เป็นที่ทราบกันดีว่า “กล้วยๆ” มีประโยชน์มากมาย โดยเฉพาะประเทศไทยเป็นประเทศเขตร้อนชื้น ซึ่งกล้วยสามารถเจริญเติบโตได้ดี ฉะนั้นในประเทศไทยจึงมีพันธุ์กล้วยที่ปลูกในประเทศไทยมากกว่า 197 สายพันธุ์ ทั้งทานได้ ทานไม่ได้ และกล้วยสวยงามประเภทประดับ การปลูกกล้วยน้ําว้า
สภาพพื้นที่ปลูกกล้วยน้ำว้าแซมในสวนปาล์มน้ำมัน
การปลูกกล้วยนั้นว่ากันว่าปัญหาไม่เยอะ การดูแลไม่ยาก ที่สำคัญกล้วย 1 ต้นสามารถขายได้แทบจะทุกส่วน ตั้งแต่ต้น ราก ใบ ผล ที่แปรเปลี่ยนเป็นเงินได้ทั้งหมด และทำให้ คุณวรรณภร กิตินันท์ประกร มองเห็นมูลค่าของการปลูกกล้วยแซมในสวนปาล์มน้ำมัน เป็นพืชแซมที่สร้างรายได้ และมองว่า “กล้วยนั้นสร้างรายได้หมุนเวียนที่ดีที่สุด”
การปลูกกล้วยน้ําว้า
บนพื้นที่ 25 ไร่ ของคุณนก จะมีการปลูกปาล์มไว้ประมาณ 400 ต้น โดยการปลูกกล้วย “น้ำว้าขาวนวล” แซมในร่องปาล์มในจำนวนที่ใกล้เคียงกัน คือ ประมาณ 400 ต้น มีต้นทุนเฉลี่ยเท่ากับ 1,669 บาท/ไร่/ปี ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 7,064 บาท/ไร่/ปี ถือว่าเป็นตัวเลขที่ได้กำไรมากกว่า 6-7 เท่าตัวทีเดียว อีกทั้งกล้วยจะให้ผลตอบแทนได้ทุกอาทิตย์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อยู่ที่การเลือกสายพันธุ์ที่จะนำมาปลูกด้วยว่าจะตอบสนองความต้องการของตลาดได้มากน้อยแค่ไหน
ลักษณะเด่นของกล้วยน้ำว้า
เนื่องจากวิวัฒนาการของกล้วยเมื่อเจริญเติบโตเต็มที่ หัวจะสร้างใบสุดท้าย ที่เรียกว่า “ใบธง” จากนั้นจะหยุดสร้างใบใหม่ และเริ่มสร้างช่อดอก ลำต้นที่มีช่อดอกอ่อนบรรจุอยู่จะพัฒนาขึ้นภายในลำต้น จนในที่สุดมันก็โผล่ออกที่ด้านบนลำต้น แต่ละลำต้นจะสร้างช่อดอกเพียงช่อเดียว ซึ่งรู้จักกันว่า “ปลี” ดอกตัวเมีย (ที่สามารถเจริญเป็นผลได้) จะอยู่ในช่อดอกย่อยที่บริเวณโคนปลี (ใกล้กับใบ) ดอกตัวผู้จะอยู่ที่ปลายปลี หรือส่วนที่เรียกว่า “หัวปลี”
ส่วนรังไข่จะอยู่ต่ำกว่า ซึ่งหมายความว่ากลีบดอกขนาดเล็ก และส่วนอื่นๆ ของดอกจะอยู่ในปลายรังไข่หลังให้ผล ลำต้นด้านบนจะตายลง แต่หน่อจะพัฒนาขึ้นจากตาที่หัว ส่งผลให้กล้วยเป็นพืชหลายปี หากเกิดขึ้นหลายหน่อพร้อมกันจะเรียกว่า“การแตกกอ”ในระบบการเพาะปลูก จะอนุญาตให้เจริญเติบโตเพียงหน่อเดียวเท่านั้นเพื่อให้ง่ายต่อการจัดสรรพื้นที่
ผลกล้วยจะพัฒนาจากดอกเพศเมีย กลุ่มของดอกเพศเมีย 1 กลุ่ม เจริญเป็นผล เรียกว่า “หวี” ซึ่งหวีหนึ่งๆ มีผลกล้วยประมาณ 20 ผล กลุ่มหวีบนช่อดอกเจริญเป็น “เครือ“ ผลของกล้วยมีการเจริญเติบโตได้ โดยไม่ต้องผสมพันธุ์ จึงทำให้กล้วยส่วนใหญ่ไม่มีเมล็ด ซึ่งตลาดในประเทศไทยจะคุ้นเคยกับการบริโภคกล้วย เนื่องจากเป็นผลไม้ที่ทานง่าย คุณค่าทางสารอาหารเยอะ โดยเฉพาะในกลุ่มกล้วยน้ำว้าที่ถือว่ามีความต้องการในตลาดสูงที่สูด
การปลูกกล้วยน้ำว้า แซมในสวนปาล์มน้ำมัน
แนวทางการปลูกกล้วยในเชิงธุรกิจ หรือทำเป็นอาชีพเสริมนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก วิธีการปลูกที่สำคัญๆ ก็เริ่มจากการเตรียมพื้นที่ปลูก (หลุมปลูก) ที่ควรมีการกำจัดวัชพืชโดยรอบก่อนลงมือปลูก จากนั้นถ้าเป็นการปลูกแซมในพื้นที่กรณีนี้ คือ อยู่ระหว่างต้นปาล์ม ก็หาระยะกึ่งกลางระหว่างต้นปาล์ม แต่ละหลุมที่ปลูกนั้นควรมีขนาด 60x60x60 ซม. ในเบื้องต้นอาจจะมีการกลบ หรือโรยด้วยดินให้สูงขึ้นมาจากหลุมเล็กน้อย เมื่อนำต้นพันธุ์ลงปลูกควรกลบดินให้ต่ำกว่าผิวดินประมาณ 10 ซม. สำหรับให้มีน้ำขังบ้างในระยะเริ่มแรก
การบำรุงดูแลกล้วยน้ำว้า
การดูแลรักษา ถ้าเป็นกล้วยน้ำว้าที่ปลูกในช่วงฤดูฝนไม่จำเป็นต้องให้น้ำแต่อย่างใด แต่หากเข้าช่วงฤดูแล้งอาจจำเป็นต้องให้น้ำช่วยบ้าง แต่ในพื้นที่ของคุณนกนี้เป็นท้องร่องที่มีน้ำตลอดเวลา ถือว่าเป็นความได้เปรียบในเรื่องพื้นที่ที่ดีอย่างมาก
การดูแลระหว่างกล้วยกับปาล์มก็สามารถทำควบคู่กันได้ เมื่อให้น้ำหรือปุ๋ยแก่ต้นปาล์ม ต้นกล้วยก็จะได้รับสารอาหารเหล่านั้นไปด้วย ถือเป็นการดูแลรักษาทางเดียวที่ให้ผลได้ถึง 2 ต่อ และต้นกล้วยเองก็ไม่มีอิทธิพลกับการเจริญเติบโตของปาล์ม เนื่องจากลักษณะต้นไม่สูงเกินไป ถ้าเป็นปาล์มที่อายุหลายปีแล้วก็จะสูงเกินกว่าต้นกล้วยเป็นธรรมดา หมดปัญหาเรื่องการบดบังแสง ผลผลิตของปาล์มก็ไม่มีลดน้อยถอยไป
ที่สำคัญการเป็นกล้วยในสวนปาล์ม ต้นกล้วยยังได้ประโยชน์ในเรื่องของ “การบังลม” อันเป็นปัญหาประการหนึ่งของสวนกล้วยที่ปลูกแบบเดี่ยวๆ ในกรณีนี้ทั้งผลกล้วย ใบกล้วย จะมีความสมบูรณ์มาก เนื่องจากการบังลมของต้นปาล์มดังกล่าว
แต่เรื่องที่คนปลูกกล้วยจะต้องเรียนรู้กันเอาไว้ก็คือ เรื่องการตัดต้น และการไว้หน่อ เพราะการไว้หน่อจะไว้หน่อเพื่อให้เจริญเติบโตเป็นต้น ซึ่งกล้วย 1 กอ หรือ 1 หลุม ให้ไว้หน่อ หรือต้น 4-5 ต้น เท่านั้น ด้วยวิธี ดังนี้
- หน่อแรกที่ขึ้นหลังจากการปลูกต้นแรกให้ปล่อยไว้ไม่ตัด
- หน่อที่ขึ้นต่อมาในระยะ 2-3 เดือนแรก หลังจากการปล่อยหน่อแรกให้ตัดทิ้ง
- เมื่อหน่อแรกอายุครบ 3 เดือน ให้ปล่อยหน่อที่ 2 ขึ้น ส่วนหน่ออื่นๆ ตัดทิ้ง
- ทำในลักษณะเดียวกัน ซึ่งจะได้หน่อ และต้น ทั้งหมดใน 1 กอ ประมาณ 4-5 ต้น จนถึงการตัดเครือกล้วยจากต้นแรก ซึ่งจะทำให้มีหน่อ หรือต้น เหลือ 3-4 ต้น/กอ
การป้องกันและกำจัด โรคและแมลง
ส่วนโรคและแมลงไม่มีอะไรต้องระวังมากนัก จะมีก็แต่ “หนอนกอ” ที่เกษตรกรมักจะมองไม่เห็น ตรวจสอบได้ยาก เพราะบางครั้งกว่าจะหาเจอก็เจาะพรุนทำลายด้านในไปทั้งกอกล้วย เป็นปัญหากวนใจในระดับหนึ่ง แต่ก็มีวิธีการที่พอจะบรรเทาเรื่องนี้ได้บ้าง นั่นคือ การตกแต่งทำความสะอาดบริเวณกอกล้วยไม่ให้กลายเป็นที่เพาะขยายพันธุ์ของแมลงศัตรูพืช
โดยหมั่นตกแต่งทำความสะอาดต้นกล้วยให้ดูโล่งๆ สะอาดๆ อยู่เสมอ หมั่นตัดใบที่แห้ง ทำลายกาบใบที่เปื่อยยุ่ยให้เรียบร้อย หรือตัดไปคลุมดินบ้าง เพราะโดยธรรมชาติแล้วต้นกล้วยจะมีวิธีป้องกันตัวเองจากแมลงด้วยยาง หรือสารเหนียวที่มีในกาบกล้วย แต่ถ้ามีภาวะของการระบาดมากๆ การป้องกันตามธรรมชาติที่ว่าก็ไม่ได้ผล จำเป็นที่เกษตรกรต้องช่วยเหลือทางใดทางหนึ่งเช่นกัน
รายได้จากการขายกล้วยน้ำว้า และปาล์มน้ำมัน
รายได้ที่เกิดจากการขายกล้วยนั้น ปัจจุบันคุณนกบอกว่าเน้นขายเฉพาะผลเพียงอย่างเดียว ส่วนอื่นๆ ของกล้วยนั้น ไม่ว่าจะเป็นใบ ต้น ไม่ได้ตัดจำหน่าย กล้วยที่ปลูกนี้จะเริ่มให้ผลตอบแทนเมื่อระยะเวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี ซึ่งในส่วนการปลูกปาล์มจะเริ่มให้ผลตอบแทนครั้งแรกเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 3 ปี แต่พอเริ่มขายปาล์มก็จะมีรายได้ทุกๆ 15 วันโดยประมาณ
ดังนั้นในระหว่างที่ปาล์มยังไม่ให้ผลผลิต การปลูกกล้วยจึงเป็นรายได้เสริมที่ดีมาก เพราะหลังจากที่เริ่มให้ผลผลิตก็สามารถมีรายได้ต่อเนื่องทุกอาทิตย์ ราคาจำหน่ายโดยทั่วไปอยู่ที่ 15-18 บาท/เครือ การแบ่งเกรดก็จะแยกเป็นเกรดสวย เกรดกลาง เกรดเล็ก และกล้วยนก ในการตั้งราคาการซื้อกล้วยก็ดูจากทรงกล้วยในแต่ละเครือ ถ้าเครือใดมีหวีบนตั้งแต่ 18 ลูกขึ้นไป ราคาจะสูงถึงประมาณ 18 บาท แล้วก็จะลดหลั่นกันลงมาจนถึงเกรดกลาง ราคาประมาณ 10 บาท เกรดเล็กราคา 6 บาท
การตัดกล้วยในแต่ละสัปดาห์จำนวน 400 กว่าต้น สามารถตัดได้ประมาณ 200-400 หวี ที่ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของกล้วยในช่วงเวลานั้นๆ คุณนกบอกว่ากล้วยจะให้ผลผลิตดีที่สุดก็ประมาณรุ่นที่ 3 และ 4 ในครั้งแรกอาจจะได้น้อยบ้าง ราคาไม่สูงนัก แต่การปลูกกล้วยก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนพันธุ์ในการปลูกใหม่ อยู่ที่การบริหารจัดการกอมากกว่าว่าจะเก็บรักษาอย่างไรโดยส่วนใหญ่จะเอาไว้จนถึงประมาณ 5-6 ปี ก็จะล้างกอสักครั้ง เพื่อให้ผลผลิตดีขึ้นกว่าเดิม รายได้ที่มาจากการขายกล้วยในปัจจุบันนั้นไม่ต่ำกว่า 15,000-20,000 บาท/สัปดาห์ อยู่ที่จังหวะและความต้องการของตลาดเป็นสำคัญด้วย
ถึงอย่างไรก็ดีการปลูกกล้วยก็ยังนับเป็นรายได้เสริมที่ดีมากๆ เมื่อรวมกับผลผลิตจากปาล์มที่มีรายได้ทุก 15 วัน หลังจากผ่านไปแล้ว 3 ปี ด้วยเหตุนี้แนวทางของการปลูกพืชแบบผสมผสานจึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่จะทำให้เกษตรกรมีรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง ถือเป็นแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงที่สำคัญ และเหมาะสมกับยุคเศรษฐกิจปัจจุบัน ที่เกษตรกรหลายคนควรศึกษาแนวทางนี้อย่างจริงจัง รับรองได้ว่าประโยชน์ที่ตามมานั้นมหาศาลอย่างแน่นอน
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ วรรณภร กิตินันท์ประกร 5/1 ถ.เทศบาล 2 ต.หนองแค อ.หนองแค จ.สระบุรี 18140 โทร.09-3932-2938