ทีมงานเมืองไม้ผลได้มีโอกาสเดินทางไปเยี่ยมเยียนเกษตรกรชาวสวนผลไม้หลายรายที่ จ.ชุมพร ไม่ว่าจะเป็นชาวสวนลองกอง มังคุด และทุเรียน ได้ฟังเสียงสะท้อนจากชาวสวนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าผลไม้ปีนี้ราคาตกต่ำมาก ถึงแม้ผลผลิตจะดี และมีคุณภาพเพียงใด ก็ขายได้ราคาที่ค่อนข้างต่ำ ยกตัวอย่างเช่น ลองกอง ถึงแม้ว่าจะเป็นช่อสวยงาม ผิวสวย ลูกใหญ่ น้ำหนักดี และรสชาติดี แต่ราคาขายหน้าสวนอยู่ที่กิโลกรัมละ 10 บาท ซึ่งราคานี้ก็ยังไม่มีพ่อค้าเข้ามารับซื้อที่สวนเหมือนที่ผ่านมา
แต่ในส่วนของทุเรียนถือว่าราคาค่อนข้างดีกว่าผลไม้ชนิดอื่น โดยเฉพาะสวนทุเรียนของ คุณสงคราม และคุณจิราพร เยาวเลิศ ที่ ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร นับว่าเป็นเซียนทุเรียนอีกรายหนึ่ง ที่สามารถผลิต ทุเรียนนอกฤดู ให้มีคุณภาพที่ดี ไม่ต่างจากทุเรียนที่ออกตามฤดูกาลเลยทีเดียว และที่สำคัญยังขายได้ราคาดีกว่าสวนอื่นๆ ในละแวกเดียวกันอีกด้วย
คุณสงครามกล่าวว่า ปลูกทุเรียนมากว่า 20 ปี สายพันธุ์ที่ปลูก คือ หมอนทอง มีพื้นที่ในการปลูกประมาณ 30 ไร่ มีต้นทุเรียนราวๆ 600 กว่าต้น ระยะห่างในการปลูกอยู่ที่ 10×10 เมตร ในพื้นที่ 1 ไร่ จะปลูกได้ประมาณ 20 กว่าต้น แต่ไม่เกิน 25 ต้น เดิมการดูแลรักษาต้นทุเรียนในช่วงก่อนให้ผลผลิต จะให้ปุ๋ยสูตรเสมอในอัตรา 2 กิโลกรัม/ต้น โดยจะใส่ในช่วงหน้าฝนเท่านั้น เมื่อปุ๋ยได้รับน้ำจะทำให้ละลายได้ดี พืชสามารถดูดซึมไปใช้ได้ง่าย
เนื่องจากการให้น้ำทุเรียน คุณสงครามจะอาศัยเพียงแค่น้ำฝนตามธรรมชาติเท่านั้น รวมทั้งไม่มีการฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดศัตรูพืช เพราะว่าขณะนั้นปลูกกาแฟแซมในสวนทุเรียนด้วย จึงไม่ได้ใช้สารเคมี หลังจากปลูกไปแล้วประมาณ 6 ปี ทุเรียนก็จะเริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ เมื่อทุเรียนให้ผลผลิตก็ตัดต้นกาแฟออก เพื่อที่จะได้ดูแลรักษาต้นทุเรียนได้อย่างเต็มที่
เทคนิคการผลิต ทุเรียนนอกฤดู
คุณสงครามบอกถึงกระบวนการผลิต ทุเรียนนอกฤดู ให้ฟังว่า “จะเริ่มตัดแต่งกิ่งหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อเร่งให้ต้นทุเรียนสร้างยอดใหม่ โดยจะตัดกิ่งแขนงเล็กๆ กิ่งกระโดง หรือกิ่งที่ไม่แข็งแรง และได้รับความเสียหายออก การตัดแต่งกิ่งต้องตัดออกประมาณ 50% หลังจากนั้นก็จะฝังเม็ดพลูโตไบโอกรีน จำนวน 4 เม็ด/ต้น และฉีดพ่นฮอร์โมนพืชเสริมอาหารทางใบ ให้พืชแตกยอดได้ดี ใบใหญ่ และสมบูรณ์
เมื่อต้นทุเรียนเริ่มแตกยอดที่ 2 ก็จะฉีดพ่นด้วยแคลเซียม โบรอน เพื่อให้ยอดและใบสมบูรณ์ ไม่หงิกงอ พอเริ่มจะแตกยอดที่ 3 หรืออยู่ในช่วงใบเพสลาด ก็จะฝังเม็ดพลูโตไบโอกรีน จำนวน 4 เม็ด/ต้น และฉีดพ่นสารแพคโคลบิวทราโซล 25% โดยใช้สารแพคโคลบิวทราโซล 1 กิโลกรัม/น้ำ 200 ลิตร ฉีดพ่นบางๆ ไปที่ใบเพสลาด ไม่ต้องให้ชุ่มมาก เพื่อบังคับให้พืชหยุดการแตกยอดและใบอ่อน เพื่อให้พืชสร้างตาดอก
และการใช้สารแพคโคลบิวทราโซลฉีดพ่นทางใบแทนการราดลงดิน ก็เพราะว่าถ้าหากราดลงดินจะทำให้ดินเสีย ถึงแม้จะใช้ปุ๋ยคอกปรับปรุงดินก็ไม่ค่อยได้ผล หรืออาจจะต้องใช้เวลานานกว่าจะทำให้ดินกลับมาสู่สภาพเดิมได้” คุณสงครามกล่าว
การให้ปุ๋ยและน้ำต้นทุเรียน
เมื่อฉีดพ่นสารแพคโคลบิวทราโซลไปแล้วประมาณ 10 วัน ก็จะฉีดพ่นปุ๋ยเกล็ดสูตร 0-52-34 เพื่อช่วยกดใบไม่ให้พืชแตกยอด พร้อมทั้งฉีดพ่นแคลเซียม โบรอน ร่วมด้วย โดยผสมไปในถังเดียวกันกับปุ๋ยเกล็ดก็ได้ เพื่อเป็นการประหยัดแรงงาน แล้วให้น้ำได้ตามปกติ วันเว้นวัน หรือ 2 วัน เว้น 1 วัน โดยเปิดให้น้ำครั้งละ 15 นาที จะให้น้ำไปประมาณ 20 วัน จากนั้นจึงหยุดให้น้ำ แล้วกำจัดวัชพืชรอบๆ โคนต้นให้เตียน หรือที่เรียกกันว่า “กวาดโคน”
เมื่อเริ่มมีตาดอกออกมาบริเวณท้องกิ่ง หรือที่เรียกว่า ระยะไข่ปลา จะเริ่มฉีดพ่นสารสกัดจากสาหร่ายดำ เพื่อกระตุ้นการเปิดตาดอก โดยใช้สารสกัดจากสาหร่ายดำ 0.5 ลิตร/น้ำ 200 ลิตร ฉีดพ่น 2 ครั้ง ห่างกัน 5 วัน และสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ ต้องฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อราในกลุ่มคาเบนดาซิม (ชื่อสามัญ) ในระยะนี้จะฉีดพ่น 1 ครั้ง เพราะช่วงที่พืชมีตาดอกต้องดูแลและระวังเชื้อราให้ดี ถ้าเชื้อราเข้าทำลายตาดอกจะส่งผลให้อัตราการติดผลของทุเรียนลดลง และเมื่อตาดอกเป็นไข่ปลาเต็มท้องกิ่ง ก็จะฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อราอีก 1 ครั้ง
ในช่วงนี้จะเริ่มให้น้ำได้ตามปกติ โดยจะให้วันเว้นวัน วันแรกจะให้ประมาณ 5 นาที วันถัดไปให้ 10 นาที และวันถัดไปให้ 15 นาที จากนั้นก็จะให้ครั้งละ 15 นาที ไปเรื่อยๆ หรือให้ตามความเหมาะสมของสภาพอากาศเป็นหลัก จากนั้นประมาณ 1 เดือน จากดอกระยะไข่ปลาก็จะโตขึ้นเป็นระยะมะเขือพวงเล็ก จะฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อราอีก 1 ครั้ง พร้อมกับบำรุงต้นพืช โดยการให้ปุ๋ยทางต้น ต้นละ 2 กิโลกรัม
พอถึงช่วงดอกมะเขือพวงใหญ่ก็จะฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อราอีก 1 ครั้ง จากระยะมะเขือพวงเล็กไปถึงดอกบานจะใช้เวลาประมาณ 1-1 ½ เดือน ทั้งนี้ในช่วงก่อนที่ดอกจะบานก็ฝังเม็ดพลูโตไบโอกรีน จำนวน 4 เม็ด/ต้น และฉีดพ่นสารป้องกันจำจัดโรคแอนแทรคโนสไว้ด้วย หลังจากที่ดอกบานทั้งหมดแล้วประมาณ 2 วัน ให้ฉีดสารป้องกันกำจัดเพลี้ยไฟ หากมีเพลี้ยไฟเข้าทำลาย เมื่อทุเรียนติดผลจะทำให้หนามทุเรียนติดกัน เมื่อผลโตจะเป็นทุเรียนหนามจีบ หรือหนามติด จำหน่ายไม่ได้ราคา
การบำรุงดูแลรักษาต้นทุเรียน
ในระยะที่ดอกบานจะเป็นผล หรือที่เรียกกันว่า “หางแย้” จึงตัดแต่งดอก ซึ่งจะเน้นไว้ดอกบนกิ่งที่แข็งแรง หรือดูแล้วว่าสามารถไว้ผลได้ ถ้าหากกิ่งเล็กก็ตัดดอกทิ้ง ถ้าหากกิ่งที่ไม่ใหญ่มากก็จะไว้ประมาณ 2-3 ดอก/กิ่ง โดยจะไว้ดอกเฉพาะโคนกิ่งเท่านั้น ถ้าหากไว้ปลายกิ่งเมื่อทุเรียนติดผลอาจจะทำให้กิ่งหักได้ ถ้าหากไม่แต่งดอก เมื่อทุเรียนติดผลไปแล้วจะทำให้ผลเล็ก เพราะแย่งอาหารกันมากเกินไป
ในช่วงที่ทุเรียนเริ่มติดผลที่เรียกว่า หนามตั้ง ก็จะฝังเม็ดพลูโตไบโอกรีน จำนวน 4 เม็ด/ต้น และให้ปุ๋ยไปจนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิต จะให้ปุ๋ยประมาณ 3 ครั้ง ในอัตรา 3-5 กิโลกรัม/ต้น โดยดูจากอัตราการติดผล และความเจริญเติบโตของต้นเป็นหลัก ในระยะเริ่มติดผลจะยังไม่มีแมลงมารบกวนมากนัก แ
ต่เมื่อผลทุเรียนเริ่มตั้งหนาม หรือเริ่มมีเม็ด มักจะพบการเข้าทำลายของหนอนเจาะผล ต้องฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดหนอนประมาณ 7-20 วัน/ครั้ง ขึ้นอยู่กับการระบาดของหนอนว่ามีมากน้อยเพียงใด ซึ่งจะต้องฉีดพ่นเพื่อป้องกันไว้ก่อน ถ้าหากปล่อยให้หนอนเข้าทำลายแล้วค่อยฉีดก็จะไม่ได้ผล ทำให้ผลผลิตเสียหาย นอกจากนี้ยังต้องฉีดพ่นสารป้องกันกำจัดเชื้อราอีก 2 ครั้ง โดยจะฉีดพ่น 15 วัน/ครั้ง
หลังจากที่ทุเรียนเริ่มติดดอกในระยะไข่ปลาไปจนกระทั่งเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ จะใช้เวลาประมาณ 6 เดือน เริ่มเก็บเกี่ยวผลผลิตความสุกประมาณ 80% ตามปกติการเก็บผลผลิตจากทุเรียน 400 ต้น จะได้น้ำหนักประมาณ 30-50 ตัน เฉลี่ยแล้วได้ 75-125 กิโลกรัม/ต้น หลังใช้พลูโตไบโอกรีนจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 60-100 กว่าตัน เฉลี่ยแล้วได้ 175-250 กิโลกรัม/ต้น
การใช้ จุลินทรีย์ปริมาณสูง ฝังลงไปในดิน
ก่อนอื่นจะขอแนะนำให้รู้จักกับ “พลูโต ไบโอกรีน” กันก่อน ผลิตภัณฑ์ดังกล่าว คือ อาหารเสริมสำหรับพืชทุกชนิด ช่วยเร่งการเจริญเติบโตของพืช ผลิตจากจุลินทรีย์เข้มข้นที่ผ่านการหมักด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้พืชแข็งแรง เพิ่มภูมิต้านทานโรค รวมทั้งเพิ่มผลผลิตอย่างเห็นได้ชัดในระยะเวลาอันสั้น และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย
หลักการทำงานของพลูโต ไบโอกรีน คือ จุลินทรีย์ปริมาณสูงที่มีอยู่ในพลูโต ไบโอกรีน จะปลดปล่อยเอนไซม์ออกมา ซึ่งเอนไซม์จะทำการย่อยสารตกค้างในดิน ทำให้ดินร่วนซุย นอกจากนี้เอนไซม์จากจุลินทรีย์ยังช่วยย่อยปุ๋ยเคมีให้เป็นโมเลกุลขนาดเล็ก ให้พืชดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้ดียิ่งขึ้น เมื่อดินร่วนซุย ออกซิเจนก็สามารถเข้าถึงราก ทำให้น้ำและปุ๋ยสามารถซึมผ่านได้ง่าย ส่งผลให้พืชเจริญเติบโตได้ดี
คุณสงครามกล่าวว่าเริ่มใช้พลูโต ไบโอกรีน มาประมาณ 2 ปีแล้ว โดยใส่เม็ดพลูโต ไบโอกรีน ฝังลงไปในดินให้ห่างจากโคนต้นประมาณ 1-2 เมตร ต้นละ 4 มุม หลุมละ 1 เม็ด 4 เม็ด/ต้น ซึ่งใน 1 รอบการผลิต ทุเรียนนอกฤดู จะฝังเม็ดพลูโต ไบโอกรีน ทั้งหมด 5 ครั้ง ได้แก่
1.ช่วงทำยอดแรก
2.ทำยอดที่ 2 ครึ่ง (ใบเพสลาด)
3.ช่วงดอกมะเขือพวงใหญ่
- ผลเริ่มตั้งหนาม
5.ก่อนเก็บเกี่ยวผลผลิตประมาณ 10 วัน
เมื่อก่อนใช้ปุ๋ยเคมีอย่างเดียว แต่หลังจากที่หันมาใช้ พลูโต ไบโอกรีน ก็เลิกใช้ปุ๋ยเคมี แล้วใช้ปุ๋ยชีวภาพแทน ในจุดนี้สามารถลดต้นทุนลงไปได้มากเลยทีเดียว จากเดิมใน 1 รอบการผลิต ทุเรียนนอกฤดู บนพื้นที่ 30 ไร่ จะใช้ปุ๋ยเคมีประมาณ 45 กระสอบ แต่เมื่อหันมาใช้ปุ๋ยชีวภาพ ซึ่งก็ใช้ในอัตรา 45 กระสอบเท่าเดิม และยังลดต้นทุนด้านฮอร์โมนเสริมอาหารทางใบ จากที่เคยฉีด 3 ครั้ง แต่ปัจจุบันฉีดพ่นเพียงแค่ครั้งเดียว นอกจากนี้ยังลดต้นทุนด้านสารป้องกันกำจัดแมลงลงไปด้วย จากเดิมที่เคยฉีดพ่น 3 ครั้ง ปัจจุบันฉีดพ่นเพียงแค่ครั้งเดียว ก็สามารถควบคุมแมลงศัตรูพืชได้
ตารางเปรียบเทียบ
ก่อนใช้ พลูโต ไบโอกรีน เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 30-50 ตัน
ลำดับ |
รายการ |
จำนวนเงิน |
หมายเหตุ |
1 |
ปุ๋ยเคมี 45 กระสอบๆ ละ 1,100 บาท |
49,500 |
|
2 |
ฉีดฮอร์โมน 3 ครั้งๆ ละ 3,600 บาท |
10,800 |
|
3 |
ฉีดยาฆ่าแมลง 3 ครั้งๆ ละ 1,500 บาท |
4,500 |
รวม 64,800 บาท |
หลังใช้ พลูโต ไบโอกรีน เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ 60-120 ตัน
ลำดับ |
รายการ |
จำนวนเงิน |
หมายเหตุ |
1 |
ปุ๋ยชีวภาพ 45 กระสอบๆ ละ 300 บาท |
13,500 |
|
2 |
ฉีดฮอร์โมน 1 ครั้งๆ ละ 3,600 บาท |
3,600 |
|
3 |
ฉีดยาฆ่าแมลง 1 ครั้งๆ ละ 1,500 บาท |
1,500 |
|
4 |
พลูโต ไบโอกรีน 2.5 กรัม 8,000 เม็ด |
25,600 |
รวม 44,200 บาท |
คุณสงครามกล่าวอีกว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ พลูโต ไบโอกรีน ที่สังเกตได้ คือ สภาพดินอุดมสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น มีไส้เดือนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ทำยอดง่ายขึ้น ทุเรียนใบหนา ใบใหญ่ เขียว ทนนาน ใบเป็นเงางาม และลำต้นสมบูรณ์ เมื่อรากและลำต้นแข็งแรงสมบูรณ์ก็จะส่งผลให้ทุเรียนมีภูมิคุ้มกันโรคและแมลงเข้าทำลายได้ยาก
ปกติในช่วงทำยอดอ่อนให้แตกขึ้นมาใหม่จนครบ 3 ยอด จะใช้เวลาประมาณ 4 เดือนขึ้นไป หรือบางครั้งทำยอดยาก คือ แตกยอดช้า หลังใช้พลูโต ไบโอกรีน ช่วยร่นระยะเวลาการแตกยอดใหม่ทั้ง 3 ยอด ได้ภายใน 3 เดือน ก็เท่ากับว่าร่นเวลาลงไปได้ 1 เดือน ซึ่งจะออกก่อนสวนอื่นประมาณ 1 เดือน ไม่ต้องฉีดพ่นฮอร์โมนเร่งการเจริญเติบโต ยอดอ่อนจะแตกออกมาเอง และยอดใหม่ที่ออกมาก้านจะใหญ่ ใบสวย ใบใหญ่ ใบเงา รวมทั้งดอกที่ออกมาก็สมบูรณ์ การดูแลก็ง่าย
ลักษณะของผลทุเรียนจะมีสีเขียว หนามสวย เนื้อสีเหลืองสด รสชาติดี เม็ดลีบ และขั้วยาวคล้ายกับทุเรียนในฤดู ทำให้เก็บเกี่ยวผลผลิตง่าย ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ทุเรียนนอกฤดู จะมีขั้วสั้น รวมทั้งน้ำหนักก็เพิ่มขึ้นอีกด้วย มีตั้งแต่ผลละ 2-14 กิโลกรัม
“ข้อดีอีกอย่างหนึ่ง คือ ไม่เสียน้ำหนักระหว่างการขนส่ง ซึ่งสวนอื่นเมื่อตัดจากสวนกระทั่งขนส่งไปถึงปลายทางน้ำหนักจะหายไป พ่อค้า แม่ค้า คนกลาง ก็จะหักเงินตามน้ำหนักที่หายไปด้วย มีหลายสวนที่โดนหักเงินตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักแสนบาทเลยทีเดียว” คุณสงครามกล่าว
การจำหน่ายผลผลิตทุเรียน
สำหรับราคาจำหน่ายในปัจจุบันอยู่ที่กิโลกรัมละ 33-35 บาท ราคานี้ถือว่าอยู่ในระดับกลางๆ ไม่สูง หรือต่ำมากเกินไป ทั้งนี้พ่อค้า แม่ค้า คนกลาง ที่เข้ามารับซื้อทุเรียนที่สวนคุณสงครามจะตีราคาผลผลิตให้สูงกว่าสวนอื่น ราคาอยู่ที่ 41 บาท/กิโลกรัม ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าพ่อค้า แม่ค้า คนกลาง บอกว่าทุเรียนของคุณสงครามขั้วยาว หนามสวย และมีสีเขียว ไม่เหลืองเหมือนสวนอื่น ลักษณะคล้ายกับทุเรียนในฤดู ซึ่งพ่อค้า-แม่ค้าคนกลางที่นำผลผลิตส่งไปจำหน่ายที่ประเทศจีน และไต้หวัน จะชอบทุเรียนลักษณะนี้
คุณสงครามยังบอกกับเราว่าทุเรียนที่ถูกเชื้อราไฟทอปธอร่าเข้าทำลายตามกิ่งและลำต้น ชาวสวนส่วนใหญ่จะใช้มีดถากเปลือกบริเวณที่เป็นเชื้อราออก เพื่อป้องกันการแพร่กระจายไปทั่วลำต้น แล้วใช้สารป้องกันกำจัดเชื้อราทาบริเวณที่ถากเปลือกออก ซึ่งสารป้องกันกำจัดเชื้อราที่ใช้ถือว่ามีราคาค่อนข้างสูง และการสมานของแผลก็ใช้เวลานาน
ด้วยเหตุนี้คุณสงครามจึงใช้ ปุ๋ยชีวภาพ ตราดีดี ที่มีคุณสมบัติในการป้องกันเชื้อราไฟทอปธอร่า และยังช่วยในการเจริญเติบโตของพืช ฉีดพ่นบริเวณแผลที่ถากเปลือกออก แทนการใช้สารป้องกันกำจัดเชื้อรา ซึ่งมีราคาที่ถูกกว่า ปรากฏว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เชื้อราไฟทอปธอร่าหายไป และแผลสมานได้เร็วขึ้น ทำให้ต้นทุเรียนสวนคุณสงครามไม่เป็นเชื้อไฟทอปธอร่า
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิต ทุเรียนนอกฤดู คุณภาพดีได้ที่ คุณสงคราม-คุณจิราพร เยาวเลิศ บ้านเลขที่ 248/1 ม.11 ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร โทร.08-6273-3931
สำหรับท่านใดที่สนใจหรืออยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์อาหารเสริมพืชชีวภาพชนิดเม็ด “พลูโต ไบโอกรีน” ปุ๋ยชีวภาพดีดี ติดต่อได้ที่ บริษัท เฟิร์ส ออร์แกนิค ฟาร์ม จำกัด เลขที่ 24 ซ.ประเสริฐมนูญกิจ 7 แขวงจระเข้บัว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ โทร.0-2940-4591, คุณนงค์ 084-649-7498 ทุเรียนนอกฤดู ทุเรียนนอกฤดู