ความต้องการของตลาด กล้วยไข่ ทั้งในและต่างประเทศ
ในปัจจุบันนี้ กล้วยไข่ ได้รับความนิยมกันเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งใน และต่างประเทศ เป็นอย่างมาก โดย กล้วยไข่ นี้ถือว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ซึ่งทำรายได้อย่างมากมาย และข้อมูลจากสำนักงานเศรษฐกิจเกษตร รายงานว่ามีปริมาณการส่งออกกล้วยไข่ 15,000 ตัน รวมเป็นมูลค่า 100 ล้านบาท
ซึ่งกล้วยไข่นั้นมีลักษณะที่โดดเด่น คือ มีผลสวย และมีขนาดที่พอเหมาะ ซึ่งมีรสชาติที่ดี มีกลิ่นหอม ซึ่งในสมัยก่อนจนถึงปัจจุบันก็ยังนิยมรับประทานกล้วยไข่กับกระยาสารท ซึ่งกล้วยไข่นั้นยังอุดมไปด้วยวิตามิน C, E และต่อต้านอนุมูลอิสระ มีเบต้าแคโรทีน ซึ่งทำให้ทั้งคนไทย และคนต่างประเทศ นิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย
และในปัจจุบันกล้วยไข่เป็นสินค้าที่ส่งออกไปยังในประเทศต่างๆ อีกมากมาย อาทิเช่น ในประเทศสิงคโปร์ ญี่ปุ่น ฮ่องกง และประเทศจีน เป็นต้น ซึ่งกล้วยไข่นิยมปลูกกันมากในแถบจังหวัดกำแพงเพชร ตาก นครสวรรค์ และจังหวัดเพชรบุรี เป็นต้น ซึ่งจัดเป็นผลไม้เขตร้อน แต่ในปัจจุบันนี้ในหลายจังหวัดก็นิยม การปลูกกล้วยไข่ กันมากขึ้น
การปลูกพืชผสมผสาน ปลูกพริก กับกล้วยไข่
คุณอุรัย บุญก่อเกื้อ ซึ่งเป็นเกษตรกรผู้ปลูกกล้วยไข่ที่ ต.วังจันทร์ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง ที่เน้นการปลูกพืชแบบสวนผสม เผยว่า ในเขตวังจันทร์เมื่อ 80 ปีที่แล้วนั้น อำเภอวังจันทร์ยังเป็นป่ารกทึบอยู่เลยในสมัยนั้น ซึ่งต่อมาก็ได้ทำการถางป่าเพื่อปลูกเป็นสวนทุเรียน
ซึ่งในเวลาต่อมานั้นทุเรียนราคาตกต่ำ ทุเรียนหมอนทองอยู่ที่กิโลกรัมละ 18 บาท และทุเรียนพันธุ์ชะนีกิโลกรัมละ 3 บาท ต่อมาคุณป้าอุรัยเลยหันมาโค่นทุเรียนเพื่อใช้พื้นที่ในการปลูกยางพารา เพราะในช่วงนั้นยาพารามีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 120 บาท คุณอุรัยเผยอีกว่า ในยุคนั้นก็มีสมาชิกที่มารวมกันเป็นกลุ่มขายยางแผ่น แต่ส่วนใหญ่จะเป็นต่างคนต่างขาย เพราะการขายแบบรวมกลุ่มนั้นมักจะเกิดปัญหากันเป็นส่วนใหญ่
ในเวลาต่อมายางเริ่มมีราคาตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 20 บาท จึงได้ตัดสินใจเป็นครั้งที่ 2 โค่นยาพาราทิ้ง และตัดสินใจกลับมาปลูกทุเรียนอีกครั้ง นั่นเพราะทุเรียนนั้นมีราคาที่สูง จึงตัดสินใจทำอีกครั้ง หันมาทำพืชสวนผสมจนถึงปัจจุบันนี้ โดยการปลูก กล้วยไข่ ซึ่งในยุคนั้นในอำเภอวังจันทร์นั้นไม่มีพันธุ์กล้วยไข่ขาย จึงต้องไปซื้อพันธุ์จากแก่งหางแมว ซึ่งขายหน่อกล้วยอยู่ที่ราคาหน่อละ 10 บาท
คุณอุรัยเผยว่าภายในสวนนั้นก็ได้ปลูกพืชอย่างอื่นแซมกับกล้วยไข่ เช่น ขนุน ส้ม ทุเรียน และ ปลูกพริก เป็นต้น ซึ่งการทำพืชสวนผสมแบบนี้ก็จะทำให้ผลผลิตออกมาไม่พร้อมกัน ซึ่งส่งผลให้คุณอุรัยมีรายได้กับผลผลิตอื่นๆ อย่างเช่น ปลูกพริก
การ ปลูกพริก ก็จะเก็บผลผลิตทุกวัน ซึ่งขายได้ราคาดีเป็นอย่างมาก ตกอยู่กิโลกรัมละ 100 บาท และมีรายได้ตกวันละหลายพันบาท แต่ถ้าในช่วงเดือนเมษายนราคาพริกก็จะสูงขึ้นถึงกิโลกรัมละ 150 บาท แล้วแต่ในบางช่วง ซึ่งทำให้มีรายได้เสริมในตอนที่ผลผลิตอย่างอื่นยังไม่ออกผลผลิต
ข้อดีของ การปลูกกล้วยไข่
คุณป้าอุรัยเผยว่าข้อดีของการปลูกกล้วยก็คือ กล้วยไข่ปลูกง่าย ไห้ผลผลิตดี ขายง่าย และมีราคาดี ซึ่งในตอนนี้ทางสวนยังไม่เน้นการส่งออกนอก เพราะการส่งออกนอกจะต้องละเอียดมาก ไม่ว่าจะเป็นความสวย ผิวดี ทางสวนจึงไม่เน้นการส่งออกนอก แต่จะเน้นการบริโภคภายในประเทศเท่านั้น
ซึ่งพื้นที่ การปลูกกล้วยไข่ ของคุณอุรัยนั้นมีพื้นที่การปลูกทั้งหมด 100 ไร่ และมีหลายแปลง แต่ในแปลงที่ทีมงานเมืองไม้ผลได้ลงไปนั้นมีเนื้อที่ 11 ไร่ 1 งาน ซึ่ง การปลูกกล้วยไข่ ทั้งหมดในไร่ที่ได้ลงไปดู ซึ่งปลูกอยู่หลายที่ และทำสวนแบบเดียวเกือบทั้งหมด
การให้น้ำด้วยระบบสปริงเกลอร์
อีกทั้งทางสวนยังมีการวางระบบน้ำเองด้วยระบบสปริงเกลอร์ทั้งหมด ซึ่งมีแหล่งน้ำจากการขุดสระไว้ และยังได้ให้ที่ดินแก่หลวงเพื่อนำไปทำเป็นฝายชลประทานภายในหมู่บ้าน จึงทำให้มีน้ำใช้อยู่ตลอดปี
- สภาพดินที่นี่จะเป็นลักษณะดินร่วนปนทราย มีอินทรียวัตถุในดินน้อย ซึ่งลักษณะดินแบบนี้จะปลูกพืชได้บางอย่างเท่านั้น
- การดูแลก็จะใช้ปุ๋ยขี้วัวและปุ๋ยเคมีผสมให้เข้ากัน โรยรอบๆ หลุมก่อนปลูกกล้วยไข่ทุกครั้งที่จะปลูก
นอกจากนี้อยากฝากถึงเกษตรกรว่าการปลูกพืชอะไรซักอย่างนั้นต้องมีความขยันหมั่นเพียร และดูแลเอาใจใส่ มีคนงานที่พร้อม มีปุ๋ยที่ดี และมีแหล่งน้ำ เป็นสิ่งสำคัญอย่างมากในการทำสวน เพราะถ้าขาดอย่างใดอย่างหนึ่งผลผลิตก็เสียหายทันทีเลย
สอบถามเพิ่มเติม คุณอุรัย บุญก่อเกื้อ ที่อยู่ 68/12 ม.1 ต.วังจันทร์ อ.วังจันทร์ จ.ระยอง 21210 โทร.087-141-3512, 080-825-1741
