป็นชื่อของคุณจันทา สราสำรวย อายุ 35 ปี จบการศึกษาปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ สาขาบริหารธุรกิจบัญชี พอเรียนจบได้ดูแลกิจการฟาร์มไก่ไข่ โดยรับช่วงต่อจากคุณแม่ฉะอ้อน สราสำรวยโดยให้บริหารจัดการและดูแลเองทั้งหมด สิ่งที่ยากที่สุดคือ คุณจันทาเองไม่ได้มีความรู้ในของการเลี้ยงไก่ไข่แต่อย่างใด อาศัยประสบการณ์จากการคลุกคลีกับไก่ไข่ตอนที่คุณแม่เลี้ยงตั้งแต่ตอนเด็กเป็นตัวช่วยในการดำเนินกิจการ และอีกส่วนเรียนรู้จากสัตวแพทย์หรือสัตวบาลที่คอยให้คำปรึกษา จนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 10 กว่าปีแล้วที่ได้ดูแลฟาร์มแห่งนี้และตนก็ได้ยึดอาชีพการเลี้ยงไก่ไข่เป็นอาชีพหลักในปัจจุบัน โดยมีคุณสุนทร พรายรัตน์ร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ตลอดมา และที่สำคัญไม่อยากเป็นลูกจ้าง
ไก่ไข่ที่เลี้ยงเป็นสายพันธุ์แบล็คค๊อป ซึ่งสายพันธุ์นี้เลี้ยงตั้งแต่รุ่นคุณแม่มาแล้ว รุ่นต่อไปคิดว่าน่าจะลองเปลี่ยนเป็นสายพันธุ์อื่นดูบ้าง เพราะไก่แต่ละสายพันธุ์ของบริษัทแต่ละบริษัท จะพัฒนาสายพันธุ์โดยนำเอาจุดเด่นของแต่ละสายพันธุ์มาปรับปรุงซึ่งไม่เหมือนกัน บางบริษัทจะเน้นไข่ใบใหญ่ ผิวสวย หรือไข่ดก ซึ่งจะแตกต่างกันไป โดยทางฟาร์มจะรับไก่สาวอายุ 18 สัปดาห์เข้ามา จากนั้นจะเลี้ยงไปอีก 16-18 เดือนจึงจะปลด หรือถ้าไก่ไม่ค่อยแข็งแรงเปอร์เซ็นต์การให้ไข่น้อยก็จะปลดเร็วหน่อย แต่ถ้าเป็นช่วงที่ไข่ไก่มีราคาสูงอย่างเช่นตอนนี้ก็อาจจะยืดระยะเวลาการปลดออกไป
อาหารที่ให้ไก่ไข่กินจะมีทั้งอาหารสำเร็จรูปและอาหารผสมเอง ถ้าเป็นอาหารที่ผสมเองจะใช้ข้าวโพดเป็นหลักผสมกับหัวอาหารและวัตถุดิบอาหารอื่นๆ ให้ไก่กินโดยแบ่งให้เป็นเล้า (จะให้กี่เล้าแล้วแต่ช่วงเวลาและโอกาส) เพื่อจะดูความแตกต่างของเปอร์เซ็นต์การให้ไข่รวมถึงค่าใช้จ่ายของอาหารด้วยที่ทำอย่างนี้เพราะบางครั้งอาหารสำเร็จรูปอาจจะมีราคาถูกกว่า หรือบางทีอาหารผสมก็มีราคาถูกกว่าอาหารสำเร็จรูป เพราะฉะนั้นช่วงเวลาไหนที่อาหารแบบไหนถูก ทางฟาร์มก็จะสั่งแบบนั้นเยอะหน่อย เวลาในการให้อาหารของทางฟาร์มจะให้วันละ 3 รอบ
รายได้ ณ ปัจจุบันเมื่อหักค่าใช้จ่ายแล้วจะได้กำไรเป็นตัวเลข 6 หลัก/เดือน ซึ่งถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาทองสำหรับผู้ที่เลี้ยงไก่ไข่เลยก็ว่าได้
“รายได้ 6 หลักที่เห็นคือรายได้ ณ ปัจจุบันไม่นับเมื่อก่อนเพราะเมื่อก่อนเคยมีติดลบมาแล้ว อย่าไปคิดว่าคนเลี้ยงไก่ จะได้กำไรเดือนละเป็นแสนตลอดไป เช่น ในปีที่ผ่านมาแทบไม่มีกำไรเลย ถือขนาดว่าต้องจิกเท้าอยู่กันเลยทีเดียว คนที่อยู่ได้คือคนที่ไม่มีหนี้ คนมีหนี้จะอยู่ได้ยากเพราะต้องส่งดอกทุกๆเดือน” คุณสุนทรเสริม
ส่วนรายได้อื่นๆ จะเป็นรายได้จากการขายขี้ไก่สด ในตอนแรกขายแบบเหมา ซึ่งผู้รับซื้อจะจัดการเองทั้งหมด โดยให้ราคากระสอบละ 12-13 บาท ปัจจุบันเปลี่ยนมาขายเป็นกระสอบละประมาณ 25 กก. ขายในราคา 30 บาท(รวมค่าแรงคนตักด้วย)จะได้กำไรมากกว่าขายแบบแรก โดยเงินที่ได้จากส่วนนี้จะแยกต่างหาก จะไม่นำไปรวมกับรายได้หลักในส่วนของการขายไข่ไก่
ปัญหาและอุปสรรคในการเลี้ยงไก่ไข่ ส่วนมากทางจันทาฟาร์มหรือหลายๆฟาร์มส่วนมากจะประสบปัญหาเรื่องคนงานที่มีการโยกย้ายบ่อยครั้ง ทางฟาร์มจึงแก้ไขด้วยการ รับพนักงานเป็นครอบครัว โดยมีบ้านพักให้ เหตุที่รับเป็นครอบครัวเพราะคิดว่าน่าจะอยู่ได้นานขึ้น เพราะแรงงานส่วนมากจะเป็นคนต่างจังหวัด ปัจจุบันทางฟาร์มมีพนักงาน2 ครอบครัว อัตราค่าจ้างจะคิดเป็นแบบเหมา หลังละ 120 บาท/วัน คนหนึ่งอาจจะดูแล 3-4 หลังก็ได้ อยู่ที่ความสามารถของแต่ละบุคคลเมื่อถึงเวลาปลดไก่ ในเล้าจะไม่มีไก่ให้ดูแลแต่คุณจันทาก็ยังมีค่าจ้างให้ตามเดิม
และปัญหาที่สำคัญที่สุดคือ เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ไข่มีการเพิ่มการเลี้ยงมากขึ้น อนาคตอาจเกิดปัญหาควบคุมไม่ได้ เช่นราคาไข่ไก่ตก เนื่องมาจากไข่ล้นตลาด พอเกิดปัญหาก็เกิดการร้องเรียนหรือเกิดการประท้วง ส่วนมากก็จะไปแก้ปัญหาที่ปลายทาง ต้นเหตุคือเกษตรกรเลี้ยงมากเอง เพราะฉะนั้นถ้าอยากไห้ราคาไข่ไก่แพงก็ต้องเลี้ยงน้อยๆ อย่างเช่นช่วงนี้ราคาไข่ไก่แพงก็เนื่องเป็นผลมาจากราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์มีการปรับขึ้นราคา จึงส่งผลให้อาหารไก่ปรับราคาสูงขึ้น ดังนั้นเกษตรกรต้องปรับราคาไข่ขึ้นตาม
“ผมคิดว่า ภายใน 3-4 ปีข้างหน้า ถ้ามีการขยายมากขึ้นบวกกับประเทศไทยมีการทำอุตสาหกรรมเกี่ยวกับปศุสัตว์มากขึ้น เราจะขาดแคลนวัตถุดิบอาหารสัตว์ไม่ว่าจะเป็นกากถั่วเหลือง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ซึ่งในทุกวันนี้ก็มีไม่พออยู่แล้ว ก็มีการนำเข้าจากต่างประเทศอยู่เรื่อยๆ แต่ถ้าผู้ผลิตวัตถุดิบอาหารสัตว์รายใหญ่ของโลก เช่นบราซิล และอเมริกา หากเขาประสบปัญหาเรื่องภัยแล้งหรือเจอวิกฤตโรคระบาดที่เป็นเหตุทำให้ข้าวโพดขาด ไทยก็จะเป็นประเทศหนึ่งที่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากไทยนำเข้าข้าวโพด ประมาณ 70-80%ด้านปศุสัตว์มีการการเพิ่มขนาดเลี้ยงมากขึ้น แต่วัตถุดิบอาหารสัตว์กลับสวนทางกัน” คุณสุนทรแสดงความคิดเห็น
“ผมรู้เลยว่าอนาคตไก่ยังไม่สดใสเท่าที่ควร”
“คนในอย่าออก คนนอกอย่าเข้าใครที่คิดจะเลี้ยงไก่ไข่ หรือเลี้ยงสัตว์อะไรก็ตาม อันดับแรกต้องศึกษาวิธีการเลี้ยง หาข้อมูลให้ละเอียด ศึกษาเรื่องโรคระบาดให้ละเอียด เพราะปัจจุบันนี้โรคค่อนข้างเยอะไม่เหมือนเมื่อก่อน ปัจจุบันอย่าถือว่าใครมีเงินก็เลี้ยงได้ แต่ถ้าไม่มีความรู้ เดี๋ยวเดียวก็เจ๊ง ถัดมาคือต้องศึกษาเรื่องตลาดสำหรับผู้ที่ขยายการเลี้ยงไก่ไข่เพิ่ม จริงๆถ้าอยากมีกำไร ง่ายนิดเดียวคือไม่ต้องไปส่งเสริมให้คนบริโภคไข่ไก่เพิ่มเพราะมันเห็นผล แค่เกษตรกรเลี้ยงไก่ไข่ให้น้อยลง สมมติว่ามีคน 10 คน ต้องการกินไข่วันละฟอง แต่เราดันมีไก่ที่ผลิตไข่ออกมาได้วันละ 12 ฟอง เท่ากับว่าอีก 2 ฟองที่เหลือนั้นต้องบังคับให้เขากิน ซึ่งแน่นอนว่าต้องได้ขายถูก ถ้าขาย 2 ฟองนั้นถูกจะไม่มีปัญหา แต่ถ้าต้องขายถูกทั้งหมดทั้ง 12 ฟอง เพื่อให้เฉลี่ยได้เท่ากัน เหมือนช่วงที่ไข่ไก่ล้นตลาดเช่นปีที่ผ่านมา แต่ถ้าเราเลี้ยงกันให้น้อยลง ประมาณ 8-10 ฟอง ให้ทุกฟองมีกำไรไม่ดีกว่าหรอ”คุณสุนทรกล่าวทิ้งท้าย
นอกจากนี้ทาง “จันทาฟาร์ม” ยังมีการจำหน่ายเครื่องคัดไข่ในราคาย่อมเยา เกษตรกรท่านใดที่อยากได้เครื่องคัดไข่ไปใช้ภายในฟาร์ม สามารถติดต่อจันทาฟาร์มได้ หรือมีเครื่องคัดไข่อยู่แล้วแต่อยากได้เครื่องใหม่ ทางจันทาฟาร์มยินดีรับซื้อคืนและในตอนนี้ก็มียอดสั่งจองอยู่มากพอสมควร เนื่องจากมีการรับประกันตลอดอายุการใช้งานและไม่มีการนำเครื่องเก่ามาย้อมแมวขายแน่นอน
tags: ฟาร์มไก่ไข่ ไข่ไก่ ฟาร์มไก่ไข่ ฉะเชิงเทรา การทําฟาร์มไก่ไข่ ไข่ไก่ จันทาฟาร์ม ฟาร์มไก่ไข่ ไข่ไก่ ฟาร์มไก่ไข่ ฉะเชิงเทรา การทําฟาร์มไก่ไข่ ไข่ไก่ จันทาฟาร์ม
[wpdevart_like_box profile_id=”1414452475453135″ connections=”show” width=”300″ height=”220″ header=”big” cover_photo=”show” locale=”th_TH”]
