ว.ทวีฟาร์ม ฟาร์มหมูขุนอินทรีย์ ที่ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 34 ไร่ ตำบลบ้านเม็ง อำเภอหนองเรือ จังหวัดขอนแก่น ห้อมล้อมไปด้วยทิวสนและขุนเขา นิตยสารสัตว์บก จะพาทุกท่านไปรู้จักกับ “คุณวานิชย์ วันทวี” หรือ “คุณฟิวส์” เกษตรกรหนุ่มอายุ 37 ปี เจ้าของฟาร์มหมูอินทรีย์แห่งนี้ เลี้ยงหมูอินทรีย์
จุดเริ่มต้น เลี้ยงหมูอินทรีย์
เดิมคุณฟิวส์เคยทำงานอยู่โรงพยาบาลสัตว์ ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยสัตวแพทย์ในห้องผ่าตัด รักษาสัตว์ และเคยทำงานที่อุตสาหกรรมการผลิตสัตว์รายใหญ่ของประเทศ และเป็นคนชอบออกพื้นที่กับหน่วยงานรักษาสัตว์ ทำงานมาหลายที่เพื่อสะสมประสบการณ์ จนได้กลับมาทำฟาร์มที่บ้านเกิด
คุณฟิวส์ได้ให้เหตุผลที่มาทำฟาร์มว่า “อยากให้ปศุสัตว์ที่บ้านพัฒนา โดยตั้งใจจะทำเป็นฟาร์มต้นแบบให้คนในพื้นที่ได้เข้ามาศึกษาเรียนรู้ เพราะแต่ก่อนถ้าเราอยากดูฟาร์มต้นแบบต้องเดินทางไปเรียนรู้ถึงภาคกลาง ซึ่งเกษตรกรแถวชนบทอาจไม่มีต้นทุนมากพอสำหรับค่าเดินทาง และเนื่องจากตอนเรียนเคยได้ทุนไปศึกษาดูงานที่ประเทศเยอรมัน จึงอยากนำประสบการณ์ที่ได้กลับมาพัฒนาบ้านเกิด”
ตอนแรกที่ฟาร์มได้ทำเป็นแบบอุตสาหกรรมการผลิตสัตว์ คือ มีการผสมอาหารเอง มีการใช้วัคซีน ยาปฏิชีวนะ มีการรักษาเอง แล้วมีจุดเปลี่ยนหลังจากเกิดโรคระบาดปากและเท้าเปื่อย (FMD) และอีกหลายๆ โรคตามมา เนื่องจากต้นทุนค่าวัคซีน ยาปฏิชีวนะ ค่อนข้างสูง จึงได้เริ่มต้นหาวิธีเปลี่ยนแนวการเลี้ยงมาเลี้ยงแบบอินทรีย์
การพัฒนาสายพันธุ์หมู
เริ่มจากเลี้ยงหมูขุน 100 ตัว จากเลี้ยงขุนอย่างเดียวก็เริ่มซื้อแม่พันธุ์เข้ามา และพัฒนาสายพันธุ์เองมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันสายพันธุ์หมูที่เลี้ยงค่อนข้างเยอะ มีทั้งลาร์จไวท์ แลนด์เรซ เพียเทรน และเบิร์กเชียร์ “ถ้าเรานำจุดเด่นของแต่ละสายพันธุ์มา ข้อดี คือ จะให้เนื้อแดงดี แต่จะไม่ทนโรค เพราะหมูสายพันธุ์เหล่านี้มาจากต่างประเทศ ซึ่งไม่เหมาะกับสภาพอากาศบ้านเรา ทำให้เรายังต้องใช้วัคซีน และยาปฏิชีวนะอยู่
เราจึงมีความคิดที่ว่านำจุดด้อยของแต่ละสายพันธุ์มาผสมกัน เพื่อให้เกิดการมิวเทชั่น (Mutation) หรือการผ่าเหล่า แล้วนำลูกผ่าเหล่ามาผสมกัน ตอนนี้เราได้ลูกรุ่นที่ 3 ลูกที่ได้ก็จะแข็งแรงขึ้นตามลำดับ” คุณฟิวส์เผยถึงเหตุแห่งการพัฒนาสายพันธุ์
ช่วงแรกที่เริ่มเลี้ยงหมูอินทรีย์ หมูตายกว่า 70% ตอนนั้นท้อมาก หมดกำลังใจในการเลี้ยง แต่มีโอกาสไปศึกษาดูงานที่เชียงใหม่ มีคนบอกว่า “เราต้องหักดิบเลย ถ้าอยากเลี้ยงแบบอินทรีย์แท้ ถ้าเราค่อยๆ เปลี่ยนก็สามารถทำได้ แต่จะใช้เวลานาน อาจใช้เวลาถึง 10 ปี ถ้าหักดิบเลยใช้เวลาแค่ 3 ปี ถ้าถามว่าการเลี้ยงหมูอินทรีย์ของเราตอนนี้ดีแล้วหรือยัง คิดว่าดีแล้ว แต่เราก็จะมีการพัฒนาไปอีกเรื่อยๆ”
สภาพพื้นที่เลี้ยงหมู
ปัจจุบันมีหมูแม่พันธุ์ 30 ตัว และหมูขุน 200-300 ตัว เลี้ยงในระบบฟาร์มเปิด บนพื้นที่ 34 ไร่ ให้หมูวิ่งเล่นกันอิสระ และมีแปลงปลูกพืชอาหารสัตว์อีก 5 ไร่ มีทั้งข้าวโพด ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ข้าวฟ่าง มันหวาน มันญี่ปุ่น หญ้าเนเปียร์ หญ้ากินรี หญ้ารูซี่ ต้นกระถิน ต้นกล้วย ต้นแค และต้นขี้เหล็ก ซึ่งทั้งหมดนี้ปลูกไว้เป็นอาหารสัตว์ทั้งหมด และได้ศึกษาถึงโครงสร้างของอาหารว่าแต่ละชนิดให้โปรตีน และพลังงาน เท่าไหร่
ที่ฟาร์มจะผสมอาหารใช้เองทั้งหมด ส่วนการให้อาหารจะไม่ได้กำหนดว่าต้องให้กี่รอบต่อวัน แต่ขึ้นอยู่กับอาหาร ถ้าอาหารมีเยอะก็จะให้สองวันครั้ง ถามว่าอาหารจะเสียมั๊ย คุณฟิวส์ได้ให้เหตุผลว่า “ก็เสียนะครับ คือ เราอยากให้หมูได้กินอาหารเสีย เพราะเราเคยไปศึกษาชีวิตสัตว์ในป่าว่ากินอยู่ยังไง มีพฤติกรรมยังไง ทำไมถึงทนโรค ถ้าสัตว์รู้ว่าอาหารเน่าก็จะไม่กิน จะปล่อยให้จุลินทรีย์โดยธรรมชาติทำงานก่อนถึงกลับมากินใหม่ ทำให้สัตว์จะได้รับจุลินทรีย์ตามธรรมชาติเข้าไปในร่างกายเพื่อสร้างภูมิคุ้มกัน”
นอกจากหมูมีพื้นที่วิ่งเล่นอย่างอิสระแล้ว ถ้าดูจากผลลัพธ์ที่ได้ คือ หมูสุขภาพแข็งแรงขึ้น มีภูมิคุ้มกัน เพราะที่ฟาร์มไม่มีการใช้วัคซีน ยาปฏิชีวนะ หรือการรักษาใดๆ เลย มา 8 ปีแล้ว ใช้วิธีเลี้ยงแบบธรรมชาติ และให้สัตว์ได้ใช้ชีวิตแบบสัตว์ป่า ส่วนสัตว์ที่ป่วยหนักๆ จะปล่อยให้ตาย ไม่มีการใช้ยารักษา เพราะจากการศึกษาพบว่ายาฆ่าเชื้อนอกจากฆ่าเชื้อที่ไม่ดีแล้ว จะฆ่าเชื้อที่ดีในร่างกายอีกด้วย และการรักษาจะเป็นการก่อโรค
ระยะเวลาขุนใช้เวลา 1 ปีขึ้นไป มีน้ำหนัก 120-130 กิโลกรัม ส่งโรงเชือดที่ดอนโมง อำเภอหนองเรือ เป็นโรงเชือดที่ถูกกฎหมาย และได้รับรองมาตรฐานจากกรมปศุสัตว์
การแปรรูปหมู
ส่วนผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ฟาร์มทำในรูปแบบของ เนื้อสเต็ก บาร์บีคิวหมู ไส้แฮมเบอร์เกอร์ ไส้ย่าง หมูย่าง เนื้อแดดเดียว และหมูหวาน ตอนนี้ผลิตภัณฑ์แปรรูปจะขายออนไลน์อย่างเดียว การขนส่งถ้าเป็นของแห้งจะส่งตามไปรษณีย์ ถ้าของสดจะมีรถห้องเย็นเพื่อรักษาอุณหภูมิของสินค้าตลอดการขนส่งและส่งให้ถึงบ้าน ลูกค้าสามารถเลือกได้ด้วยว่าจะให้ส่งสินค้าให้แบบ chill คืออุณหภูมิอยู่ที่ 2-4 องศาเซลเซียส หรือแบบ Frozen อุณหภูมิอยู่ที่ -8 องศาเซลเซียส
การเปิดแหล่งท่องเที่ยวเชิงเรียนรู้
นอกจากนี้ที่ฟาร์มยังเปิดเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงให้ความรู้ สอนวิธีการเลี้ยงหมูในระบบ biodynamic และมีเสิร์ฟ country steak พร้อมกับไวน์ เพื่อให้ไวน์ช่วยขับรสชาติของเนื้อขึ้นมา ไม่ใช่กินเพื่ออร่อยอย่างเดียว แต่จะสอนถึงวัฒนธรรมการกินอีกด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายจะคิดเป็นกรุ๊ปและตามเนื้อหาที่ต้องการเรียนรู้ ใครที่มาเรียนรู้กลับไปสามารถทำฟาร์มหมูอินทรีย์ได้แน่นอน หากผู้อ่านท่านใดสนใจสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้เลย
เป้าหมายในอนาคต เลี้ยงหมูอินทรีย์
ส่วนเป้าหมายในอนาคตยังไม่มีแผนที่จะผลิตมากขึ้น เพราะอยากเน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ และพยายามที่จะเป็นต้นแบบให้เกษตรกรคนอื่นๆ ถ้ามีต้นแบบคนอื่นก็จะเดินตามง่ายขึ้น หาตลาดง่ายขึ้น อยากให้คนอื่นๆ ที่สนใจ หรือเด็กที่จบใหม่ทางด้านนี้ สามารถทำได้ และทำให้เป็นอาชีพที่ยั่งยืนได้
“จริงๆ แล้วการเลี้ยงหมูอินทรีย์เคยมีคนทำมานานแล้วหลายรุ่น แต่มีปัญหาทำให้ไม่ประสบความสำเร็จ อาจจะเพราะการเลี้ยงที่ยุ่งยาก ทำแล้วอาจจะมีความท้อใจ จึงอยากให้เกษตรกรที่อยากเลี้ยงหมูอินทรีย์ อดทน และหมั่นศึกษาเรียนรู้ตลอด ทุกคนอาจจะบอกว่าการเลี้ยงหมูอินทรีย์ต้องใช้ทุนมาก แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่ต้องใช้มาก คือ ความอดทน และความรู้ เราพร้อมที่จะให้คำแนะนำและความรู้ต่างๆ เพราะเราอยากให้เกษตรกรชาวไทยสามารถพัฒนาไปได้เรื่อยๆ สามารถเดินด้วยลำแข้งที่แข็งแรงและยั่งยืน” คุณฟิวส์ฝากข้อคิดเห็น
ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก คุณวานิชย์ วันทวี เจ้าของฟาร์มหมูอินทรีย์ ว.ทวีฟาร์ม
หากท่านใดสนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หรือผลิตภัณฑ์ของฟาร์ม สามารถติดต่อได้ที่ ว.ทวีฟาร์ม ที่อยู่ 255 หมู่ 8 บ้านหนองโน ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น โทร.062-919-5556, Facebook fanpage : ว.ทวีฟาร์ม
อ้างอิง : นิตยสารสัตว์บก ฉบับที่ 325