เมื่อเอ่ย เกาะไหหลำ หรือ ไหหนาน เป็นมณฑลของจีนขนาดเล็กที่สุดอยู่ทางใต้สุดของประเทศ เป็นเกาะใหญ่สุดในทะเลจีนใต้ โดยมี ช่องแคบ ฉยงโจว คั่นกลาง มี 4 จังหวัด 25 อำเภอ 218 ตำบล พื้นที่ 35,191 ตร.กม. ประชากรกว่า 10 ล้านคน เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษของจีนที่มีขนาดพื้นที่ใหญ่ที่สุด มีท่าการค้าเสรี นักท่องเที่ยวมากขึ้น ฤดูหนาวแต่อากาศอบอุ่น เมือง ซานย่า มีอ่าวทะเลสวยงาม พร้อมอาหารทะเล และผลไม้เมืองร้อน โดยเฉพาะ มะพร้าวน้ำหอม ที่ปลูกกันมานานบนเกาะไหหลำ เจ้าของสวนบางคนมองเห็นช่องทางการตลาดจากเมืองเศรษฐกิจพิเศษ จึงพัฒนามะพร้าวพร้อมๆ กับการเลี้ยงไก่เนื้อ พันธุ์เหวินชาง เช่น คุณฟู๋โหย๋ว ที่รับมรดกมาจากบรรพบุรุษ
ไทยพีบีเอส เปิดตัวเรื่องไก่เหวินชางในรายการ Spirit of Asia
ผู้สื่อข่าว ไทยพีบีเอส ได้เปิดตัวในรายการ Spirit of Asia โดยการสัมภาษณ์ในฟาร์ม เรื่องไก่เหวินชางว่า มันเป็นวัฒนธรรมอาหารเหวินชางของไหหลำที่ส่งผ่านรุ่นสู่รุ่น โดยเฉพาะวันแรกของปีใหม่ตามปฏิทินจันทรคติ มีการทำเมนูไก่เหวินชางเสิร์ฟญาติมิตรสหายที่มาเยี่ยมเยือน และ ไก่เหวินชาง เป็นเมนูที่เสิร์ฟได้ทุกงาน ทุกประเพณี ทุกงานเฉลิมฉลอง ไม่มีข้อยกเว้น จะเห็นไก่ต้มเหวินชางวางบนโต๊ะ และไก่เหวินชางก็วางขายทั่วทั้งเกาะ เพราะมันเป็นสัญลักษณ์แทน “มังกร” ในวัฒนธรรมจีน โดยเฉพาะช่วงตรุษจีนไก่ได้รับความนิยมมาก ใช้ไก่ทั้งตัว บ่งบอกถึงการอยู่กันพร้อมหน้าของครอบครัว “ไก่ที่นี่มีประวัติความเป็นมายาวนานกว่า 100 ปี ในไหหลำว่ากันว่าไม่สามารถมีงานฉลองใดๆหากขาดไก่ในงาน งานเลี้ยงฉลองอะไรก็ตามจะไม่สมบูรณ์ ถ้าไม่มีไก่” ฝู๋เจ่อฟา ให้ความเห็น
ทั้งพี่น้องอยู่ในวัยหนุ่ม-สาว 30 ปีเศษ เกิดและโตในหมู่บ้านโจวหนาน อำเภอหลงโหลว เกาะไหหลำ ไม่คิดจะย้ายไปไหน ปักหลักทำธุรกิจไก่ ตั้งแต่การเลี้ยงในฟาร์ม และเป็นเมนูหลักในร้านอาหารของตน โดยฝู๋เจ่อฟา น้องชาย เป็นพ่อครัว คุมเมนูในร้านอาหาร ส่วนพี่สาวคุมฟาร์มไก่เนื้อเป็นหลัก แบ่งงานกันทำชัดเจน
วิธีการเลี้ยงแบบธรรมชาติและการให้อาหารที่เหมาะสม
ไก่เหวินชาง เป็นไก่เนื้อพันธุ์พื้นเมือง ไม่ทราบว่ามีเลือดฝรั่งหรือไม่ แต่คนไหหลำเลี้ยงแบบธรรมชาติ ฝู๋เจ่อฟาบอกว่าใช้เวลาเลี้ยง 7 เดือน 4 เดือนแรก เลี้ยงปล่อยในสวนมะพร้าวน้ำหอม จิกกินหญ้า หนอน แมลง และเศษผัก เพราะอาหารเหล่านี้ได้กลิ่นอาย “ความเค็ม” จากน้ำทะเลและดิน มีแร่ธาตุสมบูรณ์ ไก่เหวินชางเป็นสายพันธุ์คุณภาพสูง เป็น 1 ใน 10 สายพันธุ์ดังของไหหลำ 4 เดือนแรกจึงเลี้ยงปล่อยอิสระ เพราะเป็นพันธุ์พื้นเมือง 100% แต่ 2 เดือนหลัง ต้องเลี้ยงใน กรงตับ เพื่อให้ไก่ได้กิน หัวอาหาร จาก 5 ธัญพืช ได้แก่ ข้าวเปลือก ข้าวโพด เปลือกถั่วลิสง รำข้าว และ เนื้อมะพร้าวแห้ง ทั้งหมดถูกปั่นและต้มที่ใช้ ไม้ฟืน เพื่อให้สุกเสมอ และได้ กลิ่นอ่อนๆ จากควันเข้าไปในเนื้ออาหาร ซึ่งไก่จะได้กินวันละมื้อ ที่ต้องเลี้ยงในกรงตับที่ยกพื้นและทำด้วยไม้ โดยไก่ไม่ต้องใช้พลังงานในการเดิน จะให้เนื้อแทรกไขมัน มีความนุ่ม และรสชาติเข้มข้น
เคล็ดลับการเลี้ยงให้นุ่มละมุนลิ้น
การเลี้ยงไก่ 6 เดือน 4 เดือนแรก ทางฟาร์มส่งลูกไก่ตัวผู้ให้ชาวบ้านไปเลี้ยงแบบธรรมชาติ อีก 2 เดือน ทางฟาร์มจะซื้อมาขุนเอง เป็นการแบ่งงานกันทำ และกระจายรายได้ให้ชาวบ้าน “2 เดือนสุดท้าย ไก่ที่อยู่ในกรง 2 เดือน ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน ทำให้ไก่เกิดชั้นไขมันบางๆ ใต้ผิวหนังตามที่ฟาร์มต้องการ ให้เนื้อไก่ติดมันหน่อยๆ มีความนุ่มละมุนลิ้น” คุณฝู๋เจ่อฟา เปิดเผย
ในด้านการตลาด ทางฟาร์มได้ตั้งราคาตามตลาด อย่าง ไก่รมควัน ตัวละ 200-300 หยวน แต่ถ้าไก่ในร้านอาหารราคาจะขึ้นลง
ทางฟาร์มไม่ได้ขาย ส่งขายเฉพาะหน้าร้าน และในร้านอาหาร เพราะจำนวนไก่ไม่พอ ดังนั้นวันธรรมดาเฉลี่ยวันละ 50 ตัว แต่วันหยุด 100 ตัว
สำหรับสวนมะพร้าวที่มีมะพร้าวต้นสูงๆ นอกจากน้ำและเนื้อจะขายเป็นรายได้แล้ว ต้นยังเป็น วินเบรก กำลังลมทะเลที่พัดแรงกระทบต่อฟาร์มไก่ได้ ซึ่งในอดีตที่นี่เป็น สวนยางพารา เป็นป่า ดังนั้นคุณพ่อและลูกๆ จึงตัดสินใจเลี้ยงไก่ 2 รูปแบบ (ปล่อยอิสระ 4 เดือน ในกรงตับ 2 เดือน) ไก่เหวินชาง จึงให้รสชาติหอม หวาน และมัน เป็นที่ต้องการของผู้บริโภคนั่นเอง
อ้างอิง : นิตยสารสัตว์บก ฉบับ 373
อ้างอิง : ขอขอบคุณเนื้อหาและภาพบางส่วนจาก (Thai PBS)