การพัฒนาการ เลี้ยงไก่ไข่ ในปัจจุบัน หลายฟาร์มได้นำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อพัฒนาคุณภาพการเลี้ยง และประสิทธิภาพในการป้องกันโรค อีกทั้งเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันทางด้านตลาด อย่าง“สมจิตฟาร์ม” ฟาร์มไก่ไข่ที่ดำเนินธุรกิจมานานนับ 30 ปี
โดยมี คุณอนุพงษ์ พิพัฒน์วัชราภรณ์ รับช่วงบริหารฟาร์มต่อจาก คุณสมจิต พิพัฒน์วัชราภรณ์ (คุณแม่) ผู้ก่อตั้งฟาร์ม โดยเริ่มจากการเลี้ยงเป็ดไข่จำนวน 6,000 ตัว ต่อมาเห็นการ เลี้ยงไก่ไข่ บนบ่อปลาจึงทดลองเลี้ยง จากนั้นก็เพิ่มจำนวนและพัฒนาการเลี้ยงเรื่อยมา
การ เลี้ยงปลา และ เลี้ยงจระเข้ เพื่อกำจัดซากไก่ในฟาร์ม
พอมีเงินทุนจึงเริ่ม เลี้ยงไก่ไข่ อีกครั้ง โดยได้นำระบบอีแวป (Evap) เข้ามาใช้ และมีการปรับปรุงฟาร์มให้ได้มาตรฐานมากยิ่งขึ้น ซึ่งเน้นการนำระบบความปลอดภัยทางชีวภาพ (Bio security) เข้ามาใช้ เพื่อเป็นการป้องกันและควบคุมโรค
ปัจจุบันสมจิตฟาร์มมี 2 แห่ง รวมทั้งหมด 10 โรงเรือน เลี้ยงไก่จำนวน 2 แสนกว่าตัว โดยลักษณะโรงเรือนมีทั้งบนพื้นดิน และบนบ่อปลา ฉะนั้นทางฟาร์มจะมีรายได้จากการจำหน่ายปลาอีกทางหนึ่ง นอกจากนี้ยัง“ เลี้ยงจระเข้ ” ประมาณ 200-300 ตัว เพื่อกำจัดซากไก่ในฟาร์ม เป็นการควบคุมโรคไม่ให้กระจายออกไปยังนอกฟาร์ม นอกจากนี้คุณอนุพงษ์ได้พูดถึงการป้องกันโรคว่า เลี้ยงปลา เลี้ยงปลา เลี้ยงปลา เลี้ยงปลา เลี้ยงปลา เลี้ยงปลา เลี้ยงปลา
“แต่ละเล้าจะมีการแยกสีของแผงไข่ และจะไม่นำไปใช้ร่วมกันกับลูกค้า เพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรค ส่วนแผงไข่ที่นำไปส่งให้ลูกค้าจะเป็นอีกหนึ่งสี โดยแผงไข่ดังกล่าวจะไม่นำเข้ามาใช้ในฟาร์ม ซึ่งจะทำให้ง่ายต่อการจัดการ”
สายพันธุ์ไก่ไข่
สายพันธุ์ไก่ที่เลี้ยงเป็นสายพันธุ์โรมันบราวน์ ของบริษัท เบทาโกร จำกัด โดยทางฟาร์มจะซื้อไก่สาวอายุ 18 สัปดาห์ เข้ามาเลี้ยง ตามราคาประกาศ มีอัตราการผลิตอยู่ที่ 80% ต่อวัน ระยะเวลาในการเลี้ยงจะอยู่ที่ 78 สัปดาห์ จึงจะทำการปลด โดยไก่ปลดจะจำหน่ายให้พ่อค้าทั่วไปในเขตราชบุรี นครปฐม สมุทรสาคร และกรุงเทพฯ ในราคา 30 กว่าบาท/กก. หรือขึ้นอยู่กับราคาประกาศ และภาวะตลาด
การให้อาหารไก่ไข่
เมื่อเลือกใช้ไก่ของเบทาโกรฯ แน่นอนว่าทางฟาร์มก็ต้องเลือกใช้อาหารของ บริษัท เบทาโกรฯ เช่นกัน โดยทางบริษัทฯ จะเป็นพาร์ทเนอร์ให้กับทางฟาร์ม คอยแนะนำเรื่องการบริหารคน และการบริหารจัดการฟาร์ม โดยนำความรู้หลักวิชาการมาถ่ายทอด และจัดอบรมพนักงานในฟาร์ม เพื่อให้ความรู้และมีความชำนาญมากยิ่งขึ้น
ทำให้ทางฟาร์มเกิดการพัฒนาและแข็งแกร่งขึ้นตามลำดับ ที่สำคัญการนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ ทั้งการให้อาหาร (Auto feed) การให้น้ำ การเก็บไข่ และการเก็บมูลไก่ โดยใช้ระบบและอุปกรณ์ของ บิ๊ก ดัชแมน (Big Dutchman)
“การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ เนื่องจากเล็งเห็นว่าอนาคตอาจประสบปัญหาด้านแรงงานในการทำฟาร์ม ทางฟาร์มจึงนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ เพื่อช่วยให้การจัดการหลายๆ อย่างง่ายขึ้น และลดการใช้แรงงาน” คุณอนุพงษ์กล่าวเสริมถึงการลดต้นทุนด้านแรงงาน
ส่วนอุปกรณ์ภายในฟาร์มจะใช้จากหลายบริษัท เพราะแต่ละโรงเรือนจะใช้อุปกรณ์ไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับโรงเรือนไหนใช้อุปกรณ์ของยี่ห้ออะไรก็จะใช้แบบเดิมตลอด เพราะสามารถซ่อมบำรุงได้ง่าย เช่น บิ๊กดัชแมน, บริษัท เค.เอส.พี. อุปกรณ์ จำกัด, บริษัท การุณบราเธอร์ส จำกัด, บริษัท พี.พี.เอฟ. โพลทริอิควิปเม็นท์ จำกัด, บริษัท ท็อปโปรดักส์ซัพพลาย จํากัด และบริษัท มุนเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
ความโดดเด่นของไข่ไก่
“ผมบริหารฟาร์มตั้งแต่จบมัธยม ตอนนั้นอายุ 18 ปี จนปัจจุบันอายุ 43 ปี หากถามว่าชอบไหม บอกได้เลยว่าชอบ เพราะเป็นอาชีพที่เราคลุกคลีมาตั้งแต่เด็ก และเป็นอาชีพที่พ่อ-แม่สร้างไว้” คุณอนุพงษ์แสดงความรู้สึกต่ออาชีพ เลี้ยงไก่ไข่ และกล่าวต่อว่า
“สมจิตฟาร์มมีความโดดเด่นในเรื่อง “ไข่ไก่” ลักษณะสีของเปลือกไข่ออกสีแดง มันวาว สวย เป็นที่ต้องการของลูกค้า ซึ่งก่อนหน้านั้นทางฟาร์มมีระบบลูกเล้า และจะรับไข่จากลูกเล้ามาจำหน่าย แต่ก็มีปัญหาเรื่องคุณภาพของไข่ เพราะลูกค้าจะทราบทันทีว่าไม่ใช่ไช่ของสมจิตฟาร์ม จึงกดราคา และที่สำคัญ คือ ระบายไข่ออกยาก เพราะไม่มีใครอยากได้ ทางฟาร์มจึงยกเลิกระบบฟาร์มลูกเล้าทั้งหมด และด้วยคุณภาพและสีของเปลือกไข่ที่แตกต่างกัน อาจเนื่องมาจากสายพันธุ์ อาหาร และการจัดการ รวมถึงรายละเอียด หรือเทคนิคของแต่ละฟาร์มที่ไม่เหมือนกัน”
การบริหารจัดการฟาร์มไก่ไข่ โดยการ เลี้ยงจระเข้
การบริหารฟาร์มในช่วงที่สภาวะไข่ราคาตกของสมจิตฟาร์ม หัวใจสำคัญ คือ การลดต้นทุน เนื่องจากเกษตรกรไม่สามารถควบคุมราคาสินค้าได้ แต่สิ่งที่ทำได้ คือ การวางเป้าหมายของผลผลิต และลดของเสีย ดังนั้นจึงต้องใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้คุ้มค่าที่สุด นั่นคือ การ เลี้ยงปลา นิล ปลาสวาย และปลาเบญจพรรณ โดยการนำมูลไก่ในฟาร์มไป เลี้ยงปลา นอกจากนี้ยัง เลี้ยงจระเข้ ในการช่วยจัดการของเสีย ซึ่งถือเป็นการลงทุนแบบหยอดกระปุกออมสิน ที่สำคัญของการผ่านช่วงราคาไข่ตกต่ำไปได้นั้น ทางสมจิตฟาร์มต้องบริหารจัดการให้ผลผลิตเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ จึงทำให้ได้ต้นทุนการผลิตที่ต่ำลง
สิ่งที่ทำให้ฟาร์มสามารถดำเนินธุรกิจอยู่ได้ถึง 30 ปี คือ การปรับตัวเรื่องลูกค้า การพัฒนา การปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างต้องสอดคล้องกัน และดำเนินไปพร้อมๆ กัน สิ่งสำคัญ คือ คุณภาพของสินค้า เป็นที่ยอมรับของลูกค้า และการประชาสัมพันธ์ทางสื่ออินเตอร์เน็ต ทั้งเว็ปไซด์ และเฟสบุ๊ค ที่ทำให้เกิดช่องทางในการติดต่อกับลูกค้าได้ง่ายขึ้น จึงทำให้ตลาดค่อนข้างแข็งแรง ถือว่าเป็นจุดเด่น และเป็นสิ่งที่ทำให้ฟาร์มดำเนินธุรกิจมาจนถึงปัจจุบัน
ด้านการตลาด…เน้นค้าปลีก
ตลาดโดยทั่วไปจะแบ่งออกเป็นไข่คัด 80% อีก 20% จะเป็นไข่คละ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าเก่า ที่ซื้อ-ขายกันมานาน และทางฟาร์มจะเน้นจำหน่ายไข่คัดเป็นหลัก เนื่องจากมีเครื่องคัดไข่จำนวน 3 เครื่อง ซึ่งมีอัตราการผลิต 45,000 ฟอง/ชั่วโมง
ตลาดส่วนใหญ่จะเป็นตลาดค้าปลีก ส่งจำหน่ายตลาดไท สมุทรสาคร ราชบุรี เขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล อีกส่วนหนึ่งจะส่งให้กับโรงงานทำขนม และโรงแรมต่างๆ
“กลยุทธ์ซื้อใจลูกค้า คือ เรื่องคุณภาพของสินค้า การบริการ และความเป็นกันเอง กับลูกค้า เพราะเราคิดว่าลูกค้า คือ ผู้มีพระคุณกับเรา เพราะฉะนั้นจะเน้นกับพนักงานเสมอว่าต้องบริการลูกค้าให้ดี หากมีปัญหาต้องรีบช่วยกันแก้ไขปัญหา และทำให้ลูกค้าเกิดความประทับใจ จะได้ค้าขายกันไปนานๆ”
การจำหน่ายไข่ทุกชนิด
อนาคตจะเน้นด้านการตลาดให้แข็งแรงและมีความหลากหลายมากขึ้น เพราะอนาคตมีการแข่งขันทางด้านตลาดค่อนข้างสูง ดังนั้นทางฟาร์มจะพัฒนาด้านตลาดให้มีความเข้มแข็ง จึงคิดจะขยายฟาร์มเพิ่ม และมองหาช่องทางการทำธุรกิจที่แตกต่างจากตลาดทั่วไป เพื่อสร้างจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อความมั่นคงของธุรกิจ ซึ่งเรื่องนี้คุณอนุพงษ์ให้ความคิดเห็นว่า
“ปัจจุบันพยายามศึกษาตลาดว่าจะมีช่องทางไหนที่ทำให้ไข่ไก่มีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งทางฟาร์มมีไข่เป็ด ไข่เค็ม และไข่เยี่ยวม้า ที่ได้จากฟาร์มเป็ดลูกเล้ามาส่งให้ และทำขึ้นเอง เพื่อให้เกิดความหลากหลายของสินค้า เมื่อลูกค้าเข้ามาซื้อไข่จะมีทุกอย่างที่ต้องการ”
ด้านการตลาดไข่ไก่
สำหรับแผนรองรับ AEC ทางฟาร์มมองว่าตลาดส่วนใหญ่เป็นตลาดในประเทศ และคุณภาพไข่มีความแตกต่าง เพราะไข่ของทางฟาร์มที่ส่งถึงมือลูกค้าเป็นไข่สดทุกวัน ไม่มีการสต็อกของ หากไข่จากต่างประเทศมาตีตลาดในประเทศจะต้องใช้ระยะเวลาในการขนส่ง ซึ่งคุณภาพไข่จะลดลง และคิดว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่เลือกบริโภคสินค้าที่มีความสด
ทางฟาร์มมีฐานลูกค้าค่อนข้างแข็งแรง และยังเดินหน้าหาฐานลูกค้าใหม่ๆ เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงของธุรกิจ สำหรับการขยายการเลี้ยง หากทางฟาร์มรับออเดอร์เพิ่ม แน่นอนว่าการผลิตก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งในส่วนนี้มีแผนรองรับเรียบร้อย
“อยากให้ทุกคนได้บริโภคไข่ที่มีคุณภาพ ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกันถือว่าไข่ไก่เป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงในราคาที่ถูกที่สุด ซึ่งอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมรณรงค์และผลักดันการบริโภคไข่ไก่ และเพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจไก่ไข่มีการเจริญเติบโต และเกษตรกรมีกำลังใจที่จะพัฒนาระบบการเลี้ยงต่อไป ซึ่งถ้าไข่มีราคาดี หรือไม่ดี ก็ขอให้เกษตรกรสามารถอยู่ได้แบบมีกำไรบ้าง” คุณอนุพงษ์กล่าวทิ้งท้าย เลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงไก่ไข่
สอบถามเพิ่มเติม “สมจิตฟาร์ม” คุณอนุพงษ์ พิพัฒน์วัชราภรณ์ เลขที่ 7 ม.7 ต.คลองนกกระทุง อ. บางเลน จ.นครปฐม เลี้ยงปลา เลี้ยงปลา
ผลิตภัณฑ์ไข่คุณภาพ เพื่อความสุขของคุณ