ปลูกโกโก้ ไม่ “มโน” รับประกัน 8 ปี มีเงินให้กู้ยืม 50 %
ก่อนอื่นนิตยสาร “ เมืองไม้ผล&พืชสุภาพ ” และ “ www.พลังเกษตร.com ” ขอแจ้งให้ทราบว่าทำไมทีมงานถึงได้นำพืชอุตสาหกรรม “โกโก้” มาขึ้นปกได้ถึงสองฉบับไล่เลียงติดต่อกันถึงสองเดือนซ้อน ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากเป็นพืชที่กำลังได้รับความสนใจจากเกษตรกรทั่วประเทศเป็นอย่างมาก ทั้งเกษตรกรที่รู้จักมักจี่ต้นไม้ชนิดนี้ดีอยู่แล้ว รวมไปถึงคำเรียกร้องของเกษตรกรที่เพิ่งรู้จัก หรือไม่ทราบว่าประเทศไทยมีพืชที่ปลูกแล้วนำเอาเมล็ดไปทำเป็นผงโกโก้หรือแปรรูปทำเป็น ช็อกโกแลตให้คนทั่วไปทานได้ด้วยหรือ?…หลังจากที่ทีมงานได้นำเสนอเป็นข่าวเด่นในฉบับที่ผ่านมา ก็มีเสียงตอบรับที่ดีของเกษตรกรที่สนใจกลับมาไม่น้อย ทีมงานจึงใช้ยุทธวิธีสุมหัวหาทางนำเสนอให้ได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ท่านผู้อ่านแฟนพันธุ์แท้ได้เสพข่าวสารดีๆ มีสาระ สามารถนำไปปฏิบัติตามได้อย่างแท้จริงมีความต่อเนื่อง และมั่นคง
โทร. 080-323-2963, 082-593-9222 www.cocoathai2017.co.th
หรือติดต่อ “ดร.โต” โทร. 089-639-0335 ได้ทุกวัน
ปลูกโกโก้ วีธีการปลูกโกโก้ การปลูกโกโก้
“ บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด ” เป็นอีกบริษัทหนึ่งที่สนใจโกโก้มากว่า 10 ปี โดยมองว่าน่าจะเป็นพืชอีกทางเลือกหนึ่งให้กับเกษตรกรไทย ที่ช่ำชองทางด้านการปลูกพืชทุกชนิด สืบต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นมาจนถึงปัจจุบัน ในสภาพอากาศที่แห้งแล้งและร้อนอบอ้าวในแต่ละปีจะยืดระยะเวลายาวขึ้นเรื่อยๆ อันส่งผลลบต่อการปลูกพืชแต่ละชนิดอย่างปฏิเสธไม่ได้ ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ค่อยๆ เพิ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี แล้วมีพืชชนิดไหน?…ที่สามารถตอบสนองความต้องการของเกษตรกรที่นำมาปลูกได้ในสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งอย่างนี้ “ดร.โต” ชื่อเล่นที่สมาชิกเกษตรกรผู้ ปลูกโกโก้ ในโครงการรู้จักกันดี ถือเป็นอีกท่านหนึ่งที่สนใจ การปลูกโกโก้ และมีความตั้งใจที่จะผลักดันให้เป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่เกิดขึ้นอีกชนิดหนึ่งในอนาคต พร้อมกันนี้ท่านได้เปิดโอกาสให้ทีมงาน “เมืองไม้ผล&พืชสุขภาพ” เป็นครั้งแรกในการให้สัมภาษณ์ครั้งนี้
“ก่อนที่จะเข้ามาทำโกโก้อย่างจริงจังผมได้ศึกษาเรียนรู้พืชชนิดนี้อยู่เรื่อยๆ และก็ทำให้ทราบว่าโกโก้เป็นพืชที่นำเอาเมล็ดไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมหาศาลทางด้านการบริโภค พร้อมตั้งโจทย์ให้กับตัวเองว่าทำไมไม่มีใครเข้ามาส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกอย่างจริงๆ จังๆ เสียที ทั้งๆ ที่ผงโกโก้ถูกสั่งนำเข้ามาเพื่อแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ให้ผู้บริโภคได้ทานกัน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม อาหารเสริม ยารักษาโรค ช็อกโกแลต ซึ่งปริมาณความต้องการวัตถุดิบเพื่อนำมาทำการแปรรูปปีหนึ่งๆ เป็นหมื่นตันเลยทีเดียว”
จุดเริ่มต้น การปลูกโกโก้
“ดร.โต” กล่าวเปิดหัวก่อนที่จะให้ความกระจ่างถึงจุดเริ่มต้นความสนใจโกโก้อย่างจริงจัง อีกทั้งยังเป็นอีกหนึ่งในหุ้นส่วนแกนนำบริษัทที่มีอุดมการณ์ทางด้านการส่งเสริมและพัฒนาวงการไม้ผลโกโก้ให้เจริญรุ่งเรือง พร้อมทั้งทุ่มเท แรงกายและแรงใจเพื่อผลักดันให้เป็นพืชที่เกษตรกรฐานรากสามารถนำไปปลูก ยึดเป็นอาชีพที่มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ต่อไปได้ในอนาคต
สิ่งที่สำคัญที่ทุกคนต้องหันกลับมามองก็คือ ทางด้านพันธุกรรมโกโก้ เป็นพืชที่สามารถปลูกและเจริญเติบโตได้ดีในพื้นที่อากาศร้อนชื้น ประเทศไทยจัดอยู่ในเขตเส้นศูนย์สูตรที่มีอากาศร้อนชื้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ประเทศไทยมีสภาพสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมต่อ การปลูกโกโก้ เป็นอย่างยิ่ง เมื่อเข้าใจสภาพสิ่งแวดล้อมที่เหมาะสมเป็นอย่างดี “ดร.โต” จึงนำสายพันธุ์ลูกผสมที่ได้รับการพัฒนาแล้วก็คือ “ชุมพร1” ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่ให้ผลผลิตมากกว่า อีกทั้งยังมีรสชาติเป็นที่ยอมรับของคนทั่วโลกอยู่ในขณะนี้ ที่สำคัญยังทนต่อสภาพอากาศร้อนได้ดีทีเดียว ดังนั้นบริษัทจึงนำมาให้เกษตรกรทดลองปลูกนำร่องทุกพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นภาคอีสาน ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ผลปรากฏว่าโกโก้ให้ผลผลิตดีเกินความคาดหมายที่ได้ตั้งใจไว้
การจัดตั้งโครงการส่งเสริม ปลูกโกโก้
ดังนั้น “บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด” จึงก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 2560 และริเริ่มทำ “โครงการส่งเสริม ปลูกโกโก้ เพื่ออาชีพและรายได้ของเกษตรกรไทยแบบยั่งยืน”โดยมีวัตถุประสงค์ดังนี้
1.เพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างยั่งยืน
2.เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้กับธรรมชาติ และลดปัญหาโลกร้อน
3.เพื่อลดปัญหาพืชเศรษฐกิจหลักของไทยราคาตก เช่น ข้าว อ้อย ยางพารา ฯลฯ
4.ให้เกษตรกรรุ่นใหม่หันมาสนใจทำการเกษตรมากขึ้น
กับคำถามถึงความคาดหวังว่าทำไมถึงมีความประสงค์ต้องการให้เกษตรกรหันมา ปลูกโกโก้ ก็ได้รับคำตอบจากท่านดร.โตว่า โกโก้เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีความต้องการต่อตลาดโลกอย่างมหาศาล สำหรับประเทศไทยเองไม่สามารถผลิตได้อย่างเพียงพอต่อความต้องการทางด้านการนำไปแปรรูปทำเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายวางขายในท้องตลาดในขณะนี้ ดังนั้นการนำเข้ามาจากต่างประเทศจึงเป็นหนทางเดียว ซึ่งปีหนึ่งๆ ทำให้เราขาดดุลทางด้านการค้าผงโกโก้นำเข้าคิดเป็นตัวเงินหลักหมื่นล้านเลยทีเดียว ที่สำคัญโกโก้เป็นไม้ผลที่ปลูกง่าย และดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก
อีกทั้งในเรื่องโรคและแมลงรบกวนก็ไม่มากมายเหมือนกับพืชชนิดอื่นๆ ดังนั้นถ้าจะทำการปลูกในเชิงเกษตรอินทรีย์น่าจะเป็นพืชที่เหมาะสมที่สุดในขณะนี้ ทางด้านผลผลิตเป็นพืชที่สามารถให้ผลผลิตออกมาแต่ละรุ่นได้ทั้งปี พร้อมทั้งมีตลาดรองรับที่แน่นอน และมากมายนั่นเอง ดังนั้นหากเปรียบเทียบทางด้านมูลค่ากับพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นๆ ที่มีราคาขึ้น-ลงผันผวนทุกๆ ปี “โกโก้” น่าจะเป็นพืชทางเลือกของเกษตรกรไทยที่สามารถยึดหลักการทำเป็นอาชีพหลัก หรืออาชีพเสริม ได้เป็นอย่างดี
รายได้จากผลผลิตโกโก้
“บริษัทเรารับซื้อผลผลิตคืนในราคาขั้นต่ำรับประกันไว้ที่กิโลกรัมละ 5 บาท ในระยะเวลาการทำสัญญาซื้อขายระหว่างกัน 8 ปี สำหรับเกษตรกรที่นำเม็ดโกโก้แห้งมาขายเราก็รับซื้ออยู่ที่กิโลกรัมละ 50 บาทเป็นอย่างต่ำ อีกหนึ่งความตั้งใจของผมก็คือ ประเทศอินโดนีเซียเขาสามารถส่งออกโกโก้เป็นอันดับ 4 ของโลก ปริมาณการส่งออกได้ถึง 4 แสนตัน/ปี ประเทศเวียดนามรัฐบาลจัดให้เป็นพืชเศรษฐกิจอันดับต้นๆ ของประเทศ แต่ประเทศไทยกลับนำเข้าโกโก้เป็นหมื่นตัน ทั้งๆ ที่ความเหมาะสมหรือศาสตร์ทางด้านการเพาะปลูกเราก็ไม่ได้น้อยหน้าไปกว่าประเทศใดๆ ในขณะนี้ ผมจึงคิดว่าประเทศอินโดนีเซียทำได้ ทำไมประเทศไทยเราถึงจะทำไม่ได้”
ดร.โต กล่าวถึงแรงจูงใจ พร้อมกับตอบคำถามรายได้และงบประมาณค่าใช้จ่ายสำหรับเกษตรกรที่สนใจเข้าร่วมโครงการว่า เกษตรกรผู้เข้าร่วมจะเริ่มมีรายได้อย่างแน่นอนจากการเก็บผลผลิตขายให้บริษัทอย่างเป็นกอบเป็นกำในปีที่3-4 รายได้จากการขายอยู่ที่ 3,000-4,000 บาท/เดือน/ไร่ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าเกษตรกรท่านใดสนใจ และทำการดูแลรักษาได้ดีมากน้อยแค่ไหน จากนั้นเมื่อต้นโกโก้อายุได้ 5 ปีขึ้นไป จะได้ผลผลิตโกโก้เฉลี่ยต่อต้นอยู่ที่ 100-200 กิโลกรัม/ต้น หรือ 300-500 ลูก/ต้น/ปี รายได้รวมทั้งหมดต่อไร่อยู่ที่ 50,000-100,000 บาท/ปี เลยทีเดียว
สภาพพื้นที่ปลูกโกโก้
สำหรับทางด้านการลงทุนก็จะแยกเป็นการปลูกเชิงเดี่ยว 100 ต้น/ไร่ หรือเกษตรกรที่ประสงค์ปลูกแซมพืชชนิดอื่นก็จะกำหนดไว้ที่ 80 ต้น/ไร่ งบประมาณการลงทุน ดร.โต กล่าวชักชวนเกษตรกรว่า สำหรับท่านที่มีความต้องการเข้าร่วมโครงการสามารถติดต่อสอบถามได้ตามความประสงค์ ทางบริษัทมีความยินดีเข้าไปให้คำแนะนำได้ทุกจังหวัด ซึ่งแต่ละจังหวัดจะมีทีมงานประจำไว้ 3 คน เพื่อทำหน้าที่บริการพี่น้องเกษตรกรในจังหวัดนั้นๆ แต่ละจังหวัดได้กำหนดพื้นที่ปลูกไว้ไม่ให้เกิน 5,000 ไร่ เพราะกำลังการผลิตสามารถรองรับได้ในระดับนี้ ปัจจุบันเกษตรกรผู้สนใจเข้าร่วมในโครงการกระจายอยู่ในภาคอีสานเกือบทุกจังหวัด ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดนครราชสีมา จังหวัดอุบลราชธานี จังหวัดขอนแก่น จังหวัดชัยภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด จังหวัดอุดรธานี จังหวัดหนองบัวลำภู และจังหวัดเลย
เมื่อถามถึงการให้ผลผลิตของเกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ ดร.โต ให้รายละเอียดว่า โกโก้สามารถเห็นผลผลิตตั้งแต่ 2-3 ปี แต่บางพื้นที่ใช้เวลาปลูกจนเห็นผลผลิตใช้เวลาเพียง 11 เดือนก็มี ลักษณะดังกล่าวอาจจะขึ้นอยู่กับสภาพดินฟ้าอากาศที่เหมาะสม มีการบำรุงดูแลรักษาที่ดี ซึ่งน่าจะเป็นเงื่อนไขทำให้ต้นอุดมสมบูรณ์ที่ดีตามมา เช่น หนองบัวลำภู เป็นจังหวัดที่เจ้าของสวนเห็นผลผลิตโกโก้ก่อนใครอื่น ในกรณีที่ผลผลิตออกมาขณะที่ต้นยังเล็ก “ดร.โต” ให้คำแนะนำในฐานะที่บริษัทเข้ามาดูแลอย่างทั่วถึง พร้อมทั้งให้คำปรึกษาครบวงจร ทั้งทางด้านวิธีการปลูกจนถึงการดูแลรักษาว่า ไม่ควรเอาลูกไว้ในช่วงแรก หรือถ้าจะเอาไว้ไม่ควรให้มากเกินไป เนื่องจากสภาพต้นยังอ่อน อายุน้อย ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ลำต้นและกิ่งก้านหักโค่นได้ ดังนั้นเกษตรกรที่ต้องการลูกโกโก้รุ่นแรกควรใช้ไม้ไผ่ค้ำยันเพื่อป้องกันกิ่งหัก และสร้างความสูญเสียตามมา
การสร้างโรงงานรองรับผลผลิตโกโก้
ปัจจุบันโครงการของ บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด ถือเป็นจุดเริ่มต้นการส่งเสริมให้เกษตรกร ปลูกโกโก้ อย่างแน่วแน่และจริงจัง พร้อมกันนั้นเพื่อความเป็นบริษัทที่ได้มาตรฐาน จึงได้วางแผนซื้อพื้นที่ก่อสร้างโรงงานและโกดังไว้เพื่อรองรับผลผลิตจากสมาชิกทั่วทุกภาค ทางภาคอีสานซึ่งกำหนดไว้จุดหนึ่งที่ยังไม่ได้กำหนด ภาคกลางตอนบน เหนือตอนล่าง กำหนดไว้ที่จังหวัดกำแพงเพชร และภาคตะวันออกกำหนดไว้ที่จังหวัดปทุมธานี วัตถุประสงค์และเป้าหมายได้กำหนดไว้ว่าจะนำโกโก้ผลสดมาปอกเปลือกแล้วทำเป็นโกโก้แห้ง โดยการตากจนกระทั่งอบซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนการผลิตโกโก้ผง
นอกจากนี้แต่ละจังหวัดบริษัทได้วางแผนก่อสร้างคลังรับซื้อผลโกโก้สดไว้รองรับผลิตให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ โดยมีเจ้าหน้าที่แต่ละคลังสินค้าวิ่งเข้าไปซื้อในสวนโดยตรง พร้อมกำหนดไว้ว่าการรับซื้อต้องชำระให้เกษตรกรที่เป็นสมาชิกด้วยเงินสดเท่านั้น ซึ่งคิดว่าลักษณะการรับซื้อดังกล่าวจะส่งผลดีให้กับเกษตรกร ตัดปัญหาความยุ่งยาก และไร้ข้อกังวลทางด้านการขนส่ง ซึ่งเป็นภาระเงื่อนไขหนักหน่วงของเกษตรกรที่จะมีผลตามมาทีหลัง
“ทางด้านการลงทุนปลูก บริษัทตั้งข้อเสนอให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการกู้ยืมเงินเพื่อที่จะนำมาทำการปลูก 5 ไร่ บริษัทจะช่วย 2 ไร่ ถ้าเกษตรกรทำสัญญาปลูก 10 ไร่ บริษัทจะช่วย 5 ไร่ หลังจากได้ทำการปลูกไปแล้วจะไม่คิดดอกเบี้ย 3 ปี ภายใต้ข้อแม้ห้ามนำผลผลิตไปขายให้ใครในสัญญา 8 ปี บริษัทได้กำหนดต้นพันธุ์ไว้ให้ 100 ต้น/ไร่ นอกจากนี้จะมีปุ๋ยไว้ให้ใส่บำรุงต้น 2 ถุง นอกจากนี้ได้จัดฮอร์โมนฉีดทางใบเพื่อบำรุงต้นและใบจนถึงดอกและผล สำหรับเกษตรกรที่มีความประสงค์ไปกู้ยืมหน่วยงานราชการระบบสหกรณ์ หรือธนาคาร ธ.ก.ส. ทางบริษัทก็มีความยินดีเข้าไปค้ำประกันรับรองให้ทางด้านการรับซื้ออย่างตรงไปตรงมาและแน่นอน การชำระหนี้ทางบริษัทกำหนดไว้ว่าให้นำผลผลิตที่ขายได้มาตียอดรวมเป็นเงินชดใช้เงินที่กู้มาได้เลย ถือว่าเป็นวิธีที่จะไม่ทำให้เกษตรกรหนักใจมากเกินไป นอกจากนี้บริษัทยังไปขอ ใบพันธะสัญญากับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่าด้วยการรับซื้อที่แน่นอน และไม่ทำการเอารัดเอาเปรียบเกษตรกรโดยสิ้นเชิง”
เป็นคำยืนยันของ “ดร.โต” ทางด้านการลงทุนและปล่อยเงินกู้ให้กับเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมทั้งกล่าวเสริมทางด้านการให้คำมั่นสัญญาที่จะอยู่คู่กับเกษตรกร จนถึงอายุของโกโก้หยุดการให้ผลผลิตในที่มีอายุต้นที่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้นานกว่า 60 ปี เลยทีเดียว
สายพันธุ์โกโก้
สิ่งที่สำคัญยิ่งก็คือ แผนงานโครงการวางไว้จะถึงจุดเป้าหมายหรือไม่ก็ขึ้นกับการเตรียมการเพื่อตัดปัญหาที่จะเกิดขึ้นซึ่งมีอยู่รอบด้าน การส่งเสริมการปลูกสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ “ต้นพันธุ์โกโก้ชุมพร1” การเตรียมการเพาะพันธุ์ไว้ให้เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ ท่านดร.โต อธิบายถึงความพร้อมว่า ก่อนอื่นต้องเรียนให้ทราบว่าบริษัทได้วางแผนเตรียมสายพันธุ์ก่อนที่จะนำมาให้เกษตรกรปลูก ก่อนอื่นบริษัทได้ทำการศึกษาเรียนรู้ความแตกต่างถึงจุดเด่น จุดด้อย ของแต่ละสายพันธุ์ จนกระทั่งมั่นใจ บทสรุปสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่ สายพันธุ์ชุมพร1 กรมวิชาการเกษตร ได้ดำเนินการค้นคว้าวิจัยพัฒนาพันธุ์โกโก้ที่ “ศูนย์วิจัยพืชสวนชุมพร” โดยทำการเปรียบเทียบพันธุ์โกโก้ลูกผสมจากประเทศมาเลเซีย เพื่อหาพันธุ์ที่ดีจำนวน 14 พันธุ์ โดยเปรียบเทียบกับพันธุ์ที่เกษตรกรปลูกอยู่เดิม ผลการทดลองตั้งแต่ปี 2524-2536 พบว่าลูกผสม Pa7xNa32ให้ผลผลิตสูง สม่ำเสมอ กว่าพันธุ์ลูกผสมอื่นๆ เป็นลูกผสมที่ดี ทั้งในด้านการให้ผลผลิต และคุณภาพเมล็ด เหมาะที่จะใช้เป็นสายพันธุ์เพื่อปลูกให้กับเกษตรกร
ลักษณะเด่นสายพันธุ์ชุมพร1
(Pa7xNa32)
1.สามารถปลูกได้ทั่วทุกภาคของประเทศ
2.เจริญเติบโตเร็ว ทนแล้ง ให้ผลผลิตสูง
3.สามารถให้ผลผลิตได้ในปีที่ 3 หลังการปลูก
4.เมล็ดแห้ง มีขนาดและคุณภาพตรงตามความต้องการของตลาด
5.เมล็ดมีปริมาณไขมันสูงเฉลี่ย 62 %
6.ผลอ่อนช่วงอายุ 2-3 เดือน มีสีเขียว หรือสีแดง
7.ผลแก่เก็บเกี่ยวได้เมื่ออายุ 5-6 เดือน
8.ผลแก่เปลี่ยนจากสีเขียวเหลือง และเปลี่ยนสีจากแดงเป็นสีเหลืองส้ม
9.ผลประกอบด้วยเมล็ดตั้งแต่ 30-40 เม็ดขึ้นไป
การปลูกและบำรุงดูแลรักษาโกโก้
ระยะการปลูกที่บริษัทกำหนดไว้ตามหลักวิชาการกำหนดไว้ก็คือ 4×4 เมตร หรือ 5×5 เมตร แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ดร.โต แนะนำว่าขึ้นอยู่กับสภาพพื้นที่ด้วยเช่นกัน หลังจากเตรียมพื้นที่เป็นที่เรียบร้อย ต่อไปต้องเตรียมการขุดหลุมให้มีขนาด 50x50x50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยอินทรีย์ อินทรียวัตถุ และธาตุอาหารรองเสริม หลังจากนำลงปลูกเสร็จแล้วควรนำเศษฟางแห้ง หรือพืชแห้ง มาปกคลุมโคนต้นที่ปลูก เพื่อรักษาความชุ่มชื่นให้กับหน้าดิน สำหรับเกษตรกรที่ปลูกเชิงเดี่ยวช่วงแรกแนะนำให้ทำร่มเพื่อบังแสงแดดให้กับต้นกล้าที่ปลูกใหม่ หลังจากนั้นให้รดน้ำ 2 ครั้งต่ออาทิตย์ สำหรับการให้ปุ๋ยบริษัทจะให้คำแนะนำ และห้ามใช้ปุ๋ยเคมีโดยเด็จขาด เพราะสารเคมีต่างๆ เหล่านี้จะทำให้ตกค้าง ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อผู้บริโภคตามมา ท้ายที่สุดเมื่อต้นโตสมบูรณ์เต็มที่ เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่งเพื่อให้ผลผลิตที่ออกมาสมบูรณ์มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
ฝากถึงเกษตรกรที่สนใจ ปลูกโกโก้
ท้ายที่สุดเมื่อพูดถึงเนื้อหาสาระเกี่ยวกับโกโก้ของ บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด ให้หมดในฉบับนี้คงไม่ครบถ้วน ดังนั้นนิตยสาร “เมืองไม้ผล&พืชสุขภาพ” จะขอนำเรื่องราวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะบทสัมภาษณ์เกษตรกรผู้เข้าร่วมโครงการ ทีมงานกองบรรณาธิการรับประกันกับท่านผู้อ่านว่า จะขอนำเสนอต่อเนื่องในฉบับหน้า ก่อนจากกันในวันนั้นท่านดร.โต ได้ฝากส่งท้ายเอาไว้ว่า ปัจจุบันการเพาะพันธุ์ ขยายพันธุ์ เพื่อรองรับให้เกษตรกรที่ต้องการก็มีอย่างเพียงพอ ซึ่งบริษัทได้จัดการเพาะพันธุ์ไว้ตามออเดอร์ที่สั่งมา สำหรับเกษตรกรทุกท่านที่สนใจ ปลูกโกโก้ ทนแล้ง มีอายุการเก็บเกี่ยวยาวนาน สร้างรายได้อย่างมั่นคง ระดับการเปลี่ยนแปลงของราคาท่านสามารถล่วงรู้ได้ในอนาคตอย่างชัดเจน ที่สำคัญทางด้านลงทุนใช้เงินน้อย โรคและแมลงที่จะเข้าทำลายมีน้อย ความปลอดภัยจากสารเคมีต่างๆ ที่ทุกฝ่ายกำลังรณรงค์กันอยู่ในขณะนี้ โดยส่วนตัวคิดว่าโกโก้เป็นไม้ผลที่นำเมล็ดข้างในไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีความต้องการอย่างมหาศาล ณ เวลานี้ น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดให้กับเกษตรกรไทยที่จะหันกลับมาเริ่มต้น ปลูกโกโก้กันอย่างจริงจัง…เสียที
สำหรับเกษตรกรทุกท่านที่มีความสนใจ หรือมีข้อสงสัย สามารถสอบถามไปได้ที่
บริษัท โกโก้ไทย 2017 จำกัด
36/133 ม.2 ถ.เลียบคลอง 3 ตำบลคลอง 3 อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี 12120
โทร. 080-323-2963, 082-593-9222 www.cocoathai2017.co.th
หรือติดต่อ “ดร.โต” โทร. 089-639-0335 ได้ทุกวัน
