น้ำลูกยอ สรรพคุณมหาศาลไม่พอขายตลาดโลก พร้อมการปลูกต้นยอ(แบบละเอียด)

โฆษณา
AP Chemical Thailand

“สุขภาพดี” ก็เป็นที่ต้องการของใครๆ แต่ในสภาวะปัจจุบันการที่ใครสักคนจะมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงคงหาได้ยากเต็มทน เพราะสิ่งแวดล้อมรอบๆ ตัว อีกทั้งอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลง มลพิษที่เราได้รับ ล้วนแต่เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคต่างๆ อีกมากมาย ซึ่งบางครั้งเราอาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ทั้งหมด เราจึงต้องหาตัวช่วยเป็นเกราะป้องกัน  เพื่อคอยช่วยเหลือและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอที่ขาดหายไปให้กลับมาฟื้นฟูสุขภาพให้ดีดังเดิม

“น้ำลูกยอ” เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับคนที่รักสุขภาพ และต้องการรักษาโรคด้วยสมุนไพร ซึ่งในตอนนี้เป็นที่นิยมกันมากทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งต่างประเทศได้รับความนิยมมานานแล้ว ส่วนในประเทศไทยกำลังเริ่มได้รับความนิยม เพราะมีสรรพคุณมากมายที่น่าสนใจ

1.ต้นยอ
1.ต้นยอ
2.เป็นไม้พุ่ม-ไม้ขนาดเล็ก
2.เป็นไม้พุ่ม-ไม้ขนาดเล็ก

ลักษณะของต้นยอ

ยอ คือ พืชสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณทางยามากมาย ที่สามารถบรรเทาและรักษาอาการของโรคต่างๆได้ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการรักษาโรคต่างๆ ยอนั้นส่วนประกอบต่างๆ ของลำต้น ทั้งต้นมีสรรพคุณทางยาทุกส่วน อาทิ ลูกยอ ดอก ราก เป็นต้น นอกจากมีสรรพคุณทางยาแล้ว ยอยังมีคุณค่าทางโภชนาการทางอาหาร ซึ่งได้มีผลวิจัยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ครั้งนี้จึงอยากนำข้อมูลทั้งหมดของยอ พืชสมุนไพรไทยที่มีประโยชน์นานัปการมารวบรวมให้อ่านกันครับ

ยอจัดเป็นไม้พุ่ม หรือไม้ขนาดเล็ก ในตระกูล Rubiaceae เป็นไม้พื้นเมืองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่มีผู้นำไปแพร่พันธุ์จนกระจายไปทั่วอินเดีย และตามหมู่เกาะต่างๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิก และหมู่เกาะอินดีสตะวันตก มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ Morinda citrifolia ชื่อนี้เรียกกันทั่วไปในภาษาอังกฤษ คือ great morinda, Indian mulberry, beach mulberry, Tahitian noni หรือเรียกตามแหล่งที่ขึ้น หรือภาษา เช่น noni (จากฮาวาย) nono (ตาฮิติ) meng kudu (จากมาเลย์) nonu (ในภาษาของชาวทองก้า) และ ach (ในภาษาฮินดู)

3.พื้นที่ปลูกต้นยอ
3.พื้นที่ปลูกต้นยอ

สภาพพื้นที่ปลูกต้นยอ

ต้นยอขึ้นได้ทั้งในป่าทึบ หรือตามชายฝั่งทะเลที่เป็นโขดเขา หรือพื้นทราย ต้นโตเต็มที่เมื่ออายุครบ 18 เดือน และให้ผลซึ่งมีน้ำหนักรวมกันระหว่าง 4-8 กิโลกรัมต่อเดือน ตลอดทั้งปี ยอเป็นพืชทนทานต่อดินเค็ม สภาวะแห้งแล้ง และดินทุติยภูมิ ยอจึงพบแพร่หลายทั่วไป ต้นยออาจสูงถึง 9 เมตร ใบและผลยอมีลักษณะเด่นที่เห็นแล้วบอกได้โดยง่ายว่าเป็นยอ

ใบยอมีขนาดใหญ่ รูปใบธรรมดา และเส้นใบลึก ใบมีสีเขียวเข้ม และเป็นมัน ยอออกดอกและผลตลอดปี ดอกของมันเล็กๆ มีสีขาว ผลยอเป็นผลรวม กลิ่นฉุนเมื่อสุก บางครั้งจึงมีผู้เรียกชื่อผลยอในภาษาอังกฤษ ซึ่งหมายถึง ลูกเนยแข็ง หรือลูกอ้วก (cheese fruit หรือ vomit fruit) ผลยอคล้ายรูปไข่ และเหมือนมีตารอบผล ความยาวของผลอยู่ระหว่าง 4-7 เซนติเมตร เมื่อผลยังอ่อนมีสีเขียว แล้วค่อยเปลี่ยนเป็นสีเหลืองไปจนเกือบขาวเมื่อสุก

โฆษณา
AP Chemical Thailand

แม้ผลยอจะมีกลิ่นแรง และรสขม แต่ก็มีการบริโภคผลยอกันมาก ทั้งดิบๆ หรือปรุงแต่ง บางหมู่เกาะในมหาสมุทรแปซิฟิกกินผลยอเป็นอาหารหลัก ชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และชาวพื้นเมืองออสเตรเลีย กินผลยอดิบจิ้มเกลือ เมล็ดของยอคั่วรับประทานได้

4.คุณสมพันธ์-อินทรหะ-ผลิตน้ำลูกยอ-จ.สิงห์บุรี
4.คุณสมพันธ์-อินทรหะ-ผลิต น้ำลูกยอ -จ.สิงห์บุรี

คุณสมพันธ์ อินทรหะ คุณลุงวัย 60 ปี เริ่มทำน้ำลูกยอขายในปี 2546 เพราะเห็นว่าดื่มแล้วสุขภาพดี จึงคิดลองทำน้ำลูกยอเพื่อดื่มเอง แต่ช่วงแรกๆ คุณสมพันธ์ซื้อน้ำลูกยอจากอเมริกามาดื่ม แต่ราคาค่อนข้างสูง ก็ลองคิดทำเอง แต่ในตอนแรกที่ลองทำไม่ประสบผลสำเร็จ ทำออกมาแล้วไม่สามารถดื่มได้ เลยล้มเลิกความคิดที่จะทำต่อ

แต่น้ำลูกยอที่ทำไว้ก็ยังไม่ได้ทิ้งยังคงอยู่ในถังพลาสติกปิดฝาอย่างมิดชิด เวลาผ่านไปนานถึง 2 ปี คุณสมพันธ์ต้องการจะใช้ถังพลาสติก จึงเปิดฝาถังออกเพื่อจะทิ้งน้ำลูกยอในถังเสีย จึงพบว่าน้ำลูกยอในถังเปลี่ยนสีไปจากเดิมที่เคยทำในตอนแรก คือ กลายจากสีขุ่นเป็นน้ำใส มีกลิ่นหอม

คุณสมพันธ์จึงลองนำมาปรุงแล้วแจกจ่ายให้คนรอบข้างได้ดื่มกัน ปรากฏว่าทุกคนที่ได้ดื่มต่างชื่นชอบ และสุขภาพก็พากันดีขึ้นเรื่อยๆ จึงบอกให้คุณสมพันธ์ทำน้ำลูกยอขาย ก็เลยเป็นที่มาของน้ำลูกยอแม่บัวศรีจวบจนทุกวันนี้

จากการที่ได้ทำน้ำลูกยอจำหน่าย คุณสมพันธ์จึงได้ไปขอการรับรองคุณภาพจากองค์การอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย ของผลิตภัณฑ์ชุมชน พอได้รับ อย.จากตรงนี้ก็เข้าไปประกวดสินค้าโอทอป จึงได้รางวัลมาแบบไม่ได้ตั้งใจถึง 4 ดาว แถมยังได้มีสิทธิ์เข้าไปขายในเมืองทองธานีในงานโอทอป ซิตี้ และเป็นผลิตภัณฑ์น้ำลูกยอเจ้าแรกที่ได้รางวัลเชลล์ชวนชิม หลังจากนั้นยังได้รับการรับรองคุณภาพจากองค์การอาหารและยา (อย.) จากประเทศญี่ปุ่น และโครเอเชีย อีกด้วย

5.ผลิตภัณต์ตราแม่บัวศรี
5.ผลิตภัณต์ตราแม่บัวศรี

ด้านตลาด น้ำลูกยอ

หลังจากที่ได้มีโอกาสเข้าไปขายในงานโอทอป ซิตี้ ที่เมืองทองธานี ก็มีออเดอร์จากต่างประเทศเข้ามา ประเทศแรก คือ โครเอเชีย ครั้งแรกที่สั่งประมาณ 500 ขวด (บรรจุ 1 ขวด ต่อลิตร) และเพิ่มขึ้นมาเป็น 3,000 ขวด จนปัจจุบันประเทศโครเอเชียมีออเดอร์สั่งเป็นตู้คอนเทนเนอร์

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ต่อมาก็มีอีกหลายๆ ประเทศสนใจสั่งซื้อ เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ กัมพูชา จีน รัสเซีย อินเดีย และประเทศทางแถบยุโรปร่วมด้วย ส่วนในประเทศไทยเริ่มมีผู้บริโภค น้ำลูกยอ กันมากขึ้น แต่ก็ยังถือว่าน้อยกว่าต่างประเทศ เพราะยังไม่เป็นที่นิยม คนไทยอาจจะยังไม่รู้ถึงสรรพคุณอย่างจริงจัง การโฆษณาและประชาสัมพันธ์ยังน้อย อีกทั้งในเรื่องของรสชาติที่อาจจะยังไม่คุ้นเคย หรืออาจจะคิดว่าไม่น่าพิสมัยเท่าใดนัก จึงทำให้ยังไม่เป็นที่รู้จักในวงกว้าง มีแต่เพียงการบอกต่อในแวดวงเพื่อนสนิท คนรู้จัก เท่านั้น

คุณสมพันธ์เล่าให้ฟังว่าตอนนี้ตลาดในประเทศจีนกำลังไปได้สวย เพราะประชากรของประเทศจีนมีจำนวนมาก ออเดอร์ในการสั่งจึงสูงตามไปด้วย จะเห็นได้ว่าประชากรส่วนใหญ่ของประเทศจีนจะสนใจในเรื่องของสมุนไพร และรักษาสุขภาพกันมาก จึงไม่แปลกใจเท่าใดนักที่ผลผลิต น้ำลูกยอ จากประเทศไทยจะส่งไปขายที่ประเทศจีนในปริมาณที่สูง

แต่ปัญหาที่คุณสมพันธ์เผชิญอยู่ในตอนนี้ คือ ผลผลิตของลูกยอไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด เพราะยังมีเกษตรกรปลูกกันน้อย คุณสมพันธ์จึงมีการประชาสัมพันธ์ให้คนในหมู่บ้านมาปลูกลูกยอเพื่อเป็นอาชีพเสริมหลังการทำนา ซึ่งคุณสมพันธ์จะมีต้นกล้าแจกให้ฟรี เพื่อให้เกษตรกรไปปลูกในสวน หรือตามคันนา ของตัวเอง และมีการประกันราคาลูกยอให้เกษตรกรกิโลกรัมละ 12-14 บาท (ลูกใหญ่ประมาณ 7-8 ลูก ต่อกิโลกรัม) อีกด้วย

ปัจจุบันคุณสมพันธ์ได้ขยายพื้นที่ปลูกต้นยอไปยังจังหวัดพิจิตร มีเกษตรกรปลูกรวมกันหลายๆ เจ้าประมาณ 200 ไร่ และต้องวิ่งรถไปเหมาที่ตลาดไทเวลาผลผลิตลูกยอไม่พอทำน้ำจำหน่าย ณ ตอนนี้ที่ไหนมีขาย หรือเกษตรกรปลูกต้นยอ และมีผลผลิตมากๆ ทางคุณสมพันธ์ก็ยินดีรับซื้อหมดในราคาที่ประกันเอาไว้ ซึ่งเกษตรกรในพื้นที่บางระจันบอกว่าเป็นอาชีพเสริมที่รายได้ดีมากอย่างหนึ่ง อาจจะดีกว่าการปลูกข้าวที่เป็นอาชีพหลักอีกด้วย

6.ผลลูกยอ-คุณภาพ-เพื่อเตรียมทำ-น้ำลูกยอ
6.ผลลูกยอ-คุณภาพ-เพื่อเตรียมทำ-น้ำลูกยอ

ประโยชน์และสรรพคุณของน้ำลูกยอ

โรคที่เกี่ยวข้องกับวิถีการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นสาเหตุให้คนไทยเสียชีวิตปีละไม่น้อยเลยทีเดียว เช่นโรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง ฯลฯ สาเหตุหนึ่ง คือ สภาพแวดล้อมที่แย่ลง และการใช้ชีวิตประจำวันที่วุ่นวาย มีแต่การแข่งขันกับตัวเอง และแข่งขันกับคนอื่นๆ ส่งผลให้ภูมิต้านทานของโรคในร่างกายต่ำลง เป็นต้นเหตุของการเกิดโรคต่างๆ จึงต้องมีการหาตัวช่วยเพื่อมาซ่อมแซมส่วนที่เราขาดหายไป

ยอเป็นสมุนไพรไทยพื้นบ้านที่คนไทยทั่วทุกภาครู้จัก มักปลูกเพื่อใช้ในการประกอบอาหาร หรือบางคนปลูกไว้เป็นไม้มงคลในบริเวณบ้านเท่านั้น ในส่วนของผลลูกยอมีวิตามินซีสูง สารโพลีแซคคาไรด์ที่ได้จากน้ำตาลในผลลูกยอจะออกฤทธิ์ต้านมะเร็ง โดยผ่านระบบภูมิคุ้มกัน และสารโปรเซโรนีนจะกระตุ้นการทำงานเม็ดเลือดขาวให้มีประสิทธิภาพ ลดอาการภูมิแพ้ ช่วยให้การทำงานของเซลล์ในร่างกายปกติ

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ส่วนผลยอดิบหรือแก่จะมีรสเผ็ดร้อน สรรพคุณช่วยในการขับลม บำรุงธาตุ เจริญอาหาร ขับโลหิต ปวดท้องประจำเดือน แก้คลื่นไส้อาเจียน ช่วยทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง สดใส ไม่เป็นสิว ฝ้า นอกจากนี้ยังเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้ร่างกายเป็นปกติโดยไม่เสียสมดุลอีกด้วย

ใน น้ำลูกยอ ประกอบด้วยสารอาหารที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกายมากมายกว่า 153 ชนิด ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายของเราให้กลับคืนสู่สภาวะปกติ อีกทั้งยังช่วยป้องกันศัตรูของร่างกายจากภายนอกด้วยเช่นกัน ดังนั้นการดื่ม น้ำลูกยอ เป็นประจำเพื่อรับสารอาหารที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันต่างๆ ของร่างกายนั้นจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ นอกจากนี้เราไม่ควรดื่ม น้ำลูกยอ เพียงเพื่อรักษาโรคเท่านั้น แต่ควรดื่มน้ำลูกยออย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาสุขภาพด้วยเช่นกัน เนื่องจากยุคสมัยนี้เวชศาสตร์ป้องกันเป็นสิ่งจำเป็นต่อมนุษย์เราอย่างยิ่ง

สารประกอบทางเคมีที่สำคัญในน้ำลูกยอ ได้แก่ โปรเซอโรนีน (Perxeronine), โปรเซอโรเนส (Perxeroninase), เซอโรนิน (Xeronine), เซอโรโทนีน (Serotonin), สโคโพลิติน (Scopoletin), เทอปีนส์ (Terpenes), แอนทราควิโนน (Anthraquinones) และแดมนาแคนทาล (Damnacantal) เป็นต้น นอกจากนี้ในยอยังพบสารอินทรีย์อื่นๆ ที่จัดเป็นอาหารและยา เช่น ไบโอเฟลโวนอยด์ (Bio-flavonoid), กรดอะมิโน, สารจำพวกเอนไซม์ (Enzyme), โคเอนไซม์ (Coenzyme) ตลอดจนวิตามินและเกลือแร่อีกเป็นจำนวน 153 ชนิด ด้วยกัน

7.สวนต้นยอ
7.สวนต้นยอ

วิธีการปลูกต้นยอ

วิธีการเพาะต้นกล้าลูกยอ วิธีที่เหมาะสมจึงเป็นการเพาะเมล็ดเพื่อให้ได้ต้นพันธุ์ที่แข็งแรง และวิธีการทำที่ง่าย ดังนี้

1.นำลูกยอมาวางทิ้งไว้ให้งอมมากๆ (เกือบเน่า)

2.นำลูกยอที่เกือบเน่ามาบี้และล้างเมล็ดให้หมดเมือก

โฆษณา
AP Chemical Thailand

3.ตากหรือผึ่งให้แห้งแล้วนำไปลงถุงเพาะ อีกประมาณ 1 เดือน ต้นก็จะเริ่มงอกออกมา

– การเตรียมดินปลูกต้นยอ สมัยก่อนปลูกไว้ตามรั้วบ้าน ในสวน หรือหลังบ้าน 1-2 ต้น เพื่อไว้รับประทาน แต่ปัจจุบันปลูกเป็นการค้า เพื่อนำมาแปรรูปและเป็นยากันอย่างกว้างขวาง เริ่มจากการไถดินตาก พรวนดิน ขุดหลุมขนาด กว้างxยาวxลึก ประมาณ 30x30x30 เซนติเมตร ระยะปลูกระหว่างต้น 2 เมตร ระหว่างแถว 2 เมตร ใส่ปุ๋ยคอก 1 กิโลกรัม ต่อหลุม หรือถ้าพื้นที่ไม่เยอะก็ขุดหลุมพอสมควร เว้นระยะห่างประมาณ 2 เมตร เพื่อเวลาต้นยอขยายใหญ่ทรงพุ่มจะได้ไม่ชนกัน

– การปลูกกล้าต้นยอ นำกล้าที่เพาะด้วยเมล็ดในถุงดำที่เตรียมไว้ แกะถุงดำออกนำลงปลูกในหลุมที่เตรียมไว้ กลบดิน ปักหลัก มัดเชือกยึดต้นกันล้ม รดน้ำให้ชุ่ม รอประมาณ 4-5 เดือน ก็จะมีผลผลิตให้ได้เก็บเกี่ยว แต่ผลผลิตในตอนแรกอาจได้ลูกเล็ก แต่ต้นยิ่งโตลูกยอก็จะยิ่งผลใหญ่ตาม

8.ให้น้ำและปุ๋ยต้นยอ
8.ให้น้ำและปุ๋ยต้นยอ

การให้น้ำและปุ๋ยต้นยอ

หลังปลูกควรรดน้ำทุกวัน เมื่อผลผลิตติดดีแล้วเว้นการให้น้ำได้ อาจรดน้ำอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือใช้ดูลักษณะของใบ ถ้าใบเหี่ยวก็ค่อยรดน้ำก็ใช้ได้ ถ้าปลูกในฤดูฝนจะตัดปัญหาการรดน้ำได้เลย ส่วนการใส่ปุ๋ย ช่วงแรกที่เริ่มปลูกใส่ปุ๋ยยูเรียสูตรตัวหน้าสูง 30-0-0 ครึ่งเดือน ต่อ 1 ครั้ง พอเริ่มติดลูกก็ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 1 ช้อนแกงต่อต้น เดือนละ 1 ครั้ง พร้อมรดน้ำให้ชุ่ม ควรใส่ปุ๋ยคอกปีละ 2 ครั้ง หรือจะใส่พร้อมปุ๋ยสูตรเสมอเลยก็ทำได้ และต้นยอไม่ค่อยมีโรคและแมลงรบกวน

แต่ถ้าเจอพวกโรคใบด่างในต้นก็ให้ตัดกิ่งนั้นทิ้งไปเพื่อป้องกันการระบาดเท่านั้นเอง ส่วนพวกแมลงก็จะพบเป็นพวกแมลงปีกแข็ง ซึ่งแมลงพวกนี้ยังไม่ทำความเสียหายมากมายเท่าไรนัก จึงไม่ได้ใช้สารฉีดป้องกันแมลง ปล่อยตามธรรมชาติได้เลย

9.การแพ็คลูกยอเตรียมจำหน่าย
9.การแพ็คลูกยอเตรียมจำหน่าย
ลูกยอพร้อมส่งลูกค้า
ลูกยอพร้อมส่งลูกค้า

การจำหน่ายลูกยอ

การเก็บเกี่ยวลูกยอมีผลผลิตทั้งปี สามารถเก็บขายได้ตลอด ถึงเวลาตอนปลูกช่วงแรกๆ ลูกยอจะมีขนาดเล็กก็ยังเก็บเพื่อจำหน่ายได้ แต่ควรเลือกเก็บผลที่แก่ หรือสุกเป็นสีขาว ไม่ควรเก็บผลสีเขียว เพราะเวลามาทำ น้ำลูกยอ สีจะออกดำ ไม่สวย ผลที่สุกจะมีลักษณะหนังตึง สีเหลือง ขาว เวลามาทำเป็น น้ำลูกยอ สีจะออกมาน่าดื่ม ชวนให้มีความรู้สึกอยากทดลอง

โฆษณา
AP Chemical Thailand

เนื่องจากมีการประกันราคาในการรับซื้อลูกยอ เกษตรกรจะพากันเก็บลูกยอมาขายให้กับคุณสมพันธ์ในวันอาทิตย์ เพื่อที่จะเปิดเครื่องบดลูกยอในวันเดียว ไม่เสียเวลาเปิดเครื่องบ่อยๆ เวลามีคนมาขายลูกยอทุกวัน จึงจัดให้เป็นวันอาทิตย์แค่วันเดียว และเปิดเครื่องบดแค่อาทิตย์ละครั้ง เครื่องบดสามารถบดได้วันละประมาณ 1-2 ตัน แต่ผลผลิตที่เกษตรกรนำมาจำหน่ายประมาณ 600-700 กิโลกรัม ต่ออาทิตย์ ซึ่งถือว่ายังไม่เป็นที่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด

10.คุณสุเทพ-พรหมสุวรรณ-ปลูกต้นยอ-บนเนื้อที่-2-ไร่
10.คุณสุเทพ-พรหมสุวรรณ-ปลูกต้นยอ-บนเนื้อที่-2-ไร่

คุณสุเทพ พรหมสุวรรณ ปลูกต้นยอ บนเนื้อที่ 2 ไร่

คุณสุเทพ พรหมสุวรรณ เล่าให้ทีมงานฟังว่า เริ่มปลูกต้นยอจากคำชักชวนของคุณสมพันธ์ และมั่นใจว่าตลาดของ น้ำลูกยอ ยังอีกยาวไกล จึงลงมือปลูกต้นยอเพื่อทำเป็นอาชีพเสริม อาชีพหลักของคุณสุเทพ คือ การทำนา แต่เมื่อผลผลิตของลูกยอออกมาปรากฏว่าราคาดีกว่าการทำนา เพราะลูกยอสามารถเก็บผลผลิตได้ตลอดทั้งปี ไม่ต้องดูแลมาก ใช้ปลูกตามคันนา หรือพื้นที่ว่างภายในบ้าน หรือสวน ก็สามารถสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำได้แล้ว แถมมีการประกันราคา ก็ทำให้มั่นใจว่าขายได้อยู่ตลอด และยังเป็นที่ต้องการในปริมาณที่เพิ่มสูงมากขึ้น

คุณสุเทพปลูกต้นยอประมาณ 100 ต้น ภายใน 2 ไร่ แต่ในปัจจุบันสามารถเก็บผลผลิตได้ 50 ต้น แต่ละอาทิตย์เก็บผลผลิตได้ประมาณ 100 กว่ากิโลกรัม รวมเป็นเงินประมาณ 1,200 บาท ต่ออาทิตย์ ซึ่งทำให้คุณสุเทพและครอบครัวสามารถอยู่ได้อย่างสบาย เพราะถึงเวลาก็เก็บผลผลิตมาขาย

แต่อีกไม่กี่เดือนผลผลิตอีก 50 ต้น ก็กำลังจะเก็บจำหน่ายได้ ดังนั้นผลผลิตที่นำมาขายก็จะเพิ่มขึ้น เงินที่ได้รับก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน แถมการลงทุนปลูกต้นยอก็เป็นต้นทุนที่น้อย ต้นกล้าคุณสมพันธ์แจกฟรี จึงแทบไม่เสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย นอกจากซื้อปุ๋ยใส่ต้นยอเท่านั้น

11.ลูกยอใช้รักษาโรคได้
11.ลูกยอใช้รักษาโรคได้

คุณสมบัติของลูกยอ

ถึงแม้การศึกษาในเชิงวิทยาศาสตร์ เนื้อหา เหตุผล ที่มีต่อสุขภาพของลูกยอเกิดขึ้นอย่างกว้างขวาง และยังไม่พบข้อพิสูจน์อย่างแน่ชัดก็ตาม แต่การใช้ลูกยอเป็นยาพื้นบ้าน ชาวโพลีนีเชียนพบคุณสมบัติทางยาของลูกยอ ซึ่งนำมาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มานานกว่า 2,000 ปี แล้ว ชาวจีน อินเดีย ญี่ปุ่น อินโดนีเซีย ฯลฯ ใช้ยอในการรักษาโรคต่างๆ เช่น ตา โรคผิวหนัง เหงือก โรคระบบทางเดินหายใจต่างๆ แก้ท้องผูก ปวดท้อง โรคปวดเอว โรคขัด หรือท้องร่วง เป็นต้น

ในปัจจุบันลูกยอกลายเป็นยาทางเลือกที่ได้รับความนิยมสูงมาก ทั้งนี้อาจเป็นผลมาจากคุณสมบัติของลูกยอในทางการรักษาแบบพื้นบ้านสืบมา บวกกับประสบการณ์ที่สั่งสมสืบทอดกันมา และผลงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ยังถือว่าเป็นเบื้องต้นสรรพคุณของลูกยอ หรือ น้ำลูกยอ

โฆษณา
AP Chemical Thailand

ได้ขยายออกไปสู่การรักษาโรคต่างๆ เช่น ลูกยอของอินเดีย กล่าวว่า ลูกยอช่วยลดพิษในร่างกาย ทำให้เซลล์อ่อนเยาว์ลง ร่างกายทำงานได้เป็นปกติ ป้องกันเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ลดอาการปวด ดูดซึมอาหารและยาได้ดี ควบคุมน้ำหนัก ทำให้นอนหลับสบาย ทำให้เลือดบริสุทธิ์ควบคุมการทำงานของเซลล์ให้ดีขึ้น ซ่อมแซมเซลล์ที่เสื่อมโทรม เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยให้ร่างกายรักษาตัวเองได้ดีขึ้น ลดความเครียด ทำให้จิตใจสงบและเยือกเย็น

ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ทำให้ตื่นตัว มีความจำ และสมาธิดี ช่วยรักษาผิว ผม และหนังศรีษะ ลดโอกาสของการเป็นโรคที่เกี่ยวกับสูงวัย เช่น โรคเส้นโลหิตตีบ โรคหัวใจ เบาหวาน และอัมพฤกษ์ เราจะพบการโฆษณาขาย น้ำลูกยอ หรือแคปซูลลูกยอ  ไม่ว่าในอเมริกา ยุโรป ออสเตรเลีย หรือเอเชีย อย่างแพร่หลาย นอกเหนือจากรักษาโรคที่ได้กล่าวมาตามข้างต้นแล้ว ยังมีที่กล่าวถึงความสามารถในการรักษาโรคเนื้องอก และมะเร็ง อีกด้วย

จากประวัติอันยาวนานของการใช้ลูกยอในการรักษาโรค ก็น่าจะเป็นเหตุผลว่าลูกยอสามารถรักษาโรคบางโรคได้ แต่ความแน่ชัดในเชิงวิทยาศาสตร์ยังต้องรอการพิสูจน์ในวันข้างหน้า ลูกยอจึงเป็นทางหนึ่งของการรักษาโรค ดังคำโบราณที่ว่า “ลางเนื้อชอบลางยา” ซึ่งขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของหมอผู้รักษา และคนไข้

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : คุณสมพันธ์ อินทรหะ 12/1 ม.9 ต.บางระจัน อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี 16150 หรือโทร.08-6547-9035, 08-9781-8242