การใช้ รำละเอียด น้ำมันรำละเอียด เป็นวัตถุดิบอาหาร สำหรับ สุกรรุ่น และสุกรขุน

โฆษณา
AP Chemical Thailand

การใช้ รำละเอียด เป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์ชนิดต่างๆ

รำละเอียด (rice bran) เป็นผลิตผลพลอยได้จากกระบวนการสีข้าว โดยได้จากการขัดส่วนที่เป็นเยื่อหุ้มเมล็ดข้าวออก ทำให้ข้าวสารมีสีขาวสวย รำละเอียดถือว่าเป็นวัตถุดิบอาหารที่ได้รับความนิยมผสมอาหารสัตว์โดยทั่วไป เพราะเป็นวัตถุดิบอาหารที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นทั่วไป มีราคาถูกกว่าปลายข้าว ในขณะที่มีปริมาณโปรตีนมากกว่า การใช้ในสูตรอาหารสัตว์มักทำให้ราคาสูตรอาหารถูกลง อีกทั้งรำละเอียดคุณภาพดี จะมีกลิ่นหอมชวนกินด้วย จึงทำให้มีการใช้รำละเอียดเป็นวัตถุดิบในสูตรอาหารสัตว์ชนิดต่างๆ อย่างแพร่หลาย

เช่นเดียวกันกับปลายข้าว รำละเอียดที่มีขายในท้องตลาดจะมีทั้งหมด 3 ชนิด ได้แก่

  1. รำข้าวเจ้า
  2. รำข้าวเหนียว และ
  3. รำข้าวนึ่ง ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการสีข้าวเจ้า ข้าวเหนียว และข้าวนึ่ง ตามลำดับ
1.ต้นข้าว
1.ต้นข้าว
2.รำละเอียด
2.รำละเอียด

คุณค่าทางอาหารของรำละเอียด

รำละเอียดทุกชนิดโดยทั่วไปมีองค์ประกอบคุณค่าทางอาหารไม่แตกต่างกันมาก โดยมีโปรตีนประมาณ 12% ไขมันประมาณ 12-13% และเยื่อใยประมาณ 13% เช่นกัน และมีองค์ประกอบคุณค่าทางอาหารอื่นๆ รำละเอียดจึงเป็นวัตถุดิบอาหารที่ให้โปรตีนและไขมันสูงกว่าปลายข้าว ในขณะที่รำละเอียดมักมีราคาถูกกว่าปลายข้าว

การใช้รำละเอียดในสูตรอาหารจึงมักทำให้สูตรอาหารมีราคาถูกลง ไขมันในรำละเอียดเป็นไขมันเหลว มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง โดยเฉพาะกรดลิโนเลอิค (linoleic acid) ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นสำหรับสัตว์ปีก รำละเอียดจึงเหมาะที่จะใช้เป็นวัตถุดิบอาหารเลี้ยงสุกรและสัตว์ปีก เพื่อใช้เป็นแหล่งให้กรดไขมันจำเป็นในอาหารดังกล่าว อีกทั้งยังเหมาะใช้เลี้ยงสุกรเพื่อเป็นแหล่งให้ไขมันเหลวในสูตรอาหาร ช่วยป้องกันอาการไขมันแข็งในซากสุกรด้วย

รำละเอียดถือว่าเป็นวัตถุดิบอาหารพลังงานพื้นฐานที่มีการใช้ในสูตรอาหารสุกรและสัตว์ปีกชนิดต่างๆ มาเป็นระยะเวลายาวนาน โดยใช้ในระดับสูงสุดไม่เกิน 30% ในสูตรอาหาร และมักใช้ร่วมกับวัตถุดิบอาหารพลังงานอื่นๆ เช่น ปลายข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง หรือมันสำปะหลัง โดยทั่วไปรำละเอียดมีราคาถูกกว่าปลายข้าว แต่มีระดับโปรตีนสูงกว่า ดังนั้นรำละเอียดมักจะถูกเลือกใช้ในสูตรอาหารสัตว์ เพราะเป็นแหล่งโปรตีนราคาถูกด้วย เมื่อใช้ในสูตรอาหารแล้วทำให้สูตรอาหารมีราคาถูกลง

อย่างไรก็ตามรำละเอียดเป็นวัตถุดิบอาหารที่มีระดับเยื่อใยอยู่ในเกณฑ์สูง (12-13%) และมีความฟู หรือฟ่ามมาก รำละเอียดจึงควรใช้ในสูตรอาหารสัตว์ชนิดต่างๆ ได้ไม่เกิน 50% ในสูตรอาหาร หากใช้ในระดับสูงมากกว่านี้จะมีผลทำให้อาหารมีลักษณะฟ่ามมาก ทำให้สัตว์กินอาหารได้น้อย และมีผลทำให้การเติบโตและประสิทธิภาพการใช้อาหารด้อยลง สัตว์ระยะเล็กที่ต้องการอาหารที่มีระดับเยื่อใยต่ำ จึงทำให้มีการใช้รำละเอียดในสูตรอาหารดังกล่าวในระดับต่ำตามไปด้วย

โฆษณา
AP Chemical Thailand
3.เมล็ดข้าว
3.เมล็ดข้าว

คุณสมบัติของรำละเอียด

รำละเอียดที่ใช้ควรมีคุณภาพดี ได้แก่ มีความชื้นต่ำ ไม่มีการปนปลอมของแกลบบด ดินขาว หรือหินฝุ่น มีระดับเยื่อใยไม่เกินมาตรฐานที่กำหนดไว้ ไขมันในรำละเอียดยังไม่หืน รำละเอียดไม่ขึ้นรา หรือจับเป็นก้อน ไม่มีการปนเปื้อนของยาฆ่าแมลง รำละเอียดดังกล่าวจึงจะเป็นวัตถุดิบอาหารที่ดีแก่สัตว์

ไขมันในรำละเอียดเป็นไขมันไม่อิ่มตัว มีโอกาสหืนได้ง่าย และทำให้อายุการเก็บรำละเอียดสั้นลง รำละเอียดที่แห้ง (ความชื้นต่ำ) และเก็บไว้ในกระสอบป่าน ควรใช้ให้หมดภายใน 2-3 สัปดาห์ แต่ถ้ารำละเอียดนั้นมีความชื้นสูง จะเกิดการหืนที่เร็วขึ้น ยิ่งทำให้อายุการเก็บรำละเอียดสั้นลงไปอีก

การใช้รำละเอียดจากข้าวนาปรังจะต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะรำละเอียดดังกล่าวมักจะมีความชื้นสูง และเก็บได้ไม่นาน เกิดการหืน และขึ้นราง่าย นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่มียาฆ่าแมลงปนเปื้อนมาด้วย ถ้าจำเป็นต้องใช้รำละเอียดดังกล่าวควรรีบใช้โดยเร็ว และควรใช้เป็นอาหารของสัตว์ที่มีความทนทานต่อสารพิษสูง เช่น สุกรขุน เป็นต้น

อย่างไรก็ตามหากหลีกเลี่ยงการใช้รำละเอียดคุณภาพต่ำดังกล่าวได้ ก็ควรหลีกเลี่ยงไม่ใช้รำละเอียดนั้นในอาหารสัตว์ รำข้าวนาปรังที่มีความชื้นสูง ไม่แนะนำให้ใช้ในอาหารสัตว์วัยอ่อนและวัยรุ่น รวมทั้งในอาหารสัตว์พ่อแม่พันธุ์ และอาหารไก่ไข่ เพราะสัตว์เหล่านี้มีความไวต่อสารพิษเชื้อรา และสารพิษยาฆ่าแมลง ที่อาจปนเปื้อนมากับรำละเอียด ทำให้เปอร์เซ็นต์การไข่ของไก่ลดลง แม่สุกรเกิดการแท้งลูกได้

การใช้รำละเอียดระดับสูงในสูตรอาหารจะทำให้ไขมันในตัวสัตว์เป็นไขมันเหลว หรือหากไขมันในตัวสัตว์เป็นไขมันแข็งอยู่ (ด้วยเหตุผลใดก็ตาม) และต้องการปรับไขมันในซากให้เป็นไขมันเหลว ก็อาจทำได้โดยการใช้รำละเอียดระดับสูงในสูตรอาหารนั้น ซึ่งจะช่วยทำให้ไขมันในซากสัตว์มีลักษณะอ่อนตัวลง

ในช่วงที่รำละเอียดมีราคาแพง เช่น ในสภาวะมีการสีข้าวน้อย รำละเอียดออกสู่ท้องตลาดน้อย รำละเอียดอาจมีการปนปลอมด้วยรำหยาบ หรือแกลบบดละเอียด ซึ่งมีผลทำให้ระดับเยื่อใยของรำละเอียดสูงขึ้น นอกจากนี้เยื่อใยในแกลบจะมีปริมาณสารไฟติน ซึ่งเป็นสารขัดขวางโภชนะในระดับสูง

โฆษณา
AP Chemical Thailand

รำละเอียดยังมีการปนปลอมด้วยแกลบบดในระดับสูงมากขึ้นเท่าใด ก็ยิ่งทำให้รำละเอียดนั้นมีระดับเยื่อใยและระดับสารไฟตินสูงมากขึ้นเท่านั้น สารไฟตินเป็นสารขัดขวางโภชนะที่ไปยับยั้งการดูดซึมธาตุเหล็ก ธาตุทองแดง ธาตุสังกะสี และธาตุแมงกานีส ในสูตรอาหาร การใช้รำละเอียดที่มีการปนปลอมด้วยแกลบบดในระดับสูง ทำให้สูตรอาหารมีคุณค่าทางอาหารต่ำลง และตัวสัตว์อาจแสดงอาการขาดธาตุต่างๆ ข้างต้น โดยเฉพาะอาการขาดธาตุสังกะสีในเวลาอันรวดเร็ว การซื้อรำละเอียดมาใช้เป็นอาหารสัตว์ จำเป็นต้องมีการตรวจสอบการปนปลอมด้วยแกลบบดเป็นอย่างดีด้วย

รำละเอียดบางพื้นที่อาจมีการปนปลอมด้วยดินขาว หรือหินฝุ่นมาก ทำให้คุณค่าทางอาหารลดลง อีกทั้งสูตรอาหารจะมีระดับธาตุแคลเซียมสูงเกินกว่าปกติที่ควรจะเป็น จึงส่งผลไปขัดขวางการใช้ประโยชน์ได้ของธาตุเหล็ก ทองแดง สังกะสี และแมงกานีส ทำให้สัตว์แสดงอาการขาดธาตุเหล่านี้ได้เช่นกัน การซื้อรำละเอียดมาเป็นอาหารสัตว์จึงจำเป็นต้องตรวจสอบการปนปลอมด้วยวัสดุเหล่านี้ด้วย

4.รำสกัดน้ำมัน
4.รำสกัดน้ำมัน

การสกัดน้ำมันรำละเอียด

รำสกัดน้ำมัน (solvent extracted rice bran) เป็นผลพลอยได้จากการสกัด น้ำมันรำละเอียด ด้วยตัวทำละลาย ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะได้น้ำมันรำดิบเพื่อนำไปทำให้บริสุทธิ์ และใช้เป็นน้ำมันเพื่อการบริโภค และกากรำ หรือรำสกัดน้ำมัน ซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นอาหารสัตว์ได้ กระบวนการผลิตน้ำมันรำโดยการสกัดด้วยตัวทำละลาย มักเริ่มต้นด้วยการคัด รำละเอียด ที่มีคุณภาพดี มีความสดใหม่ ทั้งนี้เพื่อให้ได้น้ำมันรำที่คุณภาพดี มีการร่อนเอากาก หรือเยื่อใยออกบางส่วน (ส่วนที่เอาออกได้) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสกัดน้ำมันให้สูงขึ้น อีกทั้งทำให้รำสกัดน้ำมันมีระดับเยื่อใยต่ำลง โดยทั่วไปรำสกัดน้ำมันมีโปรตีนสูงขึ้นเป็น 15% และมีระดับกรดอะมิโนจำเป็นในอาหารทุกชนิดสูงกว่า รำละเอียด ตามสัดส่วนของเปอร์เซ็นต์โปรตีนที่เพิ่มขึ้น แต่มีระดับไขมันและพลังงานใช้ประโยชน์ได้  (พชด.) เท่ากับ 3.7% และ 2.732 กค./กก. ตามลำดับ ซึ่งต่ำกว่า รำละเอียด รำสกัดน้ำมันมีระดับเยื่อใยโดยเฉลี่ยเท่ากับ 9% ซึ่งต่ำกว่ารำละเอียดเช่นกัน ทั้งนี้เนื่องจากในกระบวนการสกัดน้ำมันมีการแยกเอาเยื่อใยบางส่วนใน รำละเอียด ออกไปก่อนนั่นเอง

อย่างไรก็ตามรำสกัดน้ำมันอาจมีข้อด้อยบางประการสำหรับใช้เป็นอาหารสุกรและสัตว์ปีกดังนี้ คือ

1.เนื่องจากโดยธรรมชาติรำละเอียดมักมีสารแทนนินเป็นองค์ประกอบอยู่ด้วย ซึ่งในกระบวนการสกัดน้ำมันมีการให้ความร้อนแก่รำละเอียด จึงทำให้สารแทนนินทำปฎิกิริยากับโปรตีนบางส่วนในรำละเอียด เกิดเป็นสารเชิงซ้อนที่ร่างกายสัตว์กระเพาะเดี่ยว (เช่น สุกร และสัตว์ปีก) ย่อยได้ยากขึ้น และทำให้การย่อยได้โปรตีนโดยรวมลดลง โดยเฉพาะในสัตว์ระยะเล็ก และรุ่น แต่การย่อยได้จะดีขึ้นในสัตว์ระยะขุน และระยะโตเต็มวัยแล้ว

2.รำสกัดน้ำมันจะยังมีสารไฟติน และสารโพลิแซคคาไรด์ ที่ไม่ใช่แป้ง (non-starch polysacchaedes; NSP) ในระดับสูง และอาจสูงกว่าในรำละเอียด เพราะกระบวนการสกัดน้ำมันมีการดึงเอาไขมันออกไป จึงทำให้สารดังกล่าวในรำสกัดน้ำมันมีความเข้มข้นเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสารทั้ง 2 ชนิด มีผลไปรบกวนการย่อยได้ของโภชนะในทางเดินอาหารของสัตว์โดยตรง การใช้รำสกัดน้ำมันระดับสูงขึ้นในสูตรอาหารสุกร จะมีผลทำให้การย่อยได้ของอาหาร และประสิทธิภาพการใช้อาหารของสุกรลดลง การใช้รำสกัดน้ำมันในอาหารสุกรและสัตว์ปีกจึงควรใช้ในระดับต่ำ หากใช้ในระดับสูงขึ้นควรจะต้องมีการเสริมน้ำย่อยไฟเตส และน้ำย่อย NSPase ลงไปในอาหารด้วย อุทัย คันโธ และคณะ (2549) ได้ศึกษาการใช้รำสกัดน้ำมันทดแทนรำละเอียดในอาหารสุกรระยะรุ่น-ขุนที่ระดับ 20-30 และ 35% ในสูตรอาหาร ผลจากการศึกษาพบว่าการใช้รำสกัดน้ำมันทดแทน รำละเอียด ที่ใช้ในระดับ 20% ในสูตรอาหาร ไม่มีผลทำให้สมรรถภาพการผลิตของสุกรระยะรุ่น-ขุนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติแต่ประการใด การใช้รำสกัดน้ำมันในระดับสูงขึ้นเป็น 30 และ 35% ในสูตรอาหาร มีผลทำให้สมรรถภาพการผลิตของสุกรระยะรุ่น-ขุนด้อยลงอย่างเห็นได้ชัด แต่เมื่อมีการเสริมน้ำย่อยไฟเตส-น้ำย่อย NSPase ลงในสูตรอาหารที่ใช้รำสกัดน้ำมันในระดับสูงดังกล่าว พบว่ามีผลทำให้สมรรถภาพการผลิตของสุกรระยะรุ่น-ขุนดีขึ้น จนไม่แตกต่างจากสูตรอาหารที่ใช้ รำละเอียด แต่ประการใด

โฆษณา
AP Chemical Thailand

3.รำสกัดน้ำมันมีปริมาณไขมันน้อยมาก จึงมีลักษณะเป็นฝุ่นมาก อีกทั้งยังมีลักษณะฟ่ามมากด้วย การใช้รำสกัดน้ำมันในสูตรอาหารสัตว์ในระดับสูง มักมีผลทำให้อาหารมีลักษณะเป็นฝุ่นมากตามไปด้วย ส่งผลไปรบกวนการกินอาหารของสัตว์ ทำให้สัตว์กินอาหารได้น้อยลง มีการกินน้ำมากขึ้น ประสิทธิภาพการย่อยอาหารด้อยลง การเติบโตและการให้ผลผลิตต่างๆ ลดลงด้วย ดังนั้นการใช้รำสกัดน้ำมันระดับสูงในสูตรอาหารจำเป็นต้องแก้ปัญหาการเป็นฝุ่นของอาหารด้วย

รำสกัดน้ำมันแนะนำให้ใช้ในสูตรอาหารสัตว์ที่มีความต้องการ หรือมีความทนทานต่อระดับเยื่อใยสูง เช่น สุกรขุน ไก่สาว แม่สุกรอุ้มท้อง และอาหารเป็ด โดยมีปริมาณการใช้ไม่เกิน 15-20% ในสูตรอาหาร อย่างไรก็ตามหากอาหารนั้นมีลักษณะเป็นฝุ่นมาก และมีผลต่อการกินอาหารสัตว์ ผู้เลี้ยงสัตว์มีความจำเป็นต้องลดการเป็นฝุ่นของอาหาร ด้วยการเสริมกากน้ำตาล หรือไขมัน ในสูตรอาหารนั้นในระดับ 2-4%ะ หรือจนกว่าลักษณะการเป็นฝุ่นของอาหารดังกล่าวหมดไป การใช้รำสกัดน้ำมันในระดับที่สูงกว่านี้ยิ่งต้องระวังการเป็นฝุ่นของอาหารให้มากขึ้น

ผลการใช้รำสกัดน้ำมันเป็นอาหารสุกรระยะรุ่น-ขุน

 

สูตรอาหารที่

1

2

3

4

5

6

รำละเอียด/รำสกัด (%)

20/0

0/20

0/30

0/30

0/35

0/35

การเสริมน้ำย่อยสังเคราะห์*

±

±

นน.เริ่มต้น (กก.)

29.26

30.55

29.47

29.26

29.6

28.96

นน.สิ้นสุด (กก.)

99.19

97.83

98.06

99.54

97.73

100.88

นน.เพิ่มเฉลี่ย (กก.)

69.39

67.28

68.59

70.28

68.13

71.92

การเติบโต (กก./ตัว/วัน)

0.76

0.72

0.7

0.7

0.72

0.74

อาหาร/นน.เพิ่ม

2.85

2.94

3.12

3

3.19

2.96

ความหนาไขมันสันหลัง (ซม.)

1.2

1.19

1.37

1.34

1.47

1.33

พท.หน้าตัดเนื้อสัน (ซม.²)

35.13

36.4

34.69

36.74

34.94

36.06

เปอร์เซ็นต์เนื้อแดง

54.13

54.8

53.19

54.34

53.21

54.22

*น้ำย่อยไฟเตส + NSPase

แสดงที่มา : ดร. อุทัย คันโธ และคณะ (2549)

ขอขอบคุณข้อมูลจาก ดร.อุทัย คันโธ และคณะ (2549)