สภาพพื้นที่ ปลูกมะขามเปรี้ยว ยักษ์
ทีมงานนิตยสารเมืองไม้ผลได้ทราบจากเกษตรกรใน จ.เพชรบูรณ์ ที่เปลี่ยนจากการปลูกมะขามหวานมาเป็นมะขามเปรี้ยวยักษ์ อาทิ คุณสวาท พิศเจริญ ก่อนนั้นเคยปลูกมะขามหวานจำนวน 18 ไร่ เนื่องจากมะขามหวานราคาทางด้านการตลาดขายไม่ได้ราคา เขาจึงเห็นว่าการ ปลูกมะขามเปรี้ยว ยักษ์ เพื่อขาย เพราะเชื่อว่าการตลาดในอนาคตน่าจะไปได้ดี
คุณสวาทเล่าให้ฟังว่า ได้ไปหาซื้อกิ่งพันธุ์มาจาก จ.นครปฐม มาทาบกิ่งหรือเสียบยอด ในพื้นที่ของตน 18 ไร่ จากนั้นจึงขยายพันธุ์แบบกิ่งทาบหรือเสียบยอดปลูกในพื้นที่เพิ่มอีก 10 ไร่ หลังจากนั้นจึงโค่นต้นมะขามหวานออก 18 ไร่ ให้เหลือไว้แต่ตอ จากนั้นพอระยะตอมะขามหวานแตกกอ แตกกิ่งก้าน ออกมาเจริญเติบโตได้เต็มที่พอที่จะเสียบยอดได้
ตนได้เลือกกิ่งก้านที่สมบูรณ์และสวยที่สุดก่อนจะนำกิ่งพันธุ์ขึ้นทาบด้วยการทาบกิ่งหรือเสียบยอด ระยะการเจริญเติบโตสวยที่สุดก่อนจะนำกิ่งพันธุ์ขึวานแตกกอ แตกกิ่งของตน 18 ไร่ จากนั้นจึงขยายพันธุ์แบบกิ่งทาบหรือเปเร็ว และในระยะแรกหลังเสียบยอดเสร็จต้นตอใหม่ยังไม่แข็งแรงควรเอาใจใส่ประคับประคองไว้ก่อน
พอโตเต็มที่หรือลำต้นส่วนที่เสียบยอดแข็งแรง เขาจะเลือกดูว่ากิ่งไหนเป็นมะขามหวานก็จะตัดออกให้เหลือกิ่งมะขามเปรี้ยว สำหรับการทาบกิ่งหรือการเสียบยอดจะใช้ระยะเวลา 2-3 เดือน กิ่งพันธุ์กับกิ่งทาบก็จะติดกัน จากนั้นจะตัดออกไปปลูกหรือไปปักชำไว้ก่อนก็ได้
การปลูกและบำรุงดูแลมะขามเปรี้ยวยักษ์
คุณสวาทบอกว่าก่อนปลูกเริ่มแรกไถพรวนดินเพื่อฆ่าวัชพืชก่อน จากนั้นก็จะปักแนวตั้งอยู่ในแนวตรงเป็นแถวยาวประมาณ 30 เมตร ระยะห่างจากแถว 5 เมตร ความห่างระยะต้น 8-10 เมตร ให้ขุดหลุมความลึก 30 ซม. กว้าง 30 ซม. ยาว 30 ซม. เสร็จแล้วนำปุ๋ยคอกรองก้นหลุม เช่น มูลวัว มูลไก่ ฯลฯ
จากนั้นนำดินลงหลุมกลบให้เต็ม เสร็จแล้วก่อนที่จะนำต้นพันธุ์ลงปลูกให้ขุดหลุมที่ตรงกลาง (หลุมเดิม) พอประกอบถุงต้นพันธุ์เสร็จแล้วนำต้นพันธุ์ลงปลูก ควรปลูกในฤดูฝนจะให้ผลผลิตดี แต่ถ้าเป็นหน้าแล้งควรดูลักษณะของดิน ถ้าดินแห้งมากก็ให้น้ำ
หากต้องการขนาดของฝักที่สมบูรณ์ หรือมีปริมาณมาก ควรให้น้ำ ใส่ปุ๋ย หรือการให้ฮอร์โมนบำรุงต้นและดอก อาทิ ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ เป็นช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต พอเข้าเดือนมีนาคม-เมษายน ก็จะให้ปุ๋ยบำรุงต้น ซึ่งจะใช้ปุ๋ยคอกหว่านตามร่มของต้นมะขาม ส่วนการตัดแต่งกิ่งต้นมะขามจะตัดกิ่งเมื่อต้นมะขามมีกิ่งมากๆ หรือเกิดเป็นต้นทรงพุ่ม เพื่อเป็นการทำงานได้ง่าย และสะดวก ทำให้ลำต้นโปร่ง เตี้ย มีอากาศถ่ายเท เพราะต้นไม้หากได้รับแสงสว่างก็จะช่วยให้แข็งแรง
ด้านตลาดและช่องทางจำหน่ายมะขามเปรี้ยวยักษ์
ผลผลิตมะขามเปรี้ยวยักษ์จะมีพ่อค้า แม่ค้า จาก อ.หล่มสัก มารับซื้อ เขาก็จะขายเป็นฝักดิบแล้วแต่ขนาด อาทิ 5-6 ฝัก น้ำหนักเท่ากับ 1 กิโลกรัม ราคาขายตั้งแต่ 8-10 บาท นอกจากนั้นก็จะมีพ่อค้าจาก จ.เลย และจาก อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น เขาจะมารับซื้อเหมาทั้งสวน จะไปแปรรูปเองและส่งขายต่อไปยังประเทศลาว
รายได้จากการขายเหมาสวนต่อปีจะได้ 10,000 บาท/ไร่ขึ้นไป จากนั้นรายได้อีกส่วนหนึ่งที่เขาได้รับนอกจากขายมะขามเปลือกได้แล้ว ฝักดิบที่เหลือจากการขายที่มีมากเขาก็จะปล่อยให้สุก หลังจากนั้นเขาก็จะเก็บมาแกะเปลือกเป็นมะขามเปียกขายในราคา 30-40 บาท/กก.
หากมองถึงการนำมาแปรรูปเป็นสินค้าอุปโภค บริโภค ที่มีอยู่หลายชนิด และยังเป็นที่นิยมนำมาเป็นส่วนประกอบสมุนไพรต่างๆ เกี่ยวกับธุรกิจสปา อาทิ ร้านแอร์สปา อบบำรุงเส้นผม อบสมุนไพรเพื่อสุขภาพ และบำรุงผิว หรือทำเป็นน้ำหมักขัดหน้า นวดหน้า อย่างที่เห็นได้ชัด คือ สบู่มะขาม ที่นำออกขายสู่ตลาดทั่วไป นอกจากนี้ยังนำมาแปรรูปเป็นสินค้าบริโภค เช่น มะขามแช่อิ่ม น้ำพริกมะขาม และที่นิยมมาก คือ นำมาปรุงอาหาร
แนวโน้มในอนาคตของการ ปลูกมะขามเปรี้ยว
มะขามเปรี้ยวยักษ์จะไปได้ไกล เพราะเป็นสินค้าที่นักธุรกิจได้หันมาจับสินค้าชนิดนี้มากขึ้น เพราะเป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ เขายังบอกว่าอยากให้เกษตรกรหันมามองพืชชนิดนี้ และให้ปลูกกันมากๆ จากนั้นอยากจะให้มีการรวมกลุ่มกัน หรือจะตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจกลุ่มเกษตรกรผู้ ปลูกมะขามเปรี้ยว ยักษ์ ประจำจังหวัดให้เป็นรูปธรรม หากปลูกแบบกระจัดกระจายก็จะมีแต่พ่อค้าคนกลางมารับซื้อ ผลประโยชน์ส่วนมากก็จะตกเป็นของเขา
หากท่านผู้อ่านหรือผู้สนใจมะขามเปรี้ยวยักษ์ สวนพิศเจริญ สามารถสอบถามข้อมูลได้จาก คุณสวาท พิศเจริญ 71 หมู่ 10 ต.ช้างตะลุด อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ โทร.08-9639-7504, 08-8177-1994