การทำธุรกิจด้านการเกษตรใดๆ ก็ตามในยุคสมัยนี้ การที่จะทำให้ “เจ๊ง” นั้นทำไม่ยาก แต่หากว่าจะทำให้ประสบความสำเร็จ และเป็นที่ติดตามนั้น มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย การทำ กิ่งพันธุ์ทุเรียน เพื่อจำหน่ายก็เช่นเดียวกัน ต้องอาศัยความรู้ ความชำนาญ บวกกับการลงมือปฏิบัติ การดูแลเอาใจใส่อย่างดี เพื่อให้ได้มาซึ่ง กิ่งพันธุ์ทุเรียน ที่ดี มีคุณภาพ พร้อมสำหรับการนำไปปลูกเพื่อผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ ออกสู่ท้องตลาด กิ่งพันธุ์ทุเรียน
การผลิต กิ่งพันธุ์ทุเรียน
เช่นเดียวกับ สวนลุงหมูป้าตุ้ยพันธุ์ไม้ ที่มี คุณประจวบ ละอออ่อน หรือป้าตุ้ย และคุณวินัย ละอออ่อน หรือลุงหมู เป็นเจ้าของสวน ป้าตุ้ยยอมรับกับทีมงานนิตยสารว่า เดิมทีตนเองเป็นเกษตรกรที่ย้ายถิ่นฐานมาจากจังหวัดนครสวรรค์ โดยมาตั้งถิ่นฐานใหม่กับพ่อและแม่ที่จันทบุรีเมื่อหลายสิบปีก่อน และได้พบรักและสมรสกับลุงหมู
ซึ่งเดิมทีก็เป็นคนจังหวัดสมุทรปราการ ย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี ทั้งสองต่างก็มีอาชีพทำไร่ ทำสวน ต่อมาลุงหมูมีที่ดินบรรพบุรุษอยู่ 4 ไร่ จึงปลูกผลไม้เศรษฐกิจ อย่าง ทุเรียน มังคุด และลองกอง ขายให้กับตลาด
แรกเริ่ม จากชาวสวนสู่ นักธุรกิจเกษตร
โดยจะมีพ่อค้ามารับซื้อผลผลิตถึงหน้าสวน ได้เงินมาหมุนเวียนในครัวเรือน ถึงแม้การผลิตผลไม้ตามฤดูกาลขายจะสามารถเลี้ยงดูแลครอบครัวได้ แต่ก็เหมือนกันชีวิตที่วนเวียนอยู่ในกรอบของการกู้เงินจากธนาคารมาหมุน เมื่อขายผลผลิตได้ก็นำเงินไปปิด แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงบำรุงผลผลิตก็จำเป็นต้องกู้เงินต่อ ด้วยเหตุนี้ป้าตุ้ยจึงอยากลองหารายได้เสริมหาเงินเพิ่มขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อการเลี้ยงดูครอบครัว และสามารถส่งลูกๆ เรียนสูงๆ ได้
การผลิตกล้าพันธุ์ไม้
แต่เนื่องด้วยตนเองเป็นเกษตรกรชาวสวน ความรู้ก็ไม่ได้มีมากนัก มีเพียงความรู้ด้านการทำเกษตร การผลิตต้นกล้าพันธุ์ไม้ต่างๆ ประจวบกับตนเองเคยซื้อกล้าพันธุ์ไม้มาปลูกแล้วคุณภาพไม่ดี ตนจึงคิดว่าหากมีโอกาสได้ผลิตกิ่งพันธุ์จำหน่ายก็จะทำให้ดี มีคุณภาพ เพราะเรารู้ว่าเกษตรกรต้องการพันธุ์ไม้อย่างไร
เมื่อมีโอกาสลุงหมูและป้าตุ้ยจึงหันมาทดลองผลิตกล้าพันธุ์ไม้จำหน่ายจากจำนวนน้อยๆ ก่อน ใช้พื้นที่ในสวนผลไม้แบ่งเป็นแปลงเพาะ และเมื่อต้นกล้าแข็งแรงพร้อมจำหน่าย จึงเอามาขายที่ตึกแถว ห้องเช่า บริเวณตลาดห้วยสะท้อน
การเพาะขยายพันธุ์ไม้
ในช่วงแรกพันธุ์ไม้ของลุงหมูและป้าตุ้ยขายได้ค่อนข้างดี เนื่องจากเป็นต้นกล้าที่มีคุณภาพ แข็งแรง ตรงตามสายพันธุ์ จนทำให้จำนวนต้นกล้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ และผลิตไม่ทัน แต่กระนั้นลุงหมูและป้าตุ้ยก็ไม่คิดที่จะจ้างคนงาน เพราะต้องการลดต้นทุนให้มากที่สุด โดยใช้ลูกสาวและลูกชายเป็นคนช่วยเพาะขยายพันธุ์ไม้ แต่ก็ไม่ได้ใช้งานเปล่า ซึ่งป้าตุ้ยจะจ้างลูกๆ ทั้งสองคนช่วยกรอกดินในถุง โดยจ่ายค่าจ้างให้ถุงละ 1 บาท เพื่อเป็นการสอนให้เด็กๆ รู้จักการทำงาน ให้รู้คุณค่าของเงิน และการใช้เงิน เป็นการสอนทำอาชีพตั้งแต่อายุยังน้อย
ธุรกิจพันธุ์ไม้ของลุงหมูและป้าตุ้ยเจริญเติบโตเป็นอย่างมาก มีลูกค้าเข้ามาสั่งจองกล้าไม้เป็นจำนวนมาก จนกระทั่งพื้นที่การเพาะต้นกล้าเริ่มคับแคบลง ลุงหมูและป้าตุ้ยจึงมีความคิดที่ต้องการขยายพื้นที่แปลงเพาะ จึงเริ่มเก็บเงิน อดออม ประหยัดทุกทาง เพื่อให้ได้เงินนำมาซื้อที่ดิน ประจวบกับมีคนมาขายที่ดินใน อ.แก่งหางแมว ในราคาถูกเพียงไร่ละ 20,000 บาท จำนวน 30 ไร่ ลุงหมูและป้าตุ้ยจึงตัดสินใจซื้อที่ดินผืนนั้นทันที ด้วยเงินจากการขายพันธุ์ไม้ทั้งหมด เพื่อนำที่ดินมาทำแปลงเพาะพันธุ์ไม้ให้เป็นอาณาจักรพันธุ์ทุเรียนของลุงหมูและป้าตุ้ย และเปิดซื้อขายต้นไม้ภายในสวนเลย
สภาพพื้นที่ปลูกพันธุ์ไม้ และต้นกล้าทุเรียน
แต่เนื่องจากที่ดินเป็นที่ลุ่ม น้ำท่วมขัง ลุงหมูจึงต้องปรับพื้นที่ทั้งหมด โดยการขุดบ่อดินทั้งหมด 4 บ่อใหญ่ และนำดินมาถมที่ให้สูง เป็นการลดต้นทุนการซื้อดินมาถม และยังได้บ่อเก็บกักน้ำอีกด้วย จากนั้นจึงเริ่มแบ่งพื้นที่แปลงเพาะออกเป็นหลายๆ แปลง โดยแบ่งตามช่วงอายุของต้นพืช ตั้งแต่อนุบาลจนถึงเปิดขายได้
สวนลุงหมูและป้าตุ้ยส่วนใหญ่จะเน้นกล้าพันธุ์ทุเรียนเป็นหลัก มีทั้งหมอนทอง ชะนี ก้านยาว ฯลฯ เนื่องจากเป็นพันธุ์ไม้ที่ลุงหมูและป้าตุ้ยถนัด และตลาดมีความต้องการสูง โดยทางสวนจะเริ่มต้นโดยการสั่งซื้อเมล็ดทุเรียนคุณภาพจากทางภาคใต้ จากนั้นนำมาเพาะ เมื่อต้นกล้าแข็งแรงจึงทำการหายอดพันธุ์ที่ต้องการมาเสียบยอดกับต้นกล้าทุเรียนพื้นบ้าน ซึ่งจะทำให้ต้นพันธุ์แข็งแรงมากขึ้น มีคุณภาพ และที่สำคัญ คือ จะไม่กลายพันธุ์ โดยลุงหมูจะให้คนงานมืออาชีพที่มีความชำนาญในการเสียบกิ่งทุเรียนเป็นคนเสียบให้ เพื่อคุณภาพของกิ่งพันธุ์ที่ดีที่สุด
การผลิตต้นกล้าทุเรียน และพันธุ์ไม้
เมื่อเสียบยอดทุเรียนแล้วจะนำต้นกล้ามาดูแลในแปลงอนุบาล ซึ่งทั้งลุงหมูและป้าตุ้ยจะให้ความสำคัญกับการดูแลต้นกล้าทุเรียน และพันธุ์ไม้ ในสวนทุกชนิดในทุกๆ วัน จะต้องเดินดูแปลง ดูต้นไม้ ทุกต้น
“ตอนที่เราทำสวนทุเรียน เวลาที่เราซื้อต้นพันธุ์มาปลูกแล้วมันตายบ่อยๆ เข้า เราก็คิดว่าถ้าวันหนึ่งมีโอกาสทำกล้าพันธุ์ขาย เราจะทำให้ดี เพราะเรารู้ว่าเกษตรกรชาวสวนเค้าอยากได้ต้นกล้ายังไง แข็งแรงยังไง ลงปลูกแล้วต้องไม่ตาย ต้นต้องสูงใหญ่ให้ได้คุณภาพ พอเรามีโอกาสมาทำอาชีพนี้ เราก็ต้องทำอย่างที่ตั้งใจไว้ คือ ต้นกล้าของเราจะต้องมีคุณภาพ ดังนั้นเวลาที่เราปลูก เราเพาะขยายพันธุ์ จะใช้คนงานดูแลอย่างเดียวไม่ได้ ต้องเดินดูแปลงด้วย เพราะบางทีถ้าเราไม่เดินเข้าสวนทุกวัน ถ้ามันเกิดโรคแล้วเราไม่เห็น มันจะลามเร็วมาก พอมารู้ตัวอีกทีก็เอาไม่อยู่แล้ว ต้องทิ้งต้นไม้นั้นๆ ไป ดังนั้นทางที่ดีที่สุด คือ เราต้องเดินตรวจต้นไม้ทุกวัน ถ้าเราเจอว่าต้นไม้เราติดโรคก็จะได้แยกออกมาได้ทัน อีกอย่างการเดินตรวจสวนเป็นการดูแลทีมงาน และการอออกกำลังกายไปในตัวด้วย ได้ทั้งสุขภาพ ได้ทั้งดูแลทีมงาน และต้นไม้” ลุงหมูและป้าตุ้ยร่วมกล่าวถึงความตั้งใจ และการเอาใจใส่ในการผลิตกิ่งพันธุ์ไม้
การบริหารจัดการโรงเรือน
นอกจากเรื่องคุณภาพของกิ่งพันธุ์แล้ว ที่ลุงหมูและป้าตุ้ยให้ความสำคัญเรื่องของระบบแปลงเพาะ การดูแล โรงเรือน ต่างๆ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากการจัดการแปลงเพาะไม่ได้คุณภาพของต้นกล้าที่ออกมาก็จะไม่มีคุณภาพตาม
ในการสร้างโรงเรือน ลุงหมูและป้าตุ้ยจะเน้นการสร้างเป็นโรงเรือนเปิด และใช้แสลนกันแดดเพื่อให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก จะไม่เน้นการใช้สารเคมีในแปลงเพาะเด็ดขาดโดยเฉพาะยาฆ่าหญ้า เนื่องจากจะเกิดการสะสมในดิน เกิดเชื้อโรค และทำให้ต้นพืชติดโรคได้ง่าย อีกทั้งการใช้ยาฆ่าหญ้าฉีดพ่นบริเวณแปลงจะทำให้ต้นกล้าที่อยู่ในแปลงเพาะได้รับสารเคมีไปด้วย และตายลงในที่สุด
ด้านตลาดพันธุ์ไม้
ด้วยเทคนิคการผลิตพันธุ์ไม้ให้ได้คุณภาพของทางสวน จึงทำให้สวนแห่งนี้มีลูกค้า ทั้งหน้าเก่า และหน้าใหม่ เข้ามาติดต่อขอซื้อกล้าไม้เป็นประจำ ทำให้ลุงหมูและป้าตุ้ยมีรายได้สามารถส่งเสียลูกเรียนปริญญาได้อย่างสบาย จนลูกๆ ทุกคนเรียนจบ และออกทำงานตามที่แต่ละคนต้องการ ซึ่งลุงหมูและป้าตุ้ยก็ยังเป็นคนดูแลธุรกิจพันธุ์ไม้กัน 2 คนตายาย เช่นเคย
แต่เมื่อเวลาผ่านไปอายุอานามเริ่มมากขึ้น สุขภาพเริ่มไม่แข็งแรงเหมือนแต่ก่อน ป้าตุ้ยจึงเริ่มชวนลูกๆ กลับมาช่วยงานที่บ้าน จนเกิดผู้ดูแลกิจการรุ่นที่ 2 ทั้งพี่ชาย และน้องสาว โดยเฉพาะพี่ชายที่หันกลับมาดูแลกิจการอย่างเต็มตัว และน้องสาวที่เริ่มเคลียร์งานจากบริษัทเอกชน และหันมาดูแลงาน โดยเฉพาะด้านการตลาด
คุณคิม และคุณเหมียว ลูกเขย และลูกสาว ของลุงหมูและป้าตุ้ย ได้เข้ามาสานต่อธุรกิจพันธุ์ไม้ โดยดูแลในเรื่องของการทำตลาดเป็นหลัก โดยคุณเหมียวมองว่าพื้นฐานตลาดเดิมของคุณพ่อ คุณแม่ ก็ดีอยู่แล้ว แต่ยังเป็นลูกค้ารายเก่าๆ รายเดิมที่เคยซื้อไปแล้วหันกลับมาซื้ออีก
แต่ยังมีลูกค้าอีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่รู้จักสวน ลุงหมูป้าตุ้ยพันธุ์ไม้ ด้วยความที่ตนเองเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ มีความคิดที่ทันสมัยกว่าพ่อแม่ ประจวบกับตนเองเรียนจบมาทางด้านไอที ด้านการออกแบบระบบสารสนเทศ จึงอยากนำความรู้ที่เรียนมา และประสบการณ์ในที่ทำงาน มาใช้กับธุรกิจของครอบครัว ซึ่งมองว่ามันน่าจะตอบโจทย์ และสร้างลูกค้าให้กับสวนได้มากขึ้น
“สำหรับการทำธุรกิจบนสื่อนั้น ทุกส่วนต้องมีจุดมุ่งหมายไปในทางเดียวกัน มีแนวคิดเดียวกัน เราต้องมีเครื่องมือทำออนไลน์ ทำออนไลน์นั้นมันเป็นเรื่องยาก แต่เมื่อมันเริ่มดีขึ้น หรือทำดีแล้ว คนก็จะเริ่มติดตาม และให้ความสนใจ กับสิ่งที่ทำ หรือสื่อออกไป จะสังเกตได้ว่ามีแบรนด์ มีโลโก้ เพื่อบ่งบอกให้รู้ว่า นี่แหละคือลุงหมูป้าตุ้ยพันธุ์ไม้ ภาคการเกษตรเด็กรุ่นใหม่อาจยังไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องนี้
เรื่องของการตลาด และการขายแบบออนไลน์ และขายแบบธรรมดาทั่วไป สิ่งเหล่านั้นมันอยู่บนมือถือ บนคอมพิวเตอร์ ทุกวันนี้คนที่ซื้อของ หรือแม้แต่จะกินข้าว เคยกินร้านนี้ ร้านที่คนแน่นทุกวัน แล้วจู่ๆ มาวันหนึ่งคนหายไป หรือบางทีทำไมต้องขับรถมาไกลเพื่อที่จะมากินที่ร้านนี้ คนต่างจังหวัดทำไมถึงต้องเดินทางข้ามจังหวัดมาที่ร้านนี้ เพื่อที่จะให้ทุกคนรู้ว่ามาที่นี่เพราะอะไร ก็เป็นที่ทราบกันว่ารุ่นที่ 2 ก็จะเป็นรุ่นของไอที หรือดิจิตอล เข้ามาต่อยอด เข้ามาเป็นเครื่องมือทางการตลาด” คุณเหมียวให้ความเห็นเรื่องการตลาดในโลกออนไลน์
การจำหน่าย กิ่งพันธุ์ทุเรียน และพันธุ์ไม้
ด้วยเหตุนี้จึงเกิดเว็บไซต์ของสวนตนเอง โดยใช้ชื่อว่า www. KingpanDurian.com และ (จำหน่าย กิ่งพันธุ์ทุเรียน ) ในเฟสบุ๊คขึ้น ซึ่งจากการทดลองการตลาดดังกล่าวปรากฏว่าลูกค้าให้ความสนใจเป็นอย่างมาก มีทั้งลูกค้าจากต่างจังหวัด ทั้งภาคเหนือ กลาง ตะวันออก และใต้ เรียกว่าทั่วประเทศ จนกล้าพันธุ์ที่เตรียมจำหน่าย 1 แสนต้น ขายหมดทุกต้น ภายในระยะเวลาเพียงเดือนครึ่ง ถึง 2 เดือน เท่านั้น เรียกว่าประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม
แต่ถึงแม้จะทำตลาดให้ดีแค่ไหนก็ตาม หากสินค้าไม่มีคุณภาพ ไม่แข็งแรง ลูกค้าที่ซื้อไปเขาก็จะไม่กลับมาซื้อซ้ำอีก ดังนั้นการตลาดต้องควบคู่กับการผลิตสินค้าที่ดี มีคุณภาพ ตรงตามที่ลูกค้าต้องการ นอกจากนี้ลุงหมูและป้าตุ้ยได้ย้ำว่าก่อนที่จะขายพันธุ์ไม้ให้กับลูกค้าทุกครั้งตนเองจะสอบถามถึงสถานที่ปลูกก่อนว่าเหมาะสมกับพืชชนิดนั้นๆไหม
โดยเฉพาะแหล่งน้ำที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก หากไม่มีแหล่งน้ำ ลุงหมูและป้าตุ้ยจะไม่ขายพันธุ์ไม้ให้เด็ดขาด เพราะขายไปก็เอาไปตายอยู่ดี เพราะไม่มีแหล่งน้ำนั่นเอง นอกจากสอบถามเรื่องสถานที่ปลูกแล้ว เมื่อลูกค้าซื้อต้นพันธุ์ไม้ไป ลุงหมูและป้าตุ้ยยังดูแลให้ความรู้ในการดูแลต้นพันธุ์ไม้ต่อจากทางสวน โดยเฉพาะเรื่องของการบำรุง โดยการใส่ปุ๋ย และป้องกันโรคโดยพ่นยา ลุงหมูและป้าตุ้ยจะให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะลูกค้าบางรายซื้อต้นไม้ไปแล้ว ไม่ดูแลต้นไม้เหล่านั้นก็จะตายลงในที่สุด
ฝากถึง..เกษตรกรที่จะปลูกทุเรียน
นอกจากนี้คุณเหมียวยังได้ฝากถึงผู้ที่จะปลูกทุเรียนไม่ว่าจะพันธุ์อะไรก็ตาม เกษตรกรต้องช่วยกันเอาใจใส่ต้นทุเรียนให้ดี เพราะทุเรียนเป็นพืชที่ต้องเอาใจใส่มากกว่าผลไม้ชนิดอื่น ทั้งเรื่องปุ๋ย-ยา ต้องดูแลตามกำหนด อย่าให้ขาดมากเกินไป และอย่าให้น้อยเกินไป การทำสวนที่ดีให้ได้คุณภาพนั้น ต้องใช้เงินทำสวน อย่าให้สวนทำเงิน หมายถึง เกษตรต้องกล้าลงทุนก่อน พืชจึงจะให้ผลผลิตที่ดี มีคุณภาพ กลับมา เมื่อมีผลผลิตคุณภาพ เม็ดเงินก็จะตามเองอัตโนมัติ เพียงเริ่มต้นด้วยการกล้าที่จะลงทุน สุดท้ายนี้ลุงหมูให้คติข้อคิดกับเกษตรกร และบุคคลทั่วไป ที่อยากประสบความสำเร็จในชีวิตว่า “ความสำเร็จอยู่เลยความล้มเหลวเพียงนิดเดียว”
ขอขอบคุณข้อมูล สวนลุงหมูป้าตุ้ยพันธุ์ไม้ คุณวรลักษณ์ ละอออ่อน (เหมียว) คุณณัฐกรณ์ พงพินิท (คิม)
248/1 หมู่ 8 ต.แก่งหางแมว อ.แก่งหางแมว จ.จันทบุรี 22160
สนใจสั่งซื้อพันธุ์ทุเรียนทุกสายพันธุ์ หรือพันธุ์ไม้ผลชนิดอื่นๆ สามารถติดต่อสอบถามได้ที่
เพจเฟสบุ๊ค : จำหน่าย กิ่งพันธุ์ทุเรียน และ www. KingpanDurian.com และไลน์แอด :@kingpandurianโทร.081-761-4575, 081-761-2401